คำตอบที่ 1
เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญครับ หลังจากขึ้นนั่งรถ ติดเครื่องแล้ว มีชายสามคนขับรถปิคอัพมาจอดรถขวางหน้ารถผม และสองคนลงจากรถเดินมาหา ผมจึงลดกระจกลงเพื่อบอกให้เลื่อนรถ แต่ทันใดนั้นเอง หนึ่งในสองคนได้พยายามคว้าแขน และพยายามดึงกุญแจรถออกจากคอพวงมาลัย ด้วยความตกใจ ผมจึงรีบเคลื่อนรถโดยปีนขอบทางหนี แต่คนที่พยายามคว้าผมนั้น ติดรถมาด้วย เมื่อรถกระแทกพื้น เขาก็ตกลงไปที่พื้น แต่โชคร้าย โดนล้อหลังรถผมทับ อีกคนวิ่งตามมาทันรถ และคว้ากุญแจสำเร็จ ดับเครื่อง ดึงออกไปจากรถ และรัวหมัดใส่เป็นชุด บอกว่าขับรถทับน้องเขา ผมจึงบีบแตรยาวๆๆๆ ให้คนแถวนั้นมาดู และโทรเรียก 191 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ผมได้ให้คนเจ็บไปโรงพยาบาลโดยบอกว่าจะออกค่ารักษาให้ รีบไปตรวจอาการ แล้วไปเจอกันที่โรงพัก ซึ่งรถคันที่มาจอดขวางก็พาคนเจ็บไปโรงพยาบาล โดยให้คนที่ต่อยผมนั่งแท็กซี่ไปเจอกันที่โรงพักก่อน
พอถึงโรงพัก เข้าสอบปากคำ รอประกัน รอผลการตรวจจากโรงพยาบาล
ตำรวจได้ชี้แจงว่า (ยังไม่ลงบันทึก แค่คุยกันอยู่) สิ่งที่ผมได้ทำไปนั้น มองได้ว่าเป็น"สิ่งที่รู้ หรือ สมควรรู้"ว่ามีคนเกาะรถอยู่ ถ้าคนเกาะรถตกลงไปโดนรถทับ จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงเป็นข้อหา"พยายามฆ่า"
แต่ฝ่ายประกันของผม ก็แย้งว่า เป็นการชิงทรัพย์ และเกิดจากการกระทำของบุคคลที่กระโดดมาเกาะรถเอง แต่ผลที่ได้คือ ฝ่ายผมแพ้ครับ เถียงว่าชิงทรัพย์ไม่ได้ผล เพราะผมยังอยู่ในรถ เค้ายังเอารถไปไม่ได้ สุดท้ายก็คือ"พยายามฆ่า"อยู่ดี
ผมกับประกันออกอาการ "งง" เลยครับ
ผมจึงต้องขอร้องให้ตกลงกัน ในที่สุด ผมเสียค่ารักษาพยาบาล และค่าทำขวัญอีกหลายหมื่น เพื่อให้เรื่องจบง่ายๆ
จากเรื่องนี้จึงเอามาเล่าให้ฟัง ระวังคนแปลกหน้าดีๆนะครับ
ส่วนรถไม่เป็นอะไร ก็ไม่ต้องแจ้งเคลม ไม่เสียประวัติ