คำตอบที่ 1
       หนังขาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       จั่วหัวเรื่องก็สนุกแล้วครับน้าตุ้ม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เงียบ.....สงสัยไม่ช้อต????????

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ผมไม่ short ครับ

ผมยาว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       หลอกให้อยาก แล้วจากไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       แง่ว ๆ ๆ รออยู่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone)

พายุหมุนเขตร้อน เป็นพายุที่ก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงซึ่งอยู่เหนือผิวน้ำทะเล ในบริเวณ ขึ้นเหนือทะเลหรือมหาสมุทรในเขตร้อน ซึ่งอยู่ระหว่าง เส้นศูนย์สูตรระหว่าง 23.5 องศาเหนือ และ 23.5 องศาใต้ ที่อุณหภูมิน้ำทะเลไม่น้อยกว่า 26 องศาเซลเซียส มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 300 - 1,500 กิโลเมตร

ปัจจุบัน เราแบ่งพายุหมุนเขตร้อน ออกเป็น 3 กลุ่ม ตามระดับความรุนแรงลม โดยวัดจากความเร็วลม ณ ศูนย์กลางพายุเป็นหลัก ดังนี้

พายุดีเปรสชั่น (Tropical Depression) มีความเร็วลมไม่เกิน 63 km/h (ประมาณ 17 m/s) มองจากดาวเทียม จะเห็นเป็นกลุ่มเมฆ หนาทึบ เป็นวงกลม ยังไม่มีแนวขดเป็นเกลียว หรือ ตาพายุ ชัดเจน


พายุโซนร้อน (Tropical Storm) มีความเร็วลมสูงกว่า ดีเปรสชั่น แต่ไม่เกิน 118 km/h (ประมาณ 32 m/s) จากภาพถ่ายดาวเทียม อาจเริ่มเห็นเกลียวแขนของกลุ่มเมฆบ้าง พายุระดับนี้ จะได้รับการกำหนดชื่อให้ โดยหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยานานาชาติ (ยกเว้นประเทศฟิลิปปินส์ จะเริ่มตั้งชื่อพายุที่เข้ามาในเขตประเทศ ตั้งแต่ยังเป็น ดีเปรสชั่น)


พายุระดับรุนแรงที่สุด เรียกกันง่ายๆ ว่า Tropical Cyclone (เพียงเพื่อให้แตกต่างจากพายุ 2 กลุ่มแรก เท่านั้น) แต่จะมีชื่อเรียกหลากหลายชื่อ ตามแต่พื้นที่ที่เกิดพายุ

-ในแถบแปซิฟิค เรียกว่า ไต้ฝุ่น (Typhoon)
-แถบอเมริกากลาง เรียกว่า เฮอร์ริเคน (Hurricane)
-แถบมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า ไซโคลน (Cyclone)
-ออสเตรเลีย เรียกว่า วิลลี่ วิลลี่ (Willi Willi)

พายุระดับนี้มักจะเกิด "ตาพายุ" ขึ้นตรงใจกลาง ซึ่งเป็นบริเวณที่อากาศมีความกดน้อยที่สุด และลมในบริเวณนั้นค่อนข้างสงบนิ่ง อาจมีขนาดตาพายุตั้งแต่ 16 - 80 km เลยทีเดียว

กลายเป็นว่าจุดที่อัตรายที่สุด กลายเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด จาก : ตุ้ม สี่แคว(tum siwkae) 3/11/2555 5:14:31 [180.183.183.116]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ลองดู "ตาพายุ แซนดี้"

คราวนี้พอเข้าใจระดับความรุนแรงแล้ว
ว่า ไต้ฝุ่น (Typhoon) เฮอร์ริเคน (Hurricane) ไซโคลน (Cyclone) หรือ วิลลี่ วิลลี่ (Willi Willi)

ระดับความรุนแรงเดียวกัน ในสหรัฐ มีการจัดระดับ “เฮอร์ริเคน” ตามความรุนแรงของแรงลมที่ก่อให้เกิดพายุ แบ่งเป็น 5 ระดับตามมาตรวัดของแซฟไฟร์-ซิมป์สัน(Saffir-Simpson Hurricane Scale) โดยเฮอร์เบิร์ตแซฟไฟร์ วิศวกรโยธา และบ็อบ ซิมป์สัน ผู้อำนวยการศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ


ใช้ในการประเมินความเสียหายและอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนเมื่อพัดขึ้นสู่ชายฝั่ง โดยการจัดระดับนี้จะใช้กับเฮอร์ริเคนที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกและทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้น


สำหรับประเทศไทยมีการพยากรณ์และคำนวณพายุหมุนเขตร้อนตาม ระดับมาตรวัดพายุหมุนเขตร้อนตามมาตรฐานสากล (International Standard) ตามข้อกำหนดจากต่างประเทศบริเวณที่ได้รับอิทธิพลจากไต้ฝุ่นซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับใช้กัน ดังนั้นข้อมูล ค่าความกดอากาศ ความเร็วลม ฯลฯ จะแตกต่างกัน



Category 1 ความเร็วลม 119-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 1.2-1.5 เมตร ความกดอากาศ 980 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้างเล็กน้อยไม่ส่งผลต่อสิ่งก่อสร้าง มีน้ำท่วมบ้างตามชายฝั่ง ท่าเรือเสียหายเล็กน้อย


Category 2 ความเร็วลม 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 1.8-2.4 เมตร ความกดอากาศ 965-979 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง น้อย หลังคา ประตู หน้าต่างบ้านเรือนมีเสียหายบ้าง ก่อให้เกิดน้ำท่วมทำลายท่าเรือ จนถึงอาจทำให้สมอเรือที่ไม่ได้ป้องกันไว้หลุดหรือขาดได้


Category 3 ความเร็วลม 178-209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 2.7-3.7 เมตร ความกดอากาศ 945-964 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง ปานกลาง
ทำลายโครงสร้างที่อยู่อาศัยขนาดเล็กได้บ้าง โทรศัพท์บ้านถูกตัดขาด แผงป้องกันพายุตามบ้านเรือนได้รับความเสียหาย อาจเกิดน้ำท่วมขังเข้ามาถึงพื้นดินส่วนใน


Category 4 ความเร็วลม 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 4.0-5.5 เมตร ความกดอากาศ 944-920 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้างสูง แผงป้องกันพายุเสียหายหนักยิ่งขึ้น หลังคาบ้านเรือนบางแห่งถูกทำลาย น้ำท่วมเข้ามาถึงพื้นดินส่วนใน


Category 5 ความเร็วมากว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ความสูงของคลื่นไม่น้อยกว่า 5.5 เมตร ความกดอากาศ น้อยกว่า 920 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้างสูง หลังคาบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมถูกทำลาย ตึกรามบางแห่งอาจถูกพัดถล่มเกิดน้ำท่วมขังปริมาณมากถึงขั้นทำลายข้าวของในชั้นล่างของบ้านเรือนใกล้ชายฝั่ง และอาจต้องมีการประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ทำการอพยพโดยด่วน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       เส้นทางเดินเรือครั้งแรกในชีวิต

เป็นเรือสินค้าของอากู๋ กู๋มีเรือสินค้าอยู่ 3 ลำ

เรือขึ้นคานอยู่ที่มหาชัย โดยออกเดินทางจากมหาชัย ไปที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา ตามแผนที่

หน้าที่ผมก็คือ เช็คสต๊อกสินค้าที่ขึ้นลงเรือ เวลาคนในเรือต้องการอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นอะไหล่เรือ กับพวกอาหาร ซื้อตอนก่อนออกเรือ

ขนาดเรือสินค้าก็ใหญ่กว่าเรือที่วิ่งข้ามไปเกาะล้าน ลำใหญ่ๆ แต่จะเล็กกว่าเรือสินค้าเดินสมุทร แถวศรีราชา

ในเรือส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์เป็นคู่เสมอ

เช่น -เครื่องยนต์คัมมินส์ 2 เครื่องยนต์ (ตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องคัมมินส์ ไม่โตต้า อีซุ)
-เครื่องปั่นไฟ 2 เครื่อง
-ระบบปั้มน้ำ ทั้งดูดออก และดูดเข้าเพื่อใช้ล้างเรือ
-ระบบเครน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ในบางคลา ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง

สมัยนั้น GPS เป็นของใหม่ และมีราคาแพง เรือ 2 ใน 3 ลำ เราเดินทางข้ามประเทศโดยไม่มี GPS

คนบนเรือก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ในเรือก็จะมี

กัปตันปู่ เป็นคนมหาชัย เป็นผู้ใหญ่ใจดี เช้าๆจะจิบกาแฟ เย็นๆ ก็จิบเหล้า เป็นมิตรกับผมที่สุดในเรือ เป็นคนที่วางแผนการเดินเรือทั้งหมด
กัปตันเรือสมัยนั้นเก่งมากๆ ที่เดินเรือข้ามประเทศได้โดยใช้แค่อุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน คือ เข็มทิศ

อิเนีย (คนเรือเค้าเรียกอย่างนี้จริงๆ น่าจะเพี้ยนมาจาก Engineer) บนเรือจะมีอิเนีย 2 คน
หน้าที่ของอิเนีย คือ ดูแลระบบเครื่องยนต์ ระบบปั้มน้ำ ระบบไฟฟ้าบนเรือ ระบบเครื่องปั่นไฟ อิเนียจะเป็นคนที่ซ่อมได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ซ่อมได้ทุกอย่างจริงๆ เวลาเดินเรืออิเนียส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในห้องเครื่องยนต์ เกือบตลอดเวลาที่เดินเรือ คนที่เป็นอิเนีย ส่วนใหญ่จะหูตึงนิดหน่อย เพราะเนื่องจากเครื่องยนต์เรือมีเสียงดังมาก ส่วนใหญผมจะไม่ค่อยได้มาห้องนี้เท่าไหร่ เพราะมันทั้งร้อน และทั้งเหม็นกลิ่นน้ำมันตลอดเวลา อิเนียจะมีงานทำตลอดเวลาที่เดินเรือ บางทีก็มีเครื่องยนต์เสียไป 1 เครื่อง ก็ผ่าเครื่องซ่อมกันทั้งๆ ที่เดินเรือกัน เดี๋ยวก็ปั้มน้ำ เดี๋ยวก็เครื่องปั่นไฟ ส่วนใหญ่อุปกรณ์ถึงแม้จะมีอย่างละ 2 เครื่อง แต่ก็ต้องซ่อมเลยเพราะถ้าพังไปอีก 1 ตัวเป็นกันเดือนร้อนกันทั้งเรือ

นายท้าย คือ คนขับเรือนั่นเอง นายท้ายต้องขับเรือมาหลายปี ถึงจะขึ้นเป็นกัปตันได้ หน้าที่คือ ขับตามเข็มที่กัปตันปู่ได้วางแผนเอาไว้ บนเรือจะมีนายท้ายอยู่ 3 คน เวลาขับเรือก็จะคอยเลี้ยงพวงมาลัยเรือ เหมือนขับรถ เพียงแต่ขับไปตามเข็มที่กำหนด คอยสลับกันขับตลอด 24 ชั่วโมง

ลูกเรือ ส่วนใหญ่ก็ขนสินค้า เวลาว่างก็ทาสีเรือ ทิ้งสมอ ถอนสมอ หรือทุกๆ อย่างที่สามารถช่วยได้บนเรือ

เส้นทางจากมหาชัย ไปเกาะกงเดินทางเรือ เส้นทางนี้ใช้เวลาประมาณ 2 วันกับ 1 คืน

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 6:39:20

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 6:41:57

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       คนไทยเรียกคนกัมพูชา ว่าเขมร

แต่จริงๆ คนเขมร เค้าเรียกตัวเค้าเองว่า ขะแม (ขะ-แม)

เกาะกง คือเมืองท่าของกัมพูชา

คนส่วนใหญ่ที่นี่ก็มีอยู่ 3 กลุ่ม

-คนขะแม จะมีลักษณะคล้ายคนไทยแท้ พอพูดไทยได้ แต่ส่วนใหญ่พูดไม่ได้ คนที่ได้รับการศึกษาจะพูดภาษาอังกฤษเก่ง

-คนไทย 2 สัญชาติ พูดไทย พูดเขมร มีอยู่เยอะพอควร ตอนสมัยแบ่งเขตประเทศ มีคนไทยกลุ่มหนึ่งถูกขีดเส้นให้ไปอยู่ในกำพูชา ก็เลยกลายเป็นขะแมไป

-คนเวียดนาม คนเวียดนามจะเป็นคนผิวขาว จมูกโด่งกำลังดี และตาโต (คนจีนจะขาว ตาตี่) เวลาพูดจะเหมือนคนลิ้นไก่สั้น ลิ้นไม่ค่อยกระดก คนเวียดนามจะเป็นคนขยัน นับข้อดีได้ 3 ข้อนี้ คอนเฟริม์ สาวเวียดนามสวยที่สุด รองลงมาก็ลูกครึ่งไทย-ขะแม

เห็นด้วยครับสาวเวียดนามขาวสวยหุ่นดีแถมผิวเนียนมากกกกก จาก : Chatklf(Chatklf) 6/11/2555 6:56:48 [27.55.131.71]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ช้อต อีกแล้วน้าตุ้ม กำลังเพลินเลย ไม่เจอกันนานแล้วเมื่อไหร่จัดทริปอีกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       บอง-สลัน-โอน-บาน-เต๊

พี่-รัก-น้อง-ได้-ไหม

เผื่อมีช๊อตครับ .... จำเอาไปใช้ไม่เสียหลาย

ถ้าน้องตอบว่า "บานเฮย" (ได้เลย) ก็ลุยโล้ด

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 11:53:07

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 15:07:31

กำลังสนุกเลยครับ...ขอตามไปผจญภัยด้วยคนครับน้าตุ้ม จาก : ระเริงชล(ระเริงชล) 3/11/2555 12:25:53 [171.4.238.67] กด like ให้พันครั้ง ครับน้าตุ้ม จาก : betchaboon8(betchaboon8) 4/11/2555 8:09:52 [171.98.13.61]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       เอามาแหย่ให้อยาก ยังกับดูละครแรงเงา มีอาทิตย์ละ 2 วัน งั้นหละ ขอเป็นแบบภาพยนต์เลยครับน้าตุ้ม ม้วนเดียวจบ 5555

