คำตอบที่ 1
       เล่าให้ฟังวันละปัญหาที่พบก็แล้วกัน หัวเทียนครับ ท่านที่ใช้รถแล้วยังไม่เคยที่จะเปลี่ยนหัวเทียนเลยก็ลองสำรวจตรวจสอบกันดูนะครับว่าเราเปลี่ยนไปนานแล้วหรือยัง ถ้านานเกินจาก 10,000 กม.สำหรับหัวเทียนทั่วไป ก็จัดหามาเปลี่ยนได้เลย ถามว่าจะมีปัญหาอะไรไหมถ้าไม่เปลี่ยน สิ่งแรกที่เจอก็ สตาร์ทติดยากครับ และก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% ก็เยอะนะครับ ส่วนท่านที่ใช้หัวเทียนประเภท อีรีเดียม ก็ 100,000 กม.นะครับถึงเปลี่ยนกันครั้งนึง ตอนนี้หัวเทียนประเภทนี้มีผลิตในเมืองไทยแล้ว เมื่อก่อนราคาแพงมาก หัวละประมาณ 7-800 บาท ตอนนี้ชุดละประมาณ 7-800 บาท ก็พอหาซื้อได้นะครับ ลองตรวจสอบกันดู

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       หม้อน้ำก็สำคัญนะครับ เท่าที่อ่านในเว็ปบอร์ดดูก็จะพบปัญหาเรื่องหม้อน้ำกันมากพอสมควร แต่ถ้าเป็น ปี 96 แล้วก็เกือบทุกคันที่ผ่านปัญหามากันแล้วทั้งนั้น จะเปลี่ยนแบบเดิมหรือไปปั้นขึ้นมาใหม่ ก็ต้องดูแลรักษานะครับ น้ำยาหม้อน้ำครับ ถ้าใช้อยู่ก็ลองดูซิว่าเราเปลี่ยนมานานแล้วหรือยัง ถ้าได้ขวบปีก็เปลี่ยนถ่ายซะ จะช่วยลดปัญหาได้มากเลยทีเดียว แล้วน้ำยาที่ใช้ก็ขอให้เลือกกันหน่อยระวังจะเจอน้ำผสมสี ในท้องตลาดก็มีหลายยี้ห้อถามพอทำเองได้ก็ทำกันครับ ปริมาณน้ำในระบบมีค่อนข้างมาก ถ้าจำไม่ผิด จะประมาณ 8-10 ลิตร ไม่แน่ใจนะครับ แล้วเวลาเติมก็ควรให้ได้ประมาณ 50 % ของน้ำทั้งระบบ ไม่งั้นก็เสียตังค์เปล่า ของดีๆบ้างครั้งก็จะพบว่าเค้าไม่ผสมน้ำมาเลย แต่ให้น้ำยามาเพียวๆอันนี้แพงแต่แน่นอนก็เติมประมาณ 3-4 ขวด ก็โอเคนะ(ขวดลิตร)ครับ ถ้าถ้าทั่วไปก็จะผสมมาให้เสร็จ ก็แล้วแต่ที่เค้าจะผสม มีตั้งแต่ 30-70,40-60,50-50 ส่วนใหญ่ก็ 50-50 นะครับอันนี้ราคาถูกลงมานิดหน่อยแต่ก็ต้องใช้หลายขวด ก็หลายตังค์อีกแต่ไม่เป็นไร มันช่วยยืดอายุหม้อน้ำของเราแล้วถ้ายิ่งเป็นแบบเดิมๆละก็อลูมิเนียม อาจเสียหายได้ ง่าย ระวังกันหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ดีจังเลย trooper วันละคำ ของผมขอถามเรื่องเกย์ เฮ้ยเกียร์ครับส่วนสำคัญของรถเรา ทำอย่างไรถึงจะให้มันอยู่กับเรานานๆๆๆๆๆๆๆๆ ละครับ ดูแล ทำนุบำรุง อย่างไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เรื่องเกย์ไม่ต้องดูแลครับเค้าดูแลตัวเองได้ แต่เกียร์ต้องคอยให้เราเอาใจใส่และดูแลครับ55555 เข้าเรื่องเลย ก่อนต้องถามว่าเป็นเกียร์ประเภทไหนครับ ธรรมดา หรือ ออโต้ แต่ไม่เป็นไร อธิบายไปทั้งสองอย่างเลยดีกว่าส่วนใหญ่รถทรูปเปอร์ที่เรามีกันอยู่อาจจะเป็นคันเดิมที่เราซื้อมาตั้งแต่ป้ายแดงหรือเป็นมือสองอายุการใช้งานก็มากอยู่แล้วแต่จะวิ่งกันมากหรือน้อยตามแต่กำลังทรัพย์ที่ใช้เติมน้ำมันนะครับ เริ่มต้นที่เกียร์ธรรมดาก่อนนะครับไม่ว่าจะเริ่มที่ป้ายแดงหรือป้ายดำ ก็ควรตั้งประวัติรถเราใหม่โดยการเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์กันก่อนเลย เกียร์ของรถอีซูซุส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันเกียร์เบอร์ 40 นะครับ ขอเน้น 40 ครับ หรือน้ำมันเครื่องนั่นเอง แต่ขอความกรุณาเพื่อนสมาชิกที่ใช้รุ่นที่เป็นเกียร์ธรรมดาอย่าใช้น้ำมันเครื่องที่เป็นเกรดรวมนะครับ เช่น 15W-40 หรือ 10W-40 เพราะว่าน้ำมันเหล่านี้จะใช้ดีกับเครื่องยนต์แต่ไม่ใช่เกียร์ครับเพราะว่าน้ำมันเหล่านี้ตอนเย็นจะเหลวเป็นเบอร์ 15 เวลาร้อนจะปรับเป็นเบอร์ 40 เค้าไว้ใช้กับเครื่องยนต์เพราะต้องการที่จะให้น้ำมันวิ่งไปตามจุดต่างๆของเครื่องยนต์ตอนติดครั้งแรกได้อย่างรวดเร็วลดการสึกหรอในตอนเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่นะครับ แต่พอเราใช้ในเกียร์ธรรมดามันไม่มีปั้มน้ำมันเกียร์ครับ เค้าจะอาศัยตอนเฟืองเกียร์หมุนแล้วพาเอาน้ำมันขึ้นไปยึดเกาะเฟืองเกียร์ไว้ แต่เมื่อเกียร์เรายังเย็นอยู่น้ำมันพวกนี้จะไหลลงมาด้านล่างอีก ทำให้เฟืองเกียร์เกิดการสึกหรอกและมีเสียงดังตอนเกียร์ยังเย็นอยู่ และที่สำคัญตามลูกปืนเข็มในราวเกียร์จะมีน้ำมันตกค้างอยู่น้อยเป็นสาเหตุให้เกียร์พังอีก ดังนั้นเวลาไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ให้สอบถามก่อนว่าเป็นน้ำมันเกรดรวมหรือเกรดเดี่ยวเบอร์อะไร เท่าที่เจอมาตามคาร์แคร์บ้างที่ไม่ทราบก็ใช้น้ำมันที่ใช้เติมเครื่องเติมให้เรา บอกเค้าเลยครับว่าเอาเกรดเดี่ยว 40 API CD ขึ้นไปนะครับถูกตังค์ด้วยและก็ถูต้องอีกต่างหาก หรือบางที่ใช้เบอร์ 90 เข้าให้ พังกันเป็นแถบๆ และก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 20,000 กม.ครับ แต่ถ้าในหนึ่งปีวิ่งไม่ถึง 20,000 กม.ก็ควรเปลี่ยนปีละครั้งนะครับแล้วแต่ว่าอะไรจะถึงก่อนและเวลาเปลี่ยนถ่ายควรตรวจดูน้ำมันที่ถ่ายออกมาด้วยว่ามีสภาพเป็นอย่างไร เหมือนตรวจเลือดเราเองนะครับมันจะบอกได้ว่าสภาพภายในเกียร์ของเราอยู่ในสภาพอย่างไร เช่น ถ้ามีเศษโลหะสีเหลืองๆเล็กๆ และ มีจำนวนมากผิดปกติ ให้คาดเดาได้เลยว่าเฟืองทองเหลืองของทันเริ่มเสียหายมาก เวลาเปลี่ยนเกียร์บ้างครั้งจะเกิดเสียดังและเกียร์เข้ายาก ก็เป็นตัวอย่าง ง่ายๆนะครับ และอีกส่วนก็คือส่วน tranfer ช่วงท้ายเกียร์นะครับเป็นชุดเกียร์ขับเพลาหน้าและเป็นเกียร์ทดสโลว์ ก็ต้องเปลี่ยนถ่ายไปพร้อมกันด้วยนะครับ ระวังและสังเกตุเวลาช่างเค้าเปลี่ยนถ่ายนะครับ และก็ตรวจการรั่วซึมของเกียร์ว่ามีหรือไม่ถ้ามีและแก้ไขไม่ยากก็รีบดำเนินการทันทีแต่ถ้ายากมากก็ต้องทิ้งรถไว้ให้ช่างเค้าดำเนินการละครับ วันนี้พอก่อน พรุ่งนี้ต่อเกียร์ A/T ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ต่อเรื่องเกียร์ครับ เกียร์ออโต้ ของทรูปเปอร์ก็จะยังเป็นเกียร์ออโต้รุ่นเก่า ไม่ใช่CVT หรือเกียร์สายพานรุ่นใหม่ครับ การดูแลรักษาก็ไม่ยากเย็นอะไร ก็เริ่มจาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ให้ตรงตามระยะทางที่กำหนดทุกๆ 40,000 กม.ครับ แล้วก็ใช้น้ำมันเกียร์ ATF เกรด DEXON III ครับ จะสังเคราะห์หรือไม่ก็ตามแต่กำลังทรัพย์ แล้วอย่าลืมถ่ายน้ำมันเกียร์ Tranfer ด้วยนะครับใช้น้ำมันเบอร์ 40 เหมือนเกียร์ธรรมดา สังเกตุให้ดีจะมีช่องเปลี่ยนถ่ายคนละช่องกันกับตัวเกียร์ แล้วถ้าเป็นรุ่น 94 หรือ 96 ก็จะเจอปัญหาน้ำมันเกียร์รั่วบริเวณ อ่างเกียร์หน้าและหลัง ควรแก้ไขให้เรียบร้อยโดยการเปลี่ยนประเก็นใหม่จะเป็นปะเก็นตัดเองหรือไปซื้อที่ศูนย์ก็ได้ และเมื่อเปิดออกมาแล้วก็ให้ตรวจดูสภาพกรองเกียร์ด้วยนะครับ ดูว่าอยู่ในสภาพอย่างไร ถ้าเก่ามากก็ควรเปลี่ยนใหม่ อันนี้ต้องซื้อที่ศูนย์อย่างเดียว แต่ถ้าตรวจดูสภาพโดยทั่วไปแล้วยังดูดีอยู่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนครับ แต่ถ้าถามว่าตามระยะที่กำหนดให้เปลี่ยน ก็ทุก 100,000 กม. ครับ ข้อสำคัญครับสำหรับผู้ใช้เกียร์ ออโต้ เวลาสตาร์ทเครื่องใหม่ควรรอสังพักก่อนออกรถ โดยสังเกตุไฟ "เช็คทราน" สีแดง ให้ดับลงก่อนแล้วค่อยออกรถนะครับ เพราะเกียร์รุ่นนี้ใช้กล่องคุมครับ จะได้ใช้งานนานๆและทนทานหลายปี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       พูดถึงเกียร์แล้วก็ต้องพูดถึงเฟืองท้ายด้วย ทรูปเปอร์มีเฟืองท้าย 2 ลูก ลูกหน้าเป็นแบบธรรมดา ลูกหลังเป็นแบบลิมิเต็ด น้ำมันที่ใช้ก็แตกต่างกัน ลูกหน้าใช้ เบอร์ 140 ธรรมดา ส่วนลูกหลังต้องใช้ 140 LTD หรือน้ำมันเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ด ระยะการเปลี่ยนถ่ายก็ทุก 20,000 กม. หรือ 1 ปี แล้วแต่ว่าอย่างไหนจะถึงก่อน เฟืองท้ายลูกหน้าจะทำงานตอนเราขับเคลื่อน4ล้อเท่านั้น ดังนั้นน้ำมันเฟืองท้ายจะไม่ค่อยขึ้นไปหล่อลื่นเท่าใดหนัก จึงควรขับ4ล้อบ้างในบ้างโอกาศ เดือนละครั้งก็ยังดี วิ่งสัก5-10 กม.ก็ใช้ได้แล้ว ไม่เช่นนั้เฟืองท้ายลูกหน้าจะเป็นสนิมในส่วนที่ไม่ถูกน้ำมัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ..สำหรับผม..ที่ไม่ค่อยรู้อะไรเลย...ขอบคุณมากครับ....คุณหมี....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ตอนนี้ปัญหาของผมคือ...แอร์...วิ่งระยะทางไกล...จะมีน้ำแข็งเกาะที่ท่อทองแดง..เปิดฝากระโปรงจะเห็น..อาการคือไม่เย็น...ถ้าวิ่งในเมือง..ไม่ใช้ความเร็วยาวๆ...ไม่มีปัญหาครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       คุณหมี ดำเนิน ครับ ผมว่าเฟืองหน้าใช้เบอร์ 140 ส่วนเฟืองหลังใช้ GL5 เบอร์ 90 แบบลิมิเต็ดนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ช่วยกันหน่อยใครมีข้อมูลมา(ซดกัน)แลกกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       คต 9 แอร์ไม่เย็นเป็นน้ำแข็งที่ท่อแล้วเป็นเวลาใช้ในเมือง ต้องถามก่อนครับว่าได้ทำอะไรไปบ้าง แล้วส่วนใหญ่เจ้าของรถทรูปเปอร์จะถอดท่อน้ำฮีตเตอร์ออกหมดแล้ว เพราะว่าแอร์ไม่ค่อยเย็น เพราะมันจะทำงานพร้อมกันคือน้ำร้อนจะเข้าไปที่คอย์ลร้อนที่อยู่ในตู้แอร์ด้วย แล้วใช้การบังคับทิศทางลมเอาโดยการผสมทั้งลมร้อนและลมเย็นออกมา ดังนั้นถ้ายังไม่เอาออก ก็ให้เอาออกเสียเถอะครับ รับรองว่าแอร์จะเย็นขึ้นแน่นอน และที่เจออีกปัญหาก็คือตัวปรับอุณหภูมิ(สวิทช์เทอร์โม) บ้างครั้งก็เสีย คือมันไม่ตัดเลย มันก็จะเป็นน้ำแข็ง และถ้ารถไม่เคยล้างตู้เลยก็แนะนำให้ช่างแอร์เค้าจัดการเสียหน่อยก็จะดีครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       คต 10 ขอบคุณที่บอกกล่าว ก็เลยต้องค้นหาข้อมูลกันหน่อย ก็ได้รายละเอียดดังนี้ครับ(ละเอียดจริงๆ) ถ้าเป็นน้ำมันเฟืองท้าย ยี่ห้อ BESCO จะเป็น 140 LSD GL5 /
ESSO LSA 90 GL5 / MOBIL 80W-90 HD LS GL5/CALTEX 90 LSD GL5/ ELF BLS 90 GL5/ TOTAL DA 85W-90 GL5 ก็เลือกกันเอาเองนะครับ ผมเองก็ลืมไปเพราะเมื่อก่อนอยู่ศูนย์อีซูซุ ก็ใช้แต่ BESCO นะครับ ก็เลยติดเป็นเบอร์ 140 LSD ไป ก็เลือหาได้ตามที่บอกนะครับ(อันนี้เอามาจาก คู่มือการซ่อมนะครับ) มันอยู่ในรูปของ Acrobat นะครับ เลยไม่ทราบว่าจะ COPY มาให้ดูได้อย่างไร ขอบคุณอีกครั้งครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ใบปัดน้ำฝนและถังพักน้ำ
ฝนมาเร็วครับปีนี้หลายๆจังหวัดฝนก็ตกติดต่อกันจนท่วมก็มีแถวบ้านผม(ราชบุรี)ก็ตกมาหลายวันเพิ่งมาหยุดๆตกๆเอาเมื่อวานนี้เอง แล้วก็มีโอกาสที่ต้องเดินทางไปชะอำก็ทำให้อดนึกถึงผู้ใช้รถทั้งหลายไม่ได้ว่า ท่านได้เตรียมตัวรับหน้าฝนกันแล้วหรือยังเอาง่ายๆ ก็ใบปัดน้ำฝนนะครับ ลองตรวจดูสักนิดว่ามันปัดได้เรียบดีหรือเปล่า หรือลองนึกดูว่าเราเปลี่ยนมันมานานแล้วหรือยังถ้านานแล้วก็อย่าเกรงใจเลยนะครับ ซื้อเปลี่ยนเลยครับถ้าไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนอย่างไรก็คงเข้าอู่ซ่อมรถให้เค้าเปลี่ยนเสียหน่อยหรือไม่ก็เข้าศูนย์แต่ก็แพงเอาการผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าราคาสักเท่าไหร่แต่ที่แน่ๆเสียค่าแรงแน่(แค่ถอดออกและใส่เข้าไปใหม่ค่าแรงประมาณ 70-100 บาทมั่ง) ไม่รู้ว่ามันยากอย่างไรถึงต้องคิดค่าแรง แต่ถ้าหาเปลี่ยนเอาเองก็ลองดูยี่ห้อดีๆหน่อยก็แล้วกัน เอาตามกำลังทรัพย์นะครับ ใบปัดน้ำฝนเนี่ยถ้าจะให้ดีก็เปลี่ยนปีละครั้งเลือกเอายี่ห้อกลางๆราคาพอไหวแล้วก็เวลาปัดอย่าให้มีเสียงดังเป็นใช้ได้ อย่าลืมดูขนาดความยาวของใบปัดด้วยนะครับ อีกเรื่องที่คู่กันก็ถังพักน้ำฉีดกระจกนะครับลองเช็คดูว่ามันยังทำงานดีอยู่หรือเปล่า น้ำที่ฉีดออกมาครบรูที่มันมีหรือเปล่า และอีกอย่างน้ำยาที่เติมใส่ในถังฉีดน้ำกระจกก็อย่าเอาน้ำยาเช็ดกระจกไปใส่เลยเพราะมันจะทำให้เกิดตะกอนแข็งแล้วไปอุดตันตามท่อหรือรูหัวฉีดน้ำ บางทีเข้าไปขัดที่ตัวมอเตอร์ฉีดน้ำกระจกทำให้เสียได้ แนะนำให้หาน้ำยาที่เค้าทำมาเพื่อใส่น้ำฉีดกระจกโดยตรงจะดีกว่า ตอนนี้ก็มีหลายยี่ห้อ ใช้แล้วน้ำฝนก็ไม่เกาะกระจกหรือให้คาร์แคร์ที่เค้ามีน้ำยาขัดกระจกขัดให้ก็ได้ก็ไม่แพงเท่าไหร่ลองถามๆกันดูหรือจะซื้อมาขัดเองก็ได้ไม่ยากและก็ไม่แพงนัก ก็จะช่วยได้นะครับ เองเดินทางแล้วฝนตกท่านจะได้ขับรถอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       พี่หมีครับ เครื่อง 4JG2 ตัวนี้สามารถหาอะไหร่ได้ยากหรือเปล่าครับพี่ แล้วสามารถเทียบเบอร์กับพวก 4JB ได้หรือเปล่าครับพี่ รบกวนบอกหน่อยนะครับพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       สุดๆเลยครับ กับขอมูลที่คุณหมีให้มา มีประโยชน์มากครับ ขอให้ทำต่อไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       คต 15
เครื่อง 4JB กับ 4JG ใช้อะไหล่หลักเช่น ลูกสูบ,ปลอกสูบร่วมไม่ได้ครับ ส่วนอะไหล่รองเช่น ปั้มน้ำ ,ไดชาร์ท ใช้ร่วมกันได้บ้างตัวครับ ถ้าต้องการความแน่นอนต้องเปิด พาร์ทบุ๊ค ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ขอบคุณกำลังใจ ของ คต16 ครับ ก็จะหาข้อมูลง่ายๆที่ผู้ใช้รถทุกท่านควรรู้และปฏิบัติในการใช้รถประจำวันนะครับ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เข้ามาอ่านทุกท่านะครับ แล้วถ้าใครมีปัญหาเรื่องรถที่ผมพอจะตอบได้ก็จะตอบให้นะครับ ส่วนอันที่ไม่รู้ก็จะค้นหามาให้นะครับ เพราะยังมีพวกพ้องน้องพี่ที่ยังอยู่ในศูนย์รถยนต์หลายยี่ห้อคอยหาข้อมูลให้นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       คำแนะนำสำหรับรถที่ใช้แก๊สระบบ MIX ครับ
โดยทั่วไปสมาชิกก็จะใช้แก๊สกันเกือบทั้งนั้น ก็มีขอแนะนำเล็กๆน้อยๆเมื่อเกิดปัญหาแต่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด ให้เรากลับไปใช้น้ำมันเสียก่อนแล้วก็หาปัญหาโดยให้เราคิดว่ารถเรามีแต่ระบบน้ำมันอย่าปรับไปปรับมา เพราะมันจะทำให้เราหาปัญหาไม่เจอหรือหาไม่ถูกควรไล่ระบบน้ำมันให้จบเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อในระบบแก๊สมันจะง่ายกว่ากันเยอะเลยครับ ลองทำดูนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ขอขอบคุณคุณหมีที่ทำประโยนช์ให้กับเราชาวทรูเปอร์อย่างจริงใจ แฟ้มบุคคลขอตรบมือให้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       พี่หมีครับ เรื่องสวิทช์ที่ปัดน้ำฝนครับขอถามหน่อยครับว่าเวลาเราบิดสวิทช์มาที่จังหวะที่หนึ่งมันจะทำงานเป็นจังหวะโดยการหน่วงเวลาแต่ของผมทำงานมั่งไม่ทำงานมั่งรีเลย์มันอยู่ตรงไหนครับแต่บิดไปจังหวะอื่นๆไม่เป็นอะไรครับขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ตค 21 สวิทช์ปัดน้ำฝน
อย่างง่ายนะครับตรวจด้วยตัวเองก่อน รบกวนตรวจดูว่าสวิทช์รุ่นท่านมีวงแหวนที่ปรับความเร็วในการหน่วงเวลาปัดน้ำฝนหรือไม่มันอยู่บนก้านสวิทช์ปัดน้ำฝนนะครับ ถ้ามีทดลองปรับไปปรับมาดูนะครับว่ามันเร็วหรือช้า คือจังหวะในการทำงานตอนหน่วงเวลานะครับ ถ้าปรับไปทางแทบหนาจะทำงานไหว(คือใน1นาทีจะปัดประมาณ 30-45 ครั้ง)แต่ถ้าทางแทบบาง จะหน่วงเวลาไว้นาน(1นาทีอาจจะ 15 ครั้ง) ทดลองดูก่อนนะครับถ้าทำงานได้ตามที่บอกก็ปกติแต่ถ้ามันนิ่งสนิทไม่ไหวติงอะไร แนะนำครับเข้าศูนย์เลยครับถ้าซ่อมข้างนอกอาจจะได้รีเลย์ที่ไม่ตรงอาจทำให้การทำงานผิดเพี้ยนไปจากเดินนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
เปลี่ยนกันบ้างหรือเปล่าครับ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ลองนึกดูถ้ายังไม่เคยก็ให้ช่างเค้าเปลี่ยนซะเดียวจะเสียหายอย่างอื่นไปด้วย ถ้าตามระยะการเปลี่ยนถ่ายจริงๆก็ ทุก 40,000 กม.ครับ น้ำมันก็เป็นน้ำมัน ATF เกรด DEXON III ครับหรือน้ำมันเดียวกันกับน้ำมันเกียร์ออโต้นะครับหรือจะให้จำง่ายก็ทุกๆครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ก็เปลี่ยนไปด้วยเลยก็จะดีนะครับ รับรองใช้ได้นานใช้ได้ทนเหมือนคนใช้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เรื่องกำลังอัดกระบอกสูบ
ก็พอดีมีเพื่อนสมาชิกตั้งกระทู้ถามเรื่องกำลังอัดในกระบอกสูบหลังจากคนหาและตอบไปให้เจ้าของกระทู้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นความรู้เวลาเอารถไปให้ช่างเค้าตรวจเช็คแล้วจะได้ไม่โดนหลอก เริ่มต้นเมื่อเราต้องการรู้ว่าเครื่องยนต์เราหลวมหรือไม่ให้เราสังเกตุง่ายๆ คือเมื่อเราใช้งานรถของเราจนครบรอบ 5000 กม.ที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง(เป็นน้ำมันรุ่นเก่านะเค้าให้ใช้กันแค่นี้) ทดลองวัดดูก่อนที่จะทำการถ่ายทิ้งโดยสังเกตุจากเหล็กวัดน้ำมันเครื่อง ขีดบน(MAX)จนถึงขีดล่าง(MIN)จะมีน้ำมันประมาณ1ลิตร หรือ1000 ซีซี เมื่อครบรอบถ่ายน้ำมันจะต้องอยู่ไม่ต่ำกว่าครึ่งหรือ หายไปได้ไม่เกิน 500 ซีซี ถ้ามากกว่านี้ก็แสดงว่าเครื่องยนต์หลวมหรือมีที่รั่วไหลออกมาได้ เมื่อเราไม่แน่ใจก็ต้องให้ช่างเค้าตรวจวัด เครื่องวัดก็มีหลายแบบ แล้วแต่ว่าช่างจะใช้เครื่องมือดีหรือไม่ดี อาจจะเป็นไทยทำก็จะวัดออกมาเป็นPSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) หรือถ้าเป็นของนอกก็จะวัดออกมาเป็นอัตราส่วน โดยส่วนใหญ่ เครื่องยนต์เบ็นซินจะมีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 11 ต่อ1 คือ11ส่วนอัดเหลือ 1 ส่วน ก็ว่ากันไปนะครับ แต่เมื่อนำไปให้ช่างตรวจวัดก็ดูว่าเค้าวัดถูกต้องหรือเปล๋า โดยสังเกตุว่าเค้าได้ถอดหัวเทียนออกทุกหัวหรือไม่ในตอนวัด วัดแล้วได้ค่าอย่างไรขอดูผลการวัดด้วย ถ้าเป็นPSI ก็ต้องไม่ต่ำกว่า 145 PSI หรือ ต้องไม่ต่ำกว่ 9 ส่วน สำหรับเครื่องที่วัดออกมาเป็นอัตราส่วน ถ้าต่ำกว่านี้แสดงว่ากำลังอัดของเครื่องยนต์ต่ำ แต่ไม่ได้แสดงว่าเครื่องยนต์จะหลวมเสมอไป อาจเกิดจากวาล์วรั่วก็ได้ ให้ทดสอบโดยการเอาน้ำมันเครื่องใส่เข้าไปทางช่องหัวเทียนในปริมาณพอประมาณ แล้ววัดอีกครั้ง จะวัดสูบไหนก็ใส่สูบนั้น แล้วเอาค่าที่วัดได้มาเปรียบเทียบกันอีกครั้งดูว่าค่าที่วัดได้ครั้งหลังมากกว่าครั้งแรกหรือไม่ถ้ามากกว่าแสดงว่าเครื่องยนต์หลวม แต่ถ้าค่าออกมาเท่าเดิม แสดงว่า วาล์วรั่ว ก็ต้องวิเคราะห์กันหน่อยนะครับอย่ารีบตัดสินใจถ้าพลาดก็เสียเงินมากนะครับ หวังว่าคงเอาไปประกอบการตัดสินใจได้นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       good..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       พรุ่งนี้คงไม่ได้เข้ามาในเว็บนะครับ ต้องเดินทางไปอำนาจเจริญไปงานแต่เพื่อน ไม่ทราบว่าใครเคยไปมาแล้วบ้างไม่รู้ว่ามีอะไรหน้าเที่ยวบ้าง ยังไงก็แนะนำกันหน่อย หรือถ้าผมไปแล้วเจออะไรเด็ดๆก็จะเอามาฝากกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องรถตรวจเช็คและเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ก็ตั้งใจจะออกแต่เช้าคงไปถึงที่โน่นเย็นๆ ถ้าเผื่อใครมีปัญหาเร่งด่วนก็โทรสอบถามนะครับ 0818444359 แต่ถ้าไม่ด่วนมากก็ฝากคำถามเอาไว้ในบอร์ด กลับมาก็จะค้นหามาตอบให้นะครับ วันจันทร์เจอกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ขอบคุณครับ...คุณหมี ...ท่อ heater ถอดออกเมื่อสี่ปีมาแล้วครับ...วิ่งทางไกลครับ..ถึงเป็นน้ำแข็ง ในเมืองไม่เป็นครับ...เสาร์นี้จะให้ร้านแอร์แถวบ้าน(บางบัวทอง) เช็ค และจะแจ้งความคืบหน้าให้สมาชิกทราบครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ถาม คุณหมี ครับ ช่วงล่างถ้าเปลี่ยนใหม่หมด จะใช้งบประมาณเท่าไรครับ และสามารถเปลี่ยนตามอู่ ทั่วไปได้หรือไม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ไม่ได้เป็นสมาชิก TCT แต่อยากทราบเบอร์คุณหมี ดำเนินครับ จะสอบถามเรื่องเฟืองท้าย Trooper ผมกำลังมีปัญหาอยู่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ร้านแอร์บอกเป็นที่ตัวนี้ครับ.สอนด้วยว่าภาษาช่างเรียก"หางหนู" ครับ.ร้านไม่มีของ..บอกราคาประมาณพันหก..ของศูนย์ตรีเพชรฯ.....ไม่ทราบตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ... ยังไม่ได้ซ่อมครับ..ประกอบกลับไปก่อน...

แสดงความคิดเห็นย่อย