คำตอบที่ 1
TRANS BORNEO 2017 Into The Heart Of Borneo
ตำนานท่องเที่ยวออฟโรดทรานบอร์เนียว 2017 เข้าถึงในหัวใจของบอร์เนียว
ทรานส์บอร์เนียว(TRANS BORNEO)เป็นเจ้าของตำนานการเดินทางท่องเที่ยวออฟโรดผจญภัยตามป่าเขาธรรมชาติ(Off Road Expedition) ยุคเริ่มต้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 ถือว่ายาวนานที่สุดในเอเซียผ่านมาถึง 29 ปีแล้ว ซึ่งเริ่มแรกจัดขึ้นจากกลุ่มคนที่เคยเข้าไปร่วมการแข่งขันออฟโรดเอ็กซ์-คาเมลโทรฟี่ (Ex-Camel Trophy) อาทิ ยามิน หว่อง(Yamin Wong), ดอกเตอร์ เจ.เอส.ซิดู (Dr.J.S.Sidhu )ชมรมแอ็ดเวนเจอร์กัวลาลัมเปอร์(Adventure Club Kuala Lumpur ,ACKL) ประธานคนแรกของชมรมคินาบาลูโฟร์วิวไดรฟ์ (Kinabalu Four Wheel Drive Club, KFWDC)และเป็นผู้ให้กำเนิดการแข่งขันออฟโรดบอร์เนียวซาฟารี(The Borneo Safari)ค.ศ.1991 และมีการสืบทอดการจัดรายการนี้กันต่อๆมา โดยผู้จัดทรานส์บอร์เนียวระหว่างค.ศ.1988 1989 บ๊อบ เต็ก(Bob Teoh), ค.ศ.1996 2001 โมฮาหมัด อานัวร์ อับดุล กานี(Mohd.Anuar Bin Abdul Ghani), ค.ศ.2002 2004 เฮียตุส(Hiatus), ค.ศ.2014 เแฮร์รี่ .ซานุซี่ (Harry Sanusi) บริษัทพี.ที.ชวา แอ็ดเวนทูราP.T.Java Adventura ผู้จัดชาวอินโดนีเซียปลี่ยนใช้ชื่อเป็น Trans Borneo Expedition ท่องเที่ยวผจญภัยออฟโรดข้าม 4 ประเทศบรูไน,มาเลเซีย,อินโดนีเซีย.สิงค์โปร์ และหลังจากทิ้งช่วงรายการนี้หายไปสองปี ปีนี้ค.ศ.2017 โมฮาหมัด อานัวร์ อับดุล กานี ร่วมกับเแฮร์รี่ .ซานุซี่ กลับมาอีกครั้งจัดการท่องเที่ยวผจญภัยออฟโรด(Off Road Expedition) TRANS BORNEO 2017 Into The Heart Of Borneo ระหว่างวันที่ 13 27 สิงหาคม 2017 เส้นทางบนเกาะบอร์เนียวครั้งนี้ผ่านสามประเทศได้แก่ซาบาห์ & ซาราวัค ประเทศมาเลเซีย(Sabah & Sarawak Malaysia) , กาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย( Kalimantan Indonisia) และประเทศบรูไนดารุสซาลาม(Brunai Darussalam)
เป้าหมายการเดินทางเพื่อสำรวจสัมผัสสุดยอดดินแดนสวยงามแบบอันทัช(The Almost Untouched)ของเกาะบอร์เนียว, ส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกาลิมันตันตะวันออกให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก, สร้างมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่มอาเชี่ยนตะวันออกบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ BIMP-EAGA(Brunai,Indonisia,Malaysia,Philippines East Asian Growth Area), คนและรถยนต์สนุกเร้าใจในการเดินทางผจญภัยออฟโรด, ส่งเสริมด้านวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, การผจญภัย, การเกษตรกสิกรรม, และธรรมชาติป่าดงดิบภูเขาสูงภายในเกาะบอร์เนียว การเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยออฟโรดครั้งนี้ จะมีทั้งเข้าพักในโรงแรมห้าดาว ไม่มีดาว หรือใต้ดวงดาวในแคมป์ไซค์ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 2,000 ก.ม. ในเวลา 15 วัน บนเส้นทางถนนราดยาง 60% ถนนออฟโรด 30% ถนนออฟโรดฮาร์ดคอร์โหดมันส์ 10%
ก่อนวันพิธีเปิด การท่องเที่ยวรัฐซาบาห์จัดการท่องเที่ยวทางทะเลต้อนรับ ด้วยการล่องเรือยอชท์ทรอปิก้า(Luxry Yacht Charter)ท่องเที่ยวชมรอบหมู่เกาะสวยงามของอุทยานแห่งชาติทางทะเลตุนกู อับดุลราห์มาน มารีน(Tunku Abdul Rahman Marine Park) อาทิเกาะกายา, มามุติก, มานุกาน, ซาปิและซูลัก(Gaya, Mamutik, Manukan, Sapi and Sulug) ช่วงเวลาเดือนพฤศจิกายน กุมภาพันธ์ บริเวณแถบนี้จะมีตัวแพลงตอนเยอะมากๆ จึงมีปลาฉลามวาฬ ปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก เข้ามาหากินแพลงตอนทุกๆปี
วันแรก วันอาทิตย์ 13 สิงหาคม พิธีเปิดบริเวณหน้าตึกการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์(Sabah Tourism Building)ได้รับเกียรติจาก ดาตุ๊ก เสรี ปังลิมา มาซิดิ มันจุน(Datuk Seri Panglima Masidi Manjun) รัฐมนตรีวัฒนธรรม & สิ่งแวดล้อมซาบาห์(The Minister Of Tourism , Culture & Environment)และผู้มีเกียรติหลายท่าน ตีธงปล่อยรถยนต์ออฟโรดสวยงามหลากหลายยี่ห้อ เริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวจำนวน 17 คัน นักท่องเที่ยวชาวออฟโรดผจญภัย 53 คน ซึ่งมีนักข่าวจากประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย อินโดนีเซีย บรูไน และมาเลเซีย ร่วมเดินทางไปด้วย
การเดินทางเริ่มต้นบนถนนราดยางปกติระยะทางประมาณ 20 ก.ม. ไปสัมผัสวัฒนธรรมชนเผ่าดั้งเดิมของเกาะบอร์เนียว เผ่ามาลีที่หมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่ามาลี มาลี(Mali Mali Cultural Village) หนึ่งในชาติพันธ์ท้องถิ่นชาวเกาะบอร์เนียวดั้งเดิม ที่มีอยู่มากมายถึงจำนวน 30 เผ่าพันธ์ ภาษาหลักแตกต่างกัน 50 ภาษาและภาษาถิ่นแตกต่างกันมากถึง 80 ภาษา ทำให้ซาบาห์ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมอย่างที่สุด และการเที่ยวชมที่นี่ได้เห็นวิถีชีวิตสภาพบ้านเรือน อาหารการกินอยู่ การเลี้ยงชีพ เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมต่างๆการเกิด การแต่งงาน การตาย ความเชื่อผีสางโชคราง แม่มดหมอผี ศิลปการเต้นรำสวยงามและอื่นๆล้วนน่าสนใจ
ต่อจากนั้นได้เดินทางเป็นคอนวอยไปบนเส้นทางถนนเล็กๆวกวนจนขึ้นถึงยอดภูเขาสูง ชมวิวทิวทัศน์สวยงามแบบกว้างสุดสายตาของเมืองคินาบาลู ซึ่งจะมองเห็นหมู่เกาะสวยงามของอุทยานแห่งชาติทางทะเลตุนกู อับดุลราห์มาน มารีน
คอนวอยเดินทางต่อไปตามเส้นทางภูเขาสูงเทียมเมฆ สองข้างทางเป็นป่าดงดิบสีเขียวชอุ่มกว้างสุดตา อากาศหนาวเย็นและต้องฝ่าสายฝนผสมหมอกหนาขาวโพลนมองเห็นถนนลำบาก ทางโค้งแคบอันตรายรถสวนทาง มุ่งหน้าไปเมืองรานาว(Ranau) ระยะทางประมาณ 50 ก.ม. มีแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่เพาะปลูกพืชเมืองหนาว ได้แวะหยุดเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติคินาบาลู(Kinabalu Park) เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกที่ได้การรับรองขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีภูเขาคินาบาลู(Kinabalu Mountain) ชื่อเสียงโด่งดังสวยงามระดับโลก ความสูง 4,095.2 เมตร สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ระหว่างยอดเขาหิมาลัย(Himalayan)กับยอดเขาวิลเฮลมีนา(Wilhelmena)ในไอเรียน จายา นิว กิวนี(Irian Jaya New Guinea) ท้าทายให้นักท่องเที่ยวผู้กล้ามาผจญภัยปีนภูเขาที่นี่
เดินทางต่อไปอีกไม่ไกลคอนวอยได้หยุดเที่ยวชมอนุสรณ์สถานทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 คุนดาซัง วอร์ เม็มโมเรียล( Kundasang War Memorial) สร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึงทหารอังกฤษ 641 นาย และทหารออสเตรเลียจำนวน 1,787 นาย รวมทั้งหมด 2,434 นาย ถูกขังคุกเป็นนักโทษญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เสียชีวิต ซึ่งมีวีรกรรมเล่าขานของทหารกล้าออสเตรเลีย สามารถหลบหนีรอดไปได้ 6 นาย เสียชีวิตไประหว่างหลบหนี 3 นาย ที่แซนดากัน(Sandakan) และมีเรื่องทำให้แปลกใจดีใจ เมื่อพบว่าผู้ดูแลอนุสรณ์สถานซึ่งป็นเจ้าของร้านขายของและร้านอาหารที่นี่ คือคนไทยชื่อคุณเสวี จารุรัตน์ มาตั้งรกรากมีครอบครัวกับชาวมาเลเซียนานแล้ว และค่ำคืนแรกได้ฝ่าสายฝนพักแรมในรีสอร์ทชั้นดีของสวนชาซาบาห์(Sabah Tea Garden) เป็นไร่ชาปลูกแบบออแกนิคบนภูเขาสูงแห่งเดียวในประเทศมาเลเซีย และไม่กี่แห่งในโลก อาหารค่ำที่นี้คืนนี้ได้รับการเลี้ยงดูต้อนรับเต็มที่จากส.ส.นักการเมืองท้องถิ่น จาพิริว ซาฮาดี้(Japiril Sahadi) อาหารอเร็ดอร่อยปากรสชาดเหมือนอาหารไทยมากๆ
วันที่สอง วันจันทร์ 14 สิงหาคม ฝนตกตลอดคืนอากาศจึงหนาวเย็นมาก จนรุ่งเช้าวิวทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาสวนชาซาห์บาสวยงามมาก มองเห็นทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาตัดกับสีเขียวต้นชาออแกนิค มีภาพหลังเป็นภูเขาคินาบาลูอยูไกลๆ คอนวอยออกเดินทางไกลประมาณ 206 ก.ม.ไปแวะเที่ยวชมศูนย์พักฟื้นลิงอุรังอุตังเซปิล็อค(Sepilok Orang Utan Rehabilitation Centre) สถานที่เลี้ยงลูกลิงอุรังอุตังกำพร้าคืนสู่ป่า ซึ่งที่นี่เป็นศูนย์ฯใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมี การเลี้ยงหมีขอ(Sun Bear)และศูนย์การค้นพบป่าฝน(Rainforest Discovery Centre) มีสัตว์ป่า สวนพันธ์พืช หอดูนกนานาชนิด และทางเดินบนยอดไม้
คอนวอยออกเดินทางไกลอีกประมาณ 111 ก.ม.ไปเมืองซานดากัน(Sandakan)เขตซูเกา(Sukao) หมู่บ้านบิลลิท (Billit) ลงนั่งเรือล่องในแม่น้ำคินาบาตะงัน(Kinabatangan River) เป็นแม่น้ำความยาว 560 ก.ม. ยาวที่สุดในรัฐซาบาห์ และยาวเป็นอันดับที่สองของประเทศมาเลเซีย สองฝั่งแม่น้ำเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าหายากได้แก่ลิงจมูกงวงยาว(Proboscis Monkey) ช้างแคระบอร์เนียว(Borneo elephant or Picmi elephant)สูงประมาณ 2 เมตรกว่าๆนิดหน่อย ทั้งสองชนิดมีอยู่เพียงในป่าบนเกาะบอร์เนียวเท่านั้น นกเงือก 8 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่า 50 ชนิด นกนานาพันธ์มากกว่า 200 ชนิด จรเข้ตัวใหญ่ และปลาตีนบัวขนาดใหญ่มากรูปร่างคล้ายปลาบึกในแม่น้ำโขง ซึ่งการล่องเรือชมธรรมชาติและดูสัตว์ป่ารวมทั้งอาหารค่ำวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจากส.ส.นักการเมืองท้องถิ่น วายบี ดาตุ๊ก บังมอคทาร์(YB Datuk Bung Mokhtar) และค่ำคืนวันที่สองได้ตั้งแคมป์พักค้างแรมในหมู่บ้านบิลลิท และบางคนไปพักแบบโฮมเตย์กับชาวบ้านที่นี่
วันที่สาม วันอังคาร 15 สิงหาคม คอนวอยเดินทางประมาณ 200 ก.ม. มาถึงบารุงริเวอร์อีโครีสอร์ท(Balung River Eco Resort) เที่ยวชมสวนป่าเอกชนรอบๆรีสอร์ท บริเวณศูนย์เม็มบากัทเลคอีโคเทรนนิ่งเซ็นเตอร์(Membakut Lake Eco Training Centre) ชมการสาธิตปลูกต้นไม้เศรษฐกิจหลายชนิดอาทิเช่นไม้ทำน้ำหอมกาฮารู,สละออแกนิค, ปาล์มน้ำมัน, มันสัมปะหลัง, การเลี้ยงวัวเอาขี้วัวมาทำปุ๋ย, การทำโรงงานผงชูรส และโรงานผลิตน้ำเชื่อมอาเร็น(Aren Sysup) , ชาจาวา(Java Tea)และชาตะไคร้(Lemon Glass Tea) ซึ่งในค่ำคืนวันที่สาม ได้ค้างแรมในบารุงริเวอร์อีโครีสอร์ท พร้อมกับอิ่มพุงอเร็ดอร่อยกับปลาอัมเบรา(Emburu Fish) ราคาก.ก.ละ 400 USD หรือประมาณ 13,324 บาท แพงมากจริงๆ จากการสนับสนุนของ มิคาอิล ราซาร์ฮาริส(Mikhail Razaharis) โรยัล อัมปูเรา(Royal Empurau)
วันที่สี่ วันพุธ 16 เดินทางมาตรวจลงตราหนังสือเดินทางที่ด่านต.ม.ตาเวา(Tawau Immigration) และคอนวอยออกเดินทางต่อไปอีก 190 ก.ม. นำทางโดยประธาน เอส เอ ฮานิฟ สกาย(S.A.Haniff Sky)และสมาชิกชมรมตาเวาโฟร์วิวไดรฟ ไปชายแดนมาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่เขตชายแดนซีมินการิส(Semingaris) ต้องผ่านเส้นทางออฟโรดลัดเลาะไปทางภูเขาสูง ก่อนช่วงสุดท้ายเป็นสวนปาล์มกว้างใหญ่สุดสายตา ใช้เวลาประมาณ 6 ช.ม. ทะลุถึงเส้นทางออฟโรดฮาร์ดคอร์โหดมันส์ประมาณ 5 ก.ม.จนถึงชายแดน คอนวอยนักท่องเที่ยวออฟโรดจึงต้องผจญภัยบู๊ลุยสู้ไม่ถอย ฝ่าหลุมร่องโคลนลึก เละลื่น ขึ้นลงเนินเขาสูง สะพานขาด ต้องใช้วิ้นช์ช่วยดึงหลายจุด รถยนต์คันสุดท้ายกว่าจะถึงชายแดนซีมินการิสอย่างทรหด เป็นเวลาเกือบตีสอง ค่ำคืนวันที่สี่ตั้งแคมป์พักแรมกลางดึกในป่าบริเวณจุดแบ่งเขตชายแดนมาเลเซีย - อินโดนีเซีย ภายใต้ดวงดาวนับล้านๆดวง ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นโดยไม่มีใครได้อาบน้ำสบายตัว
วันที่ห้า วันพฤหัส 17 สิงหาคม คอนวอยยังไม่สามารถข้ามแดนไปประเทศอินโดนีเซียได้ เนื่องจากเอกสารมีปัญหาถูกส่งมาที่หน่วยงานทหารชายแดนช้ายังไม่ถึงมือทหาร ทำให้คอนวอยต้องพักค้างแรมที่ชายแดนอีกหนึ่งคืน
วันที่หก วันศุกร์ 18 สิงหาคม ตอนสายๆผู้จัดทรานส์บอร์เนียวประชุมเปลี่ยนแผนไม่ข้ามไปประเทศอินโดนีเซีย ออกเดินทางกลับมาในเขตประเทศมาเลเซีย ขับรถยนต์เส้นทางออฟโรดส่วนใหญ่ประมาณ 5 ชั่วโมง และในเส้นทางปกติสองข้างทางเป็นป่าภูเขาสูงอีกประมาณ 3 ชั่วโมง เข้าท่องเที่ยวที่ เขตอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่ามาเลี่ยว เบซิน (Maliau Basin Conservation Area) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นดินแดนสาบสูญซาบาห์(Sabahs Lost Word) หากมองทางเครื่องบินจะมองเห็นเป็นรูปชายขอบภูเขาสูงชันล้อมรอบเป็นวงกลมสวยงาม คืนวันที่หกได้ตั้งแคมป์พักที่บีเรี่ยนแคมปิ้งกราวด์(Belian Camping Ground)ติดแม่น้ำมาเลี่ยวสีชา และตอนค่ำมีการผจญภัยไนท์ซาฟารีนั่งรถยนต์ออฟโรด ใช้ไฟส่องดูสัตว์ป่า ซึ่งพบเห็นกวางป่า นกฮูก กระรอกยักษ์บิน ตะกวด และร่องรอยขี้ช้างแคระบอร์เนียว
วันที่เจ็ด วันเสาร์ 19 สิงหาคม นักท่องเที่ยวชาวออฟโรดผจญภัย ต่างแยกย้ายกันออกท่องเที่ยวตามเส้นทางเดินป่าดงดิบธรรมชาติสมบูรณ์ ที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมทั้งมอส เฟิน ไลเค็น โสมป่า ฟอสซิลพืชและสัตว์ ถ่านหินแร่ธาตุหลายชนิด สัตว์ป่าได้พบเห็นในขณะเดินเที่ยวตอนกลางวันได้แก่ไก่ป่า หมูป่า กวางป่า นกเงือกและนกนานาชนิด ในป่าลึกกว่านี้จะมีทั้งช้างแคระปิคมี่ หมี กระทิงป่า ควายป่า เสือแลบพาร์ด และป่าที่นี่มีทากชุกชุมให้พบเห็นครบสามชนิด มีทั้งทากอยู่บนพื้นดินตัวสีดำคล้ำ(Tiger Leech) ทากอยู่บนต้นไม้สีเขียว ทากอยู่ในน้ำสีออกน้ำตาลอ่อน ซึ่งบางกลุ่มมีความสุขกับการไปเล่นน้ำตก แต่บางคนก็โดนทากดูดเลือดสาดกลับมารวมทั้งพวกเดินป่าด้วย ช่วงค่ำยังคงมีกิจกรรมไนท์ซาฟารีส่องดูสัตว์ คืนนี้โชคดีได้พบเห็นสัตว์ป่าเหมือนๆคืนแรก และยังได้พบเห็นกบภูเขา ที่น่าตื่นเต้นที่สุดได้เห็นชะมดมาเลเซีย(Malay Civet)
วันที่แปด วันอาทิตย์ 20 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางไปเมืองเทนอม(Tenom) รัฐซาบาห์ หยุดเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมชนเผ่ามูรุท (Murut Cultural centre) ชนเผ่านี้มีอยู่ทั้งหมด 8 กลุ่ม ส่วนใหญ่อยู่ด้านภาคตะวันตกเฉียงใต้ของซาบาห์ใกล้กับชายแดนรัฐซาราวัคกับอินโดนีเซีย วิถีชีวิตสร้างบ้านแบบยาวๆมีหลายห้อง เคยเป็นชนเผ่าที่น่าหวาดกลัวเสียวสยองในเรื่องชอบล่าหัวคน แต่ประเพณีการแต่งงานจัดพิธีสวยงามมาก รวมทั้งวัฒนธรรมงานเลี้ยงและการเต้นรำสนุกสนานน่าสนใจ
ต่อจากที่นี่คอนวอยเดินทางไปชิมสุดยอดกาแฟท้องถิ่นเมืองเทนอม ที่โรงงานกาแฟยิทโฟห์(Yit Foh) ผลิตกาแฟแบบโบราณออกขายมาตั้งแต่ค.ศ.1960 หรือ 57 ปี รสชาดอร่อยลิ้นถูกใจชาวคอกาแฟทั่วมาเลเซีย และค่ำคืนนี้แคมป์ปิ้งในสวนผลไม้ชานเมืองเทน้อม ที่มีน้ำตกเล็กๆไหลเย็นชื่นใจสบายตัว
วันที่เก้า วันจันทร์ 21 สิงหาคม คอนวอยเดินทางไปเที่ยวชมสวนเกษตรกรรมซาบาห์(Sabah Agriculture Park) ห่างจากตัวเมืองเทนอมประมาณ 15 ก.ม. ภายในแบ่งสวนออกเป็น 5 แห่ง ได้แก่ 1.สวนไม้ประดับ(Ornamental Garden) 2.พิพิธภัณฑ์พืชผล(Crop Musem) 3.สวนต้นแบบ(Model Garden) 4.กล้วยไม้พื้นเมือง(Native Orchid) 5.สวนสัตว์(Animal Park)ที่น่าสนใจมากที่สุดของที่นี่ เป็นสวนกล้วยไม้พื้นเมือง มีสายพันธุ์ไม่น้อยกว่า 400 ชนิด และมีสายพันธุ์แปลกๆอาทิเช่นกล้วยไม้หูช้าง(The elephant Ear Orchid) และกล้วยไม้หางหนู(The Rat Tail Orchid) คืนนี้คอนวอยได้พักที่โรงแรมสทีฟานีการ์เด็น (Stephanie Garden)ริมทะเลหาดเคบิน(Cabin Beach) เคียรู(Kiaru)
วันที่สิบ วันอังคาร 22 สิงหาคม ชาวออฟโรดทั้งหมดนั่งเรือผจญภัยในทะเลไปเกาะทามันพูเลา ทิกา(Taman Pulau Tiga) สนุกสนานว่ายน้ำกับน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต และอาบโคลนภูเขาไฟที่ผุดขึ้นมาเพื่อพอกตัวให้ผิวสวย รวมทั้งเส้นทางแทรกกิ้งเดินป่าเที่ยวรอบเกาะ ค่ำคืนนี้ยังคงพักแรมสบายตัวริมทะเลที่โรงแรมสทีฟานีการ์เด็น และคืนนี้อาหารค่อนข้างพิเศษ ได้อเร็ดอร่อยปากด้วยแพะหันย่างทั้งตัว พร้อมกุ้ง หอย และปลาทะเลย่างสดๆริมทะเล
วันที่สิบเอ็ด วันพุธ 23 สิงหาคม ชาวออฟโรดส่วนใหญ่เดินทางนั่งเรือข้ามทะเลลึกไปเกาะงู(Snake Island) แต่เจอพายุฝนกลางทะเล เรือโดนคลื่นสูงใหญ่มากถาโถมชนเรือรุนแรง น่ากลัวเสียวพลิกสุดขีดหลายหน โชคดีสามารถนำเรือหันกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยทุกคน ต่อมาคอนวอยได้ออกเดินทางไปที่ เวสทอน วายด์ไลฟ(Weston Wild Life) นั่งเรือชมวิวทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกดินสวยบริเวณปากแม่น้ำทะเลจีนใต้ ดูชีวิตสัตว์ป่าตามริมฝั่งแม่น้ำในป่าโกงกาง และต้นจาก ส่วนใหญ่จะเป็นนกนานาชนิด ลิงจมูกงวงยาวหลายฝูง ค้างคาวแม่ไก่บินออกจากรังหากินนับหมื่นๆตัว ช่วงค่ำนั่งเรือเที่ยวชมดื่มด่ำความสวยงามของแสงหิ่งห้อย(Fire Flies) เหมือนงานแสดงสีแสงยาวหลายกิโลเมตร เป็นป่าธรรมชาติล้วนๆไม่มีบ้านคนมาขัดตา คืนนี้แคมป์ปิ้งที่เวสทอน วายด์ไลฟ
วันที่สิบสอง วันพฤหัส 24 สิงหาคม คอนวอยข้ามแดนตีตราหนังสือเดินทางออก เข้า เขตแดน ซินดูมิน รัฐซาบาห์ เมราพอก รัฐซาราวัค(Sindumin Sabah Merapok Sarawak) ซึ่งรัฐซาราวัคเป็นรัฐเดียวของมาเลเซียที่ทุกคนผ่านเข้าออกจะต้องตีตราอนุญาตบนหนังสือเดินทาง หลังจากเข้าซาราวัคแล้ว มาติน ประธานชมรมอาวาส4x4 (Martin President of Awas 4x4 Club) มานำคอนวอยเดินทางเส้นทางถนนออฟโรด วกวนไปตามภูเขาสูงสองข้างทางวิวทิวทัศน์สวยงาม ระยะทางทั้งหมด 120 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง หยุดพักระหว่างทางชมวิวสวยภูเขาบาตูราวี มากมายด้วยสินแร่ธาตุล้ำค่า และอีกแห่งที่ สถานที่หลบภัยป่าเขตร้อน(The Tropical Jungle Hideout) จนกระทั่งไปถึงจุดหมายปลายทาง ตำบลลาวาส(Lawas ) หมู่บ้านบาเคลาลัน(Bakelalan Village) ดินแดนแผ่นดินสูงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เขตชายแดนรัฐซาลาวัค ซึ่งชาวออฟโรดผจญภัยทุกคน ได้เข้าพักแรมกลางสายฝนกระหน่ำอากาศหนาวเย็น ที่กระท่อมแอพเปิ้ล(Appla Lodge) โฮมสเตย์ใหญ่ที่สุดของที่นี่ และช่วงค่ำได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านแทบทุกคนของบาเคลาลัน จัดพิธีต้อนรับทั้งการแสดงดนตรีจากบรรดาพ่อเฒ่าแม่เฒ่า และการรำต้อนรับตามประเพณีของชาวบาเคลาลัน เลี้ยงอาหารท้องถิ่นอร่อยปาก บรรยากาศเป็นที่น่าประทับใจที่สุด ในสถานที่ห่างไกลความเจริญสุดกู่บนแผ่นดินสูงแห่งนี้
วันที่สิบสาม วันศุกร์ 25 สิงหาคม ชาวออฟโรดผจญภัยพากันออกไปหัดดำนาปลูกข้าวกันอย่างสนุกสนาน แล้วเดินทางไปเที่ยวชมการทำเกลือ จากบ่อน้ำเกลือบนภูเขา ซึ่งชาวบ้านจำนวนมากมายยังคงออกมาคอยต้อนรับ ถึงกับมายืนเรียงแถวตอนเรียงเดี่ยว และยังจัดเตรียมอาหารพร้อมชากาแฟเต็มที่ แสดงออกการเน้นมิตรภาพอย่างเด่นชัด ไม่ได้แคร์สนใจว่าจะมีใครมาซื้อผลิตภัณฑ์ของชุมชนแต่อย่างใด และวันนี้ผู้จัดพยายามจะพาข้ามแดนประเทศอินโดนีเซียอีกหน เพื่อท่องเที่ยวเมืองเล็กๆที่อยู่ติดชายแดนใกล้กับบาเคลาลัน แต่สุดท้ายไม่ได้รับการอนุญาตจากต.ม.อินโดนีเซียอีกหน ค่ำคืนนี้ชาวออฟโรดยังคงพักอยู่ที่โฮมสเตย์กระท่อมแอพเปิ้ล ส่งท้ายกิจกรรมการแสดงการเต้นรำที่สวยงาม และการสนุกร่วมกันของชาวบ้านบาเคลาลันกับชาวออฟโรดผจญภัย เป็นภาพประทับใจความมีมิตรไมตรีดีมากที่มีต่อกัน จะถูกเก็บจดจำเอาใว้ในก้นบึ้งของหัวใจไม่ลืมเลือน บาเคลาลันสวรรค์อ้อยสร้อย(Bakelalan A lazy Paradise)
วันที่สิบสี่ วันเสาร์ 26 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า เส้นทางยังคงเป็นทางออฟโรดกระเทือนหัวส่ายโยกย้ายไปมา บางช่วงลื่นโคลนเละร่องลึก วิวทิวทัศน์สองฝั่งสวยงามเป็นภูเขาสูง ได้หยุดพักกลางทางเที่ยวชมบ่อเกลือของตำบลบูดุก บุย(Buduk Bui Salt) ของชาวบาเคลาลันอีกหนึ่งกลุ่ม ได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่อีกครั้งตามแบบฉบับของชาวบาเคลาลัน ด้วยการมีชาวบ้านมาเข้าแถวยาว การแสดงเต้นรำต้อนรับขุดใหญ่ อาหารพร้อมชากาแฟเต็มที่ เป็นที่ประทับใจในน้ำใจมิตรไมตรีอย่างดีแบบนี้ หาได้ยากในสังคมคนเมืองไปแล้ว ต่อจากนั้นเดินทางผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า จนได้หยุดอีกครั้งเมื่อถึงจุดชมวิวทิวทัศน์สวย วาคาฟ จูรูเทรา(Wakaf Jurutera) และเดินทางออฟโรดจนกระทั่งเวลาประมาณบ่ายห้าโมงเย็นมาถึงกระท่อมน้ำพุร้อนเมราแรพ(Merap Hot Spring Loge) พักค้างแรมอย่างผ่อยคลายสบายตัวที่นี่ ด้วยการแช่น้ำพุร้อน ล้อมรอบด้วยป่าเขาธรรมชาติแท้จริงที่มีตัวทากคอยดูดเลือดคนที่เผลอ และยังติดแม่น้ำสีเหลืองขุ่นไหลแรงดูน่ากลัวลึกลับ ภายในน้ำฝนเย็นหมอกสีขาวปกคลุมป่าแต่ไม่มีใครหนีหายไปจากการแช่น้ำพุร้อนเลย ซึ่งวันนี้ได้พบกับชาวออฟโรดชมรมแลนด์โรเวอร์ซาราวัค เดินทางมาต้อนรับที่กระท่อมน้ำพุร้อนด้วย
วันสุดท้ายวันที่สิบห้า วันอาทิตย์ 27 สิงหาคม คอนวอยออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า เดินทางเส้นทางออฟโรดขึ้นลงบนภูเขาไปอีกประมาณ 20 ก.ม. จึงได้พบเส้นทางถนนปกติจนถึงชายแดนลิมบัง(Lim Bang) มาเลเซีย บรูไน และและข้ามแดนเข้าประเทศบรูไนดารุสซาลาม มีกลุ่มชาวออฟโรดจากสมาคม4x4 บรูไน เข้ามานำไปเที่ยวที่หมู่บ้านซัมบิลิงอีโค บอร์เนียวไกด์ (Sumbiling Eco Village Borneo Guide) ชมดูวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นบรูไน และวิถีชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของบอร์เนียว หลังจากนั้นเดินทางข้ามแดนกลับมาเลเซียอีกหน และเดินทางไปข้ามแดนเข้าบรูไนทางด่านใหญ่เข้าตัวเมืองหลวงบรูไนดารุสซาลาม และเข้าพักที่โรงแรมเดอะริซคุนอินเตอร์เนชั่นแนล(The Rizqun International Hotel) ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มมีพิธีปิดและมอบรางวัลการท่องเที่ยวผจญภัย ได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและการท่องเที่ยว หยาง เบอร์โฮร์แมท ดาโต๊ะ เสรี เซเทีย อะหวัง ฮาจิ อาลี บิน ฮาจิ อะปง (Yang Berhormat Dato Seri Setia Awang Haji Ali Bin Haji Apong Minister of Primary Resources and Tourism)
นี่คือรูปแบบการท่องเที่ยวออฟโรดผจญภัยที่มีมายาวนานที่สุดในเอเซีย ครบถ้วความมันส์ตื่นเต้นและความสุขประสบการณ์ในวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, การผจญภัย, การเกษตรกสิกรรม, และธรรมชาติ น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวออฟโรด ครั้งหนึ่งน่ามาสัมผัสสุดยอดการท่องเที่ยวออฟโรดระดับตำนาน ทรานส์บอร์เนียวTRANS BORNEO บนเกาะบอร์เนียว
สวัสดีครับ!
รางวัล Rewards
Jungle Award Yap Nan Thien
Most Hard Working Official Award Shone Majimbun
Most Friendly Official Award Yannik Bin Mohd Anuar
Foul up Award Mohd.Anuar Bin Abdul Ghani
Best Media Award Simon Christie
Environment Award Jeffrey Stuart Innes