จาก แรดบิน IP:58.8.163.79
จันทร์ที่ , 16/2/2552
เวลา : 10:29
อ่านแล้ว = 76694 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ลูอิส เจ.เอ.วี(Luis J.A.Wee) ผู้จัดการแข่งขันออฟโรดนานาชาติ RAIN FOREST CHALLENGEจากประเทศมาเลเซียร่วมกับจู เส้า หยุน(Zhu Shaoyun) และโจว ลุ่ย หง(Zhao Rui Hong)หรือไรโน โจว(Rhino Zhao) จัดสมรภูมิศึกออฟโรดหฤโหดพญามังกรของแท้เป็นปีที่สอง ไชน่าอินเตอร์เนชั่นแนล4x4CHINA INTERNATIONAL 4x4 2008 ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2551 ณ สนามเมืองจิ๋งกู่(JINGGU) เขตเมืองมหานครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน
จิ๋งกู่ไม่ใช่ภาษาจีนแต่เป็นคำมาจากภาษาไทยแท้โบราณแปลว่า เมืองบ่อหรือหมายถึง เมืองบ่อเกลือ กู่แปลตรงตัวว่า บ่อ ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้อเรียกตามสำเนียงจีนเรียกว่าชาว ไท่จู๋ อาศัยกันอยู่บริเวณด้านเหนือสุดเขตแดนเมือง จิ้งหงหรือสิบสองปันนา ภาษาไทยที่นี่ตัวอักษรคล้ายๆกับตัวอักษรของภาคเหนือไทยโบราณและความหมายก็ใกล้เคียงเหมือนๆกันเช่นเฮิน=บ้าน , ห=ร , ช=จ ,บ=ม และการนับเลขก็นับหนึ่งสองสามคล้ายๆกับไทยยุคปัจจุบัน
คนไทลื้อที่นี่ยังคงเลี้ยงชีพทางการเกษตรทำนาปลูกข้าว เพาะปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆเช่นข้าวเหนียว ข้าวโพด มะม่วง มะเฟือง มะละกอ ฝรั่ง อ้อยกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า เผือก ฟักแม้ว หน่อไม้ไผ่ ชะอม นอกจากนี้ภูมิประเทศแถวๆนี้ยังได้พบเห็นต้นจันทน์ผา ลั่นทม เฟื่องฟ้า และหางนกยูงมีมากมายคล้ายเมืองไทยไม่มีผิด โดยเฉพาะต้นมะม่วงดูเหมือนจะเป็นต้นไม้ประจำเมืองจิ๋งกู่ ที่สามารถพบได้สองข้างทางฟากถนนเกือบทั่วเมือง ส่วนวัฒนธรรมประเพณีจะพบเห็นได้ชัดเจนในวัดไทลื้อ ซึ่งมีวัดพุทธศาสนาหลายแห่ง และวัดที่ถูกยกย่องสวยงามมากที่สุด มีอายุเก่าแก่มากกว่า 350 ปี ชื่อวัดหลีกวงหรือวัดฟ้าผ่าหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดฟ้าแลบ วัดนี้มีทั้งรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ ฟอสซิลนกในเทพนิยายฟินิกซ์ และฟอสซิลปูที่มีน้ำซึมออกมากลายเป็นความเชื่อถือว่าคือน้ำมนต์ศักสิทธิ์ รวมทั้งยิ่งต้องแปลกใจและอบอุ่นใจเมื่อได้พบพระพุทธรูปจำลองพระชินราชรวมทั้งหลักฐานที่วัดนี้เคยได้รับพระราชทานกฐินหลวงจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อสองปีที่ผ่านมา
เมืองจิ๋งกู่นั้นห่างจากมหานครเมืองคุนหมิงประมาณ 500 กว่ากิโลเมตร ห่างจากชายแดนสปป.ลาวประมาณ 300 กิโลเมตร และห่างจากชายแดนประเทศไทยเพียงประมาณ 500 กิโลเมตรเท่านั้น ปัจจุบันเส้นทางด่วนกรุงเทพฯ-สปป.ลาว-คุนหมิงนั้นได้ทำเสร็จสิ้นนานพอสมควรแล้ว แต่น่าเสียดายการต้องทำเรื่องขออนุญาตนำรถยนต์เข้าประเทศจีนนั้น เข้มงวดยุ่งยากหลายแห่งหลายขั้นตอน และการเก็บเงินค่าประกันรถยนต์คันละ 50,000 หยวนหรือประมาณ 250,000 บาทถึงแม้นจะได้คืนภายหลังเมื่อกลับมาก็ตาม ทำให้กลายเป็นอุปสรรคมากทีเดียวสำหรับชาวออฟโรดไทยและชาติอื่นๆในการเดินทางเข้าไปร่วมทำการแข่งขันหรือเดินทางท่องเที่ยวประเทศจีนทางรถยนต์
การแข่งขันออฟโรดหฤโหดเมืองจิ๋งกู่นั้นแบ่งออกเป็น 3 รุ่นได้แก่
1.รุ่นCLASS A รถยนต์ประเภทเบนซินต่ำกว่า 2,500 c.c.
