คำตอบที่ 91
       ถ่ายภาพวิวอย่างเดียวง่ายกว่าเยอะเลยนะครับ ท่านผู้ชม แก๊งค์เนี้ย ต้องบังคับ และก็เหมือนลิงกันทั้งนั้นเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 92
       ฟ้าแจ่ม มากๆ ครับ

ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ

ขอบคุณครับน้าหมี ไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ ยังไม่ออกจากลำปางเลยครับ อิ อิ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 16:09:23 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 93
       ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ จนถึงบ้านลัมภะการีวัน หรือ บ้านลำปางหลวงในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว และมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่า ลัมพกัปปะนคร แล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศานั้น บรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด(ยนต์หมุน) รักษาไว้ และถมดินให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มีกษัตริย์เจ้าผู้ครองนครลำปางอีกหลายพระองค์ มาก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงามอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 94
       พวกเราทำการกราบไหว้ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 95
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 96
      
ในทางประวัติศาสตร์นครลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวงมีประวัติว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๗๕ นครลำปางว่างจากผู้ครองนคร และเกิดความวุ่นวายขึ้น สมัยนั้นพม่าเรืองอำนาจได้แผ่อิทธิพลปกครองอาณาจักรล้านนาไว้ได้ทั้งหมด พม่าได้ยึดครองนครเชียงใหม่ ลำพูน โดยแต่งตั้งเจ้าผู้ครองนครอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์พม่า ท้าวมหายศเจ้าผู้ครองนครลำพูนได้ยกกำลังมายึดนครลำปาง โดยได้มาตั้งค่ายอยู่ภายในวัดพระธาตุลำปางหลวง ครั้งนั้น หนานทิพย์ช้าง ชาวบ้านปงยางคก (ปัจจุบันอยู่อำเภอห้างฉัตร) วีรบุรุษของชาวลำปาง ได้รวบรวมพลทำการต่อสู้ทัพเจ้ามหายศ โดยลอบเข้ามาในวัด และใช้ปืนยิงท้าวมหายศตาย แล้วตีทัพลำพูนแตกพ่ายไป ปัจจุบันยังปรากฏรอยลูกปืนอยู่บนรั้วทองเหลืองที่ล้อมองค์พระธาตุเจดีย์ ต่อมาหนานทิพย์ช้างได้รับสถาปนาขึ้นเป็น พระยาสุลวะลือไชยสงคราม เจ้าผู้ครองนครลำปาง และเป็นต้นตระกูล ณ ลำปาง เชื้อเจ็ดตน ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ น่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 97
       ในพระอุโบสถด้านข้างพระเจดีย์นั้น เราเข้าไปกราบพระองค์ใหญ่ ในนั้นมีรูให้เห็นเงาพระธาตุกลับหัวด้วย แต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 98
       ไปที่หอด้านหลังดีกว่า แจ่มกว่าเยอะเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 99
       อ้า มีคนมารอชมกันเพียบเลย แต่ห้ามผู้หญิงขึ้นไปบนหอนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 100
       รีบขึ้นดีกว่า จะได้เก็บภาพแหล่มๆ แบบสบายๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 101
       สวยไหมครับ ตรงจุดนี้เงาภาพพระเจดีย์กลับหัว จะชัดมากที่สุด เป็นปรากฏการณ์ที่ Unseen Thailand มากๆ เลย แต่ถ้าภาพไม่ชัดนี้ไม่ต้องโทษใครแล้วนะครับ เพราะเดินขึ้นมาแล้วเหนื่อย มือไม้สั่นไปหมด ฮาๆๆๆ

น้าจังโก้คิดอย่างไรครับเอาในทางวิทยาศาสตร์นะครับ จาก : rosso(rosso) 28/11/2555 17:10:42 [115.67.71.221] เคยเจอตอนไปลำปางเสียเวลาไปครึ่งวันพิสูจไม่ได้แถมแม่บ้านบนอีกว่าเสียเวลาเที่ยววว จาก : rosso(rosso) 28/11/2555 17:15:45 [115.67.71.221] เป็นปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ครับ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 17:42:26 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 102
       ไม่ได้เก็บรายละเอียดมากกว่านี้นะครับ เพราะต้องไปจุดอื่นๆ ต่อ เราใช้เวลาเลยไปมากแล้ว อาจต้องงดตามโปรแกรมที่ต้องไหว้พระธาตุหริภุญชัย และพระธาตุดอยสุเทพฯ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 103
       เดินผ่านซุ้มประตูออกมา ที่ซุ้มนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากเหมือนกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 104
       แต่เด็กๆ รบเร้าที่จะให้พาไปขึ้นรถม้า ซึ่งเป็นโปรแกรมของพวกเขาแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 105
       เราร่ำลาน้าติ่ง และป้าโหน่งกันที่จุดนี้เลย เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ พวกเรานั่งรถม้าชมเมืองก็เกือบครึ่งชม. ขอบคุณในน้ำใจอันงดงามของพี่น้องชาวแค้มป์กันอีกครั้งนะครับ มีโอกาสจะแวะไปเยี่ยมกันนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 106
       เมื่อได้ขึ้นรถม้าก็หน้าตาลิงโล้ดกันใหญ่เลยละครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 107
       แม่ทิพตรวจสอบความเรียบร้อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 108
       ที่นี่เป็นสถานที่นำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทำพิธี เห็นคนขับรถม้าแนะนำอย่างนั้นนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 109
       เส้นทางที่รถม้าพาเราทัวร์ ก็จะวิ่งผ่านหมู่บ้านไปเรื่อยๆ สนุกดี เจอฝูงพี่ควายเจ้าถิ่น ยืนมองหน้ากันหลายตัวเลย เกือบมีเรื่องกับจาวน้อยแล้ว

55555+ จี้จริงๆแก้งค์นี้ จาก : sumalee k.(sumalee k.) 28/11/2555 17:29:51 [124.120.54.108]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 110
      

หกโป้ง รวมข้างล่างเป็นเจ็ด งุงิ งุงิ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 16:53:17 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 111
       เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราออกเดินทางต่อทันที เพื่อให้ทันไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เรามาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วนะครับ ตั้งใจจะมากราบไหว้ให้ได้ปีละครั้ง เว้นไป 1 ปี ติดธุระปีนี้เลยไม่อยากพลาด ต้องเผื่อเวลาด้วย เพราะทางเข้าไปที่วัด 30 กว่าก.ม. และช่วงสุดท้ายเป็นทางขึ้นเขาสูงชันด้วย ไปกันเลยครับ

สวยงามมากเลยคะ จาก : a_nattita(a.c.a6342) 28/11/2555 17:04:30 [101.108.192.223] ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากนะครับ อยากให้ลองมากราบนมัสการดู จะเห็นได้ด้วยตัวเองครับ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 17:14:32 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 112
       รอชมภาพต่อครับ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลไปเที่ยว ตอนปีใหม่ครับ น้าจังโก้

ได้เลยครับน้าตู่ พวกเราไปกับแบบง่ายๆ สบายๆ เรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะครับ เจอหลายโค้งไม่มีเมาละครับ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 17:15:19 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 113
       แผนที่การเดินทางไปพระพุทธบาทสี่รอยกันนะครับ ควรใช้รถที่มีกำลัง และเครื่องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างดี เพราะเส้นทางเป็นเขาสูงชันมากๆ เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 114
       ตำนานพระพุทธบาท ๔ รอย

เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ ได้เสด็จจาริกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตะประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)

จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา “เวภารบรรพต”
ซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น ก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ คือพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้ แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ, พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ, พระพุทธเจ้ากัสสปะ

อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมี พระสารีบุตรเป็นประธานเมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่า พระพุทธองค์ทรงเล็ดดูด้วยเหตุใด พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้แม้ว่าพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ทุก ๆ พระองค์ และแม้นว่าพระศรีอริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ และจักประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว (คือประทับลบรอยทั้งสี่ให้เหลือรอยเดียว)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 115
       ครับ

ขอบคุณครับ จาก : จังโก้ป่า3(จังโก้ป่า3) 28/11/2555 17:23:33 [124.122.155.87]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 116
       เมื่อพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ จึงเกิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 117
       เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์นั้นแล้ว ก็ทรงอฐิษฐานว่าในเมื่อ (เรา) ตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของตถาคต มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทที่นี่ ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี
พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จัดได้มาไหว้และบูชา เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้ว พระองค์ก็เสด็จไปเชตวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 118
       เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระธาตุของพระพุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย เมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงมาแล้วประมาณ ๒,๐๐๐ วัสสา เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานไว้ ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ (เหยี่ยว) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพต อันป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้ เพื่อบินลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้าน (คนป่า) ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปสู่ยอดเขา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 119
       ชาวบ้าน (คนป่า หรือ พรานป่า) มันโกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็ติดตามไปค้นหาดู แต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้นเท่า แต่เห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ พรานป่าผู้นั้นก็ทำการสักการบูชาเสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่บ้านก็เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟัง

(ความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆกันไปแรกแต่นั้น) คนทั้หลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่า “พระบาทรังรุ้ง” (รังเหยี่ยว)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 120
       ในสมัยนั้นมีพระยาตนหนึ่งชื่อว่าพรยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราชศรัทธาอยากเสด็จไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอย ก็นำเอาราชเทวีและเสนาพร้อมกับบริวารทั้งหลาย
เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นำเอาบริวารของตนกลับสู่เมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชสมบัติตราบเมี้ยนอายุขัย

แล้วลูกหลายที่สืบราชสมบัติก็เจริญรอยตามและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอย ทุก ๆ พระองค์ หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวนี่ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พระพุทธบาทสี่รอย” เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย

มาในสมัยยุคหลังคนทั้งหลายจึงเรียกขานกันว่าพระพุทธบาทสี่รอย คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงมาแล้วในภัทรกัลป์นี้คือ

แสดงความคิดเห็นย่อย