คำตอบที่ 1
       ผ้าเบรคร่อน

มีลักษณะเป็นหลุม เนื้อผ้าเบรคเป็นรอยแหว่ง เนื่องมาจาก
ใช้ผ้าเบรคที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำ กรรมวิธีการผลิต
ที่ล้าสมัยการเบรคจะมีเสียงดังขณะเบรค หรือมีระยะเบรคมาก
เบรคจับไม่ค่อยดี เนื่องจากหน้าสัมผัสของผ้าเบรคจะมีพื้นที่
น้อยลงและจะทำให้ผ้าเบรคหมดไวขึ้นด้วย ควรใช้ผ้าเบรค
ที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐานในการผลิตสูง เช่น ผ้าเบรค BENDIX

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ขออภัยตกบรรทัดทุดท้าย BENDIX METEL KING GOLD

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ผ้าเบรคไหม้
ลักษณะของผ้าเบรคจะมีรอยไหม้สีดำเป็นมันเงา สาเหตุเกิดจาก
เจ้าของรถเป็นคนขับรถเร็ว หรือเป็นรถที่ใช้บรรทุกหนัก แต่เลือก
ใช้ผ้าเบรคที่มีคุณภาพต่ำไม่เหมาะกับสภาพการใช้งาน หรือเลือก
ใช้เนื้อผ้าเบรคไม่ถูกต้อง อาการขณะเบรคมีเสียงดัง ระยะเบรคไกล
หรือเบรคลื่นควรเลือกใช้เนื้อผ้าเบรคให้เหมาะกับการใช้งาน
และถ้าใช้งานหนักควรเลือกใช้ผ้าเบรคที่มีส่วนผสมโลหะ
เช่น ผ้าเบรค Bendix รุ่น Metal King Gold

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เอ้า... ผิดรูปอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ผ้าเบรคด้าน

ลักษณะของผ้าเบรคด้านจะเกิดเป็นรอยมันวาวตรงผิวของผ้าเบรค
โดยมากมักจะเกิดกับผ้าเบรคธรรมดาที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตต่ำ
การจับตัวของผ้าเบรคไม่ดี เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง อัตราการสึก
ของผ้าเบรคจะน้อยลง หน้าผ้าเบรกลื่นระยะเบรคไกล และมีเสียงดัง
ขณะเบรค หรืออาจเกิดจากการแตะเบรคเบาๆ และบ่อยครั้งเป็นระยะ
เวลาติดต่อกันก็สามารถทำให้ผ้าเบรคด้านได้ ควรเลือกใช้ผ้าเบรค
ที่ดีมีคุณภาพ และได้มาตรฐานการผลิต

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ผ้าเบรคแข็ง
คือผ้าเบรคที่มีส่วนผสมของผงโลหะผสมอยู่ในเนื้อผ้าเบรค
เพื่อให้ช่วยให้ประสิทธิภาพในการจับจานเบรคมีสูงและให้ระยะ
เบรกที่สั้นกว่าผ้าเบรคธรรมดา เหมาะกับลูกค้าที่ชอบขับรถเร็ว
หรือใช้งานหนัก แต่ผ้าเบรคชนิดนี้จะมีราคาสูงและการเบรค
จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผ้าเบรคมีอุณหภูมิสูง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ผ้าเบรคกินจานเบรค (จานเบรคไม่มีคุณภาพ)
ผ้าเบรคจะมีเนื้อโลหะชิ้นใหญ่ฝังอยู่ในเนื้อผ้าเบรค เนื่องจาก
การใช้จานเบรคที่ไม่มีคุณ มีอัตราการสึกหรอสูง ไม่ทนทาน
ทำให้เศษโลหะ ที่สึกหรอมาหลอมรวมกันและฝังอยู่ในเนื้อ
ผ้าเบรค และโลหะชิ้นดังกล่าวก็ไปสร้างความสึกหรอให้กับ
จานเบรคอีกที ทำให้มีรอยลึกที่หน้าจานเบรค และเกิดเสียง
แหลมดังขณะเหยียบเบรค ควรเลือกใช้จานเบรคที่ได้
มาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       อันนี้เป็นของ Akebono

เคดิตและที่มา : Daiwa Asia Limited.



อาการเฟดคืออะไร


Main Menu
Home
เกี่ยวกับไดวาเอเซีย
น่ารู้เรื่องผ้าเบรค
ตัวแทนจัดจำหน่าย
Email us
ข่าวด่วนสดทุก 5 นาที
TV online
free hit counter
hit counter Thailand Web Stat


Who's Online
We have 3 guests online
ตัวแทนจัดจำหน่าย
Login Form
Username

Password

Remember me
Lost Password?
Syndicate
RSS 0.91
RSS 1.0
RSS 2.0
ATOM 0.3
OPML

Designed by:
SiteGround web hosting Mambo templates
อาการเฟดคืออะไร E-mail

คำ ว่า Fade ในภาษาอังกฤษ หมายถึง “สภาพที่น่าพอใจเลือนจากไป” คือ การค่อยๆ เลือน เสื่อมถอยหรือหายไปทีละน้อย หลายท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า fade out ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในการถ่ายภาพยนตร์และการบันทึกเสียง ความหมายของคำๆ นี้ที่ใช้ในเรื่องของเบรกรถยนต์ ก็เช่นเดียวกัน

กล่าวคือ ประสิทธิภาพในการหยุดรถของเบรกค่อยเสื่อมถอยลงจากเดิมและหากสภาพดังกล่าวยัง ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เบรกจะไม่ทำงานในที่สุด คงมีบางท่านที่เคยประสบเหตุการณ์ระทึกใจเช่นนี้



อาการ Fade เกิดขึ้นจากสาเหตุใด


อาการ ดังกล่าวเกิดจากการเบรกอย่างรุนแรง ทำให้เบรกทำงานหนักเกินไป จานเบรกและผ้าเบรกจึงร้อนจนเกิดก๊าซขึ้น ก๊าซจะเข้าไปแทรกระหว่างจานเบรกกับผ้าเบรกทำให้จานเบรกและผ้าเบรกสัมผัสกัน ได้ไม่ดี หลังการติดตั้งผ้าเบรกใหม่จะเกิดก๊าซได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าเบรกที่มี ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานสูง และผ้าเบรกที่มี ประสิทธิภาพการเบรกดีในความเร็วระดับปานกลางและช้า จะมีแนวโน้มเกิดก๊าซได้ง่าย หากเกิดอาการดังกล่าวขึ้น จะต้องรีบทำให้เย็นลง(Cool down) โดยเร็ว

ความหมายของ cool down คือ การลดความเร็วลงและขับรถ โดยไม่เหยียบเบรกไวเพื่อให้จานเบรกและผ้าเบรกเย็นลง และลดเกียร์ให้ต่ำลง (top~second~low) (ในกรณีของรถเกียร์อัตโนมัติอย่าค้างเกียร์ไว้ที่”D”) อย่างไรก็ตาม การทำให้เย็นลงนั้น ห้ามจอดรถแล้วราดน้ำลงไปโดยเด็ดขาด

เมื่อ มีแนวโน้มจะเกิดอาการ Fade แล้วทำ cool down ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง จะเกิดการชุบแข็งเล็กน้อยที่ผ้าเบรก ซึ่งจะรับมือกับการเกิดก๊าซได้พอสมควร หลังจากนั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอาการ fade และยืดอายุการใช้ งานของผ้าเบรกได้
ความแตกต่างระหว่าง Fade กับ Vapor Lock


Vapor Lock หมายถึง อาการที่เบรกไม่ทำงานเนื่องจากการเบรกอย่างรุนแรงมากเกินไปจึงเกิดอากาศ(ฟอง อากาศ) ที่น้ำมันเบรกภายในท่อน้ำมันเบรก (brake hose & brake pipe) ทำให้แรงดันน้ำมันที่ฉีดเข้าสู่ก้ามปู (brake caliper) ซึ่งกดผ้าเบรกไม่ปกติ แต่รถยนต์ในระยะหลังจะไม่เกิด Vapor Lock ในการขับตามปกติ

จึงอาจกล่าวได้ว่า Vapor Lock เป็นเรื่องที่เกิดในสมัยที่ประสิทธิภาพเบรกไม่ดี (แต่ในกรณีที่ขับรถเพื่อการแข่งขันแล้ว ก็อาจเกิดอาการนี้ได้) ดังนั้น หากรถของท่านเกิดอาการเบรก ไม่ทำงานให้คิดว่าเป็นอาการของ fade ไม่ใช่ Vapor Lock และรีบทำ cool downโดยเร็ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       จุดตรวจสอบ..เมื่อเบรกสั่น

เมื่อ มีการเสียดสีของวัตถุสองชิ้น ย่อมทำให้เกิดความร้อนรวมทั้งเกิดเสียงดัง และอาการสั่น หากเหยียบเบรกแล้วมีอาการเบรกสั่น ควรทำอย่างไร.????


1. ตรวจสอบลักษณะของการเบรก

* เมื่อเหยียบเบรกเบาๆ ขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง รู้สึกว่าแป้นเบรกมีอาการสั่นเล็กน้อยหรือไม่
* เมื่อเหยียบเบรกขณะขับรถในเมือง เช่น เมื่อสัญญาณไฟเป็นสีแดงรู้สึกว่าแป้นเบรก พวงมาลัย และตัวรถสั่นหรือไม่
* แม้จะเหยียบแป้นเบรกด้วยแรงที่คงที่ แต่ไม่รู้สึกว่ารถลดความเร็วอย่างสม่ำเสมอ (ลักษณะที่ตัวรถสั่นก่อนและหลัง)

อาการข้างต้นอาจเกิดจากการปรับสมดุลล้อแรงดันอากาศในยางล้อ Alignment
และ hub bearing ไม่ดี แต่บ่อยครั้งที่มีสาเหตุจากจานเบรกที่บิดและสั่น


2. ลองตรวจสอบผิวหน้าของจานเบรก

จาน เบรกที่บิด สั่น หรือหนาไม่เรียบเสมอกันนั้น อาจตัดสินด้วยตาเปล่าได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนอื่นลองตรวจสอบโดยดูจากส่วนที่สามารถเห็นได้ ด้วยตาเปล่าก่อน

ผิวหน้าเปลี่ยนสีออกเป็นสีดำ และเป็นมันเงาหรือไม่ ความร้อนทำให้ผิวหน้าเกิดรอยไหม้ นอกจากนี้ผงสร้างแรงเสียดทานในผ้าเบรกอาจติดอยู่ที่ผิวจานเบรกได้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดอาการสั่น และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเบรกได้

ผิว หน้าจานเบรกมีรอยแตกร้าว (รอยเป็นเส้นแนวตั้งวิ่งเข้าหาใจกลางจานเบรก)หรือไม่ เป็นผลจากความร้อนและการกระทบกระแทกของผ้าเบรก มีรอยลักษณะเหมือนจานแผ่นเสียงที่ผิวหน้าหรือไม่ เป็นรอยที่เกิดจากการกระทบ
กับผ้าเบรก และมีสิ่งแปลกปลอม เช่น เศษหินหรือทรายติดอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       เมื่อเบรกดัง ควรทำอย่างไร ?