2.รุ่นCLASS B รถยนต์ประเภทดีเซลต่ำกว่า 2,500 c.c.
3.รุ่นCLASS C รถยนต์ประเภทโอเพ่น เบนซินหรือดีเซลมากกว่า 2,500 c.c.
มีเหล่าจอมยุทธและนักบู๊ออฟโรดผู้รักการผจญภัยท้าทายความมันส์เร้าใจตื่นเต้นรูปแบบออฟโรดของจริงในแดนมังกร มาร่วมกันลงบู๊ปีที่สองนี้มีจำนวน 31 ทีม ได้แก่ทีมคุนหมิง ,กวางตุ้ง , กวางตุ้ง ฮ่องกง , เซียงเหว่ย ยูนนาน , เป่าซัง ยูนนาน , หมีเล่อ4x4ออฟโรด เอ็กซ์เพลส ยูนนาน ,ไห่หนาน , ลี่เจียง4x4 , เซียงกัง , ชี่ชวนไป่ล่า จิ้งหง , จิ๋งกู่และมาเลเซีย
กฎกติกาการแข่งขันนั้นใช้กติกาของWORLD 4x4 COUSILที่ใช้ในการแข่งขันออฟโรด RAIN FOREST CHALLENGE หว่อง จี หยวน(WONG ZI YUAN)ชาวมาเลเซียเป็นผู้ทำสนามและทำหน้าที่นายสนาม มูส , ฮัมคัน ,เด(MOS,HUMKUN,DAY)จากมาเลเซีย , มาร์ติน(MARTIN)จากฮอลแลนด์ , ฟิลิป(PHILIP)จากสวิสเซอร์แลนด์, จวน(YUAN)จากสเปนเป็นกรรมการหลักๆควบคุมกรรมการท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่มาจากชมรมแลนด์ครุยเซอร์คุนหมิง และพีเอสทอง(PSTONG)ชาวมาเลเซียเป็นผู้ทำคะแนนร่วมกับสองมังกรหนุ่มสาว ซึ่งมีการจัดเตรียมสนามบู๊ออฟโรดแบบธรรมชาติหฤโหดเผื่อรอเอาใว้มากถึงประมาณ 15 SS
การแข่งขันนี้อยู่ในช่วงวันหยุดฉลองวันชาติจีนยาวนานถึง 7 วัน วันแรกของวันลงทะเบียนและตรวจสภาพรถแข่ง ในตอนเวลาค่ำๆได้มีการจัดการแสดงรื่นเริงบันเทิงอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางประชาชนจีนเชื้อสายฮั่นและไทลื้อเต็มล้นหลามสนามกีฬากลางเมืองจิ๋งกู่ ซึ่งไฮไลท์ของงานได้นับเอาการแข่งขันออฟโรดเป็นตัวชูโรงโดดเด่นที่สุดในการฉลองเอาใว้ด้วย
|