คำตอบที่ 1
       การดูแลและตรวจเช็คเบรค
เบรค มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำให้รถหยุด บางท่านก็อาจจะสงสัยว่าเราจะดูแลมันอย่างไรกันดี ก็เริ่มกันที่ง่ายที่สุดที่สมาชิกเองทำได้ก็คือ 1.ตรวจเช็คด้วยตา ก็ตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรคในกระปุกให้อยู่ในระดับที่กำหนด ไม่เกินขีด MAX และไม่ต่ำกว่าขีด MIN ดูสภาพน้ำมันเบรค ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสีไปมากน้อยเพียงใด ถ้าดำมากก็เปลี่ยนถ่ายเสีย 2.ตรวจเช็คด้วยหู ก็ให้ฟังเสียงกันบ้างเมื่อเราเบรค ฟังดูว่ามีเสียงผิดปกติอะไรหรือเปล่าเมื่อเราเหยียบเบรค ถ้ามีก็รีบไปหาช่างตรวจสอบอีกครั้ง 3.ตรวจด้วยเท้า ก็ให้สังเกตุว่าเวลาเราเหยียบเบรคแล้วความรู้สึกที่เท้าเราเป็นอย่างไร มีการยุบตัวอย่างรวดเร็วหรือไม่ มีการสั่นตอนเหยียบเบาหรือเปล่า หรือมันหนักเท้ากว่าปกติที่เราเคยเหยียบไหม ถ้ามีอาการเหล่านี้ก็หาช่างอีกนั้นแหละครับเพราะเราทำเองไม่ได้ รู้แต่เพียงว่ามันไม่ปกติ ก็มีแค่3ข้อเท่านั้นแหละในการตรวจเช็คด้วยตนเอง และหลังจากการตรวจเช็คของเราเองแล้วไม่เป็นอะไรปกติดี ก็ขอแนะนำให้นำรถเข้าตรวจเช็คเบรคกับช่างอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือก่อนเข้าหน้าฝน และหลังหน้าฝน ทำไมต้องเป็นตอนนี้ เพราะการตรวจเช็คก่อนเข้าหน้าฝนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของเบรคเมื่อเราใช้รถในหน้าฝน และหลังหน้าฝนก็เพื่อที่จะทำความสะอาดระบบเบรคของเราหลังจากไปลุยโคลนกันมา ให้พร้อมใช้งานมากที่สุด ก็มีเท่านี้เองในการดูแลรักษาอย่างง่ายๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ขอบคุณครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เรียนถามท่านผู้รู้ เรื่องยางหน่อยครับถ้า ใช้ยาง 265/75R16 จะทำให้ประสิทธิภาพของเบรคลดลงหรือเปล่าถึงขั้นอันตรายหรือเปล่าครับ หรือขนาดไหนจะเหมาะกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       คต 3 ใช้ยางใหญ่แล้วมีผลต่อการเบรคหรือไม่
จากข้อมูลยางที่ให้มาก็ใช้งานได้ตามปกติครับ หน้ายางก็กว้างดี สัมผัสถนนได้เต็มที่ แต่ไม่ได้บอกมาว่าดอกยางเป็นอย่างไร ดอกละเอียดหรือเป็นบล็อก ถ้าดอกละเอียดก็จะยึดเกาะถนนได้ดีกว่าดอกบล็อก แต่ดอกบล็อกก็จะตะกุยหรือวิ่งในเส้นทางโหดได้ดีกว่า และข้อสำคัญกว่ายางก็คงจะต้องป็นระบบเบรคมากกว่า เพราะถ้าระบบเบรคเราไม่ดี แล้วยางดีก็ไม่มีประโยชน์ครับ หรือดีทั้งเบรคทั้งยางแต่ขับเร็วมากๆก็ไม่มีประโยชน์อีกเหมือนกัน ดังนั้นสรุปได้ว่า องค์ประกอบของการเบรคดีก็คือ ยางดี เบรคดี และขับดีครับ อันนี้รับรองได้ว่าปลอดภัยหายห่วงครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       คุณหมีครับสอบถามยางกันกระแทกด้านหลังตรงคอยล์สปริงว่ามียี่ห้อหรือรุ่นไหนใช้แทนกันได้บ้างราคาเท่าไร่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       คต 5
ใช้อย่างอื่นแทนไม่ได้ครับ แนะนำให้ซื้อที่ศูนย์ครับ หากซื้อของข้างนอกอาจจะไม่เหมือนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       พี่หมีครับช่วยทีครับเวลาขับจะมีเสียงดัง กุ๊กฯฯฯ ทางด้านหลังครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่เฟืองท้าย หรือลูกปืนล้อครับ
หรือมีเพื่อนฯพี่ท่านใดเคยมีปัญหาอย่างนี้ช่วยบอกทีครับ
จะแก้ไขอย่างไงคืออยากรู้แน่ว่าเป็นที่อะไรจะได้ซ่อมถูก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       คต 7 มีเสียงดังด้านหลัง
ให้สังเกตุเสียงดังที่ได้ยินว่าดังช่วงไหน เช่น ออกตัวแล้วดัง,วิ่งช้าๆแล้วดัง,วิ่งเร็วแล้วดัง หรือดังตอนจะหยุด เพราะการเกิดเสียงดังสามารถเกิดได้หลายจุดครับ ช่วยเก็บรายละเอียดแล้วแจ้งให้ทราบด้วยครับ จะได้วิเคราะห์ถูกนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ดังตั้งแต่ออกตัวเลยครับวิ่งเร็วก็ดังถ้าฟังจากรอบเครื่องเสียงจะดังช้ากว่ารอบเครื่องพอประมาณครับคือเหมือนไม่ดังตามความเร็วรถซะทีเดียวครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       คต 9
ให้ตรวจดู 1.เพลากลางครับ ตรวจว่ากากบาทเพลากลางแตกหรือเปล่า เพราะเสียงดังมันเริ่มตั้งแตกตอนออกตัว 2.ที่ลูกปืนล้อหลังครับ ลองใช้แม่แรงยกเพลาหลังให้ล้อหลังพ้นจากพื้นทั้งสองล้อ ไม่ต้องดึงเบรกมือเปลี่ยนเกียร์มาอยู่ที่ N ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วทดลองหมุนที่ล้อดูว่ามีเสียงดังหรือเปล่า หรือถ้าไม่แน่ใจก็แนะนำให้ไปหาช่างเค้าตรวจสอบดูจะสะดวกกว่านะครับ ส่วนเฟืองท้ายถ้าอยากจะตรวจดูก็ลองท้ายน้ำมันเฟืองท้ายออกมาดูสักหน่อยว่ามีเศษเหล็กออกมามากหรือเปล่า ถ้ามีมากๆก็คงต้องยกเฟืองท้ายลงมาโอเวอร์ฮอลนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ขอบคุณพี่หมีมากครับแล้วจะลองดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       เราจะใช้ผ้าเบรคอะไรดี
หลายๆท่านก็มีปัญหาในเรื่องของการเลือกใช้ผ้าเบรค ก้เลยนำข้อมูลเล็กๆน้อยเกี่ยวกับผ้าเบรคมาเล่าสู่กันฟังเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ในการเลือนะครับ ผ้าเบรคที่ผลิตขึ้นมาในโลกนี้ที่ใช้กับรถยนต์แบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆดังนี้ครับ 1. ผ้าเบรคธรรมดา ก็จะเป็นผ้าเบรคที่ไม่ผสมผงโลหะอะไรเลย เมื่อเราดูที่เนื้อผ้าเบรคเราก็จะเห็นว่าเนื้อผ้าเบรคจะมีสีออกขาวๆ ผ้าเบรคชนิดนี้จะทนความร้อนได้ต่ำ ถ้าจำไม่ผิดก็หน้าจะประมาณ 180-200 องศาเซนเซียสนะครับ ข้อดีคือเมื่อเบรคจะรู้สึกนุ่มเท่าแต่ถ้าเบรคตอนรถมีความเร็วสูงมันจะไหม้ง่ายและเบรคไม่อยู่ เบรคประเภทนี้เหมาะกับรถที่ใช้ความเร็วต่ำ น้ำหนักรถน้อย และใช้ในที่ราบเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีคือไม่กินจานเบรคครับ 2. ผ้าเบรค กึ่งโลหะ หรือเราจะเรียกกันว่าผ้าเบรคปานกลาง ผ้าเบรคชนิดนี้นิยมติดตั้งมากับรถที่ผลิตออกมาขายโดยทั่วไป จะเป็นผ้าเบรคที่เนื้อผ้าเบรคมีส่วนผสมของโลหะปานกลาง และจะเป็นผงโลหะอ่อน เช่น อลูมิ้นียม หรือ ผงทองแดง ผ้าเบรคชนิดนี้จะทนความร้อนได้สูงขึ้น ประมาณ 230-250 องศา ก็เบรคดีขึ้นเมื่อเบรคตอนรถเร็ว และรถช้า แต่ก็จะกินจานเบรคบ้างแต่ไม่มากนัก แต่ถ้าต้องเบรคบ่อยๆก็ไม่ไหวอีกเหมือนกัน 3. ผ้าเบรคแบบโลหะ ชนิดนี้เราจะเห็นว่าได้มีการผลิตออกมาจำหน่ายกันมากตอนนี้เพราะผู้ใช้จะรู้สึกว่าเบรคดีตอนรถเร็วและผ้าเบรคจะมีอายุการใช้งานได้นาน ผ้าเบรคแบบนี้จะมีส่วนผสมของผงโลหะอ่อนมีจำนวนมาก เวลาเราเอามือรูปที่หน้าผ้าเบรคจะรู้สึกว่าเหมือนมีเสี้ยนมาตำมือ ข้อเสียของผ้าเบรคแบบนี้จะเบรคไม่ค่อยอยู่ตอนเราขับช้าๆและบางยี่ห้อจะเกิดเสียงดังเวลาเบรค และจะกินจานเบรคมาก ประเภทที่ 4.ประเภทสุดท้าย เราจะหาไม่ค่อยได้ในตลาดอะไหล่รถทั่วไป เพราะมันเป็นผ้าเบรคสำหรับรถแข้ง ดังนั้นก็ไม่ต้องกล่าวถึงก็แล้วกัน ข้อแนะนำในการเลือกผ้าเบรคที่จะใช้ให้เหมาะสมกับรถของท่านก็ไม่มีอะไรมาก เพียงดูว่าท่านเวลาใช้รถท่านใช้แบบไหน ขับรถเร็วเดินทางไกลบ่อย หรือต้องขึ้นเขาลงห้วยบ่อยก็แบบที่ 3 เลยครับก็เลือกเอายี่ห้อที่เราใช้แล้วไม่เกิดเสียงดังด้วยนะครับ แต่ถ้าขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ออกต่างจังหวัดบ้างแต่นานๆครั้งก็แบบที่ 2 ครับ รับรองได้อายุการใช้งานนานเหมือนกัน แต่ที่สำคัญ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคกันบ้างนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ผมใช้ ISUZU TFR เครื่อง 2500 สี่ประตู
ปัญหาคือ หน้ายางกินยางไม่เสมอครับ สังเกตุด้วยตาหน้ายางข้างในที่ติดกับกะทะจะยุบลงเป็นคลื่นครับ
อยากทราบวิธีแก้ไขครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ผมใช้ ISUZU TFR เครื่อง 2500 สี่ประตู
ปัญหาคือ หน้ายางกินยางไม่เสมอครับ สังเกตุด้วยตาหน้ายางข้างในที่ติดกับกะทะจะยุบลงเป็นคลื่นครับ
อยากทราบวิธีแก้ไขครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ผมใช้ ISUZU TFR เครื่อง 2500 สี่ประตู
ปัญหาคือ หน้ายางกินยางไม่เสมอครับ สังเกตุด้วยตาหน้ายางข้างในที่ติดกับกะทะจะยุบลงเป็นคลื่นครับ
อยากทราบวิธีแก้ไขครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       1.เช็คลมยางว่าเติมมากกว่าที่กำหนดไว้หรือไม่

2. เช็คโชคอัพว่าเสียหรือไม่

3. ตั้งศูนย์ใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       คต 13 หน้ายางกินไม่สม่ำเสมอ
ก็ตรวจเช็ค ตามที่คุณไพศาลได้บอกไว้นะครับ แต่ขอข้อมูลเพิ่มหน่อยครับว่า รถใช้งานมานานหรือยังครับ ถ้านานแล้วควรตรวจช่วงล่างด้วยนะครับ เช่น บูชปีกนก ลูกหมากต่างๆ พวกนี้ก็สามารถที่ทำให้เกิดปัญหาได้เหมือนกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       พี่หมีครับ...วิ่งบนเส้นสุขุมวิท..จากพระโขนง-สี่แยกบางนา..ช่วงที่ถนนไม่เรียบ..รถกระด้างมากครับ...เช็คอะไรก่อนครับ...ยาง โช๊ค ฯลฯ..จะให้นุ่มนิ่ม..พอประเมินค่าใช้จ่ายให้ด้วย..ได้มั๊ยครับ...ขอบคุณครับ...อ้อ..พึ่งเป็นโช๊คเมื่อต้นปี 49 และอื่นๆหลายรายการครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       รบกวนอยากทราบรหัสลูกปืนล้อหลังว่าหมายเลขอะไรครับ
ถ้ามีราคาได้ด้วยจะดีเลย ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       คต 18 รถกระด้าง ไม่นุ่ม
เรื่องของความนุ่มในการขับขี่รถยนต์นั้น มีจุดหลักที่จะต้องดูและสำคัญมาก ก็คือเรื่องลมยาง และโช้คที่ใช้ ลมยางที่เราเติมกันนั้นผมขอเดาเอาแล้วกันว่าหน้าจะประมาณ 40 PSI เสียส่วนใหญ่ เพราะเราคิดว่ารถเราหนักต้องเติมลมยางมากหน่อย แต่ที่จริงผิดครับ ยางที่ติดตั้งมากับรถของเราเป็นยางหน้ากว้างและแก้มยางแข็ง เมื่อเราเติ่มลมยางมากก็จะทำให้กระด้างเมื่อขับขี่ ควรใช้ลมประมาณ 30 PSI ก็พอ แล้วเวลาเดินทางไกลก็ให้เพิ่มเป็นสัก 33 ก็พอ ส่วนในเรื่องของโช้ค ควรเลือกที่เป็น แก๊สนุ่มหรือที่เค้าเรียกกันว่าแก๊สกึ่งน้ำมันนะครับ หรือเป็นโช้คน้ำมันกระบอกใหญ่หน่อยครับจะช่วยให้หยุดการกระเด้งกระดอนหรือแรงดีดกลับของคอยล์สปริงได้ดีก็จะทำให้รถนิ่งได้เร็ว เราก็จะรู้สึกนุ่มนะครับ ก็ทดลองจากถูกไปแพงก่อนนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       คต 19 ลูกปืนล้อหลัง
ไม่จำเป็นที่จะต้องเบิกศูนย์หรอกครับ ผมให้เบอร์ ของ NSK ก็แล้วกัน 40BW03CG32 หาซื้อตามร้านอะไหล่หน้าจะมี หรือไม่ก็ที่วรจักรนะครับ ส่วนราคา ก็จะอยู่ประมาณ 6-700 บาท แล้วแต่ร้านนะครับแต่ก็จะถูกกว่าซื้อจากศูนย์นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ขอบคุณครับ.พี่หมี.....เดี๋ยวจะเช็คลมยางและโช้คครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       รบกวนพี่หมีหน่อยครับ รถเวลาเข้าเกียร์หรือสับมาเป็นปรากฏมีเสียงดังเหมือนเคาะเหล็ก1ทีเคยเอาเข้าศูนย์นะครับเค้ารื้อเฟืองท้ายออกมาดูปรากฏว่ามีรอยที่บายศรีนิดหน่อยเค้าบอกไม่เป็นไร แต่ระยะรุนห่างมากศูนย์เลยปรับตั้งระยะรุนให้ เสียงดังเหมือนเคาะเหล็กดังเบาลงครับ เสียงอย่างนี้เป็นปกติหรือไม่ครับ เมื่อวานก่อนมุดเข้าไปใต้ท้องรถมองเห็นที่บริเวณสปริงหลังจะมีคล้ายๆแผ่นอะไรไม่ทราบรองซับระหว่างสปริงกับตัวรถมีลักษณะบิดๆงอๆ ดูอีกข้างไม่เป็นอะไร ที่รองนี้เค้าเรียกอะไรครับมีผลต่อรถอย่างไร ต้องเปลี่ยนหรือไม่ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       คต 23 มีเสียงดังตอนเข้าเกียร์
ทางศูนย์ได้ทำการปรับตั้งระยะห่างของเฟืองท้ายให้แล้วคิดว่าหน้าจะเงียบนะครับ แต่ไม่ทราบว่าทางศูนย์ได้ตรวจดูกากบาทเพลากลางให้ด้วยหรือเปล่าครับ เพราะเสียงที่เกิดก็จะมาจากชิ้นส่วนนี้ได้เหมือนกันลองตรวจสอบดูครับ ส่วนแผ่นที่ลองบริเวณคอยล์สปริงไม่ต้องแก้ไขอะไรหรอกครับเนื่องจากเวลาที่เราใช้รถไปนานๆยางตัวนี้ก็จะขาดหากต้องการแก้ไขผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยังมีอะไหล่ขายอยู่หรือเปล่าลองสอบถามทางศูนย์ดูนะครับ หรือหาวัสดุอย่างอื่นทดแทนก็ได้ครับ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       พี่หมีครับ..
ผมชื่อ บอม น้องใหม่ TCT 272 ครับ.
สอบถมาเรื่องยางปี2002 แต่ดอกยางยังหนาอยู่มาก ใช้ไม่ถึง 20000 กม.เพราะใช้น้อยมากจะมีผลทำให้เกิดอันตรายไหมครับ.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       คต 25 ยางปี2002 ใช้แล้วจะมีปัญหาหรือไม่
ยางมีอายุเกิน 3 ปี ไปแล้ว ถึงแม้จะใช้งานไม่ถึง 20000 ก.ม.ก็ตาม ดอกยางจะแข็งมากและไม่นุ่ม การยึดเกาะถนนจะไม่ดีเท่าที่ควร วิธีทดสอบก็ลองกันง่ายๆนะครับให้สังเกตุดูว่าตอนเบรคแล้วมีเสียดังของยางขึ้นมาหรือไม่ เวลาเลี้ยวมีเสียงยางหรือไม่ และเวลาวิ่งทางตรงมีเสียงหอนของยางหรือไม่เสียงเหมือนเฟืองท้ายหอนนะครับแต่จะดังกันคนละเวลา หากเป็นอย่างที่ผมบอกก็เปลี่ยนยางดีกว่าครับ เข้าช่วงท่องเที่ยวแล้วจะได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย