คำตอบที่ 31
       ไฟรหัสมอร์ส คือ ไฟที่ส่งข้อมูลรหัสมอร์ส หรือรหัสตัวอักษร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
       หวังว่าคงทำให้เข้าใจเครื่องหมายทางเรือ กันง่ายขึ้นนะครับ ....

สำหรับนักเล่นเรือ ไม่ใส่ใจเครื่องหมายทางเรือ อาจได้รับทุ่นอันนี้เป็นของขวัญครับ

ทุ่น หมายตกปลาล่าสุด .... อุอุ (ล้อเล่นนะครับ)


รายละเอียดเพิ่มเติม : http://tumsikwae.blogspot.com/2016/02/maritime-buoyage-system.html

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       ขอบคุณครับ,,, ติดตามอ่านตลอด

มีคำถาม ถามน้าตุ้มครับ เพราะผมยังไม่เข้าใจชัดเจนในเรื่องต่อไปนี้

1) ตอนที่เราทอดสมอเรือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า สมอเรือเราจะไม่ไปทำลายปะการังใต้น้ำครับ เพื่อหลีกเลี่ยง มีข้อสังเกต/ข้อควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง?

2) เกาะบางเกาะ (เช่นเกาะตาชัย เกาะกำ และอีกหลายเกาะ) ที่อุทยานไม่อนุญาตให้พักค้างคืนบนเกาะได้ - เราสามารถทอดสมอเรือในบริเวณใกล้เคียงเพื่อค้างคืนได้หรือไม่
และต้องห่างจากเกาะในระยะเท่าไหร่ครับ (ในกรณีที่เราต้องเดินเรือไปที่อื่น แต่บังเอิญมืดตรงเกาะนั้นพอดีและรุ่งเช้าจะต้องออกเรือ)

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       ตอบน้า Navi_Dog

1) ตอนที่เราทอดสมอเรือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า สมอเรือเราจะไม่ไปทำลายปะการังใต้น้ำครับ เพื่อหลีกเลี่ยง มีข้อสังเกต/ข้อควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง?

ถ้าเราดำน้ำทั้งสน๊อคเกิ้ล และสกูบ้า เราก็จะเห็นว่าจริงๆ แล้วใต้ทะเลส่วนใหญ่มีแต่ความว่างเปล่า ทะเลส่วนใหญ่มีแต่ทราย ถ้านึกถึงภาพให้ชัดเจนก็ทะเลทรายที่อยู่บนบก ใต้ทะเลก็เป็นทรายเวิ้งว้างแบบนั้น แต่ก็มีทะเลทรายบางที่มีโอเอซิส ทะเลที่มีปะการังก็เหมือนกับทะเลที่มีโอเอซิส ซึ่งมีไม่มาก

ส่วนใหญ่ปะการัง จะอยู่บริเวณใกล้ๆ กับจุดที่มีกองหิน กับจุดที่มีสารอาหารอาหารแพลงตอน สาหร่ายเซลล์เดียว หรือทางน้ำพัดผ่านที่กระแสน้ำมาบรรจบกัน อยู่ในที่ๆน้ำสะอาด พอมีปะการัง ก็มีปลาเล็ก พอมีปลาเล็กเยอะก็มีปลาใหญ่มาช๊อปปิ้งเรื่อยๆ

ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใกล้กองหินมาก ทอดสมอไปจะเจอกับทราย ถ้าเราไปจุดไกล้ๆ เกาะปรกติ จะเลือกจอดเรือตรงบริเวณที่เป็นหาดทราย ตรงนั้นจะไม่มีปะการัง ส่วนใหญ่ในจุดที่สำรวจแล้วเป็นแหล่งท่องเที่ยว จะมีทุ่นผูกจะห้ามทอดสมอ ก็จะใช้วิธีผูกทุ่น สำหรับคนที่เล่นเรือตกปลา ถ้าไปทอดสมอไปตรงที่มีหิน คงจะเข้าใจว่าการจะเอาขึ้นยากมาก บางทีก็เอาขึ้นไม่ได้ก็ต้องตัดเชือกทิ้งก็มีื แนวโน้มปะการังคงน้อยไปเรื่อยๆ คงต้องช่วยกันรักษาสิ่งที่เหลืออยู่ และสร้างจิตสำนึกการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ

ผมได้เก็บข้อมูลทุ่นจอดเรือไว้บ้างทั่วประเทศ เวลาจอดก็ผูกทุ่น : http://tumsikwae.blogspot.com/2014/03/mooring-buoys-marine-national-park.html

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       2) เกาะบางเกาะ (เช่นเกาะตาชัย เกาะกำ และอีกหลายเกาะ) ที่อุทยานไม่อนุญาตให้พักค้างคืนบนเกาะได้ - เราสามารถทอดสมอเรือในบริเวณใกล้เคียงเพื่อค้างคืนได้หรือไม่ และต้องห่างจากเกาะในระยะเท่าไหร่ครับ (ในกรณีที่เราต้องเดินเรือไปที่อื่น แต่บังเอิญมืดตรงเกาะนั้นพอดีและรุ่งเช้าจะต้องออกเรือ)

เกาะตาชัย สามารถจอดเรือค้างคืนได้ครับ จะมีทุ่นให้ผูกเรือในจุดปลอดภัย ไม่มีคลื่นลมด้วย เกาะส่วนใหญ่ที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ จะมีการสำรวจกันแล้วครับ พวกเกาะตาชัย เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะอ่างทอง เกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา เกาะแบบนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตนานมาแล้ว บางเกาะก็เจริญมากๆ มีทุ่นจอดเรือรอบๆ เกาะ ส่วนเกาะกำ เข้าใจว่าระนองดูรูปแล้วมีแนวหาดทราย จอดเรือที่หาดได้ครับ

เวลาไปบางที่ที่เป็นหาดทราย บางครั้งผมใช้วิธีจอดเรือปล่อยเรือเกยตื้น วิธีการจอดแบบนี้ดีตรงไม่ต้องกังวลสมอเกา เรือหายหาเรือไม่เจอ แค่คำนวนน้ำลง น้ำขึ้นให้ตรงจังหวะแค่นั้นเอง จอดเรือสบายๆ เวลานอนหน้าหาดก็หลับฝันดี

แต่สำหรับชาวเรือยังมีเกาะที่เป็น Unseen อีกมากที่สวยธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง ในส่วนตัวผมก็ชอบเที่ยวเกาะเล็กๆ ให้ความรู้สึก Unseen มากกว่าเกาะใหญ่ๆ ที่มีการจัดการเยอะ เกาะสวยๆอันดับต้นๆของประเทศผมก็ยังไม่อยากรีบไป ผมอยากเก็บรายละเอียดความสวยบริสุทธิ์ธรรมชาติเกาะเล็ก เกาะน้อยไปเรื่อยๆ เพราะถ้าคุณไปเห็นสิ่งที่สวยที่สุด เกาะที่สวยที่สุด พอมาเห็นเกาะที่สวยรองลงมา จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสวย ทั้งๆ ที่มันสวยมาก ผมเล่นเรือมา 10 ปี เห็นบางคนพอถอยเรือใหม่มาปุ๊ป จัดเต็มสิมิลันเลย หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ...



นี่ก็เกาะเล็กๆ ว่าจะไปตอนสงกรานต์ ไปดูทุ่งดอกไม้ทะเล Unseen Thailand

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
       ความรู้เพียบเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
       ขอบคุณครับ ,, ได้ความรู้ใหม่มาสะสมอีกแล้วครับ - ผมอยู่ระหว่างต่อเรือ Motor Sailor เรือใบมีเครื่องดีเซลเล็กๆกลางลำ ปีหน้าคงเสร็จได้ลงน้ำ ตอนนี้สะสมความรู้เรื่องเล่นเรือในทะเลก่อนครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
      
ขอถามต่อยอดจากที่น้าตุ้ม สี่แคว บอกนะครับ ที่ว่า ยังมีเกาะเล็กๆ อีกมากมายที่ยังมีระบบนิเวศน์สมบูรณ์....

ผมเข้าใจว่าเกาะเล็กๆ เหล่านี้ ทางกรมอุทยานไม่ประกาศเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงไม่เป็นที่รู้จัก **และก็ไม่ปรากฏในแผนที่ทั่วไปใช่หรือไม่ครับ **คงเพราะมันเล็กมาก ไม่สามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว -- แต่สำหรับผมแล้วเกาะเหล่านี้คือสวรรค์ที่ผมอยากค้นหาครับ (อย่างเช่นเกาะในรูป ++ขออนุญาตเจ้าของรูปที่เอามาลงนะครับ)

และเกาะเหล่านี้เป็นเกาะเล็กๆ ที่เราสามารถจอดเรือค้างคืนได้ใช่มั้ยครับ

** คำถามสำคัญ ถ้าหากไม่เป็นที่รู้จักแล้ว เราสามารถค้นหาตำแหน่างเกาะเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง นอกจากถามชาวบ้านที่ออกทะเลบ่อยๆ แล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกมั้ยครับ
เช่น ใช้แผนที่ทะเลฉบับ... ?
ขอบคุณอีกครั้งครับ

 แก้ไขเมื่อ : 7/3/2559 16:15:24

 แก้ไขเมื่อ : 7/3/2559 16:17:45

 แก้ไขเมื่อ : 7/3/2559 16:20:08

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       ตอบน้า Navi_dog

เทคโนโลยี่ปัจจุบันเป็นเทคโนโลยี่ดาวเทียมแล้ว เกาะส่วนใหญ่ถูกค้นพบหมดแล้ว เกาะส่วนใหญ่จะถูกประกาศครอบคลุมให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ หากไม่ทำแบบนั้นจะมีผู้บุกรุกขึ้นไปบนเกาะจำนวนมาก เพราะที่ดินบนเกาะมีราคาแพงมากๆๆ ภูเก็ตเป็นตัวอย่างการบุกรุกพื้นที่แม้กระทั้งพื้นที่อุทยานฯ

และเกาะบางเกาะมีความสำคัญต่อการขีดเส้นแบ่งน่านน้ำและดินแดน ตัวอย่างเช่น เกาะโลซิน ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายระหว่างประเทศ ให้เป็นเกาะ จริงแล้วเกาะโลซินเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในประเทศ ตามกฎหมายระว่างประเทศ เพราะหากไม่มีเกาะโลซิน ประเทศไทยก็คงไม่มีสิทธิ์ บนพื้นที่สัมปทานก๊าซกลางอ่าวไทย พื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 7,000 ตารางกิโลเมตร และมีแหล่งสำรองก๊าซให้ประเทศถึง 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือเท่ากับ 50% ของแหล่งก๊าซที่มีอยู่ของไทยทั้งหมด (ไม่รู้ใครรวย แต่คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ยัง...เหมือนเดิม)

เกาะที่น้ายกมา น่าจะเป็นเกาะแถวๆ เกาะรัง ถ้าไม่ผิดพลาดนะ ตรงนี้จอดเรือนอนได้คงไม่มีใครว่า แต่ขนาดมันน่าจะเล็กเกินไปที่จะกำบังลมเวลากลางคืน ในทะเลบางทีกลางคืนลมแรงมากๆ และการย้ายเรือตอนกลางคืนก็ลำบาก หรือบางจุดคลื่นแรงเกินก็นอนไม่ได้อีก ผมเคยเห็นเพื่อนนอนในเรือภาวะคลื่นลมแรง ตื่นมาตอนเช้าหน้าแดงกว่าทานเหล้าไปหลายขวดอีก ส่วนใหญ่เรือจะจอดนอนตามจุดที่เป็นอ่าวที่หลบลมได้ดีครับ ต้องดูทิศทางลมด้วย ถึงจะนอนแบบมีความสุข

สิ่งที่เกาะเล็กๆ ต่างจากเกาะใหญ่

เกาะใหญ่ๆ ใครๆ ก็ไปได้ ลงเรือที 40-50 คน วันนึงมีเรือมาจอดประมาณ 20-30 ลำ คิดต่ำสุดก็ (40x20 = 800 คน)
ถ้าเกาะไหนมีเรือคาตามารัน เทียบจอด จอดทีลงเรือที 250 คน ถ้าวันละ 2 เที่ยว 500 คน มันยิ่งกว่าตลาดนัดบนฝั่งอีก...แต่นี่บนเกาะนะ
พอคนเยอะจึงต้องมีการตั้งกฏระเบียบมากมาย ทุกสิ่งก็แย่งกันกินแย่งกันใช้ เกาะใหญ่ๆ เขาจึงมีวิธีการจัดการเพื่อให้ง่าย ทำเป็นแพ็คเก็จมากมาย
มันเป็นเรื่องของการควบคุมผลประโยชน์ คนที่มาเที่ยวก็มาเที่ยวแบบตารางเวลา

สำหรับคนที่มีเรือ เราอาจต้องมองหาเกาะที่ไม่ต้องไปแย่งกันกับชาวเมืองกรุงแตกแบบนั้น ก็ยังพอมีเกาะแบบอย่างว่าแต่ต้องเสาะแสวงหาหน่อย มองหาไปเรื่อยๆ จะมีโอกาสใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ ได้ผจญภัยพอได้ตื่นเต้น ได้สัมผัสความต้องการพื้นฐานจริงๆของชีวิต เกาะเล็กๆจะไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก อันไหนไม่มีก็เตรียมไปเอง แต่ก็พอมีบ้างบางเกาะ หากไม่อยากลำบาก วิ่งกลับมาพักที่ฝั่งได้ไม่ไกล หรือจะเป็นชาวเกาะก็ได้ สนุกดี...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
       "เรามีความฝันไม่ต่างจากชาวอเมริกันทั่วไป คือไปเรียน แต่งงาน ซื้อบ้าน และทำงาน"

“ถ้ามีเงิน เราจะซื้อบ้านหรือซื้อเรือใบดี?”

นี่คือแมตต์ กับ เจสสิก้า จอห์นสัน และแมวตัวนึงที่เดินทางมา 16 ประเทศ

http://issue247.com/people/couple-quits-jobs-to-travel-the-world-with-cat/

ผมแค่จะบอกว่า โลกนี้มันมีแนวคิดหลายอย่าง

บางคนเลือกที่จะ ทำงาน เก็บเงิน ใช้เงิน
กับบางคนเลือกที่จะ ไม่ทำงาน ไม่เก็บเงิน ไม่ใช้เงิน

แต่ก็อยู่บนโลกใบเดียวกันได้

 แก้ไขเมื่อ : 7/3/2559 21:11:55

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
       ขอบคุณครับน้าตุ้ม ที่คอยตอบคำถามที่ผมสงสัย

ถ้าน้าตุ้มออกทริปแล้วไปเจอเกาะเล็กๆ ที่สงบเงียบ ไม่ค่อยมีคน อย่าลืมบันทึกเรื่องราวการเดินทางแบ่งกันอ่านนะครับ
**ลงพิกัด GPS ด้วยนะครับ เมื่อเรือผมพร้อมแล้วจะได้ตามรอยที่น้าไปบ้าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจอดเรือ โดยใช้เครื่องมือทางเรือ

1.ใช้ Sounder ใช้สำหรับบอกความลึกของน้ำ (แม่นยำกว่า GPS) โดยรู้ระดับความลึกที่แน่นอน นอกจากบอกความลึก บอกขนาดปลา จำนวนปลา อุณหภูมิน้ำแล้ว บางเครื่องบอกความเร็วได้ด้วย โดยแสดงพื้นทะเลในรูปแบบความหนาแน่นของพื้นทะเล (ภาพออกมาคล้ายๆอัลตราซาวด์ ตรวจครรภ์ หรือดูอวัยวะภายในร่างกาย) ถ้าตรงไหนพื้นทะเลสูงๆ ต่ำๆ และมีความหนาแน่นสูง (สีเข้มๆ) ตรงนั้นเป็นหิน ถ้าตรงไหนพื้นทะเลเรียบๆ ความหนาแน่นปานกลาง (สีกลางๆ) ตรงนั้นจะเป็นพื้นทราย ถ้าตรงไหนพื้นทะเลความหนาแน่นต่ำ เป็นลายๆความหนาแน่นสูงต่ำสลับกัน พื้นน้ำพื้นตรงนั้นอาจมีพืชใต้น้ำอยู่ ตรงไหนพื้นทะเลเป็นสีจางๆ ไล่ความเข้มลงไปตรงนั้นอาจเป็นโคลนเลน

2. ใช้ Gps แผนที่ทะเล (ผมใช้ Map ของ Garmin บน iPad) Map ตัวนี้บอกแนวหาดทรายด้วย สีเขียวๆ คือแนวหาดทราย แต่ก็ไม่ถูกต้องมากหรือตรงกับที่เราเห็นจริง อาจเป็นที่น้ำขึ้นน้ำลง ไม่ได้เอามาคำนวนด้วย ลักษณะสีที่บอก คือ จะเป็นการไล่โทนสีโดยมีมาตรฐาน สีที่โทนอ่อนๆ คือแนวปลอดภัย สีโทนเข็มๆ คือ แนวที่อันตราย อันนี้อาจนำแนวคิดในรูปแบบคล้ายๆ ของมาตรฐานระบบไฟฟ้ามาใช้ คือ สายไฟจะมีกี่สีก็ตาม สีเข้มๆ คือ อันตราย สีอ่อนๆ คือ ปลอดภัย ไล่ตามโทนสี จะสีอะไรก็ตาม

3.ใช้สายตาสังเกตุ ทะเลที่เป็นเกาะส่วนใหญ่น้ำจะใส สามารถมองเห็นได้ 3-5 เมตรแล้วแต่ความใสของน้ำ ใช้วิธีดูสีของน้ำทะเล เป็นจุดสังเกตุ ว่าตรงไหนตื้น ตรงไหนลึก ในทะเลลึกทะเลจะมีสีกรมท่า ทะเลที่เป็นน้ำตื้นสีจะฟ้าปนเขียว ตรงทะเลที่เป็นพื้นทรายน้ำทะเลจะเป็นสีฟ้าสวยใสเพราะทรายมันสะท้อนแสง ส่วนไหนมีหินกับตรงไหนมีทรายปนกัน สีน้ำทะเลจะเป็นสีไม่สม่ำเสมอมีจุดลายๆ ด่างๆดำๆ ถ้าขับเรือเข้าไปแล้วเห็นพื้นลายๆ มีสีเข้มๆ สีจางๆปนเข้ามาตรงนั้นมีหินและทราย ทุกครั้งที่ขับเรือเข้าเขตน้ำตื้นให้ขับช้าๆ เดินเรือด้วยความระมัดระวัง

4.การจอดเรือแบบข้ามวัน ต้องทำการเช็คระดับน้ำจากตารางน้ำทุกครั้ง เนื่องจากน้ำทะเลจะขึ้นลงตลอดเวลา วัฏจักรน้ำทะเลจะอยู่ที่ 12 ชั่วโมง 25 นาที จากระดับน้ำต่ำสุดหรือสูงสูงสุด ระดับน้ำจะวนกลับมาใกล้เคียงเดิมอีกครั้ง โดยการเช็คระดับน้ำก่อนจอดเรือ แล้วดูระดับต่ำสุดอยู่ที่ระดับใดให้ปรับระยะการจอดโดยให้สูงกว่าระดับน้ำต่ำสุดขั้นต่ำ 30 cm หรือแล้วแต่การกินน้ำลึกของเรือแต่ละลำ หรือจะใช้วิธีคำนวนระดับน้ำจุดที่จอดเรือปลอดภัยโดย

ระดับน้ำจุดที่จอดเรือปลอดภัยรายวัน = ค่าเฉลี่ยระดับน้ำรายวัน + ระดับน้ำต่ำสุดรายวัน

ระดับน้ำจุดที่จอดเรือปลอยภัยรายเดือน = ค่าเฉลี่ยระดับน้ำรายเดือน + ระดับน้ำสูงสุดรายวัน

ระดับน้ำเฉลี่ยรายวัน และรายเดือนของแต่ละสถานีตรวจวัด สามารถดูได้จาก ตารางน้ำชาวเลรายชั่วโมง =>http://tumsikwae.blogspot.com/2015/11/sea-man-tide-table-thailand-2016-2559.html

แสดงความคิดเห็นย่อย