คำตอบที่ 4
OBD-II ย่อมาจาก On-Board Diagnostics generation II เป็นมาตรฐานที่กำหนดขี้นร่วมกันโดย SAE และ ISO โดยกำหนดมาตรฐานวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอลระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนรถยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยไอเสีย (Emission) กับเครื่องสแกนข้อมูล OBD-II ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ตำแหน่งการติดตั้ง รหัสบันทึกความบกพร่องที่ตรวจพบ (Malfunction Indicator Light : MIL) โดยมีผลบังคับใช้สำหรับรถยนต์ที่จำหน่ายในอเมริกาตั้งแต่รุ่นปี 1996 เป็นต้นมา ข้อมูลที่อ่านจากระบบจะบอกให้ทราบถึงสถานะของส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับควบคุมเครื่องยนต์เกือบทั้งหมด รวมทั้งระบบมี ECU ต่อร่วมกันหลายตัวในรถยนต์คันเดียวกันเป็นเน็ตเวิร์ค เช่น บอดี้คอนโทรล แชสซิสคอนโทรล ด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม EPA (Environmental Progection Agency) On-Board Diagnostics (OBD), EPA's OBD: Frequently Asked Questions
ส่วนที่เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้ใช้รถยนต์หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการซ่อมรถยนค์ก็คือ การอ่านรหัสผิดพลาดที่ ECU บันทึกไว้ และเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบผ่านทางไฟ Check Engine หรือ ใช้สำหรับอ่านค่าอินพุทจากเซ็นเซอร์หรือสถานะต่างๆแบบเรียลไทม์ที่ ECU มองเห็นและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจและใช้ควบคุมเครื่องยนต์เช่น ความเร็วรอบ ความเร็วของรถยนต์ โหลดของเครื่องยนต์ อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิอากาศ Fuel Trim สถานะของระบบควบคุม Open/Closed loop ออกซิเจนเซ็นเซอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อใช้ในการตรวจวิเคราะห์อาการผิดปกติของเครื่องยนต์
อุปกรณ์สำหรับติดต่อกับระบบ OBD มีหลายแบบให้เลือก เริ่มตั้งแต่อุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถอ่านและลบรหรัสที่ ECU ตรวจพบและบันทึกไว้เพีียงอย่างเดียว ไปจนถึงระดับแอดว้านซ์ที่สามารถคำนวณค่าอัตราการใช้น้ำมันขณะขับรถได้ก็มี ที่นิยมใช้กันมากมักเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์พีซี หรือโน๊ตบุ้คซึ่งสามารถแสดงข้อมูลเป็นและพล็อตกราฟได้ และอุปกรณ์ที่ต่อร่วมกับเครื่อง Palm และ Pocket PC