ใจเย็นครับ พี่น้อง ... จาก : ตุ้ม สี่แคว(tum siwkae) 3/11/2555 19:36:08 [180.183.183.116]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       การเดินทางโดยใช้แผนที่และ เข็มทิศ แบบไม่ใช้ GPS

-แผนที่ทางทะเล
-เข็มทิศแบบที่วัดมุมแบบละเอียด
-ไม้บรรทัดวัดมุม
-ดินสอ

ตอนนั้นผมไม่ได้ถาม กัปตันปู่ ว่าจะหาพิกัดตัวเองในทะเลได้อย่างไร

มีทั้งลมเพ ลมพัด มันมี error มันไม่เป๊ะๆ

ถ้ามีแผนที่ แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของแผนที่ ก็หลงเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าไปทางไหน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       แต่ถ้าให้เดา ผมคิดว่าอาจจะใช้วิธีการนี้

1.อันดับแรกเอาเข็มทิศออกมาหาว่าทิศเหนืออยู่ที่ใด

2.จากนั้นก็กางแผนที่หันหัวแผนที่ไปทางทิศเหนือ

3.จากนั้นก็หาจุดเล็งซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เกาะใหญ่ๆ แผนดิน หรือภูเขาสูงๆ ที่เด่นๆ ในแผนที่ สัก 2 จุด แล้วเล็งแนวไปหาจุดเล็งทั้งสองโดยเล็งผ่านเข็มทิศก็จะได้เส้นแนว 2 เส้น เมื่อเอาเส้นแนว 2 เส้นที่เล็งมาลากลงแผนที่โดยผ่านจุดเล็งที่กำหนดในแผนที่ก็จะได้จุดตัดซึ่งเป็นตำแหน่งที่เราอยู่ในแผนที่นั้น

เราก็จะได้พิกัดตัวเราบนแผนที่นั้น ก็พอที่จะรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนในแผนที่


 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 19:28:51

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 19:50:44

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       หากต้องการความแม่นยำ ก็เพิ่มจุดตัดเข้าไปอีกหนึ่งจุด ก็จะได้เส้น 3 เส้นมาตัดกัน

พูดง่ายกว่าทำ...

เวลาเดินทางจริงๆ มันมองไม่เห็นอะไรเลยรอบตัว นอกจากฟ้า กับน้ำ ไม่ว่าจะมองไปทิศไหน

ผมคิดว่าคงต้องใช้วิธีคำนวณจุดตัดเป็นระยะ

ระยะที่ 1 คำนวนจุดตัดระหว่างเกาะล้านกับเกาะไผ่ โดยต้องคำนวนตั้งแต่เริ่มออกปากอ่าว โดยคำนวนมุมก่อนที่จะวิ่งไป โดยตั้งเข็มทิศที่จะวิ่งให้นายท้าย
พอถึงเกาะไผ่ เกาะล้านจะมองเห็น ก็หาพิกัดตัวเอง และคำนวนมุมที่จะวิ่งไปสัตหีบ

ระยะที่ 2 พอถึงสัตหีบ ก็เช็คพิกัดตัวเอง แล้ววิ่งตามเข็มทิศไปทางระหว่างเกาะกูดกับเกาะช้าง

ระยะที่ 3 พอใกล้ถึงเกาะช้าง เกาะกูดก็เช็คพิกัดตัวเองอีกครั้ง แล้วคำนวนมุมวิ่งไปเกาะกง

นี่ยังไม่ได้ไปไหนเลย แค่วิ่งเรือเปล่าไปขนของนะ พอขนของเต็ม แน่นอน ไม่วิ่งกลับไทยแน่นอน ต้องไปต่ออีกไกล

ถ้าข้อมูลผิดพลาดเรื่องการคำนวนระยะขออภัยด้วย นั่งนึกเองวิธีการเดินทางแบบไม่ใช้ GPS น่าจะใช้วิธีการนี้นะ

เผื่อเดินทางแล้ว GPS มันเสีย หรือวันไหนดาวเทียมที่แจ้งพิกัด GPS เสีย คงอนลเวงกันทั้งโลก


 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 19:33:05

 แก้ไขเมื่อ : 3/11/2555 19:34:15

หนึ่งในเส้นทางในฝันของjames dondเลยนะเนี่ย! พัทยา-เกาะกูด....ฮิฮิฮิ!!! จาก : udom sai(udom sai) 4/11/2555 13:52:43 [180.183.186.241]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       และน่าจะมีการคำนวณจากความเร็วในการวิ่งด้วย

พอที่จะประมาณถูก เพราะเรือจะวิ่งด้วยความเร็วคงที่ตลอด

ก็จะรู้ว่าอีกกี่โมงจะถึงไหน เดี๋ยวนายท้ายขับเลย ....งานเข้ายาววว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       เกาะกงในอดีด จะเป็นป่าโกงการที่อุดมสมบูรณ์มาก ดูรูปแล้วลบสะพานออกในใจนะครับ

ประเทศกัมพูชา เป็นประเทศที่มีทรัพยากรมาก แต่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้



การเปลี่ยนแปลงอำนาจในกัมพูชา

1833 เขมรตกอยู่ภายใต้อาณานิคมฝรั่งเศส


1936 กลุ่มเขมรชาตินิยมนำโดยเซิง ง็อก ทัญ ได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ภาษาเขมรชื่อ “นครวัด”

1940 ฝรั่งเศสและญี่ปุ่นตกลงกันเรื่องการครอบครองอินโดจีน


1941 สมเด็จพระสีหนุขึ้นครองราชย์


1942 พระสงฆ์และประชาชนเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อขับไล่ฝรั่งเศส โดยมีญี่ปุ่นแอบให้การสนับสนุนแกนนำเดินขบวนถูกจับกุมขังคุก


1945 ญี่ปุ่นขับไล่ฝรั่งเศสออกจากอินโดจีน ปลดปล่อยนักโทษการเมืองและสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลโดยมีเซิง ง็อก ทัญ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถยึดเขมรคืนได้ กลุ่มเขมรชาตินิยมแตกกระจัดกระจายและมีการตั้งขบวนการเขมรอิสระขึ้นตามแนวชายแดนไทย


1946 เขมรตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส


1951 พรรคประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง เซิง ง็อก ทัญ กลับเข้ามา


1955 สมเด็จพระสีหนุสละราชบัลลังก์ ลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว โดยตั้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรคสังคมราษฎร์นิยม”


1970 นายพลลอน นอล และสิริมตะยึดอำนาจจากสมเด็จพระสีหนุและเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศจากระบบกษัตริย์เป็นสาธารณรัฐ มีตำแหน่งประมุขรัฐ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นประธานาธิบดี

1971 มีเหตุการณ์เดินขบวนประท้วง จากกลุ่มนักศึกษา ประชาชน และพระสงฆ์ จนนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลครั้งใหญ่ในกรุงพนมเปญ ขณะที่รอบนอกเมืองหลวงก็ถูกโจมตีด้วยอาวุธอย่างหนักหน่วงจากกองทัพเขมรแดงที่มีพล พต เป็นผู้นำ

1975 เขมรแดงสามารถยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จ ในวันที่ 17 เมษายน และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศอย่างขนานใหญ่แบบคว่ำฟ้าพลิกดิน โดยไล่ต้อนผู้คนที่เคยสุขสบายในเมืองให้ออกไปใช้แรงกายในชนบท เขมรเข้าสู่ยุคแห่งการทารุณกรรม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

1979 กองทัพแนวร่วมแห่งชาติเพื่อการปลดปล่อยภายใต้การสนับสนุนของเวียดนามรุกเข้ายึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จ ในวันที่ 7 มกราคม และขับไล่กลุ่มเขมรแดงร่นไปอยู่ตามแนวชายแดนไทย ปิดตำนาน 3 ปี 8 เดือน 20 วันแห่งความข่มขื่น หลังจากนั้นเวียดนามได้สนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายเฮง สัมริน เป็นผู้นำรัฐบาล ฮุน เซ็น เด็กหนุ่มวัย 27 ปี ผู้ซึ่งสูญเสียดวงตาข้างซ้ายจากการสู้รบ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในปี 1981

1982 บรรดากลุ่มเขมรที่แตกร่นไปตั้งกลุ่มต่อสู้อยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชาได้ดำเนินการทางการเมืองร่วมกันเป็นเขมร 3 ฝ่าย ประกอบด้วยเขมรเสรี (เขมรอิสระ) ของซอน ซาน เขมรกลุ่มเจ้าสีหนุ และเขมรแดงของพล พต และจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นมาให้ชื่อว่า รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา โดยมีซอน ซาน เป็นยานกรัฐมนตรี ได้รับการรับรองจากประเทศต่างๆ และมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศกดดันรัฐบาลพนมเปญอย่างต่อเนื่อง


1985 ฮุน เซ็น ได้รับเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์จากการลงคะแนนลับของสภาแห่งชาติ ให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยวัยเพียง 33 ปี นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในยุคนั้น และยังคงควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศด้วย


1991 รัฐบาลเขมร 3 ฝ่าย และรับบาลพนมเปญ ได้ยินยอมลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส ให้มีการปลดอาวุธและหยุดยิง หลังจากที่มีการเจรจากันหลายรอบในหลายประเทศ


1993 สหประชาชาติ จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้น ภายใต้การดูแลของ “อันแท็ก” โดยในเบื้องต้นเขมรทุกฝ่ายจะเข้าร่วม ภายหลังกลุ่มเขมรแดงได้ถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ผลการเลือกตั้งพรรคฟุนซินเป็ค ของเจ้าชายนโรดม รณฤทธิ์ โอรสของสมเด็จสีหนุ ได้ 58 ที่นั่ง พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน ได้ 51 ที่นั่ง พรรคประชาธิปไตยเสรีนิยมพระพุทธศาสนา ของ ซอน ซาน ได้ 10 ที่นั่ง พรรคมุลีนาคา ได้ 1 ที่นั่ง ทั้งหมดได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชาสร้างประวัติศาสตร์มีนายกรัฐมนตรี คราวเดียวกัน 2 คน คือ เจ้าชายรณฤทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 และนายฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ทำงานร่วมกันมาจนถึง 1996 ความสัมพันธ์ของ 2 นายก เริ่มตึงเครียด และขาดสะบั้นลง


1997 เสียงปืนแตกในกรุงพนมเปญ จากการปะทะกันของกองกำลังฝ่ายรณฤทธิ์ กับฝ่ายฮุน เซ็น ผลปรากฏว่าฝ่ายฮุน เซน เหนือกว่า จึงได้ทำการยึดอำนาจ จับกุมตัวรณฤทธิ์ ข้อหาขนอาวุธเถื่อนเข้าประเทศ แต่ด้วยเกรงใจกษัตริย์สีหนุ จึงลงโทษโดยเนรเทศออกนอกประเทศ

1998 กัมพูชากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปสมัยที่ 2 รณฤทธิ์ ได้รับการอภัยโทษและกลับมารณรงค์เลือกตั้งอีกครั้ง แต่แพ้พรรคประชาชนกัมพูชา ฮุน เซ็น จึงก้าวขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว

2003 มีการเลือกตั้งทั่วไปสมัยที่ 3 พรรคประชาชนกัมพูชา ยังคงได้ที่นั่งเกินกึ่งหนึ่ง แต่ไม่ถึง 2 ใน 3 ตามกฎหมายกำหนดเสียงไม่พอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ขณะที่พรรคที่เหลือ คือ รณฤทธิ์ และสม รังสี ก็รวมหัวกันจับมือแน่นไม่ยอมแตกมาจับขั้วตั้งรัฐบาลด้วย ฮุน เซ็น จึงใช้แท็กติก เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่หลายเดือน จนสามารถเจรจาผลประโยชน์ลงตัว รณรฤทธิ์ ทิ้ง สม รังสี มาร่วมรัฐบาล

2008 การเลือกตั้งทั่วไปสมัยที่ 4 ฮุน เซ็น ได้บทเรียนแสนเจ็บปวดคราวที่แล้ว จึงสร้างเครือข่ายไปทุกพื้นที่ และแผ่ขยายไปทุกวงการ ทั้งคุมข้าราชการ ทั้งดึงนักการเมืองจากพรรคอื่นมาร่วม ขณะที่คู่แข่งอย่างรณฤทธิ์ กลับมีปัญหาภายในจนพรรคแตก ไปตั้งพรรคใหม่ในชื่อของตัวเอง ผลการเลือกตั้ง พรรคของฮุน เซ็น ได้รับชัยชนะถล่มทลาย ถึง 90 % และสามารถจัดตคั้งรัฐบาลพรรคเดียว แผ่อำนาจมาจนถึงปัจจุบัน


ความเห็นส่วนตัวนะครับ อันนี้ชาวขะแม คุยให้ฟัง หากความเห็นจะเป็นผลเสียกับสิ่งต่างๆ จะลบออกนะครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โดยสรุปประเทศกัมพูชา แตกต่างจากประเทศไทยอย่างมาก ไม่มีกฏหมายชัดเจน
มีการต่อสู้รบ และแย่งชิงอำนาจกันตลอดเวลา ปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจ

สมัยเขมรแดงเรืองอำนาจ มีการฆ่าประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างไปประมาณ 3 ล้านคน จาก 7.5 ล้านคนทั่วประเทศ ก็เกือบครึ่งประเทศ วันดีคืนดีก็มาปล้นสดมส์ที่เกาะกง

ส่วนกลุ่มของเจ้าสีหนุ ซึ่งประกษัตริย์ เน้นการต่อสู้เพื่อรักษาสถานะภาพของกลุ่มตัวเอง

กลุ่มที่โดดเด่น ที่เป็นทีชื่นชอบของชาวขะแม คือ ฮุนเซน ใด้ร่วมมือกับกองทัพเวียดนาม นำกองทัพมาขับไล่เขมรแดง ให้ออกจากพนมเปญได้สำเร็จ ฮุนเซนเป็นคนที่ฉลาดมาก กว่าที่เราคิด คนขะแมเลยชื่นชอบชาวเวียดนามเป็นพิเศษกว่าชาติอื่น

ณ ปัจจุปัน ประเทศก็มีการแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงชนิด 180 องศงเช่นกัน
มีแดง เหลือง น้ำเงิน หลากสี โชคดีที่แต่ละกลุ่มไม่มีอาวุธและกองกำลังในมือ
ก็ดูขะแมเป็นกรณีศึกษาได้เช่นกัน

นักการเมืองเร่ร่อนบางคนศึกษาและเอา.."ฮุนเซนโมเดล"..เป็นต้นแบบมาหลายปีแล้ว!!!ประเทศชาติถึงได้วุ่นวาย จาก : udom sai(udom sai) 4/11/2555 14:01:45 [180.183.186.241]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       เราขนถ่าน ขะแมเรืยก "จู๊ง" จะมีเตาถ่าน "ลอ-จุ๊ง" แทรงตัวอยู่ในป่าโกงกาง ขนใส่ไปให้เต็มลำเรือ
ถ่านจากไม้โกงกางเป็นสิ่งที่หาง่าย และมีราคาถูกในเขมร

กับไม้หอม (ไม้กฤษณา) ทั้งแบบเป็นกาบไม้ และแบบแช่น้ำมันในขวด อันนี้ราคาแพงขวดนึงเป็นหมื่นๆ
อันนี้เอาไปขายให้แขก ตะวันออกกลาง กับทางยุโรป เอาไปทำนำหอม หรือเป็นส่วนผสมอะไรสักอย่าง

เหมือนหนังสารคดีเลย จาก : พงศธร(พงศธร) 3/11/2555 22:44:39 [115.87.41.57]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ชีวิตงานเดินเรือ จะทำงานเป็นรอบ

รอบนึงก็ประมาณ 2 เดือน

เฉลี่ยอยู่เดือนละประเทศ

ลองดูเส้นทางเดินเรือก่อน ในความเป็นจริง เราเดินเรือแบบนี้ไม่ได้ อย่าลืมซิเราไม่มี GPS

แต่กำลังจะข้ามไปอีก 2 ประเทศ มันไกลกว่าออกจากระนองไปเกาะนิโคลบาร์ซะอีก


หนังมันยาวครับ ....

 แก้ไขเมื่อ : 4/11/2555 15:26:47

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ได้ความรู้เยอะเลยพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา..."ไปรับเรือใบ nacra 5.8" เก่าของคนอื่นแต่ใหม่ของjames dondมาเข้าประจำการ จากหาดพลาถึงจอมเทียน...ต้องใช้เวลาตั้งสองวันแน่ะ ว่างๆต้องเชิญน้าตุ้มมาสอนเรื่องลมและแผ่นที่ซะหน่อย!...อิอิอิ!

ชวนไปจิบเบียร์ดีกว่า น้าเจมส์ ดอน ทะเลเรียกพี่แล้ว .... จาก : ตุ้ม สี่แคว(tum siwkae) 4/11/2555 15:25:38 [180.183.183.116] ยินดีด้วย กับเรือใบลำใหม่ครับ จาก : ตุ้ม สี่แคว(tum siwkae) 4/11/2555 15:44:07 [180.183.183.116]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       สมัยนั้นโทรศัพท์ยังตัวเป็นแสนอยู่

อุปกรณ์วิทยุก็มี พวกวิทยุมดดำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรียกมดดำ

ตอนนั้นก็มีพวกวิทยุคลื่นยาว ที่ใช้ส่งได้ไกลเป็นได้หลายร้อยกิโลเมตร ส่งสัยมันดีเกินไป เลยยังไม่มีใช้

ส่วนใหญ่วิทยุก็ใช้แจ้ง ตม. ตอนเข้า/ออก จากท่าเรือ เวลาวิ่งก็ไม่ค่อยได้ใช้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       ตัวนี้เก่งกว่า

วิทยุธานินทร์ เป็นวิทยุที่ความไวภาครับไวแบบไม่น่าเชื่อ

สมัยก่อนระบบการแจ้งเตือน ก็จะฟังผ่านวิทยุ ฟังพยากรณ์อากาศ แต่การแจ้งเตือนล่วงหน้าก็ยังไม่ค่อยดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ที่เกาะกง ใกล้ๆ กับ ตม. จะมีหอการค้า

ที่น่าแปลกคือ คนส่วนใหญ่ที่ติดต่อ จะเป็นคนไทย แต่อยู่ในกัมพูชา เหมือนกับมี 2 สัญชาติ

ประธานหอการค้า ,หัวหน้า ตม ก็เป็นคนไทย พูดไทยชัดเจน แต่ถ้าปรกติเขาก็พูดขะแม

เคยเดินตามกู๋ ถือเอกสารไปติดต่อ หอการค้า

ก็จะมีเวียดนาม หามกระสอบมาหลายใบ เข้ามาที่หอการค้า เทออกมามีแต่แบงค์ห้าร้อยเต็มกระสอบหลายกระสอบ มัดเป็นปึกๆ กองเหมือนเศษกระดาษเลย

จึงไม่แปลกใจเลยที่ เกาะกงปัจจุบัน ทำเป็นคาสิโน ทำเป็นสถานท่องเที่ยว ใหญ่โต

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ถ้าดูจากแผนที่

การจะวิ่งจากเกาะกง ไปสิงค์โปร์

ผมคิดว่า กัปตันปู่ น่าจะใช้เส้นทางเดินเรือเส้นที่แดงนะ

ถ้า Error ผิดพลาดมุมติดบวกมันจะเห็นฝั่งมาเลเซีย ถ้า Error ติดลบมากๆ ก็จะเจอเกาะใหญ่ kepulauan

พอไปถึงค่อยเช็คพิกัดตัวเองอีกที แล้วค่อยตั้งเข็มใหม่

นี่แหละโปรตัวจริง ดีกว่าโปรอุปกรณ์ปุ่มเยอะเกินเลยกดไม่ถูก

สมัยก่อนก็มีการปล้นสดมส์เรือสินค้าเหมือนกัน แถวๆ เขมร กับเวียดนาม หรือไม่ก็เหมือนกับเรียกค่าไถ่แล้วค่อยปล่อยเรือ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ออกเรือมาได้วันเดียว ก็ถูกจัดเต็มแล้วครับ

อ๊วกๆๆ จนหมดไส้ หมดพุง จะรอดมั้ยเนียะ



ปรกติไม่มีคลื่นลมรุนแรงก็วิ่งกัน 4 วัน 4 คืนแล้ว

ลองดูแนวพายุเกย์ พัดผ่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       พายุเกย์ เป็นพายุลูกเดียวในประวัติศาสตร์ที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยในระดับไต้ฝุ่น

และยังเป็นพายุที่มีความเร็วลมสูงสุดขณะขึ้นฝั่งเท่าที่เคยมีมาในคาบสมุทรมลายู

ประวัติ พายุใต้ฝุ่นเกย์

ก่อตัว 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532
สลายตัว 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532
ความเร็วลมสูงสุด 260 กม./ชม. (160 ไมล์/ชม.) (ค่าเฉลี่ย 1-นาที)
ความกดอากาศต่ำสุด 898 ปาสกาล (มิลลิบาร์)
ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหาย เสียชีวิต 1,060 ราย(โดยตรง)
พื้นที่ได้รับผกระทบ ประเทศไทย อินเดีย

วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เวลา 08.30 น.พายุไต้ฝุ่นเกย์เคลื่อนเข้าสู่ภาคใต้ตอนบนด้วยความเร็วถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วของพายุไต้ฝุ่นในระดับ 3 ถล่ม อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ บางสะพานน้อย และบางสะพาน ก่อนขึ้นฝั่งที่อำเภอท่าแซะ และปะทิว จังหวัดชุมพร ทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ที่อำเภอบางสะพานน้อย บางสะพาน ท่าแซะและปะทิวราบเป็นหน้ากลอง

พายุเกย์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยไปถึง 446 คน บาดเจ็บ 154 คน บ้านเรือนเสียหาย 38,002 หลัง ประชาชนเดือดร้อน 153,472 คน เรือล่ม 391 ลำ ถนนเสียหาย 579 เส้นสะพาน 131 แห่ง ทำนบและฝาย 49 แห่ง โรงเรียนพัง 160 โรง วัด 93 วัด มัสยิด 6 แห่ง พื้นที่การเกษตร 80,900,105 ไร่ สัตว์เลี้ยงตาย 83,490 ตัว

ประเมินความเสียหาย 11,257,265,265 บาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันกว่าล้านบาท)

 แก้ไขเมื่อ : 4/11/2555 18:55:55

แสดงความคิดเห็นย่อย