คำตอบที่ 1
volt stabilizer ไม่มีระบบตัดไฟเวลาเครื่องดับครับ พวกนี้ทำงานตลอด จะไม่ทำงานก็ต่อเมื่อฟิวส์ขาด หรือ ยกขั้วแบตขึ้นเท่านั้นหละครับ
อย่างที่ทราบว่า volt stabilizer คือการนำตัวเก็บประจุ หรือ Capacitor หลายๆตัวมาต่อคร่อมกัน ผมจะขยายความเข้าใจเล็กๆน้อยๆ
แหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าให้กับรถยนต์คือ ไดชาร์จ อาศัยการหมุนตัวตัดกันของขดลดสนามแม่เหล็ก เกิดเป็นไฟ กระแสสลับ หรือ AC เหมือนไฟบ้าน (ไม่มีขั้ว ไฟมาเส้นเดียว) แล้วเอามาผ่านวงจร Regurator ภายใน กรองไฟกระสลับ เป็นกระแสตรง DC แบบถ่านไฟฉาย มีสองขั้วบวก และ ขั้วลบ ส่งมากักเก็บกระแสไฟที่ แบตเตอร์รี่ แม้กระแส ไฟที่ได้จากไดชาร์จ จะมีความกระเพื่อม ไม่สม่ำเสมอ ตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ แต่ตามหลักวิชาอิเล็กทรอนิกส์ Capacitor ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Battery ต่อให้แรงดัน Votage และกระแส Current จะกระเพื่อมแค่ไหน Battery จะทำหน้าที่กรองกระแสให้เอง ยังไงกระแสก็เรียบ 100 เปอร์เซนต์
ส่วน volt stabilizer เป็นการกรองความถี่มากกว่า เหมือนคลื่นเสียงก็มีความถี่ ที่มนุษย์ได้ยิน และก็มีความถี่อีกมากที่เราไม่ได้ยิน volt stabilizer มีหน้าที่กรองความถี่ในจุดนี้ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ทำงานร่วมกับความถี่ เช่นวิทยุ ลำโพง เพาเวอร์แอมป์ กล่อง ECU น็อกเซนเซอร์ วัดไมล์ วัดรอบอื่นๆ แต่ถ้าจะบอกว่าเอา volt stabilizer มากรองกระแสไฟให้เรียบขึ้น ผมว่าเป็นเพียงขี้เล็บของแบตเตอร์รี่ เท่านั้นครับ
ส่วนเรื่องอายุการใช้งาน ไม่ว่า Capacitor หรือแบตเตอร์รี่พวกนี้มีอายุการใช้งานทั้งนั้นครับ ขึ้นอยู่กับความร้อนที่ไปกระทำต่อมัน แต่ให้มันเสื่อมยังไง ก็แทบไม่เห็นผล เพราะมันแทบไม่มีผลอะไรต่อรถยนต์เลย แต่ถ้าเป็น Capacitor ตัวเล็กที่อยู่กล่อง ECU ิอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือพวกที่อยู่วิทยุ โทรทัศน์ พวกนี้ค่าความถี่ว่าเป็น เฮริตซ์ พวกนี้ถ้าเสื่อมเมื่อไหร่ จะพาความถี่รวนไปทั้งวงจรเลยครับ
ถ้าคิดจะซื้อ volt stabilizer ในราคาที่แพงมากๆ ผมว่าได้ไม่คุ้มเสียครับ ซื้อแบตเตอร์รี่เล็กๆมาพ่วงอีกลูก จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักวิชา มากกว่า
ถ้าจะทำเองมีข้อดีตรงที่เราสามารถหาค่า Capacitor หลายๆเบอร์ มาต่อพ่วงเพื่อให้กรองความถี่ได้หลายๆ ค่าความถี่ และราคาก็ถูกมากๆครับ ทำเองได้ไม่ยาก
แต่ถ้าต้องการความสวยงาม สะดวก สบาย ซื้อมาใส่เลยก็ดีกว่าครับ เลือกที่ความสวยงาม และราคาต้องถูกที่สุด ก็พอแล้วครับ