คำตอบที่ 1
กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure)
ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง
ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น
สรุปคือ
ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar)
ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS
ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง
ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้
ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว
ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ
ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด
ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ
ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน
เครดิตข้อมูลจากลิงค์ครับ
http://www.gasthai.com/boardgas/question.asp?id=A34352