เมื่อเกิดปัญหาเบรกดัง ควรปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้
ตรวจสอบผ้าเบรก


* ผิว หน้าของผ้าเบรกเป็นมันเงาหรือไม่ ผิวหน้าผ้าเบรกเป็นเหมือนกระจก ความร้อนทำให้ผิวหน้าผ้าเบรกแข็งตัว จึงไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพที่แท้จริงของผ้าเบรกได้
* มีรอยลักษณะเหมือนจานแผ่นเสียงหรือไม่ รอยที่เกิดจากการเสียดสีกับจานเบรก (roter) เป็นสาเหตุให้เกิดอาการสั่นเล็กน้อยได้
* มีการสึกที่ไม่เสมอกันหรือไม่ อาจมีความผิดปกติที่คลิปผ้าเบรก (pad clip) หรือลูกสูบ (piston) มีการฉุดกระชาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ตรวจสอบสภาพของซิมและจาระบี

* ซิมบิดผิดรูป ส่วนที่เคลือบและยางเสื่อมสภาพ
* ส่วนที่เป็นยาง มักจะแข็งตัวและหลุดออก เมื่อถูกความร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางในบริเวณที่ถูกลูกสูบกดมักจะหลุด หรือบิดผิดรูปได้
* นอก จากนี้ หากบริเวณที่เป็นเขี้ยวซึ่งอยู่ที่ผ้าเบรกบิดผิดรูปจะทำให้ซิมไม่อยู่ในสภาพ ที่เหมาะสม ด้านหลังผ้าเบรกทาจาระบีไว้อย่างพอเหมาะหรือไม่ จาระบีจะหลุดง่ายเมื่อโดนความร้อน เศษโคลน หรือน้ำ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ตรวจสอบก้ามปู (Disc caliper)

ตัวก้ามปูบิดผิดรูปหรือไม่ เป็นเรื่องที่เกิดไม่บ่อยนัก แต่หากถูกกระทบแรงมาก ๆ ในระยะเวลาหนึ่ง หรือรถที่เกิดอุบัติเหตุตัวก้ามปู จะมีการผิดรูปเล็กน้อย ชิ้นส่วนที่เป็นยางเสื่อมสภาพหรือไม่ เช่นPiston bush, Piston seal, slide pin bush หากชิ้นส่วนที่เป็นยางผิดปกติ จะทำให้้ลูกสูบและส่วนที่ Slide ทำงานไม่ปกติ มีอาการกระชาก เป็นต้น คลิปที่ยึดผ้าเบรกบิดผิดรูปหรือไม่
ถ้าคลิปบิดผิดรูป จะไม่สามารถยึดผ้าเบรกด้วยแรงที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดอาการเอียงหรือสั่นเล็กน้อยได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       เสียงดัง..เอี๊ยดๆๆๆ เสียงเสียดสี...หรือการขูดขึีดของโลหะ

มื่อมีการเสียดสีของวัตถุสองชิ้น ย่อมทำให้เกิดความร้อนรวมทั้งเกิดเสียงดัง


ผู้ใช้รถมักจะประสบปัญหาเรื่องเสียงดัง เสียงเสียดสี คล้ายการขูดขีดของโลหะ
อาการเบรกดัง มักเกิดจากปัจจัยต่างๆ หลายปัจจัยร่วมกัน
เสียงเสียดสีของโลหะ อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้



เสียงดังขณะเบรก : ผ้าเบรกมีส่วนผสมของ
โลหะมากเกินไป
วิธีแก้ไข : เปลี่ยนใช้ผ้าเบรก
ที่มีส่วนผสมโลหะต่ำ


เสียงดังความถี่สูง
เช่น อี้ดๆ ขณะเบรก : ผ้าเบรกสึกหรอมาก
( ความหนาน้อยกว่า 4 มม .)
วิธีแก้ไข : เปลี่ยนผ้าเบรกทันที


เสียงดังความถี่สูง
สลับกับเสียง
ความถี่ต่ำๆ : จานเบรกเสียดสีกับคาลิปเปอร์
วิธีแก้ไข : ตรวจดูสภาพ หากมีสนิมควรทำความสะอาด
ตรวจดูการยึดติดตั้งของคาลิปเปอร์
ความแน่นของสลักปรับให้สมดุลและ
ทาจาระบีปรับแบริ่งล้อใหม่ให้เหมาะสม


เสียงดังความถี่สูง
เสียงเสียดสี
ความถี่สูงๆ : แบริ่งล้อหลวม
สลักยึดคาลิปเปอร์ยาวเกินไป
วิธีแก้ไข : ปรับหรือเปลี่ยนสลักยึด
ให้มีความยาวพอดีและเหมาะสม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       จำเป็นต้องเลือกเนื้อผ้าเบรก..ไหม ?

จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเนื้อผ้าเบรกนอกจากจะมีผลต่อประสิทธิภาพการเบรกที่ผู้ขับต้องการแล้ว
ผ้าเบรกแต่ละสูตรการผลิต มีข้อดีข้อเสียต่างกัน โดยเฉพาะผ้าเบรกที่ไม่ได้มาตรฐาน
มีข้อเสียที่ผู้ใช้รถไม่ต้องการ เช่น

1) ผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของโลหะสูงบางชนิด จะมีเขม่าดำในอัตราที่สูงมากในเขม่าดำ
มีเศษโลหะ พวกผงเหล็กปะปนออกมาค่อนข้างสูงผสมในเขม่าคาร์บอนหรือผงยาง
หลังจากการใช้เบรก หากผู้ขับขี่ไม่ทำความสะอาดในเวลาที่เหมาะสม ผงเหล็กเหล่านั้น
จะก่อตัวเป็นสนิม อาจทำลายผิวของวงล้อได้


2) ผ้าเบรกที่มีส่วนผสมโลหะสูง มีอัตราการทำลายจานเบรกมากกว่าผ้าเบรกที่มีส่วนผสม
ของโลหะต่ำ และผ้าเบรกบางยี่ห้อสร้างเสียงรบกวนบ้าง หลังจากใช้งานผ่านไประยะหนึ่ง

3) ผ้าเบรกด้อยคุณภาพบางชนิด หลังจากผ้าเบรกโดนความร้อนมากๆจะเกิด
อาการแข็งตัว แตกร้าวและร่อนหลุดออกจากแผ่นรองผ้าเบรก

ผ้าเบรกที่นิยมในปัจจุบันมี 3 กลุ่ม คือ

1) ผ้าเบรกเกรดมาตรฐาน
เหมาะสำหรับ รถใช้งานทั่วไปถึงงานหนัก ผ้าเบรกมีส่วนผสมของโลหะในอัตราที่ต่ำ
จุดเด่น คือ เบรกนุ่ม มีเขม่าน้อย ไม่มีเสียงรบกวนและถนอมจานเบรก
(ในประเทศไทย พบน้อยกว่า 20% ของผ้าเบรกทั้งหมด
เช่น ผ้าเบรกอะไหล่แท้เกรด 1และผ้าเบรกอาเคโบโน)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       1) ผ้าเบรกเกรดมาตรฐาน
เหมาะสำหรับ รถใช้งานทั่วไปถึงงานหนัก ผ้าเบรกมีส่วนผสมของโลหะในอัตราที่ต่ำ
จุดเด่น คือ เบรกนุ่ม มีเขม่าน้อย ไม่มีเสียงรบกวนและถนอมจานเบรก
(ในประเทศไทย พบน้อยกว่า 20% ของผ้าเบรกทั้งหมด
เช่น ผ้าเบรกอะไหล่แท้เกรด 1และผ้าเบรกอาเคโบโน)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       2) ผ้าเบรกเพื่อใช้งานหนัก
เหมาะสำหรับ รถใช้์เพื่อการขนส่งหรืองานหนัก ผ้าเบรกมีส่วนผสมของโลหะในอัตราที่สูง
จุดเด่น คือ ระยะเบรกเยี่ยมยอด ระยะเบรกสั้น(เบรกแข็ง) มีเสียงรบกวนบ้าง มีอัตราการทำลายจานเบรกสูงและมีเขม่าดำ (ในประเทศไทย พบมากกว่า 30 %ของจำนวนผ้าเบรกทั้งหมด)

Image

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       3)ผ้าเบรกเนื้อใยหิน
ผ้าเบรกชนิดนี้พบมากที่สุดในประเทศไทย สารประกอบหลักคือ ใยหินซึ่งเป็นสารธรรมชาติ
ี่มีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ปัจจุบัน ยังไม่มีกฏหมายห้ามการผลิตและการจำหน่าย
จึงมีการจัดจำหน่ายอย่างเสรี ในขณะที่หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว
งดการใช้และการนำเข้าอย่างเข้มงวด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       หมายเหตุ ผ้าเบรคแบบใยหินนี่ยังมีจำหน่ายในประเทศไทยเป็นส่วนมากลักษณะเด่นของผ้าเบรกใยหิน คือ

* นุ่มเงียบ
* ไม่กินจานเบรก
* ราคาไม่แพง
* เหมาะสำหรับ ผู้ใช้รถที่มีงบประมาณจำกัด
แต่สร้างมลภาวะเยอะที่สุด ในยุโรปหลายประเทศห้ามนำเข้าไปจำหน่าย เพราะส่วนหนึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ผ้าเบรกยี่ห้อใดดีที่สุด?

คำตอบ ไม่มีผ้าเบรกยี่ห้อใดดีที่่สุด!!

โรงงานผลิตผ้าเบรกแต่ละโรงงาน ผลิตผ้าเบรกตามวัตถุประสงค์การใช้งาน หรือตามวัตถุสงค์ของลูกค้า เช่น ลูกค้ากลุ่มโรงงานประกอบรถยนต์ ลูกค้ากลุ่มนักแข่ง และลูกค้ากลุ่มผู้ใช้รถทั่วไป

ผ้าเบรกแต่ละชนิดมีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติการใช้งานแตกต่างกัน ผู้ใช้รถควรใช้ผ้าเบรกให้ตรงกับลักษณะนิสัยการขับขี่ของตน

อะไรคือมาตรฐานคุณภาพของผ้าเบรก????

โรงงานผ้าเบรกชั้นนำทั่วไป มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์และระบบการตรวจผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง เราไม่สามารถนำมาตรฐานของแต่ละโรงงานมาเป็นกฏเกณฑ์ได้ เพราะผ้าเบรกจากแต่ละโรงงานแตกต่างกันตามความต้องการหรือสเปกของลูกค้า

โรงงานจะให้ความสำคัญกับการทดสอบในห้องวิจัย เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผู้ผลิตผ้าเบรกชั้นนำ่ จะทดสอบผ้าเบรกภายในห้องทดลอง และภายใต้เหตุการณ์จำลอง เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตมักจะไม่นำผลทดสอบมาโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์เพราะตัวแปรที่เกี่ยวข้องใน การทดสอบมีหลายอย่าง เช่น น้ำหนักบรรทุก น้ำหนักรถเนื้อผ้าเบรก ความลาดชันของพื้นถนน รวมทั้งความเร็วของการขับขี่ ดังนั้น การทดสอบผ้าเบรกต้องอยู่ในสภาพหรือเงื่อนไขที่ควบคุมเป็นพิเศษ มิฉะนั้นผลการทดสอบจะไม่มีความเที่ยงตรงและไม่มีความน่าเชื่อถือ
หากเรานำเกณฑ์การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกของโรงงานประกอบรถยนต์ มาเป็นเกณฑ์ในการจำแนกเกรดของผ้าเบรกในประเทศญี่ปุ่น มีดังนี้

* ผ้าเบรกจะต้องมีอัตราการทำลายจานเบรกต่ำ และทำงานร่วมกับจานเบรกได้ดีในทุกสภาวะการขับขี่
* เขม่าผ้าเบรก ผ้าเบรกต้องไม่มีเขม่าหรือฝุ่นตกค้างบนกระทะล้อมากเกินไป
* ต้องมีอัตราการเกิดเสียงต่ำ ไม่สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้รถ
* วัตถุดิบการผลิต ต้องปลอดภัย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษย์
* ประสิทธิภาพการเบรกดี เบรกได้ตามแรงที่เบรก

*


ถ้าหากเราใช้กฏเกณฑ์ข้างต้นเป็นเกณฑ์ในการเลือกผ้าเบรกในเมืองไทย

ผ้า เบรกที่เข้ากฏเกณฑ์ข้างต้น เรียกว่า ผ้าเบรกคุณภาพดีตามมาตรฐาน OEM ผ้าเบรกในกลุ่มนี้คือ ผ้าเบรกติดรถยนต์ รวมทั้งอะไหล่แท้ อะไหล่เทียมบางยี่ห้อ เป็นต้น

ในส่วน ของอะไหล่เทียม มักจะพบว่าผ้าเบรกส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติแตกต่างจากกฎเกณฑ์ข้างต้น บางชนิดถูกผลิตออกมาเพื่อเน้นคุณลักษณ์์บางประการ ทำให้คุณสมบัติข้ออื่นด้อยลงไป เช่น ผ้าเบรกรถแข่ง จะเน้นคุณสมบัติในเรื่องการเบรกมากกว่าข้ออื่นๆ ผ้าเบรกรถแข่งจะมีปัญหาเรื่องเสียงดัง เขม่าและการกินจานเบรก ในขณะเดียวกัน หากเอาอะไหล่แท้ ไปใช้งานในสนามแข่งขัน ผู้ใช้รถจะเจอเปัญหาเรื่องผ้าเบรกไหม้ ผ้าเบรกเกิดอาการเฟดหรือผ้าเบรกสึกอย่างรวดเร็ว เป็นต้น

ผู้ใช้รถควรที่จะต้องเลือกผ้าเบรกให้ตรงกับการใช้งานของ ตนเอง มิฉะนั้นผู้ใช้รถอาจจะผิดหวังเกี่ยวกับผ้าเบรกที่คุณเปลี่ยนมาและสิ้นเปลือง เงินอย่างไม่คุ้มค่า

จากกฏเกณฑ์ข้างต้นไม่มีผ้าเบรกชนิดใดหรือยี่ห้อใดที่มีประสิทธิภาพสูงในทุกๆ ด้านพร้อมๆ กัน โดยไม่มีข้อด้อย

การให้ความสนใจต่อการเลือกผ้าเบรกค่อนข้างมีความสำคัญ เนื่องจากอะไหล่อื่นๆ ไม่ดี รถอาจจะทำงานไม่ได้

แต่หาก...........ระบบเบรกผิดปกติ ทั้งรถยนต์และผู้ขับขี่อาจทำงานไม่ได้ไปตลอดชีวิตจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน



คิด ให้ดี กรุณาคิดให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ผ้าเบรคอันใหม่สำหรับรถของคุณ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ข้อแนะนำในการเลือกซื้อผ้าเบรก

ผ้าเบรกในประเทศไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ยี่ห้อ หลากหลายชนิดและหลายคุณภาพ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถในการวิเคราะห์และเลือกซื้อผ้าเบรกให้ ตรงตามงบประมาณ และความต้องการของผู้ใช้รถอย่างคุ้มค่าที่สุด สำหรับการขับขี่ทั่วไป ควรใช้ผ้าเบรกเกรดเดียวกับผ้าเบรกที่ติดมากับรถยนต์ใหม่ เนื่องจากผ้าเบรกออกแบบให้ทำงานได้ดีในสภาวะต่างๆ เช่น
* ขับขี่ในเมือง บรรทุกของหนัก หรือลุยน้ำ
* ผ้าเบรกทำงานได้ดีกับจานเบรก และมีอัตราการทำลายจานเบรกที่ต่ำมาก
* การสัมผัสเบรกจะให้ความรู้สึกนุ่ม และหยุดรถตามแรงที่เหยียบคันเบรก
* ฝุ่นละอองของผ้าเบรกมีน้ำหนักเบา ไม่ก่อตัวเป็นเขม่าดำให้เลอะเทอะบนล้อ


ข้อแนะนำในการเลือกซื้อผ้าเบรก

ผ้า เบรกในประเทศไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ยี่ห้อ หลากหลายชนิดและหลายคุณภาพ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถในการวิเคราะห์และเลือกซื้อผ้าเบรกให้ ตรงตามงบประมาณ และความต้องการของผู้ใช้รถอย่างคุ้มค่าที่สุด สำหรับการขับขี่ทั่วไป ควรใช้ผ้าเบรกเกรดเดียวกับผ้าเบรกที่ติดมากับรถยนต์ใหม่เนื่องจาก
* ผ้าเบรกออกแบบให้ทำงานได้ดีในสภาวะต่างๆ เช่น
* ขับขี่ในเมือง บรรทุกของหนัก หรือลุยน้ำ
* ผ้าเบรกทำงานได้ดีกับจานเบรก และมีอัตราการทำลายจานเบรกที่ต่ำมาก
* การสัมผัสเบรกจะให้ความรู้สึกนุ่ม และหยุดรถตามแรงที่เหยียบคันเบรก
* ฝุ่นละอองของผ้าเบรกมีน้ำหนักเบา ไม่ก่อตัวเป็นเขม่าดำให้เลอะเทอะบนล้อ

1.ควรเลือกผ้าเบรกให้ตรงตามลักษณะการขับรถหรือการใช้งาน
2.ผ้าเบรกรถแข่ง ควรใช้สำหรับรถแข่งเท่านั้น เพราะผ้าเบรกบางชนิดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อรถใช้ความเร็วสูงเท่านั้น
3. ผ้าเบรกเพื่อใช้งานหนัก(เนื้อโลหะ) ควรใช้สำหรับรถที่ใช้บรรทุกของหนักเป็นประจำ เนื่องจากผ้าเบรกถูกออกแบบมา เพื่อรับสภาพรับน้ำหนักบรรทุกสูงๆและความเร็วสูงๆ หากรถบ้านนำไปใช้อาจจะรู้สึกเบรกแข็งหรือสัมผัสเบรก แบบกระชากรุนแรงอาจจะเป็นอันตรายได้
4.ผ้าเบรกแต่ละชนิดให้ัสัมผัสเบรกที่แตกต่างกัน และความรู้สึกทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหาเรื่องเสียง ปัญหาเรื่องเขม่าดำบนวงล้อปัญหาเรื่องการบำรุงรักษา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ควรหลีกเลี่ยงการอัดผ้าเบรก เนื่องจากแ่ผ่นรองผ้าเบรกหรือก้ามเบรกที่ผ่านการใช้
งานแล้ว คุณสมบัติของเหล็กจะเปลี่ยนไป รวมทั้งการบิดเบี้ยวของแผ่นเหล็ก อาจทำให้
้การทำงานของเบรกผิดพลาด อีกทั้งการอัดผ้าเบรกส่วนใหญ่จะใช้ความชำนาญของช่าง
เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งเป็นการยากอย่างยิ่งในเรื่องของประสิทธิภาพ
และความมั่นใจของผลิตภัณฑ์



(การอัดผ้าเบรกใหม่ คือ การนำตัวผ้าเบรกใหม่ทากาวหรือยางบน
โครงเหล็กเก่าของดรัมเบรกหรือดิสเบรก ปัจจุบันผ้าเบรกสำเร็จรูป
และดิสเบรกสำเร็จรูปมีราคาถูก ดังนั้น ควรเลือกใช้แบบสำเร็จรูป
ดีกว่าที่จะไปอัดผ้าเบรกตามร้าน)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       เปลี่ยนผ้าเบรคต้องเจียร์จานหรือเปล่า?

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       การเจียรจานมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่

่ผู้ ใช้รถบางคนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการเจียรจานเบรกว่าเป็นการ ทำลายจานเบรกมากกว่าการดูแลรักษาจานเบรก โดยเกรงว่าจานเบรกจะบางเร็วขึ้นอาจจะต้อง เปลี่ยนจานเบรกใหม่เร็วขึ้น แต่ในความเป็นจริง การเจียรจานเบรกเป็นส่วนหนึ่งของ การดูแลรักษาระบบเบรกให้มีความสมบูรณ์ขึ้น เพื่อให้ระบบเบรกมีประสิทธิภาพการใช้งาน สูงที่สุดและมีความปลอดภัยสูงสุด


ารเจียรจานเบรกคือ การปรับสภาพความเรียบของจานเบรกโดยการใช้เครื่องมือขัดผิวหน้า ให้้เรียบ เนื้อผิวของจานเบรกที่ถูกไสออกไป จะขึ้นอยู่กับความหนาหรือร่องความลึกที่อยู่บน ผิวหน้าจานเบรก ถ้าหากมีร่องรอยที่ลึกมาก ผ้าเบรกจะถูกไสออกไปมาก ทำให้จานเบรกมีอายุ ุี่สั้นลง โดยปกติผ้าเบรกโลหะสูง จะมีการขูดขีดหรือกินจานเบรก ทำให้เกิดรอยมากที่สุด

การเจียรจานเบรก มี 2 แบบ คือ

การ เจียรแบบถอดจานเบรก (ถอดจานเบรกออกจากตัวรถเพื่อนำไปเข้าเครื่องเจียร) การเจียรจานแบบประชิดจานเบรก (ไม่ต้องถอดจานเบรกออกจากรถแต่นำเครื่องเจียร วางประชิดจานเบรก แล้วทำการเีจียรดูภาพประกอบด้านล่าง)

การเจียรแบบประชิด
มีข้อดี คือ ใช้เวลาสั้นในการเจียร นอกจากนี้จานเบรกยังอยู่ในสภาพเดิม
ไม่จำเป็นต้องปรับความสมดุลของศูนย์ใหม่

จานเบรกและคาลิปเปอร์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการหยุดรถ ประสิทธิภาพการเบรกที่ดี
นอกจากขึ้นอยูู่่กับผ้าเบรกแล้ว ความสมบูรณ์ของชุดคาลิปเปอร์และความเรียบของ
จานเบรกเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้ใช้รถต้องให้ความสำคัญอย่างมาก

ผิวหน้าจานเบรกมีความสำคัญอย่างไร?
ลักษณะผิวหน้าจานเบรกที่ไม่เรียบ
รอยขูดขีดที่ลึกบนผิวจานเบรก ทำให้จานเบรกสูญเสียพื้นที่ในการ
สัมผัสกับผ้าเบรก ในขณะเบรกผ้าเบรกจะสัมผัสเฉพาะส่วนที่สัมผัส
กับผ้าเบรกได้เท่านั้น

ดังนั้น ประสิทธิภาพการเบรกจึงลดลงตามพื้นที่ที่ลดลง นอกจากนี้รอยขูดขีด
บนจานเบรกมีขนาดใหญ่ขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้เบรก ทำให้เบรกสึกผิดปกติ
เช่น เอียงไม่เป็นระนาบ มีผลทำให้รถมีอาการสั่นหรือเอียง เกิดเสียงดัง
รบกวนได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้จานเบรกและผ้าเบรกมีประสิทธิภาพ
การกระจายความร้อนลดลงเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเฟดขณะแตะเบรก
<--ลักษณะภาพตัดขวางของการสัมผัสระหว่างผ้าเบรกและจานเบรก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
      

ลักษณะผิวหน้าจานเบรกที่ดี

ผ้าเบรกสามารถสัมผัสผิวหน้าจานเบรกได้ทั้งหมด ช่วยให้ประสิทธิภาพ
จานเบรกมีความสมบูรณ์และความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถกระจาย, ถ่ายเท
ได้ดีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรก ลดอาการเฟด ช่วยระบายความร้อนได้ดี
ขณะผ้าเบรกมีอุณหภูมิที่สูงเกินไป

**สีแดงคือ เนื้อผ้าเบรกในมุมมองด้านข้าง ผิวหน้าผ้าเบรกและจานเบรก
(สีดำ) สัมผัสกันได้เต็มที่

<--ลักษณะภาพตัดขวางของการสัมผัสระหว่างผ้าเบรกและจานเบรก



หมายเหตุ : เพื่อลดการเจียรจานเบรก ผู้ใช้รถควรให้ความสำคัญกับการเลือกชนิดของเนื้อผ้าเบรกที่มีอัตราการทำลายจานเบรกต่ำ เช่นเนื้อผ้าเบรกเกรด OEM หรือผ้าเบรกที่มีส่วนผสมของโลหะในอัตราที่ต่ำ เช่น ผ้าเบรกอาเคโบโน เกรดเซรามิกซ์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
      
อะไหล่แท้ อะไหล่เทียม อะไหล่ปลอม คืออะไร ?


อุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในประเทศไทย มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ผู้ใช้รถบางท่านเกิดความไม่เข้าใจเวลาคุยกับช่างฯ เพราะศัพท์ของช่างฯและอู่รถยนต์เรียกไม่เหมือนกัน

อะไหล่ แท้ หมายถึง อะไหล่ที่จัดจำหน่ายภายใต้ยี่ห้อรถยนต์นั้น โลโก้้และสัญลักษณ์์ต่างๆของสินค้า จะใช้ยี่ห้อเดียวกับยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ ชนิดของอะไหล่แท้ มีหลายแบบ เช่น
* อะไหล่แท้ห้าง คือ อะไหล่แท้ยี่ห้อเดียวกับรถยนต์ จะใช้ยี่ห้อเดียวกับยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ
* อะไหล่แท้ญี่ปุ่น คือ อะไหล่ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น จะใช้ยี่ห้อ เดียวกับยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ
* อะไหล่แท้เกรดหนึ่ง คือ อะไหล่คุณภาพในระดับเดียวกับอะไหล่ ติดรถยนต์จากโรงงานประกอบ จะใช้ยี่ห้อเดียวกับยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ
* อะไหล่แท้เกรดรอง คือ อะไหล่ที่มีคุณภาพรองจากอะไหล่แท้ เกรดหนึ่ง และมีราคาที่ถูกกว่า จะใช้ยี่ห้อเดียวกับยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ
* อะไหล่แท้รับรอง คือ อะไหล่ที่บริษัทรถยนต์ให้การรับรองว่า มีคุณภาพเดียวกับอะไหล่แท้ห้างแต่มีราคาถูกกว่า ยี่ห้อของอะไหล่ ประเภทนี้ จะใช้ยี่ห้อของบริษัทผู้ผลิตอะไหล่

อะไหล่เทียม

อะไหล่เทียม หมายถึง อะไหล่ที่ใช้ทดแทนกันได้กับอะไหล่แท้ติดรถยนต์มีคุณภาพระดับเดียวกับอะไหล่ แท้ บางชนิดมีคุณภาพหรือคุณลักษณะที่เหนือกว่าอะไหล่แท้ บางชนิดอาจมีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าอะไหล่แท้ อะไหล่ประเภทนี้จะใช้ยี่ห้อของผู้ผลิตอะไหล่ หรือยี่ห้อของผู้จัดจำหน่าย เช่น ผ้าเบรกที่ผลิตจากบริษัท อาเคโบโนเบรกอินดัสทรีย์ เมื่อผลิตและส่งให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ ผ้าเบรกนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นอะไหล่แท้ OEM
หากบริษัทผลิตรถยนต์นำไปใช้เพื่อบริการแก่ลูกค้า ผ้าเบรกนั้นจะถูกเรียกว่าอะไหล่แท้ห้าง ในขณะเดียวกัน ผ้าเบรกจากบริษัท อาเคโบโนเบรกอินดัสทรีย์ที่นำออกจำหน่ายในตลาดค้าปลีกหรืออู่รถยนต์ต่างๆ ช่างฯ อาจเรียกเพียงชื่อยี่ห้อหรือบางทีอาจเรียกว่า อะไหล่เทียม

อะไหล่ปลอม

อะไหล่ปลอม หมายถืง อะไหล่ที่ผลิตเลียนแบบอะไหล่แท้ หรืออะไหล่เทียมโดยส่วนใหญ่จะผลิตโดยใช้ยี่ห้อรถยนต์ หรือบริษัทผลิตอะไหล่ที่มีชื่อเสียงคุณสมบัติและลักษณะต่างๆ ของอะไหล่ปลอม เหมือนกันทุกประการเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่คุณสมบัติจะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมีการนำไปใช้งาน

อะไหล่ปลอมนั้น ส่วนใหญ่ผลิตภายในประเทศ ตามอาคารพาณิชย์ต่างๆผู้ผลิตอะไหล่ปลอมอาจจะผลิตทั้งอะไหล่ปลอมและอะไหล่ ยี่ห้อของตนเองออกจำหน่ายในตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายให้ทั้งผู้ใช้รถ และทำลายชื่อเสียง ยี่ห้อของผู้ผลิตอะไหล่

สำหรับอุตสาหกรรมอะไหล่ปลอมในประเทศไทย มีการทำเป็นขบวนการและมีระบบเครือข่ายทั่วประเทศ มีศักยภาพในการปลอมแปลงสูง มีความสามารถและความชำนาญในการหลบเลี่ยงภาษีและกฏหมายเป็นอย่างดี

ผู้ใช้รถควรใส่ใจในเรื่องอะไหล่เที่ยมอะไหล่ปลอม อย่าเสี่ยงในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่แน่ใจในคุณภาพหรือผู้ผลิต เพราะอะไหล่ปลอมบางชนิด หากเสียก็อาจจะหาเปลี่ยนใหม่ได้ แต่ถ้าหากเป็นอะไหล่ปลอมบางชนิดทั้งผู้ใช้รถและรถอาจจะไม่มีโอกาสได้เปลี่ยน อะไหล่นั้นเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ขนิดของเนื้อผ้าเบรกแบ่งตามวัสดุการผลิต

ผ้า เบรกในตลาดค้าปลีกเมืองไทย สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ เนื้อใยหิน และเนื้อไม่มีส่วนผสมใยหิน (ตามแผนผังด้านบน)ในแต่ละกลุ่มมีชนิดของเนื้อผ้าเบรกแยกออกไปอีก แต่ละยี่ห้อผ้าเบรก จะมีชื่อเรียกทางการค้าหรือชื่อของชนิดผ้าเบรกแตกต่างกันไปและมีวิธีนำเสนอ ลูกค้าที่แตกต่างกันไป

เหมาะสำหรับ : ผู้ขับขี่รถที่บรรทุกหนัก
เป็นประจำและใช้ความเร็วสูง
ให้ระยะเบรกสั้น
บางชนิดให้ความรู้สึกกระชาก
หรือเบรกแข็ง



Semi Metalic สูตรเมทาลิกซ์ : ลักษณะเนื้อแข็งแกร่ง สีดำ มันวาว มีลักษณะสาก เหมือนกระดาษทรายหยาบๆ
เมื่อลูบแล้วพบว่ามีเขม่าดำติดมาที่นิ้ว มองเห็นริ้วโลหะชัดเจนในเนื้อผ้าเบรก

พบเฉพาะในตลาดค้าปลีก
ในกลุ่มผ้าเบรกสำหรับใช้งานหนัก สำหรับการแข่งขัน



เหมาะสำหรับ : ผู้ขับรถที่บรรทุกหนักๆ เป็นประจำและใช้ความเร็วสูงมีระยะเบรกสั้น
บางชนิดให้ความรู้สึกกระชาก หรือเบรกแข็ง




Asbestos สูตรแร่ใยหินอย่างดี : ลักษณะเนื้อแข็ง สีดำอ่อนๆ พื้นผิวเรียบนุ่มมือ มองเห็นเส้นใยหิน เป็นริ้วเล็กๆสั้นๆ สีเทาคล้ายเส้นใยผ้า นอกจากนั้น ยังเห็นเม็ดผงเรซิ่นสีดำๆ ปะปนประปราย ในเนื้อผ้า

พบเฉพาะในตลาดค้าปลีกในประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย


เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้รถที่ต้องการความรู้สึกเบรกเหมือนรถใหม่ นุ่มสะอาด และเงียบขณะเบรก สำหรับ
ผู้ที่มีู้งบประมาณจำกัด สามารถเบรกได้ตามแรงที่เหยียบ
เหยียบมากเบรกมาก
เหยียบน้อยเบรกน้อย
มีอายุการใช้งานสั้น
และเขม่ามีพิษต่อร่างกาย

Carbon Metallicสูตรคาร์บอน : ลักษณะเนื้อแข็งแกร่ง สีดำ มันวาวลักษณะสากเหมือนกระดาษทราย
หยาบๆ เมื่อลูบแล้วพบว่ามีเขม่าดำติดมาที่นิ้วค่อนข้างมากมองเห็นริ้วโลหะชัดเจนในเนื้อผ้าเบรก

ีพบเฉพาะในตลาดค้าปลีก
ในกลุ่มผ้าเบรกสำหรับใช้งานหนัก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ทำไมต้องใส่ใจเรื่องผ้าเบรค?

รถยนต์ นอกจากเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตของเราแล้วยังเปรียบเสมือนเป็นปัจจัยที่ห้าของหลายๆคน ผู้ใช้รถหลายท่านจึงให้ความสำคัญในการดูแลและบำรุงรักษารถยนต์เหมือนคนสำคัญในครอบครัวอาทิ อุปกรณ์ตกแต่งรถ น้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งของใช้ภายในรถยนต์ โดยให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและการเลือกตราสินค้าด้วยตนเอง แต่เมื่อรถยนต์มีปัญหาต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ ผู้ใช้รถหลายท่านจะให้ความไว้วางใจในการใช้บริการกับช่างฯ หรืออู่รถยนต์ ผู้ใช้รถจะพิจารณาและ
ตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ โดยฟังคำแนะนำ่จากช่างฯ เนื่องจากผู้ใช้รถส่วนใหญไม่ม ีประสบการณ์การซ่อมรถ หรือไม่มีความรู้เกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ ผู้ใช้รถจึงต้องเชื่อใจในคำแนะนำของช่างโดยไม่มีทางเลือก

หลายๆๆครั้งที่ผู้ใช้รถมักจะปวดหัวเรื่องการซ่อมรถ ควรไปซ่อมที่ไหน? ถึงจะถูกและดี? ไม่โดนช่างหลอก! หรือคิดราคาแพงเกินจริง!

ในฐานะผู้ใช้รถ หากมีความรู้เรื่องอะไหล่หรือผ้าเบรกบ้าง ผู้ใช้รถจะมีความมั่นใจและสามารถดูแลรักษา รวมถึงประมาณการค่าบำรุงรักษาได้ดีกว่า อีกทั้งความรู้เรื่องอะไหล่ยังมีส่วนช่วยให้ ผู้ใช้รถเข้าใจคำแนะนำต่างๆของช่างฯ มากขึ้น เพราะช่างฯ หลายคนมักไม่มีเวลาในการอธิบาย รายละเอียดต่างๆให้กับผู้ใช้รถได้ทั้งหมด จึงอาจทำให้ผู้ใช้รถเกิดความไม่พอใจต่อช่างละอู่

ฉะนั้นผู้ใช้รถจึงจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องอะไหล่รถ เพื่อเป็นข้อมูลในการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถ ทั้งนี้ ผ้าเบรกก็จัดเป็นอะไหล่รถยนต์อีกชนิดหนึ่งที่มีอายุการใช้งานจำกัด มีความถี่ในการเปลี่ยนบ่อยคล้ายๆ กับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป

นอกจากนี้ ปัจจุบันมีผ้าเบรคในตลาดมีจำนวนหลากหลายยี่ห้อและคุณภาพ ซึ่งผู้ผลิตไม่ต่ำกว่า 50 เจ้า ราคาในท้องมีตั้งแต่ชุดละ 200 บาทจนถึงชุดละหลายหมื่นบาท ทั้งของไทยและของต่างชาติ หลากหลาย ผู้ใช้รถจึงควรจะมีความรู้และศึกษาผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้การเปลี่ยน ผ้าเบรกทุกครั้งมีความคุ้มค่ามากสุด อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้รถและอู่ซ่อมรถยนต์มีความเข้าใจซึ่งกัน มีทรรศนคติที่ดีขึ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       สมัยผมเด็กๆ อาการขัดคือเพื่อนหรือผู้อื่นจะเรียกว่า"การเบรก" ไม่ทราบว่าอาการแบบนี้ยังถูกเรียกเหมือนเดิมอยู่หรือปล่าวครับพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       อ่านจนมึนเลยคุณManit ......

ขอบคุณที่นำเรื่องน่ารู้มาให้เพื่อนๆ สมาชิกอ่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย