คำตอบที่ 123
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย ป้อมปราการที่เรียงตัวเป็นวงแหวนสองชั้น พระราชวังนิโนมารุ ซากพระราชวังฮอนมารุ และอาคารอื่นกับสวนอุทยานอีกหลายแห่ง
อาณาบริเวณของปราสาทมีพื้นที่ทั้งหมด 275,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ที่อาคารสร้างทับอยู่ 8,000 ตารางเมตร
ประวัติ
พ.ศ. 2144 โทคุงาวะ อิเอยาสุ โชกุนคนแรกของตระกูลโทคุงาวะ มีคำสั่งให้ขุนนางทั้งหมดในญี่ปุ่นด้านตะวันตก ร่วมกันสร้างปราสาทนิโจ การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของโทคุงาวะ อิเอมิทสึ ใน พ.ศ. 2169 ปราสาทนี้สร้างเพื่อเป็นที่พำนักในเกียวโตของโชกุนตระกูลโทคุงาวะ
พ.ศ. 2293 ป้อมปราการกลางของปราสาทถูกฟ้าผ่า และถูกเผาจนพังทลายลง
พ.ศ. 2331 พระราชวังชั้นในถูกเพลิงเผาเนื่องจากเหตุอัคคีภัยที่เกิดขึ้นทั่วเมือง ทั้งบริเวณถูกปล่อยทิ้งร้างจนถึง พ.ศ. 2405
พ.ศ. 2410 โทคุงาวะ โยชิโนบุ ได้ใช้พระราชวังนิโนมารุเป็นสถานที่ประกาศการคืนอำนาจให้แก่รัฐบาล และปีถัดมา ได้จัดการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีภายในปราสาท
พ.ศ. 2482 พระราชวังถูกมอบให้เป็นสมบัติของเมืองเกียวโต และเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมในปีถัดมา
ป้อมปราการ
ปราสาทนิโจมีป้อมปราการที่เรียงตัวกันเป็นวงแหวนสองชั้น แต่ละชั้นจะมีทั้งกำแพงและคูน้ำกว้าง และยังมีกำแพงล้อมรอบพระราชวังนิโนมารุอีกชั้นหนึ่ง แต่มีความซับซ้อนน้อยกว่า
กำแพงชั้นนอกของป้อมปราการมีประตูอยู่ 3 ประตู ส่วนกำแพงชั้นในมีอยู่ 2 ประตู ที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงชั้นใน มีซากของป้อมปราการห้าชั้น ซึ่งถูกเพลิงไหม้จนพังทลายเมื่อ พ.ศ. 2293
ภายในกำแพงชั้นใน เป็นที่ตั้งของพระราชวังