คำตอบที่ 14
กองพันมรณะ ตอนที่ 11
ด้วยการสนับสนุนของกองพันทหารรับจ้างที่ 618 ซึ่งตั้งปืน ค. แบบ 81 สองกระบอก ยิงเปิดทางข้ามศรีษะกลุ่มทหารลาว มุ่งทิศทางการยิงขึ้นไปบริเวณฐาน ชาร์ลี-แทงโก้ ด้วยการยิงชนิดโยกซ้ายโยกขวา บางครั้งก็ซัลโวถล่มอยู่ ณ จุดเดิมๆด้วยลูกสังหารติดๆกัน 6-7 ชุด ทำให้ ปรส.75 ทั้งสองกระบอกที่ตั้งจังก้าอยู่ ณ ที่ฐานยิง ชาร์ลี-แทงโก้ หมดพิษสงไปในทันทีทันใด
ทั้งพลบรรจุและพลยิงของข้าศึกหมดโอกาสที่จะออกจากหลุม ขึ้นมาปรับทิศทางการยิงของปืนได้ ด้วยอำนาจปืน ค. กดหัวข้าศึกจนกระทั่งต้องซุกตัวนิ่งอยู่กับพื้นสนามเพลาะ เปิดโอกาสให้หน่วยกล้าตายของลาวคืบคลานใกล้ที่หมายเข้าไปทุกที
ในที่สุด ค.81 ก็ถูกร้องขอให้ยุติการยิงชั่วคราว และในเวลาเดียวกัน กลุ่มทหารลาวก็คืบคลานเข้าถึงบริเวณที่ตั้งปืนของข้าศึกพอดี
ฉากการประจัญบานด้วยอาวุธสั้นก็ได้เปิดฉากขึ้นในทันทีทันใด
ทหารเวียดนามเหนือที่เหลืออยู่เพียง 2 หมวดเผ่นขึ้นจากร่องคูเหลด แต่ไม่ใช่หนีนะครับ พวกมันกระโจนเข้าห้ำหั่นกับกลุ่มทหารลาวย่างชนิดประชิดตัวเลยทีเดียว
เสียงปืนอาร์ก้ารัวถี่ยิบ บางครั้งก็มีเสียงระเบิดตูมใหญ่ของลูกระเบิดดังแทรกซ้อนขึ้นมาอีก กลุ่มทหารลาวที่แฝงกายเข้ามาเป็นชุดแรก ถูกความบ้าดีเดือดของทหารเวียดนามเหนือไล่สังหารตายยับอยู่ ณ บริเวณฐานปฏิบัติการนั่นเอง ส่วนที่เหลือรอดอยู่ 2-3 คนก็หันหลังกลับเผ่นลงจากยอดเนินอย่างขวัญเสีย
ช่วยยิง M.60 คุ้มกันให้ด้วย ประเดี๋ยวจะส่งหน่วย อินทรีดำ ขึ้นบุกรังพวกมันอีกครั้ง
พ.อ.โซราย่าตะโกนด้วยความโมโหที่มองเห็นลูกน้องตายยับต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น
ปืน M.60 สองกระบอกรัวเป็นจังหวะติดต่อกัน พลยิงส่ายปากกระบอกสาดกระสุนเข้าใส่รังปืนข้าศึกเป็นห่าฝน และในขณะเดียวกันนั้น กลุ่มทหารลาวที่มีเครื่องแบบพิสดาลกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากแมกไม้ที่ปกคลุมเป็นหย่อมๆ ณ บริเวณสองข้างทางที่ใช้เป็นเส้นทางขึ้นโจมตีฐานปฏิบัติการของข้าศึก
ด้วยชุดสีดำสนิทไปทั้งร่าง ศรีษะถูกคาดเอาใว้ด้วยผ้าประเจียดสีแดง ปล่อยชายพู่ห้อยเอาไว้เบื้องหลัง บริเวณหน้าอกซ้ายเหนือราวนมมีเครื่องหมาย นกอินทรี ของกองรบพิเศษเมืองหลวงพระบางติดเอาใว้อย่างโก้หรู ทุกคนมีปืนกล M.16 เป็นอาวุธประจำกาย วิ่งซิกแซ็กเข้าหาข้าศึกด้วยยุทธวิธีที่ผ่านการฝึกจากศูนย์สงครามพิเศษมาอย่างช่ำชอง
สนุกแน่ครับ บ้าดีเดือดกับบ้าระห่ำได้เจอะกันแล้ว หน่วยอินทรีดำ เป็นหน่วยที่มีชื่อเสียงที่สุดของกองพันทหารแห่งประเทศลาว แทบทุกคนผ่านคอร์ส แรงเย่อร์ และ รีค่อน อันแสนทรมานจากสัตหีบมาแล้วอย่างโชกโชน
การต่อสู้ด้วยมือเปล่าหรือเล่ห์เหลี่ยมทุกชนิดในการสังหารศัตรู ถูกบรรจุอยู่ในหัวสมองของหน่วยอินทรีดำมาช้านานและครั้งนี้ได้มีโอกาสเล่นกับของจริง ก็เลยทำให้หน่วยอินทรีดำชุดนี้มีความกระเหี้ยนกระหือมากขึ้น
เมื่อมองเห็นหน่วยกล้าตายวิ่งตะลุยขึ้นไปอย่างบ้าเลือดเช่นนั้น ทำให้กลุ่มทหารลาวที่รีรออยู่เบื้องหลังบังเกิดความอุ่นใจพากันเคลื่อนที่ติดตามขึ้นไปทันที
คราวนี้ไม่ต้องรอให้ทหารเวียดนามเหนือขึ้นมาจากร่องคูเหล็ดหรอกครับ หน่วยอินทรีดำกระโจนลง ล่า พวกข้าศึกถึงก้นหลุมเลยทีเดียว
ด้วยชั้นเชิงและความสามารถที่เทียบกันไม่ได้ ทหารเวียดนามเหนือถูกสังหารเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว ต่อจากนั้น หน่วยอินทรีดำก็ผละออกจากร่องสนามเพลาะบุกตะลุยเข้ายึดฐานปฏิบัติการ ชาร์ลี-แทงโก้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 50 เมตร
สิงหะ (บก.ล่องแจ้ง) จากโซราย่า พวกเรายึดชาร์ลี-แทงโก้ ได้แล้วเมื่อเวลา 10.30 ขณะนี้กำลังเคลียร์รอบๆบริเวณอยู่ ถ้าทำ ชอปเปอร์-แพ็ด (ที่ให้เฮลิคอปเตอร์ลงพื้น) เสร็จเมื่อไหร่ กรุณาส่งน้ำยาดับกลิ่นขึ้นมาให้ด้วย เหม็นเหลือเกิน ศพพวกมันเน่าเละเทะไปหมด
พ.อ.โซราย่า ส่งข่าวการปฏิบัติการให้ บก.สิงหะ (บก.ล่องแจ้ง) ทราบทางวิทยุสนาม
ดีมาก โซราย่า ทางปีกขวาของเราก็ยึด ชาร์ลี-ออสก้า ได้แล้วเช่นกัน เหลืออยู่ตรงยอดครึ่งกลางแห่งเดียวเท่านั้น ผมคิดว่า ทหารของเราคงทำสำเร็จก่อน 2 โมงเย็นใช่ไหมครับ
ท่านนายพลวังเปาย้อนถามมือขวาขึ้นไปอีกครั้ง
ผมคิดว่าคงไม่เกิน 3 โมงแน่นอนครับ ขณะนี้ชุดอินทรีดำของเราล่วงหน้าขึ้นไป เกาะ ฐานข้าศึกเรียบร้อยแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ผมจะให้ส่วนหนุนเคลื่อนตีเข้าตีฐาน ชาร์ลี-อัลฟ่า ทันที
ทหารของพวกมันมีกำลังพลประมานเท่าไหร่ วังเปาย้อนถาม
มีไม่เกิน 20 คนครับ แต่ละคนก็อยู่ในสภาพที่อดอยากเพราะขาดแคลนอาหาร และเป็นที่น่าเสียดายไม่มีข้าศึกรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว พวกมันชิงฆ่าตัวตายหมดครับ
ไม่เป็นไร ขอให้ทหารของเรายึดฐานกลับคืนมาได้ ผมก็ดีใจแล้วครับ เมื่อทำชอปเปอร์แพ็ดเสร็จ ผมจะขึ้นไปเยี่ยมทหารถึงบนฐานเลยทีเดียว
ท่านนายพล อย่าเพิ่งขึ้นมาตอนนี้เลยครับ มันอุจาดตาเหลือเกิน รอให้ทหารของเราจัดแจงเผาศพเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อนเถอะครับ
โอเค เพื่อนรัก เย็นนี่ถ้าเรียบร้อยแล้วคุณลงมาพักผ่อน แล้วพบกันตอนเย็นนะ ผมสั่งอุ้งตีนหมีเอาใว้ให้คุณเป็นพิเศษ
ขอบคุณท่านนายพลมากครับ พ.อ.โซราย่ากล่าวตอบท่านนายพลวังเปาด้วยความดีใจที่จะได้ลิ้มรส อุ้งตีนหมี อันเป็นยาเสริมพลังเพศชั้นเยี่ยมจากตำหรับเก่าแก่ของชนเผ่าแม้ว
นับว่าเป็นการเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงของ บก.ล่องแจ้งที่คาดการณ์เอาไว้ว่า จะต้องมีกำลังพลของข้าศึกยึดครองเนินสกายไลน์ทูเอาใว้อย่างมากมายเลยทีเดียว
ผิดคาดครับ มีข้าศึกอยู่เพียง 20 กว่าคนเท่านั้นเองที่ถูกมอบให้รับหน้าที่ ลวง พวกเราอยู่บนยอดเนิน อุปกรณ์ในการ ลวง ที่ฝ่ายค้นพบก็คือ โคมไฟขนาดใหญ่ พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาดกระทัดรัดที่ใช้ส่งสัญญาณไฟ โต้ตอบ หลอกพวกเราอยู่เสมอๆในเวลากลางคืนนั่นเอง
ด้วยพลประจำโคมไฟเพียง 2 คน ทหารเวียดนามเหนือก็สามารถสร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายเราประเมินกำลังของพวกมันผิดพลาดไปหมด พลประจำโคมสัญญาณเหล่านี้ มีหน้าที่เพียงเปิดโคมไฟหลอกล่อพวกเราเท่านั้น
แม้กระทั่งอาวุธหนัก ปรส.75 ทั้ง 2 กระบอกก็เป็นปืนของทหารรับจ้างที่ถอนตัวแล้วพากันทิ้งปืนเอาไว้นั่นเอง
ฐาน ชาร์ลี-ออสก้า มีข้าศึกอยู่เพียง 4 คนที่ผอมโซด้วยความอดอยาก ขนมโก๋ชิ้นสุดท้ายของข้าศึกถูกทหารลาวยึดเอามาแบ่งกันกินอย่างสนุกสนาน
ส่วนบนยอดเนินที่สูงที่สุดบนฐาน ชาร์ลี-อัลฟ่า พลประจำโคมไฟสองคนสุดท้ายปล่อยทีเด็ด สวมหัวใจสิงห์ด้วยการบรรจุดินระเบิดเต็มแผงหน้าอก แล้ววิ่ง ชาร์จ กลุ่มอินทรีดำแหลกลาญไป 6-7 คน ท่ามกลางความเป็นเดือดเป็นแนของทหารหน่วยนั้น
ชัยชนะอย่างเด็ดขาดตกเป็นของกองพันทหารลาวภายในเย็นวันนั้นเอง
ก่อนเวลา 15.00 น. เล็กน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างบนเนินสกายไลน์ทู ก็เรียบร้อยพร้อมที่จะให้ชอปเปอร์บินขึ้นส่งกำลังบำรุงได้ตามปกติ
หน่วย เอ.ดี.เอส. ที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ บริเวณลานจอด เริ่มออกเคลียร์รันเวย์ด้วยเครื่องตรวจวัตถุระเบิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจราจรทางอากาศของสนามบินล่องแจ้งที่ปิดตายมาเกือบอาทิตย์ก็เริ่มเปิดการจราจรภายในเย็นวันนั้นเอง
กองพัน 618 ถูกฝูงชอปเปอร์หิ้วอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นไปวางแนวแทนกองพันทหารลาวทั้ง 4 กองพันในวันต่อมา
หลังจากนั้น กองพันทหารลาวก็เริ่มเคลื่อนย้ายลงจากเนินสกายไลน์ทู มุ่งหน้าบุกป่าทึบไปยังสนามบิน ป่าดง เพื่อเข้าที่รวมพล รอแผนการที่จะบุกตะลุยเข้าทุ่งไหหินต่อไป
มันเป็นการสูญเสียที่น้อยเป็นประวัติการณ์ในการบุกเข้าโจมตีข้าศึก อย่างไรก็ดี นายพลวังเปาเสียอกเสียใจในการสูญเสียชีวิตของหน่วยอินทรีดำทั้ง 7 คนเป็นอย่างมาก ท่านเคยปรารภกับผมอยู่เสมอว่า หน่วยอินทรีดำหน่วยนี้ เป็นหน่วยที่ท่านภูมิใจอย่างที่สุด แล้วท่านก็เลยกระซิบบอกกับผมอย่างเปิดอกว่า แท้ที่จริงทหารชุดนี้ก็คือ หน่วยกล้าตายพิเศษที่ท่านจ้างมาจากศูนย์สงครามพิเศษประเทศไทยนั่นเอง
ทุกคนเป็นทหารรับจ้างชาวไทยล้วนๆ ที่เข้ามาเผชิญโชคในแผ่นดินลาวด้วยค่าจ้างเดือนละ 8,000 บาทต่อคน มีกำลังพลทั้งหมด 67 คนพอดี
ไอ้ความสงสัยที่ผมมีต่อทหารหน่วยนี้ เมื่อคราวพบครั้งแรกที่สนามบินล่องแจ้ง เมื่อตอนที่เคลื่อนย้ายมาจากสุวรรณเขตก็ประจวบเหมาะกันพอดี
ก็ใครจะไม่สงสัยเล่าครับ ผิวพรรณบางคนดำคล้ำเหมือนไทยอิสลามก็มี แถมบางคนก็เดาะพูดภาษาปักษ์ใต้กันหนุงหนิงไปหมด คราวแรกผมนึกว่าผมหูแว่วไปเสียอีก พอหันหน้าไปมองดู ทหารกลุ่มนั้นก็ทำเป็นนิ่งเฉยคล้ายๆกับกลัวคนอื่นจะสังเกตเห็นอะไรทำนองนั้น ลักษณะดังกล่าวตบตาผมไม่ได้หรอกครับ ลักษณะท่าทางของทหารหน่วยอินทรีดำมันผิดแปลกไปจากลักษณะของชาวแม้วหรือชาวลาวโดยทั่วไปอย่างสังเกตุเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการเดินเหิน ลักษณะจากศูนย์สงครามพิเศษที่ได้รับการฝึกจนเป็นกมลสันดาน มักจะแสดงออกมาด้วยความเคยชิน โดยที่ไม่รู้สึกตัวเองเลยแม้แต่น้อย มิน่าเล่ายุทธวิธีการรบที่เต็มไปด้วยแบบแผนอันรัดกุม จึงสามารถบดขยี้ข้าศึกที่ผ่านการรบมาชั่วนาตาปีลงได้อย่างสะดวกโยธิน
ค่าใช้จ่ายในการเข้าตี เนินสกายไลน์ ประเมินอย่างคร่าวๆ เริ่มคิดตั้งแต่ ราคาของกระสุนปืนใหญ่แต่ละนัดที่ยิงถล่มทั้ง 4 กระบอกเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง คิดเป็นจำนวน 1,500 นัด ลูกสังหาร ตามราคาที่ประเมินเอาไว้ในคลังสนามตกลูกละ 900 บาท โดยเฉพาะค่าลูกกระสุนปืนใหญ่ก็ตกเข้าไปตั้ง 1,350,000 บาทเข้าไปแล้ว ไหนจะค่าลูกกระสุน M.16,M.60,M.79,M.72 ค.81 และค่าอะไรต่ออะไรปลีกย่อยที่ทหารต้องสูญไปอีก เช่นค่าทำขวัญทหารผู้เสียชีวิตที่ซี.ไอ.เอ. ต้องจ่ายให้ศพละ 100,000 บาท เข้าไปอีก
เราจะเห็นได้ว่า ซี.ไอ.เอ. ทุ่มทุนในสงครามลาวด้วยค่าใช้จ่ายวันหนึ่งๆอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
อเมริกันจะได้อะไรในประเทศลาว?
จนด้วยเกล้าครับผม ไอ้ผมมันก็ชนชั้นกระจอกๆตามธรรมดานี่เอง แล้วจะมีหัวคิดปราดเปรื่องทางด้านการเมืองทันชาวบ้านเขาได้อย่างไร แต่ถ้าท่านถามผมมาอีกว่า ที่พวกเราดันสะเออะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาด้วย มันจะมีดีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
สำหรับข้อนี้ ผมขอตอบเสียเลย เพราะไหนๆเหตุการณ์มันก็ผ่านเลยเถิดมาจนกระทั่งทหารรับจ้างสลายตัวออกมาจากประเทศลาวจนหมดสิ้นแล้ว
ข้อแรกเรามีโอกาสออกไปยันข้าศึกที่จะทะลักข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาก่อความยุ่งยากขึ้นภายในเขตของประเทศไทยเข้าทำนองกั้นรั้วนอกบ้านนั่นแหละครับ
ข้อสอง เงินสิครับใครจะไม่ชอบบ้าง ไม่รู้ว่ากี่ร้อยล้านกี่พันล้านที่ ซี.ไอ.เอ. ประเคนให้กับผู้บริหารงานกองบัญชาการเสือพราน
อยู่กับเงินซะอย่าง ไอ้ที่ไม่รั่วไหลเห็นจะยากส์ นิสัยคนไทยไอ้เรื่องจะไม่มีคอรัปชั่น หายากครับ ขนาดประมูลสร้างส้วมแท้ๆ พี่ไทยก็ยังเบียดบังผลประโยชน์กันเป็นว่าเล่น
สงครามลาวสร้างฐานะความเป็นอยู่ให้กับ คนบางคน อย่างล้นเหลือ และในทำนองเดียวกันสงครามลาวก็สร้างความหายนะให้กับชีวิตอาสาสมัครชาวไทย ล้มหายตายลงจากไปมิใช่น้อย
□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
เมื่อเหตุการณ์ทางด้านสกายไลน์ทูเข้าสู่สภาพปกติ ผมก็ถูกส่งตัวขึ้นไปบนฐานชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อประสานงานกับกองพันทหารรับจ้างที่ 616 อีกครั้ง
เพื่อให้กองพันทหารรับจ้างทั้งหลาย มีอำนาจการคุ้มครองจากปืนใหญ่โดยทั่วถึงกัน ทาง บก.ล่องแจ้งก็วางแผนให้ย้ายฐานปืนใหญ่จากเฮอคิวลิสขึ้นไปตั้งรวมอยู่กับ บก.พัน 616 เพื่อให้มีอำนาจการยิงครอบคลุมไปถึงสนามบินซำทองได้อย่างสบาย
และแล้วในวันรุ่งขึ้น ส่วนล่วงหน้าของฐานปืนเฮอร์คิวลีส ซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารปืนใหญ่ 40 คน ก็ได้มาถึงฐานปฏิบัติการกองพันผม
หน้าที่ของทหารปืนใหญ่เหล่านี้ก็คือ จัดการสร้างฐานปืนให้เรียบร้อยก่อนที่เจ้า สกายเครน จะหิ้วเอาตัวปืนมาในภายหลัง
ทหารต่างกองพันเจอะกันเข้า ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการพนันหรอกครับ ไฮโล คือการพนันที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุดในสมรภูมิลาว บริเวณหลังศูนย์วิทยุ บก.พัน ที่ผมใช้เป็นที่พักอาศัย กลายเป็นที่ชุมนุมของ นักนิยมกระดูกเต้นรำ กันให้คลั่กไปหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือเจ้านาย ต่างก็เชือดเฉือนกันอย่างหน้าดำหน้าแดง ลืมสถานการณ์ที่กริ่งเกรงไปชั่วขณะ
ข่าวคราวและวี่แววของข้าศึกที่ตั้งฐานอยู่ ณ สนามบินซำทองเงียบเชียบ จนทำให้กองพันทหารรับจ้างของผมคิดว่ากำลังส่วนใหญ่ของพวกมันคงจะถูกอำนาจระเบิดจาก B-52 ถล่มสูญเสียไปจนหมดสิ้นแล้ว
ไอ้ความเงียบนี่แหละครับที่สร้างความประมาทให้กับกลุ่มทหารรับจ้างชั้น ผบ.หมวดบางคนอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้
จากการลาดตระเวณที่เคยทำเป็นประจำ ก็อาศัยความประมาทหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ บางครั้ง บก.ล่องแจ้งออกคำสั่งให้ค้นหาร่องรอยข้าศึก ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการค่อนข้างจะไกลพอสมควร พ่อเจ้าประคุณเหล่านี้ก็ทำทีออก ลว.เหมือนกัน แต่พอเดินลับตาจากฐานปฏิบัติการก็หลบแว่บเข้าไปซุกซ่อนตามป่าทึบ
บางกลุ่มก็งัดไฮโล หรือไพ่ป๊อกออกมาจั่วกันสบายอารมณ์ไปเลย ปล่อยให้พลวิทยุส่งข่าว แหกตา ไปทาง บก.พัน ด้วยข่าวที่แนบเนียน จน ผบ.พัน ไม่มีทางจับผิดได้
ข้อนี้แหละครับ เป็นจุดเสื่อมที่กองพันทหารรับจ้างต้องประสพกับการเข้า เกาะ ฐานปฏิบัติการจากพวกข้าศึกอยู่เสมอๆ ข้าศึก เกาะ ฐานของฝ่ายเราเมื่อไหรา พึงสำเหนียกเถิดว่าหายนะกำลังเข้ามาเคาะประตูบ้านของท่านแล้ว อีกไม่นานเกินรอ ฐานปฏิบัติการของท่านอาจจะโดนหน่วยแซปเปอร์ (กล้าตาย) ของทหารเวียดนามเหนือ แหกลวดหนามขึ้นมาเชือดคอทหารรับจ้างที่ทำหน้าที่เป็นยามรักษาการเอาดื้อๆ อย่างชนิดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ภาระกิจอันซ้ำๆซากๆของพวกทหารรับจ้างยาม ปลอดศึก ก็คือการลาดตระเวณที่น่าเบื่อหน่าย และจำเจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นเอง
...................
พบข้าศึก 7-8 คน บนเนินทันเดอร์กำลังลากปืน ค. ซึ่งคาดว่าจะเป็นแบบ 82 ขึ้นมาจากทางด้านที่ลาดลงไปสนามบินซำทองครับ
พลวิทยุจากหน่วยตรวจการณ์หน้า ซึ่งซุ่มอยู่บนเนินเล้กๆบริเวณ เนินอานม้า รายงานข่าวเข้า บก.พันด้วยน้ำเสียงร้อนรนจนฟังไม่ได้ศัพ์...