จาก หมี ดำเนิน IP:222.123.95.9
ศุกร์ที่ , 12/12/2551
เวลา : 11:04
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
จากการเกิดปัญหากับรถของเราเมื่อเดินทางท่องเที่ยว มีสาเหตุหลักๆได้ 2 ประการคือ 1.เจ้าของรถไม่ค่อยใส่ใจดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ 2.ก่อนการเดินทางไม่ตรวจเช็ครถยนต์ของตนเองให้ดีเสียก่อน จากสาเหตุหลักๆทั้ง 2 ข้อ ส่วนใหญ่แล้วมักเกินจากประการหลังเสียมากกว่า เพราะทุกคนจะบอกตัวเองเสมอว่า ก็รถของเราใช้งานอยู่ทุกวันไม่หน้าจะมีปัญหาอะไร ผมจะเปรียบเทียบง่ายๆก็แล้วกัน มันก็เหมือนกับคนเรานี้แหละ ตอนใช้ชีวิตปกติก็ไม่เห็นจะเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร แต่ลองไปวิ่งสัก 5-10 กิโล ดูครับแล้วเราจะรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย หรืออาจจะไม่สบายไปเลยก็ได้ นั้นก็เกิดจากสาเหตุของการไม่เตรียมพร้อมนั้เอง บางคนก็คิดว่าเก็บเงินไว้ไปเที่ยวก่อนแล้วกลับมาค่อยแก้ไขหรือค่อยดูแล ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดปัญหาระหว่างการเดินทางเสมอ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าว ผมจะให้รายละเอียดของการตรวจสอบรถยนต์ของเราก่อนการเดินทางไกลสักหน่อยจะได้เตรียมตัวกันไว้และไม่เกิดปัญหา เริ่มเลยก็แล้วกัน แยกเป็นข้อๆจะได้อ่านกันง่ายและจดจำกันง่ายนะครับ
1.ยาง ยางเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะรถของเราจะวิ่งไปได้หรือเบรคได้ดี ก็ขึ้นอยู่กับยางนี้แหละครับ การตรวจก็ไม่ยากอะไร เราดูด้วยตาเปล่าทั้ง 4 เส้น และยางอะไหล่ด้วย ตรวจดูว่ามีรอยร้าวบนเนื้อยางหรือไม่ เปลี่ยนมานานแล้วหรือยัง หากเกิน 3 ปี ก็ลองพิจารณาเปลี่ยนใหม่ก่อนการเดินทางได้ ตรวจดูว่ามีเศษเหล็กหรือตะปูทิ่มแทงหรือค้างอยู่บนหน้ายางหรือไม่ ยางมีรอยฉีกขาดหรือเปล่า ตรวจว่าลมยางเรามีปกติหรือไม่ และเมื่อต้องเดินทางไกลๆและใช้เวลาในการขับนานๆควรเพิ่มลมยางจากปกติไปอีก สัก 5 ปอนด์/ตารางนิ้วเพื่อลดอุณหภูมิของยางเมื่อใช้งานนานๆ
2.เบรค คงทำเองไม่ได้ควรไปให้ช่างเค้าตรวจสอบ ก็ดูสภาพผ้าเบรค ทำความสะอาด หากใกล้หมดก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่เสีย เพราะตอนเราขับรถไกลๆมักจะใช้ความเร็วสูง เมื่อเบรคก็จะต้องใช้ระยะในการเบรคมากกว่าปกติ หรือขึ้นเขาลงเขาก็จะใช้มาก หากไปหมดระหว่างทางก็คงเกิดอันตรายมากๆเลยทีเดียว ตรวจดูรอยรั่วของน้ำมันเบรค ตามแม่ปั้มหรือที่ล้อหากพบว่ามีการรั่วก็แก้ไขให้เรียบร้อยเสียก่อน
3.ช่วงล่างหรือระบบรองรับน้ำหนักและระบบบังคับเลี้ยว ก็คงต้องไปให้ช่างเค้าตรวจอีกแหละครับ ให้ตรวจดูลูกหมากของระบบบังคับเลี้ยวทั้งหมดหากหลวมหรือมีการฉีกขาดยางกันฝุ่นหรือไม่หากมีก็ควรแก้ไขให้เรียบร้อยเสียก่อน ลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ ลองหมุนล้อดูว่ามีเสียงดังผิดปกติหรือเปล่า โช๊คอัฟทั้งหน้าหลัง ดูว่ามีรอยรั่วหรือไม่ หรือยางหูโช๊คแตกขาดหรือเปล่า และตรวจดูบู๊ชยางต่างๆว่ามีการชำรุดหรือไม่
4.ระบบหล่อเย็น หรือน้ำในหม้อน้ำนั้นเอง ตรวจดูว่ามีรอยรั่วที่หม้อน้ำหรือไม่ หากมีแก้ไขเสียก่อน ฝาหม้อน้ำอยู่ในสภาพปกติหรือเปล่า มีการฉีกขาดของยางรองฝาหม้อน้ำหรือไม่ สภาพน้ำในหม้อน้ำเป็นอย่างไร หากไม่ได้เปลี่ยนมานานแล้วก็เปลี่ยนถ่ายแล้วเติมน้ำยาหม้อน้ำเอาไว้ด้วย ท่อยางหม้อน้ำทุกเส้น และท่อยางน้ำที่เครื่องยนต์ด้วยควรให้ช่างตรวจให้ระเอียดเพราะบางจุดมันอยู่ในที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
5.น้ำมันเครื่อง/เกียร์/เฟืองท้าย ให้ลองตรวจสอบประวัติการซ่อมดูว่าเราเปลี่ยนถ่ายไปเมื่อไหร่หากใกล้ครบก็ควรเปลี่ยใหม่เสีย อย่าคิดว่าไปเที่ยวกลับมาแล้วค่อยทำ เพราะหากน้ำมันเครื่องใกล้หมดอายุการใช้งาน มันจะมีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นลดลง และจะทำให้เครื่องยนต์ของเราประสิทธิภาพลดลงด้วย และตรวจดูประวัติการซ่อมของเราเสียหน่อยว่าอะไรที่ควรจะทำหรือใกล้ระยะที่ต้องทำแล้วก็ให้รีบดำเนินการเสีย อย่าคิดว่ากลับมาแล้วค่อยทำเพราะมันจะเกิดปัญหาได้
6.ตรวจดูว่ามีรอยรั่วของน้ำมันเครื่อง/เกียร์/เฟืองท้าย หรือไม่หากมีก็ควรแก้ไขเสีย อย่าปล่อยเอาไว้
7.ระบบไฟแสงสว่างและแบตเตอรี่ ก็เปิดไฟทุกระบบแล้วตรวจด้วยตาเปล่าว่ามันติดครบหรือไม่ หากพบหลอดใดชำรุดก็แก้ไขเสีย ดูว่าแบตเราเปลี่ยนมานานแล้วหรือยัง หากครบ 3 ปีแล้วก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้เลย แต่หากยังไม่ครบก็ควรตรวจดูสภาพขั่วแบตว่าสกปรกหรือไม่ หากมีตะกลันหรือสิ่งสกปรกติออยู่ก็แก้ไขเสียเพราะมันจะทำให้กระแสไฟเดินไม่สะดวก
8.ใบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก ดูว่าอยู่ในสภาพเช่นไร ฉีกขาดหรือไม่ทดลองให้มันทำงานดูว่าทำงานได้ดีหรือไม่ ลองฉีดน้ำกระจกดูว่ามันทำงานหรือไม่ เติมน้ำในถังพักน้ำฉีดกระจกให้เต็มก่อนการเดินทางเสมอ เพราะมันอาจจำเป็นขึ้นมาตอนไหนก็ได้
9.ทั่วๆไป ก็คงเป็นการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินเอาไว้ เพื่อที่ว่าหากมันเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆจะได้มีเครื่องไม้เครื่องมือพอที่จะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เช่น ไฟฉาย สายพ่วงแบต น้ำดื่มเอาไว้ให้คนกินแล้วหากรถต้องกินก็จะได้ใช้ได้ด้วย ผ้าเช็ดมือสักผืน ที่จุดบุหรี่มีกระแสไฟเดินได้สะดวกหรือไม่เอาไว้ชาร์ทแบตมือถือนะครับหรือจะใช้กับอุปกรณ์อื่นก็ได้เมื่อยามจำเป็น(ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ใช้กันอยู่แล้วแต่พอจำเป็นขึ้นมาก็ใช้ไม่ได้ตรวจดูกันสักหน่อย)
ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ที่พอจะทำให้เราอุ่นใจได้บ้างเมื่อเดินทางท่องเที่ยวครับ
|