คำตอบที่ 1
       ไม่จำเป็นต้องไปยกแบบไหนทั้งสิ้น เปลืองตังค์เปล่าๆ ประสิทธิภาพที่ได้ไม่คุ้มกัน
ยกช่วงล่างจะไปมีปัญหากับลูกยางเพลาขับ ฉีกขาดได้ง่าย (ถ้าเป็น toyota จะเวิร์คกว่ากับการยกช่วงล่าง) ไหนจะสายเบรค กันโครงหน้า/หลัง ที่เซ็ทมาดีแล้ว
ยกตัวถัง ศูนย์ถ่วงรถเปลี่ยนไป แรกๆก็ดูเท่ห์ดีหรอก นานเข้าขับแล้วเหนื่อย เดินทางไกลก็ไม่คล่องตัว แล้วจะรู้สึก
อย่างมากแค่ถอดบันไดข้างเก็บ แล้วเลือกแบบเป็นแป๊บ ตามใจอยาก ยางเต็มที่ไม่เกิน 265/75 R16 ล้อแม๊กเดิม
อยู่ที่การขับมากกว่า เรียนรู้การขับแบบออฟโร๊ด แล้วจะรู้ว่า ในเส้นทางทุระกันดาน รถที่สูงกว่ากัน 2-3 นิ้วนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน รถนั้นถูกทำมาแบบ 4WD อยู่แล้ว แรงบิดได้มากถึง 380 ตามที่ได้จ่ายตังค์ไป ไม่ได้เอาไปแข่งนี่ ถ้าอยากเสียตังค์ ก็แค่ โช๊ค 1 ชุด หาเหล็กกันแคร๊ง เกียร์ ถังน้ำมัน มากกว่านั้นก็ กันชนเหล็กหลัง/หน้า (เท่ห์กว่า) สุดท้ายถ้าอยากได้รถลุยจริง ขอแนะนำ toyota เป็นจุดเริ่มก่อน รถ Mazda มีดีในตัว แต่ความเชี่ยวชาญในการทำรถ Off-Road ..TOYOTA เหนือกว่า

รถนั้นถูกทำมาเป็นแบบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       สำหรับ BT-50 แล้ว แนะนำแค่ยาง 245/75 R16 เท่านั้นพอ ถ้าใส่อยู่แล้วก็โอเค หากเป็นคำถามที่ว่าควรจะยกกี่นิ้วและแบบไหน ก็ผิดตั้งแต่เอามาเป็นคำถามแล้ว ที่จริงมันควรจะคือคำตอบ ของคำถามที่ว่า คุณต้องการใช้ยางขนาดไหน เพื่ออะไร หากต้องการเพิ่มหน้ากว้างของยางเป็น 265/75 คุณจะได้อะไรบ้าง
ความสูงของระยะต่ำสุด (เสื้อเพลาท้าย) ได้เพิ่มมาอีก 1 เซนติเมตรกว่าๆ คุ้มไหม
แลกกับแรงต้านการหมุนของยางที่ไปหน่วงกำลังเครื่อง แต่ก็ยังพอไหว
ใช้แม๊กเดิม เพื่อให้ใส่ยางแล้ว ไม่ติดซุ้มเวลาเลี้ยว
พอคร่าวๆ... ก็อาจไม่จำเป็นต้องไปยก อย่างมากก็แค่ขัน Torsion Bar หน้าเพิ่มนิดหน่อย ประมาณ 1 นิ้ว
แต่ถ้าอยากใช้ยางสัก 35 นิ้ว อันนี้คงต้องยกแล้ว ...ยังไงบ้าง
เริ่มจากการยกช่วงล่างขึ้นกี่นิ้วก่อน ที่พอให้ล้อไม่ติดซุ้ม ถ้าไม่พอจึงค่อยยกตัวถังตาม (นี่แหล่ะเหตุผล)
ตามมาด้วยอัตราทดเฟืองท้าย หน้า/หลัง ต้องเปลี่ยน แน่ๆ
ชุดโช๊คเพื่อซับแรง ติดตั้งเพิ่ม แน่ๆ
ไหนจะกันสะบัด อาร์ม ...
ถ้าไม่ทำเป็น Step อย่าทำดีกว่า
กลับมาที่การยกช่วงล่าง ชุดช่วงล่างของ Mazda มีความยืดหยุ่นตัวในการปรับแต่งไม่มากนัก (จุดนี้ toyota เหนือกว่าใคร) ทำให้ชุดยกที่ทำกันออก (ตามแต่สูตรใครสูตรมัน) ได้ความสูงเพิ่มมากน้อย ตามแต่ปริมาณชิ้นส่วนที่ถูกถอดเปลี่ยน เพิ่มใส่ แตกต่างกันออกไป ตามราคาและประสิทธิภาพ
มาถึงตรงนี้ ตัดสินใจได้หรือยัง ว่าจะยกไปทำอะไร มีงบประมาณเท่าไร
อยากจะบอกว่า ยางใหญ่ ใส่ไปก็ขับแล้วเหนื่อย ที่สำคัญการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ในเส้นทางแบบ Off-Road นั้น สัมผัสแล้วชื่มชมไปกับธรรมชาติตามเส้นทาง ดีกว่ามานั่งติดโคลน ติดหล่มเป็นวันๆ แล้วก้อบรรดาพวกยางใหญ่ทั้งหลายนี่ ทำลายเส้นทางเป็นอย่างมาก ไม่ได้ว่าไม่ชอบ แต่พยายามอย่าทำลายเส้นทาง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ก็แค่คันอยากแต่งเล่นๆ ให้มันไม่ซ้ำใคร ใส่ยาง 33 สแวมเปอร์ ลายดุๆ ก็เท่านั้นเอง (เป็นพวกเน้นสวย กลัวเลอะ)
ไม่ได้คิดจะเอาไปลุย หรือ แข่งกับยี่ห้อไหนหรอกครับ

โตต้าก็เริ่มไปจนจบความคันแล้วครับ คานแข็ง คอยสปริง เรียบร้อยละ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ลิเก ! แต่งเอามันเดี๋ยวก็เบื่อ toyota นั้นปะไรล่ะ ทำไมไม่ใช้ต่อ
ลองเปรียบเทียบกับรถแต่งของเมืองนอกสิ น่าจะเป็นการแต่ง เพื่อสร้างบุคคลิกใหม่ให้กับตัวรถ ให้มีเอกลักษณ์ แค่พอประมาณ เรียบๆ ดูได้นานๆ แต่ยังคง Performance ที่ดีของรถไว้
รถแต่งแล้วมันต้องลอง ส่วนใหญ่คนจะไปนึกถึงสภาพทางโคลน ฉะนั้นต้องยางใหญ่ๆ ต้องได้วิ่งลุยๆ อันนั้นโอเค แล้ว Performance ของรถล่ะ
คำว่า Off-Road ไม่ใช่แค่ทางโคลนอย่างเดียว
เคยปีนหินไหม !
เสียวกว่า โหดกว่า ตัวรถจะต้องได้ทั้งกำลังของเครื่อง และช่วงล่างที่ดี เบรค ให้สามารถที่จะควบคุมรถได้ ไปทีละฟุต ๆ รถ Standard เนี่ยะ พอแล้ว แล้วทำให้เรารู้จักใจเย็นขึ้นด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       สำหรับ toyota ที่อยากบอกว่าเด่นกว่า คือในเรื่องของเกียร์ อัตราทดในเกียร์ Lo มากกว่าใคร (หาเทียบ Spec. ดูเอง) นี่จุดสำคัญ อีกทั้งในเรื่องของ Walking Speed การ Control คันเร่งเลี้ยงรอบเครื่อง อันนี้ยอมรับ Mazda ขับแล้วด้อยกว่า
ไปจอง V Hi Speed Runner อยู่ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา เหนื่อยด้วย
รูปถ่ายไว้ 2 ปีแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย