คำตอบที่ 1
       ทางเข้าอุทยานอยู่ประมาณ กม 295 แยกขวาเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3217 (กุยบุรี - ยางชุม) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงบ้านยางชุม แล้วแยกซ้ายตามถนนข้างอ่างเก็บน้ำยางชุม ถึงบ้านย่านซื่อ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จากนั้นแยกซ้ายระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ การเดินทางสะดวกเป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทางการเดินทาง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       สีเสียด (Acacia catechu Willd.)

สีเสียด หรือที่ชาวฮินดูเรียก “แคร” หรือที่ทางการค้าเรียกว่า Catechu tree นี้ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า เมื่อพระองค์สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญานได้ 8 พรรษา ก็ได้เสด็จไปประทับภูสกภวันคือป่าไม้สีเสียด ใกล้สูงสุมารคีรีในภัคคฎฐี

สีเสียด เป็นพันธุ์ไม้พวกเดียวกันกับชะอม กระถินพิมาน และกระถินณรงค์ คือ สกุล (Genus) Cassia ในวงศ์พวกไม้แดง (Leguminosae - Mimosaceae) เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ลำต้นเปลาตรงเปลือกสีเทาคล้ำ แตกเป็นสะเก็ดบางห้อยย้อยลง ตามกิ่งก้านมีหนามแหลมโค้ง ๆ เป็นคู่ ๆ อยู่ทั่วไป ซึ่งก่อความยากลำบาก แก่คนหรือสัตว์ที่จะผ่านเข้าไปได้ แต่ถ้าต้นสูงใหญ่แล้ว กิ่งจะไปอยู่บริเวณเรือนยอดหมดและโคนต้นมักเตียน เพราะหญ้าหรือวัชพืชต่าง ๆ ไม่ชอบขึ้นใต้โคนต้นสีเสียด ใบเป็นช่อแบบสองชั้น มีก้านช่อร่วมก้านช่อร่วม ก้านหนึ่งจะมีช่อย่อย 10 – 20 คู่ ใบย่อยละเอียดเรียงกันอยู่แน่นประมาณก้านละ 30 – 50 คู่ ดอก ออกเป็นช่อแบบก้านธูป ยาว 5 - 10 ซม. เต็มไปด้วยกระจุกดอกเล็ก ๆ สีเหลือง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ฝัก แคบ บาง ออกสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด และจะแตกออกเมื่อฝักแห้ง เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนต่อความแห้งแล้งและทนไฟได้ดี ขึ้นทั่วไปจากอินเดียผ่านมาทางแถบตะวันออกของเอเชีย การขยายพันธุ์ใช้เมล็ด ขึ้นได้ดีในที่แห้งแล้ง และตามเขาหิน นอกจากใช้ไม้สำหรับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ แล้ว ยังใช้แก่นไปเคี่ยวเอายางไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้หลายอย่าง ใช้น้ำฝาดมาฟอกหนังได้อย่างดี ชื่อพื้นเมืองของไทยเรียกต่าง ๆ กัน เช่น สะเจ สีเสียดแก่น สีเสียดเหนือ เป็นต้น นอกจากนี้ไทยเรายังเรียกไม้อีกชนิดหนึ่งว่า สีเสียด เช่นกัน แต่เรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า สีเสียดเปลือก ซึ่งมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Pentace burmanica Kurz ชาวบ้านใช้เปลือกไม้ชนิดนี้มาเคี้ยวแทนหมาก และไม้ชนิดนี้ก็มีทั่ว ๆ ไปในภูมิภาคเอเชียเช่นกัน แต่โดยสภาพแล้ว ต้นสีเสียดเปลือกมีเรือนยอด ที่ไม่กว้างขวางและร่มรื่นพอที่จะใช้เป็นที่พักพิงได้ จึงน่าตัดปัญหานี้ออกไปได้

อาจจะมีผู้สงสัยว่าทำไมเล่า สีเสียดเต็มไปด้วยหนามที่จะทำอันตรายต่อผู้ที่ผ่านเข้าไปแต่ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า ในป่าธรรมชาติของสีเสียดนั้น จะขึ้นเป็นกลุ่ม และแต่ละต้นต่างก็ต้องแก่งแย่งกัน จึงพยายามเจริญทางสูงแข่งกัน และกิ่งตามลำต้นจะหลุดไปโดยเร็ว คงเหลือแต่พุ่มยอดที่สูงขึ้นไปเท่านั้นทำให้บริเวณข้างล่างเตียน ปราศจากกิ่งหนาม และปกติสีเสียดมีใบเป็นฝอยแน่น ย่อมบดบังแสงและรับเอาน้ำค้างไว้แทบหมด ไม่ค่อยเหลือลอดให้พืชอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่ที่โคนต้น ทำให้พืชอื่น ๆ ค่อย ๆ หดหายไป โคนต้นสีเสียดจึงมักโล่งเตียน ดังเช่นต้นสนทะเลหรือโคนต้นมะขามเช่นกัน จึงเป็นบริเวณที่น่าจะพำนักอาศัยได้อย่างดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       หวายนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร

หวายนับว่าเป็นพืชในตระกูลพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตามธรรมชาติ ที่พบในป่าธรรมชาติตามชนบทมีหนามแหลม ทั้งส่วนของกาบใบ ขอบใบ เส้นกลางใบ จะมีลักษณะเป็นไขผงสีขาตาม กาบใบมีเนื้อหนา ใช้เมล็ดทำพันธุ์ ใบมีสีเขียวเจริญเติบโตได้ ตลอดทั้งปี มีรากจำนวนมากจึงสามารถหาอาหารและน้ำได้เอง
หวาย ตามธรรมชาติไม่ต้องรดน้ำหรือใส่ปุ๋ยใด ๆ ก็สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ ส่วนศัตรูพืชที่รบกวนก็มีน้อย จึงไม่จำเป็นต้องพ่นยากำจัดศัตรูพืช หวายมีอายุยืนไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี สามารถจะแตกหน่อด้านข้างติดกับต้นเดิมได้ตลอดทั้งปี หวายที่ปลูกไม่ขึ้นโคน จึงไม่ต้องปลูกใหม่
ลักษณะที่ดีเด่นของหวาย เป็นพืชทนแล้งได้ดี อีกทั้งยอดอ่อนของหวายนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด ยอดใหม่ที่แทงขึ้นมา มีลักษณะคล้ายยอดมะพร้าว ถ้าไม่ตัดออกขาย จะเลื้อยเป็นเครือยาว เกิดเป็นเส้นหวายนำมาใช้ประโยชน์ในการจักสานได้อีก

หวายนั้นนอกจากใช้ในการประกอบอาหารทำของใช้สอยในบ้าน ได้แล้ว ยังนำเอาส่วนที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวไม่ว่า ก้านใบที่ยังมีหนาวติดอยู่สามารถมาทำเป็นรั้วเพื่อป้องกัน ทั้งคนและสัตว์ได้เป็นอย่างดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       สิ่งที่แนะนำให้เตรียมไป
1. หมวกและอุปกรณ์กันแดด
2. กล้องส่องทางไกล สำหรับส่องช้าง อันนี้จะช่วยให้เห็นรูขุมขนของช้าง
3. ชุดเล่นน้ำ ขอแนะนำให้เตรียมชุดว่ายน้ำสำหรับสระน้ำไปด้วย ในกรณีที่สภาพอากาศไม่ดี และต้องเปลี่ยนแผนกลับมานอนที่คอนโดในคืนที่ 27 จะสามารถเล่นน้ำสระได้
4. เต้นท์-เครื่องนอนและอุปกรณ์สำหรับแค้มป์ปิ้ง
5. ยาส่วนตัว
6. อปกรณ์ส่วนตัวต่างๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ขอเชิญร่วมลงชื่อได้เลยครับ เรียนเชิญทั้งสมาชิกเก่า-ใหม่ทุกท่าน สำหรับทริปนี้เป็นทริปง่ายๆแบบแค้มป์คาร์จริงๆ สมาชิกใหม่ไม่ต้องเขินครับ ลงชื่อแล้วขอให้ช่วยแจ้งด้วยว่าเดินทางวันใด พรือจะไปเจอที่ตำแหน่งไหนถ้าออกวันเสาร์ สมาชิกท่านใดที่นำอาหารไปร่วม ขอให้แจ้งรายการด้วย ซ้ำไม่เป็นไรครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       เรียนพี่ปลาวาฬ ไหนๆ ก็จะช่วยสร้างความสมดุลให้ป่าและสัตว์ป่าแล้วแนะนำว่าน่าจะเพิ่มกิจกรรมสร้างดินโป่ง (Salt Licks) เข้าไปด้วยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็สามารถทำได้ไม่ยาก โดยการใช้เกลือสมุทรผสมกับดินคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขอเน้นย้ำว่าเป็นเหลือสมุทรเท่านั้นเพราะจะช่วยสร้างแร่ธาตุในดินอันเป็นประโยชน์กับสัตว์ต่างๆ ได้ และช้างก็ชอบกินดินโป่งเช่นกัน ในดินโป่งจะประกอบไปด้วยโพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ช้างและสัตว์ป่าอื่นๆ จะสามารถรู้ได้ว่าบริเวณใดมีแร่ธาตุที่มันต้องการ การสร้างดินโป่งไว้ให้ช้างจึงเป้นการสร้างแหล่งอาหารให้ช้างอีกวิธีหนึ่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ลงทะเบียน คันแรกเลยครับ อาหารที่นำไป เป็นขวดเขียวครับ อย่างเดียวครับ
กบครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       เรียน คุณกบ
ขวดเขียวที่ว่าน่าจะเป็นสไปรท์ หรือ 7up ?

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       :haha:

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       คุณ Oodey นี่หัวเราะเพราะกินแต่ขวดเหลืองแถมยังเป็นไลท์ใช่เปล่า?

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       เสียดายจัง ผมทำบุญบ้าน 28 ไม่งั้นจะไปแจมด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       แผ่นที่ MILFORD PARADISE HUA HIN ครับ ท่านที่สามารถมาค้างในคืนวันที่ 26 เรียนเชิญครับ ที่พักสดวกสบายครับ อยู่ชั้น 27 ห้อง 571 และห้อง 572

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       เอาวิวมาฝากก่อนครับ แล้วพบกันที่ Midford

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       อีกภาพครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ท่านใดที่จะไปร่วมด้วยโปรดแจ้งด่วนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       รอกันอยู่ตั้งนานนะคับ และเเล้วก็มาเที่ยวถิ่นผม ซักทีมีอะไรให้ช่วยประสานงานวานบอกนะคับ ที่ พี่ตี๋, พี่ปลาวาฬผมอยู่ที่ ค่ายธนะรัชต์ ปราณบุรี คับ แล้ววันที่ 28 กันคับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       หลายท่านอาจเคยได้ยินและทราบมาแล้วว่าโครงการปลูกป่าให้ช้างไม่ได้เพิ่งมีขึ้น แต่มีการทำมานานแล้วและทำอย่างต่อเนื่อง เหตุที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพราะพื้นที่ความอุดมสมบุรณ์ของป่าไม้ในบ้านเราลดลง ปริมาณอาหารของช้างป่าและสัตว์อื่นๆก็ลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะช้างที่มีน้ำหนักตัวมากพอกับเจ้า Trooper แต่ช้างไม่ได้กินน้ำมันหรือแก๊ส มันกินพืชเป็นอาหารเฉลี่ยวันละ 10% ของน้ำหนักตัว ด้วยความต้องการที่มากเป็นพิเศษนี้เองทำให้ในหน้าแล้งช้างป่าทั้งหลายจึงขาดแหล่งอาหาร และอย่างที่เราเคยได้ยินมาเกี่ยวกับการบุกรุกของช้างทำให้พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านเสียหาย สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้าน การปลูกป่าให้ช้างจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คนกับช้างอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหา และเป็นการสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ให้ป่าอีกด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       รู้หรือไม่
เมล็ดพืชที่ผ่านระบบการย่อยของช้างจะอัตราการเติบโตของพืชนั้นๆ มากกว่าเมล็ดที่ไม่ได้ผ่านการย่อยจากช้าง

จากภาพ (ด้านซ้าย) : เป็นภาพที่เกิดจากการทดสอบว่าพืชที่ได้เข้าไปในระบบย่อยอาหารของช้าง ว่าจะมีการกระตุ้นการงอกของพืชให้เกิดเร็วขึ้น ผลปรากฎว่าเมล็ดมะขาม(พืชทดลอง)ที่ได้ให้ช้างกินแล้วถ่ายออกมานั้น ในระบบย่อยอาหารของช้างมีการกระตุ้นให้เมล็ดมะขามงอกได้เร็ว และเจริญเติบโตได้ดีกว่าเมล็ดมะขามที่ไม่ได้ผ่านระบบย่อยอาหารของช้าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ขอบคุณคุณ Plankon ผมจะลองติดต่อไปที่อุทยานว่าจะทำดินโป่งด้วยได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ก็จะเป็นโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ไปโดยทางอ้อม ไม่ทราบคุณ Plankon ทำงานหรือประจำด้านไหนครับ ถ้ามีโอกาสจะได้ขอข้อแนะนำในอนาคต
คุณ young (Trooper 3Dr)ครับ ตอนนี้คงยังไม่มีอะไร ถ้าขาดอะไรจะรีบติดต่อไปครับ ยังไงก็มาเจอกันให้ได้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       คิดว่าไปครับ แต่จะยืนยันอีกครั้งภายในอาทิตย์นี้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       เรียน คุณปลาวาฬ
เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกของ Trooper Club และไม่ได้เป็นนักวิชาการหรือเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ทางด้านใดเป็นพิเศษ จึงขออนุญาตไม่แสดงตัว แต่ได้ติดตามบอร์ดนี้มาระยะหนึ่ง และเห็นถึงความสามัคคี และความมีน้ำใจของสมาชิกแต่ละท่านจึงติดตามเข้ามาอ่านอยู่บ้าง และเห็นว่าโครงการ TCT Episode 3 นี้น่าสนใจจึงได้หาข้อมูลศึกษา และแบ่งมายังบอร์ดนี้เพื่อเป็นความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณคุณปลาวาฬและสมาชิกท่านอื่นๆ ที่กรุณาเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น

Link คำตอบที่ 18http://elephantreintroduction.blogspot.com/

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       คุณ Plankton มากครับ
ยินดีกับข้อเสนอแนะ- มีประโยชน์ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       คุณปลาวาฬ เฮียตี๋ครับ ปรกติ TCT charity trip ทื่ผ่านๆมา เราจะมีการแจ้งข่าวถึงสมาชิกให้ไปร่วมกืจกรรมด้วย ถ้าใครติดธุระอาจส่งวัสดุสิ่งของช่วย แบบร่วมด้วยช่วยกัน
ไม่ทราบ Trip นี้แตกต่างกันหรือเปล่า ?

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ผมได้ติดต่อไปที่อุทยานอีกครั้งและขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมและตอบคำถามคุณน่านพร้อมกันดังนี้ครับ
1. เนื่องจากการปลูกสีเสียดและหวายเป็นคนละจุดกัน เลยตกลงว่าจะเป็นการปลูกหวาย ซึ่งสามารถทำได้ในบริเวณที่ลุ่ม และคาดว่าจะมีอัตราการรอดที่ดีกว่าเนื่องจากเป็นช่วงปลายฝน ต้นไม้ที่อุทยานเตรียมไว้ไม่มีค่าใช้จ่าย ทางอุทยานจะเตรียมเครื่องมือให้ด้วยครับ แต่อย่างที่แจ้งล่วงหน้า ท่านใดที่ต้องการนำเครื่องมือส่วนตัวไปก็ไม่ขัดข้อง
2. ทางอุทยานจะจัดเตรียมเกลือไว้ให้เพื่อใช้ทำดินโป่ง โดยทางกลุ่มจะจ่ายค่าเกลือเมื่อวันทำกิจกรรม เราจะเข้าไปทำดินโป่งช่วงที่เข้าไปดูช้าง ซึ่งจะเป็นตำแน่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ช่วยกันออกแรงคนละตุ๊บละตับ เดี๋ยวก็เสร็จ
3. สำหรับท่านที่ไม่สามารถไปร่วมกิจกรรมในวันนั้นได้ แต่ต้องการสนับสนุนด้านการบริจาคก็สามารถทำได้ การบริจาคสามารถทำได้ 2 แนวทาง
แนวทางที่ 1 บริจาคเป็นหลอดไฟชนิดต่างๆ ทั้งชนิดหลอดตะเกียบ หลอด 20 และหลอด 40 วัตต์ รวมถึงสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่ออุทยานจะได้ใช้ทำประโยชน์ต่อไป
แนวทางที่ 2 บริจาคเป็นเงินเพื่อการสร้างฝายชลอน้ำตามโครงการพระราชดำริ การสร้างฝายจะมีขนาดและค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน เบื้องต้นราคาประมาณ 2-3000 บาท สูงสุดไม่เกิน 5000 บาท ทางอุทยานจะนำเงินบริจาคจ้างชาวบ้านเข้าไปดำเนินการก่อสร้าง หลังจากนั้นจะถ่ายรูปส่งมาให้เราเป็นหลักฐาน พร้อมกับอุทยานจะทำเรื่องสรุปถึงจังหวัดเป็นบันทึกต่อไป
ได้สอบถามอุทยาน แจ้งว่ามีความต้องการยาสัตว์น้อยมาก จึงไม่ต้องการในช่วงนี้
สำหรับท่านที่ต้องการบริจาคเงินเพื่อสร้างฝาย สามารถติดต่อได้ที่พี่ตี๋ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ต่อไปเป็นเรื่องของกิน ทางอุทยานแจ้งว่าถ้าต้องการปลาเหนือเขื่อนสดๆก็สามารถจัดให้ได้เช่นกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       ขอบคุณมากครับคุณปลาวาฬ สำหรับรายละเอียดต่างๆ
เฮียตี๋ช่วยเปิดเผยเบอร์บรรชีด้วย เพื่อสมาชิกหลายท่าน
ต้องการร่วมกิจกรรม.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       แก้ไขคำผิด คตที่ 26 เบอร์บัญชีนะครับ ขออภัยรีบส่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ขออนุญาต ท่านสมาชิก TCT ทุกท่าน
การสร้างฝายกั้นน้ำเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ ทฤษฏีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้ โดยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในธรรมชาติมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่รอดของป่าไม้ ปัญหาสำคัญที่เป็นตัวแปรของอยู่รอดของป่าไม้ คือ "น้ำ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทรงแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ ที่จะเป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ที่ได้ผลดีโดยวิธีสร้าง "ฝายกั้นน้ำ" หรือ "Check Dam" ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ ใช้กั้นลำห้วย ลำธารขนาดเล็กในบริเวณที่เป็นต้นน้ำหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงให้สามารถกักตะกอนอยู่ได้ หากช่วงใดน้ำไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้ำให้ช้าลง และกักเก็บตะกอนไม่ให้ไหลลงไปทับถมน้ำตอนล่าง เป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำได้ดีมากวิธีหนึ่ง รูปแบบและลักษณะฝายนั้ ได้พระราชทานพระราชดำรัสว่า "ให้พิจารณาดำเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น"
ที่มา และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่http://www.oknation.net/blog/chalee/2007/07/04/entry-1/comment

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ผมอยากไปด้วยจัง...แต่ติดต้องพาญาติผู้ใหญ่ไปทำบุญ...เอาไว้คราวหน้าจะมาแจมด้วยนะครับพี่ ๆ TCT กิจกรรมดี ๆ อย่างนี้น่าหนับหนุน ๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ต้องการบริจาค ให้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อ

ศุภชัย สุโฆสิต
ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางพลัด
เลขบัญชี 1840286338
บัญชีสะสมทรัพย์

พร้อมทั้งโทร.แจ้งให้ผมทราบด้วย เพื่อจะPost
ยอดเงินที่รับจากท่านใด จำนวนเงินเท่าไรไว้ให้ทราบ
ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย