คำตอบที่ 29
คาวบอยกับรั้วลวดหนาม
เมื่อคราวมีกฎหมายด่านตรวจโรคของรัฐแคนซัสและมิซูรี่ ห้ามผ่านเขตแดนของรัฐพวกต้อนวัวจำเป็นต้องเสาะหาเส้นทางใหม่บุกบั่นฟันฝ่า ขึ้นไปเพื่อมุ่งไปยังสถานีรถไฟ
ยังมีเส้นทางหนึ่งเรียกว่า กู๊ดไนท์เลิฟวิ่ง จากเท็กซัสต้องไปทางตะวันตกเข้าเขตเม็กซิโกวกขึ้นเหนืออ้อมเฉียดแคนซัสวก เข้าโคโรลาโด มุ่งขึ้นเหนือเข้าไวโอมิ่ง เลยขึ้นไปมอนทาน่าไปสุดที่ไมล์ซิตี้ ก่อนนี้ไม่มีใครคิดถึงลแจะเชื่อว่าเส้นทางนี้ตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เวิ้ง ว้าง จะมีค่าอะไรต่อชาวปศุสัตว์โดยเฉพาะในหน้าหนาวพายุหิมะรุนแรง วัวมันจะทนไม่ได้ ใครต้อนฝูงวัวไปตามเส้นทางนี้เขาคิดว่าคงจะมีแต่คนบ้าเท่านั้น
แล้วอยู่ๆได้เกิดเหตุไม่น่าเชื่อ เมื่อมีเกวียนเล่มหนึ่งใช้วัวลาก 2 ตัวบรรทุกสินค้าจากแคนซัสไปร็อคกี้ไปได้ไม่ไกลก็เจอหิมะตกหนัก ต้องจอดเกวียนแอบไว้แล้วปล่อยวัวไป ถึงฤดูใบไม้ผลิเขากลับไปพร้อมกับวัวตัวใหม่เพื่อจะใช้ลากเกวียนเดินทางต่อ แทนที่วัวที่ปล่อยไป แต่ที่ไหนได้พอไปถึงก็เห็นมันเที่ยวและเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์
นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าวัวมันอยู่ได้ในแถบถิ่นหนาวเย็นกลางทุ่งราบทางเหนือ ดังนั้นเมื่อมีทางรถไฟข้ามทวีปวางไปถึงที่นั่นอีก 2 ปีต่อมาชาวปศุสัตว์จึงเป็นขบวนแรกที่ต้อนวัวไปสู่แผ่นดินทองทางภาคเหนือ โดยผ่านไปทางเส้นทางใหม่ แต่การต้อนวัวเป็นฝูงขึ้นเหนืออย่างนี้เป็นอยู่ระยะหนึ่งเท่านั้น ราว 20 ปีทางเหนือค่อยๆกลายเป็น แดนปศุสัตว์ เข้มข้นขึ้นทุกที
ความอุดมด้วยวัวทางตอนเหนือ ทำให้การต้อนวัวจากทางใต้ขึ้นไปค่อยๆลดลงจนหมดสิ้นไปในที่สุด เมื่อถึงยุคที่รัฐบาลเปิดทุ่งกว้างให้ผู้คนเข้าไปจับจองตั้งรกรากมีที่ดินทำ กิน พวกนี้เรียกตัวเองว่า ชาวไร่ แม้ว่าจะเลี้ยงสัตว์ด้วย แต่เลี้ยงในขอบเขตที่ดินของตัวเองที่กั้นรั้วรอบขอบชิด เป็นจุดสิ้นสุดของยุคการเลี้ยงวัวเร่ร่อนปล่อยทุ่ง หรือต้อนฝูงวัวไปไกลๆ และเป็นการสิ้นสุดของยุคทองคาวบอย
การเลี้ยงวัวปล่อยทุ่งหมดยุคแล้ว เปลี่ยนเป็นเลี้ยงในไร่ นี่คือที่มาของรั้วลวดหนาม กลางทุ่งหญ้าที่เคยเป็นหญ้าฟรีน้ำฟรี เจ้าของที่ดินก็จะกั้นขบเขตทำรั้วลวดหนามถ้ามีแม่น้ำลำธารผ่านก็ลงทุนทำ กังหันลมชักน้ำเข้ามาใช้ ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลที่ชาวปศุสัตว์เคยได้อาศัยปล่อยวัวเที่ยวหากินตาม ประสาเป็นอันสิ้นสุดลง จะต้อนวัวไปไกลๆก็ยากเพราะมีรั้วลวดหนามผุดขึ้นมาขวางกั้นทั่วไป
พวกคาวบอยเหงามือไปตามๆกันต่างแยกย้ายกันไป บ้างไปหากินต่างถิ่นที่พอจะมีงานถนัดให้ทำบ้าง หรือไปหากินทำงานตามโรงงานหรือท่าเรือ แต่ก็มีอีกมากที่ทำงานอยู่ถิ่นเดิม ทำงานที่ตนถนัดอยู่ตามไร่ปศุสัตว์ และมีหน้าที่เพิ่มขึ้นนอกจากการเลี้ยงวัว เช่นงานปักเสารั้วลวดหนาม ทั้งต้องคอยดูแลซ่อมแซมให้แข็งแรงอยู่เสมอ
แต่ละไร่กว้างใหญ่ที่เป็นพันๆเอเคอร์ก็มีงานพวกคาวบอยยามยากบางคนต้องออกไป ทำงานไกลๆเป็นเดือนๆก็มี ดูแลทุกอย่างตามสายงาน เช่น สายรั้ว สายกังหัน สายวัว หลับนอนในกระท่อมปลายไร่บนเตียงพื้นลวดตาข่าย มีโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง เก้าอี้มีพนักตัวหนึ่งก็พอ ในครัวมีเตาไม้ฟืนข้างฝาอาจมีย่ามใส่อะไรต่ออะไร ที่ขาดมิได้คือย่ามใส่เกลือกระปุกไม้ใส่เครื่องมือเอาอาหารเข้าปาก ขวดเบียร์เปล่ามีไว้คลึงนาบแป้งทำขนมปัง
รั้วลวดหนามนั้นมันเป็นลวดเหล็ก เป็นสายล่อฟ้าอย่างดี เวลาฝนตกหรือเกิดพายุ บางทีถูกฟ้าผ่าราบเป็นแถบๆบางก็ต้องเหนื่อย เพราะแรงน้ำเซาะทำให้ดินเป็นร่องวัวอาจลอดออกไปได้ หรือมันทะเลาะชนกันทำเอารั้วหรือเสาล้มก็มี เครื่องมือคนงานสายนี้เป็นสิ่งที่คาวบอยยุคนั้นไม่รู้จัก เช่น คีม กรรไกรตัดลวด แต่งานนี้คนชอบก็มีถมไป คนอย่างนี้เป็นประเภทชอบทำงานคนเดียวเงียบๆ รักธรรมชาติ มีม้าเป็นเพื่อนคู่ชีพ
การที่จะทำรั้วยาวเหยียดกั้นรอบบริเวณไร่กว้างใหญ่ไม่ว่าจะเป็นไร่เล็กใหญ่ ยุคนั้นเป็นที่ยากที่สุดที่ใครจะคาดคิดว่าจะทำกันได้ เพราะไม้หายาก ถ้าใครคิดทำก็ต้องเสี่ยงค่าใช้จ่ายสูงมากกับการขนส่งและปัญหายุ่งยากอื่นๆ รั้วลวดหนามต้องมิดชิดพอที่จะกีดกั้นสิ่งไม่พึงปรารถนาล้ำแดนเข้ามา ปัญหาหลังนี้ในที่สุดก็มีผู้คิดอ่านได้อย่างหมดจด มันเป็นฝีมือของชาวไร่ในรัฐอิลินอยส์คนหนึ่งนามว่า โจเซฟ กลิดเดน ที่แกคิดแก้ปัญหาได้อาจจะเรียกว่าเป็นความบังเอิญก็ได้ และเป็นความบังเอิญอันเนื่องมาจากคำบงการของเมียแกเอง
วันหนึ่งแกได้ยินเสียงเมียบ่นฉอดๆว่าสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้และหวงนักหวงหนามี หมาของใครไม่รู้เข้าไปเหยียบย่ำอยู่บ่อยๆ ช่วยมากั้นรั้วให้มิดชิดหน่อยได้ไหม พอได้รับคำสั่งเช่นนั้น นายโจเซฟก็ได้ความคิดขึ้นมา แกตรงไปร้านเครื่องเหล็กในเมือง ซื้อลวดเหล็กมาหลายขด ขึงยาวเป็นชั้นๆตอกติดกับเสาเพื่อกั้นสวนดอกไม้ อีกส่วนตัดเป็นท่อนสั้นๆทุบปลายให้แหลมทั้งสองด้านพันบิดแน่นกับสายลวดยาว หลังจากนั้นก็ไม่มีหมาเข้าไปย่ำในสวนดอกไม้อีกเลย
นายโจเซฟไม่ได้หยุดแค่ ทำรั้วกั้นสวนดอกไม้เท่านั้น แต่ลงทุนตั้งโรงงานผลิตลวดหนามกั้นรั้วอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนค่อยๆพัฒนามาเป็นลวดสองเส้นควั่นเกลียวติดลวดปลายแหลมกระชับแน่น เขาโฆษณาขายสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่เอี่ยมในวงการอุตสาหกรรมว่า รั้วอย่างดีที่สุดในโลก เบาเหมือนอากาศ แรงฤทธิ์กว่าวิสกี้ ราคาถูกกว่าขยะ
สมัยนั้นขายกันเป็นน้ำหนัก เปิดโรงงานใหม่ๆในปีแรกขายได้เพียง 10,000 ปอนด์ จนถึงปี 1880 โรงงานทำรั้วลวดหนามของแกทำแทบไม่พอขาย เพราะขายดีขึ้นทุกที ผลิตได้ปีหนึ่งประมาณ 80 ล้านปอนด์
ด้วยความคิดง่ายๆทำของใช้ในครัวเรือน กลับกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดี ต่อมากลายเป็นวัสดุก่อให้เกิดการจบสิ้นยุคการเลี้ยงวัวปล่อยทุ่งและการต้อน ฝูงวัวเดินทางไกลๆไปหาตลาดผู้ซื้อ