คำตอบที่ 1
      
แบตเกรดเอ รุ่นเดียวกัน มาตรฐานการผลิต - คุณภาพใกล้เคียงกันครับ อายุการใช้งานใกล้ๆกัน ถือว่าใช้ได้ทุกยี่ห้อครับ

**สำคัญที่การบำรุงรักษา น้ำกลั่นอย่าให้แห้ง ไม่ได้ใช้ต้องกระตุ้นกระแสไฟอยู่เสมอ เช่นการติดเครื่องไว้บ้าง .. ถอดออกมาชาร์ทบ้าง

การเลือกซื้อ
ควรเลือกดูอย่างแรก ราคา
สอง การรับประกัน
และส่วนที่สำคัญมากคือร้านค้า ที่ ..ให้ความรู้และบริการหลังการขายดี (ข้อสามเป็นที่มาของ 1และ2 )

ลุงเอาข้อสามครับ ท่านกิมหงวน เหตุผลได้ทั้งสามข้อ..555 /กล้วยตาก จาก : กล้วยตาก(กล้วยตาก) 22/7/2554 10:48:19 [182.53.144.33]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ปกติ ผมใช้ GS มันถูกดีครับ

หวััดดี เสือเหิม .เหิม . ... พี่ขอค้าน นะ คำตอบนี้ 555 ++ จาก : chunlee331(chunlee331) 22/7/2554 9:19:37 [182.53.193.169] 55555555555+++ จาก : pomtlrc(pomtlrc) 22/7/2554 9:50:24 [203.131.208.114]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณครับพี่ๆๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       แบตแบบ FREEMAINTENANCE 100% ดี/ไม่ดี อย่างไร คุ้มกับเงินที่จ่ายไหม
ใครขายแบต หรือ กูรู จัดด่วน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ขอออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่เรื่องอ้างอิงทางวิชาการ พอรู้นิดหน่อยงูๆปลาๆ แต่ไม่ใช่กูรู

ขอเสริมท่านคนชายแดน นิดหนึ่งครับ
เรื่องน้ำหนักแบต จะถูกกำหนดด้วย ชื่อรุ่นของแบต เช่น
แบตรุ่น N70 แล N70Z
N70 มีจำนวนแผ่นธาตุ(ตะกั่ว) 13 แผ่น มีความจุ 70 แอมป์/ชั่วโมง ------>
N70Z มีจำนวนแผ่นธาตุ(ตะกั่ว) 15 แผ่น มีความจุ 75 แอมป์/ชั่วโมง ------> สังเกตุน้ำหนักรุ่นนี้จะมากกว่าตัวแรก
และ แบต รุ่น NS110 นั้น 110 นั้นคือชื่อรุ่น ของแบตยี่ห้อเอฟบี มีความจุ 80 แอมป์/ชั่วโมง


แบตเตอรี่สำหรับรถกระบะทั่วไป
เครื่อง 2500 ใช้แบตที่มีกำลังตั้งแต่ 65 แอมป์ (65D31) ขึ้นไป
เครื่อง 2700-3000 ซีซี ใช้แบตที่มีกำลังตั้งแต่ 80 แอมป์(80D26) ขึ้นไปถึง 90 แอมป์(105D31)ขึ้น
ปัจจุบันสำหรับรถกระบะ มีให้เลือกใช้ได้ตั้ง 65 แอมป์ ถึง 110 แอมป์ ขึ้นอยู่ที่ความจำเป็นของการใช้งาน


สำหรับแบตนั้น มีหลายประเภท เช่น น้ำ-กึ่งแห้ง(MF) -กึ่งแห้ง(SMF)-น้ำซับแห้ง(AGM) -เจล(GEL)
น้ำ - มีส่วนผสมของตะกั่ว+ แร่พลวง -->> กินน้ำกลั่น ต้องเช็คน้ำกลั่นโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 อาทิตย์/ครั้ง
กึ่งแห้ง(MF) - มีส่วนผสมของตะกั่ว+ แคลเซี่ยม -->> กินน้ำกลั่นน้อย เป็นที่มาของคำว่า Maintenance Free
(ส่วนผสมแคลเซี่ยม ทำให้สูญเสียน้ำน้อย )
คือการดูแลรักษาแทบเป็นศูนย์ ภายในระยะเวลาที่กำหนดเช่น 40,000 โล หรือ1 ปี แล้วแต่ว่า อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน
* แต่ตัว MF นี้ยังไงต้อง ได้เติมน้ำกลั่นอยู่ดี เพราะรุ่นนี้จะต้องมีช่องเติมน้ำกลั่น *

กึ่งแห้ง(SMF) - ส่วนผสมเหมือน MF แต่รุ่นนี้ ไม่มีช่องให้เติมน้ำกลั่นเลย จึงไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน

SMFจะมีรุ่นที่พิเศษกว่านี้อี่กคือ จะมีส่วนผสมของ
= อัลลอยด์+แคลเซี่ยม > แพงและนำไฟฟ้าได้ดี ...
= เงิน + แคลเซี่ยม > แพงกว่าและนำไฟฟ้าได้ดีกว่า

สำหรับแบต Maintenance Free ที่พี่เมฆถามมานั้น จะนิยมติดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สะดวกสบาย ไม่ต้องดูน้ำกลั่นบ่อย
อายุการใช้งาน และกำลังไฟก็ใกล้เคียงกันกับแบตน้ำธรรมดาครับ เหมาะสำหรับรถที่ผู้หญิงขับหรือ คนที่ไม่มีเวลาดูแล
แต่ยังไงต้องดูแลน้ำกลั่นไม่ให้แห้งอยู่ดีครับ แห้งเมื่อไหร่ก็น๊อคเมื่อนั้น 555+ **รถติดแก๊ส ใช้ได้ปกติครับ**

**ซึ่งแบตน้ำธรรมดาถ้าดูแลดีไม่ให้น้ำแห้ง ก็ไม่น้อยหน้าแบตกึ่งแห้งเหมือนกัน

สำหรับSMF นั้น จะพิเศษกว่า MF คือ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย สามารถเก็บไว้ในห้องโดยสารได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำกรดเลอะเทอะ กลิ่นเหม็น
มีปัญหาภายในระยะเวลาที่รับประกัน ก็เคลมอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเรา 555+
**SMF นั้นไม่เหมาะสำหรับรถติดแก๊ส LPG เพราะ ในห้องเครื่องร้อนอยู่แล้ว มาเจอกับหม้อต้มแก๊ส ยิ่งร้อนหนักกว่าเดิมอี่ก มีผลจะทำให้แบตร้อนเร็ว
ระบายความร้อนไม่ทัน เกิดอาการแบตบวม และเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด


ผมยังยืนยันว่า องค์ประกอบในการเลือกซื้อ ข้อ 3 เป็นที่มาของ ข้อ 1และ2 ครับ (ให้ความรู้ แนะนำเรื่องการดูแลรักษา และการรับประกัน)

ขอบคุณครับพี่ มากๆๆเลยครับผม จาก : mjsound(mjsound) 23/7/2554 23:41:24 [223.207.108.163]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       นอกจากทั้ง 3ข้อแล้ว ยังอยากให้สังเกตุข้อ 4 ด้วยนะครับ
4.นน.แบตเตอรี่ เพราะมันจะบ่งบอกว่ามีปริมาณแผ่นธาตุ(ตะกั่ว)อยู่มากน้อยเพียงใด
ยิ่งหนา ก็ยิ่งใช้ได้ยาวนาน และปริมาณไฟก็จะมากตามไปด้วย
ส่วนปริมาณ แอมป์นั้น อย่าเชื่อตัวเลขมากนะครับ เช่นNZ 110 ก็ไม่ได้หมายความว่า 110 แอมป์นะครับ
เพราะหม้อขนาดกลางแบบ 6ช่อง ที่ใส่ปิคอัพทั่วไป ก็จะจุได้ 75-80 แอมป์เท่านั่น.. จำเขาว่ามาอีกที

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ไปถอยมาแล้วครับพี่ พร้อมสาย
สบายใจกันไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ขอบคุณ น้องกิมหงวนที่ให้ ความรู้ขอรับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       เพิ่มเติมเป้นความรู้ครับ (จำช่างเขามาว่าต่อนะ)
รถทุกคันไม่จำเป็นต้องใช้แบตฯ ที่มีแอมป์เยอะๆ อยู่ที่ความจำเป็นของการใช้กระแสไฟของรถคันนั้นครับ เพราะถ้าเราใช้แบตฯ ที่มีแอมป์เยอะ จะมีผลทำให้ไดชาร์ชต้องทำงานหนัก หมายความว่าไดชาร์ชต้องทำงานเพื่อชาร์ชไฟให้เต็มแบตฯ (จึงจะตัด) ดังนั้นไดชาร์ชก็จะเสื่อมหรือเสียเร็วนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย