คำตอบที่ 211
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 212
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 213
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 214
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 215
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 216
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 217
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 218
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 219
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Hao Truckin, Wong Jien Yung

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 220
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 221
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 222
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 223
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Hao Truckin, Ramond Chia, Ramsey

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 224
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Ramsey

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 225
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 226
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 227
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 228
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 229
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 230
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 231
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Ramsey

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 232
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Ramsey

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 233
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 234
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !
Ramsey

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 235
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 236
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 237
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 238
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 239
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 240
       31st October 2017 (Tuesday)
Day 3 – The Uphill Battle
The greatest challenge in this year’s route begins for the leading vehicles in the main convoy. The scout group will be attempting to make the first climb to the top of the hill which is only about 2.5 km long. Due to the continuous heavy rain since the last two months, the terrains are rated extremely hardcore and challenging. The slippery condition means that all vehicles must winch all the way to the top of the hills.
There will be no SS in this route and Team A must focus to reach the next campsite which is located at the highest peak at an elevation of more than 300 meter abovethe sea level. The weather is expected to be cooler at night so participants are advised to pack sufficient warm clothing. Fresh water may be hard to find so brace yourself for limited cleaning and washing.
Finally, Team B is expected to start entering the hardcore section on Day 3 and they are expected to set up campsite near to Limpagok River.
วันที่ 31 ตุลาคมและ 1 พฤศจิกายน กลุ่ม A เริ่มต้นเรียงแถวเข้าป่าลึก เป็นเส้นทางออฟโรด ลากไม้ซุงเก่า บนภูเขาป่าธรรมชาติดงดิบสูงชัน ต้นไม้รกชัดไร้ผู้คนเข้ามามากกว่ายี่สิบปี อุปสรรคนั้นยิ่งมีมากมายจากสาเหตุฝนตกเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักเกือบทุกวัน ต้องขึ้นลงทางชันยาวอันตรายเสี่ยงลงเหว , ร่องลึกตัววี,ร่องลึกยาว, ทางลื่นเละเทะผจญทะเลโคลนลึกหนืดเหนียว, ทางโค้งหักศอกอันตราย และบางจุดมีดินถล่มไหลลงมาจากภูเขา ทำให้รถยนต์เกิดจราจรติดขัด เคลื่อนที่ไปไม่ได้ เดินทางอย่างยากลำบาก รถยนต์บางคันวิ้นช์พัง เครื่องยนต์หรือช่วงล่างพังกระจาย จึงยิ่งผ่านเข้าไปได้อย่างช้ามากๆ รถยนต์หลายคันต้องตั้งแคมป์ค้างแรมข้างทางบนภูเขา จนถึงริมฝั่งแม่น้ำลิมปาก็อก(Limpagok River) ซึ่งเป็นบริเวณที่ทีมแข่งขันซึ่งอยู่หน้าสุด เดินทางมาได้ไกลมากที่สุดในป่าลึกเพียงประมาณ 4.5 ก.ม. ตลอดเวลาสองวันสองคืนทุกทีมและทุกคนต้องนอนบนโคลนเลนเละเทะ กลางสายฝนที่กระหน่ำมาเป็นระยะๆอย่างหนัก
The MERT – UMS groups and International media groups were the second groups to passing madness muddy pass
กลุ่มหมอและพยาบาลThe MERT – UMS และกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติ เดินทางฝ่าช่องโคลนคลั่งเป็นกลุ่มที่สอง !

แสดงความคิดเห็นย่อย