คำตอบที่ 1
       เช้าวันรุ่งขึ้นตรงกับวันอาทิตย์ พวกเราตื่นแต่เช้าตรู่เดินฝ่าความเย็นยะเยือกมาขึ้นรถไฟจากเกียวโต สู่เมืองนาหระ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ นารา (Nara)

ถึงสถานีคินเท็ตสึ-นาหระ แล้วเดินต่ออีกไม่ไกลมุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

อากาศยามเช้าแม้จะชวนสดชื่น แต่ด้วยอุณหภูมิที่เกิน 0 มาเล็กน้อย ก็ทำเราต้องรีบเดินเพื่อให้ร่างกายเกิดความร้อน จะได้ไม่ทรมานจากอากาศเย็นมาจนเกินไปนัก

คำตอบที่ 2
       นาหระ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งกวาง เพราะชาวเมืองเชื่อว่า กวางคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวนาหระจึงไม่ทำร้ายกวาง และปล่อยให้ใช้ชีวิตตามอิสระ

คำตอบที่ 3
       การที่ปล่อยให้กวางใช้ชีวิตอิสระเพ่นพ่านไปได้ทั่วเมืองนี้เอง ทำให้กวางกลายเป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของนาหระไปโดยปริยาย
แต่ธุรกิจเกี่ยวกับกวางก็มีเพียงร้านขายอาหารให้นักท่องเที่ยวซื้อเลี้ยงกวาง และของที่ระลึกรูปกวางนานาชนิด รวมทั้งของเล่นเท่านั้น

คำตอบที่ 4
       เป้าหมายหลักของการมาเที่ยวชมเมืองนาหระ ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกนั้น นอกจากจะมาเดินชมกวางใน Nara Park แล้ว สถานที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ก็คือ วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในญี่ปุ่น

ทางเดินจาก Nara Park มายังวัดโทไดจิ จะมีร้านค้าทั้งแบบเพิงและรถเข็นเรียงรายโดยตลอด ในภาพเป็นรถเข็นขายมันเผา ราคาชวนเครียด เพราะเขาแบ่งมันเผาขายเป็น 3 ไซส์ (S, M, L) ราคาหัวละ 400, 500, 600 เยน หรือราว 120, 150 และ 180 บาท ตามลำดับ!!! ขอย้ำว่านี่เป็นราคามันเผาต่อหัวนะครับ!!!

คำตอบที่ 5
       กวางตัวนี้ท่าทางจะชอบกินมันเผามากกว่าขนมเซมเบ้ เจ้านี่จึงมักมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่างจากร้านมันเผาเท่าใดนัก พอมีใครมาซื้อ มันก็จะเดินตามด้วยหวังจะได้ส่วนแบ่งมันเผามาบ้าง
เล่นของแพงนะเอ็ง!

คำตอบที่ 6
       อาคารวิหารใหญ่วัดโทไดจิ ตระหง่านอยู่ที่สุดปลายทางเดิน

คำตอบที่ 7
       เมเปิลระหว่างทางเดินสู่วัดโทไดจิ เปลี่ยนสีได้แดงบาดตาเสียเหลือเกิน

คำตอบที่ 8
       หน้าวัดโทไดจิ มีสวนญี่ปุ่นสวยๆ แต่คนถ่ายรูปถ่ายออกมาได้ไม่สวยเท่าไหร่

คำตอบที่ 9
       ความยิ่งใหญ่อลังการของวิหารแห่งวัดโทไดจิ วิหารแห่งนี้เป็นอาคารวิหารสร้างจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

คำตอบที่ 10
       ซุ้มประตูทางเข้าวิหารวัดโทไดจิด้านหน้า ที่ไม่เปิดใช้ เพราะต้องการให้เกิดการความมีระเบียบในการเข้าชม และให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวัดหลายๆมุม ทางวัดจึงให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าทางประตูด้านทิศตะวันตก และเดินเลาะระเบียงวัดด้านในเพื่อเข้าตัววิหาร และกลับออกทางประตูด้านทิศตะวันออกแทน เมื่อยดีแท้

คำตอบที่ 11
       ชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อย จึงสามารถเดินผ่านเข้ามาในเขตวัดได้ ตัวอาคารวิหารอยู่ไม่ไกลแล้ว

คำตอบที่ 12
       เดินเลาะรั้วระเบียงวัดมาเรื่อยๆจนถึงประตูทางเข้าด้านหน้า (ที่ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า)
บริเวณนี้มีกระถางธูปและตู้ทำบุญตั้งไว้สำหรับให้ผู้มาเยือนไอ้อธิษฐานขอพร แต่คุณลุงเจ้าหน้าที่วัดคนนี้ดูแลกระถางธูปดีมาก ทันทีที่มีใครมาปักธูป คุณลุงจะรีบคีบธูปออกจากกระถางทันทีโดยไม่สนใจว่าคนขอพรจะอธิษฐานเสร็จหรือยัง ใจร้ายมากกกกกก....

คำตอบที่ 13
       นั่งดูคุณลุงหวงกระถางด้วยความเพลิดเพลินอยู่พักใหญ่ นึกได้ว่าต้องเดินต่อ มุ่งหน้าเข้าไปชมภายในวิหารวัดโทไดจิดีกว่า แต่ตัววิหารเขาก็ยิ่งใหญ่อลังการสมกับความเป็นวิหารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจริงๆ ลองเทียบกับขนาดคนดูเถอะ

คำตอบที่ 14
       ด้านหน้าวิหาร

คำตอบที่ 15
       ผิดกับกระถางธูปตรงระเบียงด้านนอก - - กระถางธูปด้านหน้าวิหารมีธูปปักอยู่มากมาย ควันตลบ ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเมื่อจุดธูปขอพรแล้ว จะต้องกวัก/วัก เอาควันธูปเข้าหาตัวเพื่อเป็นสิริมงคลและพรนั้นจะสมปรารถนา ขืนเจ้าหน้าที่วัดรีบดึงธูปออก คนมาขอพรก็ไม่ทันกวักควันเข้าหาตัวน่ะสิ

คำตอบที่ 16
       พระพุทธรูปที่มีขนาดองค์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (ไดบุตสึ) ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดโทไดจิ

คำตอบที่ 17
       ภายในวิหารมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกียวกับวัดโทไดจิ โดยเฉพาะเครื่องลางที่มีลูกค้ามุงซื้อกันเต็ม (ไกลๆในภาพ) ซึ่งผมไม่อยากเบียดสาวๆญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักเข้าไปมุงซื้อเครื่องลางให้ใจสั่นเล่นโดยไม่จำเป็น จึงเดินเลี่ยงมาที่หน้าร้านคุณลุงที่ไม่ได้ขายกระเบื้องมุงหลังคาที่ระลึก หากแต่เป็นเหมือนการทำบุญสร้างอุโบสถของเรา นั่นคือบริจาคเงินทำบุญซื้อกระเบื้องมุงหลังคาให้วัด โดยคุณลุงจะเขียนคำขอพรบนกระเบื้องให้ด้วย

คำตอบที่ 18
       ออกมาจากวัดเพื่อจะเดินไปเที่ยวต่อบริเวณรอบๆ เจอสองแม่ลูกที่มาเที่ยววัด ชอบใจว่าคุณลูกแต่งตัวได้สุดเดชดีเหลือเกิน

คำตอบที่ 19
       ทางด้านทิศตะวันออกของวัดโทไดจิ มีทางเดินขึ้นเนินเตี้ยๆไปยัง Sangatsu-do Hall โดยต้องเดินลอดซุ้มประตูโทริอิ เข้าไป

คำตอบที่ 20
       เดินขึ้นบันไดไปไม่กี่ขั้นก็มองเห็นหลังคาทางเข้า Hall แล้ว

คำตอบที่ 21
       ทั้งเมเปิลและแปะก๊วย เปลี่ยนสีสวยเชียว

คำตอบที่ 22
       เดินถ่ายรูปรอบๆ Sangatsu-do Hall เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆก็สุขใจแล้ว

คำตอบที่ 23
       รอบรั้ว Sangatsu-do Hall

คำตอบที่ 24
       เสร็จจาก Sangatsu-do Hall เดินตัด Nara Park เพื่อจะกลับไปยังสถานีรถไฟ เจอช่างภาพญี่ปุ่นหลายคนกำลังตั้งกล้องรุมถ่ายอะไรอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆจึงรู้ว่า เขากำลังถ่ายเจ้าสองต้นนี้อยู่

คำตอบที่ 25
       ใบกำลังเปลี่ยนสีสวยทั้งสองต้น แถมแดดก็สวย ฟ้าก็ใส ใครถือกล้องเดินผ่านไปมาก็ต้องอดใจไม่ได้ทั้งนั้น

คำตอบที่ 26
       เดินต่อมาอีกไม่ไกล ได้ยินเพลงประสานเสียงดังมาแว่วๆ จึงเดินเข้าไปทางต้นกำเนิดเสียง พบว่ามีคณะคุณป้าอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี มาตั้งวงร้องเพลงประสานเสียงกัน โดยมีหนุ่มวัยหลาน 2 คน คอยเล่นกีตาร์คลอไปด้วย

เห็นแล้วอิจฉารูปแบบการใช้ชีวิตของเขาจัง

คำตอบที่ 27
       ใบแปะก๊วยเหลืองสด กับจังหวะแสงสวยๆที่ Nara Park

คำตอบที่ 28
       โอย ใกล้ขาดใจแล้ว เจอใบไม้ตั้งแต่ คต 20 มาเนี่ย
อยากไป อยากไป

คำตอบที่ 29
       ถ่ายรูปเพลินจนเกือบลืมเวลา มองดูนาฬิกาอีกทีก็เลยเที่ยงแล้ว บ่ายนี้มีโครงการจะไปเดินเล่นที่เมืองอูจิ (Uji City) ต่อเสียด้วย
ว่าแล้วก็รีบเดินจ้ำกลับสถานีรถไฟ แต่ไม่วายเจอแสงสวยๆเลยหยุดกดมาอีกที ทิ้งท้ายบ๊าบายเมืองนาหระด้วยภาพนี้ครับ

คำตอบที่ 30
       คุณกระทิงโทนครับ ถ้าใจใกล้จะขาด แนะนำว่าไม่ควรชมภาพการเดินทางวันอื่นๆของผม โดยเฉพาะวันที่ 3-4-5-6 เด็ดขาดครับ ไม่งั้นหมูออมสินที่บ้านโดนคว้านท้องแน่ รับประกันได้

คำตอบที่ 31
       ...บ่ายสอง...
เรามาถึงเมืองอูจิ (Uji city) เมืองเล็กๆที่เงียบสงบทางตอนใต้ของเกียวโต

คำตอบที่ 32
       แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็พอมีตึกสูงๆให้เห็นเป็นภาพ contrast ของบ้านเรือนยุคเก่ากับตึกรามสมัยใหม่บ้าง

คำตอบที่ 33
       อูจิเป็นเมืองนอกโปรแกรมเที่ยวของทัวร์ต่างประเทศทุกคณะ ด้วยความเป็นเมืองที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก ที่นี่เราจึงไม่เห็นรถบัสทัศนาจรพาทัวร์มาลงเป็นคณะให้ชวนวุ่นวาย
ถนนหนทางเดินเที่ยวในเมืองนี้ ก็เป็นตรอกแคบๆ เล็กๆให้ลัดเลาะทะลุเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

คำตอบที่ 34
       เข้ามาแบ่งเบี้ยประกันครับ

ขอพนัน..เอ๋ยประกัน..ว่าหมูแตกแน่ๆ

คำตอบที่ 35
       เมืองเขา สวยอะไรปานนั้น

คำตอบที่ 36
       สถานที่เที่ยวสำคัญของเมืองอูจิ จะว่าไปที่เด่นที่สุดก็คือ "วัดเบียวโด-อิน" ซึ่งเป็นวัดมรดกโลก และเป็นที่เก็บรักษาศาสนสมบัติของชาติหลายชิ้น
สำหรับโปรแกรมเที่ยวของพวกเรา แม้จะมีกำหนดการเข้าชมวัดเบียวโด-อิน ด้วย แต่ยังไม่ทันจะถึงวัด ทางเดินก็พาเรามาพบกับทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำอูจิที่เต็มไปด้วยชาวเมืองมาพักผ่อนตกปลากันมากมาย

คำตอบที่ 37
       จะรอช้าอยู่ทำไม เดินลงไปดูใกล้ๆดีกว่า

คำตอบที่ 38
       แม่น้ำอูจิค่อนข้างกว้าง และบริเวณที่ไหลผ่านเมือง ก็มีเกาะกลางน้ำ ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ มีการสร้างฝายทดน้ำไว้ด้วย

คำตอบที่ 39
       ใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนเงาบนผิวน้ำตรงเหนือฝาย

คำตอบที่ 40
       หนุ่มน้อยนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจริมตลิ่งของเกาะกลางแม่น้ำอูจิ

คำตอบที่ 41
       ภาพที่เห็นจนชินตาเมื่อมาที่นี่ คือชาวญี่ปุ่นมักจะพาสุนัขไปเที่ยวไหนด้วยเสมอ

คำตอบที่ 42
       เช่นเดียวกับเจ้าตัวนี้ ที่เจ้าของจับแต่งชุดกิโมโน? และจับขึ้นไปแอ๊คท่าถ่ายรูปอยู่เหนือป้ายมรดกโลก!!!

คำตอบที่ 43
       แดดเริ่มอ่อนแสง กอปรกับความเมื่อยล้าที่ต้องเดินมาทั้งวัน เราจึงตัดสินใจไม่เข้าชมวัดเบียวโด-อิน (จริงๆแล้วที่ไม่อยากเสียค่าเข้าชมวัดต่างหาก) และเดินเลาะริมฝั่งแม่น้ำ ขึ้นไปเที่ยวชมทัศนียภาพบนเกาะกลางแม่น้ำอูจิแทน

ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำร่มรื่นสวยงามน่าเดินมาก

คำตอบที่ 44
      
เจ็บตับจริงๆ ละท่าน ......ขอบคุณมากนะที่ทำภาพใหญ่ดูได้เต็มตาดีจัง

ภาพสวยๆ มันต้องอย่างนี้ท่านเฌอเขียวครับ เห็นแล้วให้อิจฉาเป็นอย่างมาก

ขอบอก ผมอยากไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ สงสัย 10 กิ๊กผมไม่พอแน่ แฮ่แต่มี เนคโต้

ไป 200 กิ๊ก คงพอมั้ง แค่ภาพภาค 2 ยังขนาดนี้ ....สงสัย ภาคต่อไปคงไม่มี

สีอื่นผสมแน่ๆ ท่าน ...ใบไม้ สีแดงๆ ตัดด้วยฟ้าน้ำเงินเข้ม มุกนี้ไม่มีไม่ได้นา

ท่านเฌอ....รอดูภาคต่อไป และเก็บเงินด้วย กระทิงโทนไปด้วยกันเน้อ

คำตอบที่ 45
       จริงๆแล้ว มีสะพานข้ามไปยังเกาะกลางแม่น้ำอยู่หลายสะพาน แต่ที่เด่นที่สุดคือสะพานที่เดินไกลสุด เพราะอีกฟากหนึ่งของสะพานคือเจดีย์หินอายุหลายร้อยปี

คำตอบที่ 46
       ข้ามมาถึงเกาะกลางแม่น้ำอูจิแล้ว มองไปอีกฟากฝั่งแม่น้ำ มองเห็นสะพานสีส้มแดงอีกแห่งที่ทอดข้ามจุดบรรจบของแม่น้ำสองสาย สวยดีจัง ภาพนี้น่ารักตรงที่บริเวณเชิงสะพานทั้งสองด้าน มีหนุ่มมาตกปลาอยู่ ส่วนตรงกลางแม่น้ำก็มีเจ้านกยางมายืนนิ่งรอจับปลาอยู่เช่นกัน เรียกว่าดักปลากันทุกทิศเลยทีเดียว

คำตอบที่ 47
       สะพานเดียวกัน แต่คนละมุม มองเห็นทิวไผ่และหมู่ไม้ใบเปลี่ยนสีเป็นฉากด้านหลัง

คำตอบที่ 48
       ไหนๆก็อุตส่าห์เดินข้ามมาถึงเกาะกลางแม่น้ำแล้ว ก็ต้องข้ามไปอีกฟากแล้วเดินกลับเป็นวงกลม ถึงจะครบสูตร
ว่าแล้วเราก็ใช้สะพานนี้เป็นทางเดินข้ามไปอีกฟากหนึ่ง

คำตอบที่ 49
       บ้านเรือนบนอีกฟากหนึ่งของฝั่งแม่น้ำที่กำลังอาบแสงแดดอุ่นยามเย็น ให้อารมณ์แปลกไปอีกแบบ

คำตอบที่ 50
       ปิดท้ายของวันนี้ด้วยมุมมองจากบนสะพานข้ามแม่น้ำอูจิอีกแห่ง มองย้อนกลับไปเห็นเกาะกลางแม่น้ำซึ่งเดินข้ามไปเที่ยวเมื่อครู่

คำตอบที่ 51
      
คุณ TuiNui Krub เอารูปมาโชว์บ้างสิครับ

คุณ pct50 ไม่ใช่เมืองสวยอย่างเดียวนะครับ ธรรมชาติก็สวย แต่สาวสวยหายากหน่อย ฮ่าๆๆ

คุณปู่เฟืองจำปีครบ ขอยืนยันครับ 10 กิ๊กไม่มีทางพอครับ เพราะผมเอาไป 10 กิ๊ก หมดภายใน 2 วันครับ กลับถึงที่พักต้องดูดลง Photobank ทุกวัน ยิ่งไปเจอใบไม้สวยๆวันที่ 3-4-5-6 ด้วยแล้ว เพื่อนผมคนหนึ่งที่เอาการ์ดไป 8 กิ๊กต้องเอา Photobank ไปนั่งดูดระหว่างทานมื้อกลางวันเลยครับ ไม่งั้นไม่พอ!!!

คำตอบที่ 52
       ตามมาชมครับ

ญี่ปุ่นต้องมีสีแบบนี้ละครับ.......งามแท้

เคยไปแต่ตอนนั้นไม่มีกล้อง...........ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาไปอีกรึเปล่า เดี๋ยวเก็บเงินสักครึ่งแสนก่อน

รอชมต่อนะครับ

คำตอบที่ 53
      

คำตอบที่ 54
       เข้ามาอิจตาเดือด

คำตอบที่ 55
       เก็บบรรยากาศงามเกินบรรยาย...กำลังดูเพลินๆ..มีช็อคนิดหน่อยภาพที่ 42 นึกว่าชัตเตอร์ภาค 2 (มุมซ้าย)

คำตอบที่ 56
       งามแต้ครับท่าน

คำตอบที่ 57
       อาจ๊าก....งามหลายๆ เลยท่านพี่........

คำตอบที่ 58
       เคยอ่านในนิยายเรื่อง ..เรื่องรักในวันใบไม้เปลี่ยนสี..แล้วมันมีสวนโคโคเอ็นที่ฮิเมจิเห็นบอกว่าสวยเลยอยากไปเที่ยวมั่ง เห็นภาพแล้วอดใจม่านไหวแล้วเนี่ย สวยจิงๆ แต่คงอีกหลายปีกว่าจะได้ไป เหอะๆ ฝากถึงคุณ เฌอเขียว อิจฉา.......

คำตอบที่ 59
       สวยขาดใจเหมือนกัน
ผิดกับผมเงินมีแต่หาเวลาเที่ยวไกลๆไม่มีเซ็งเป็ดจริงๆได้แต่เที่ยววนๆอยู่แถวนี้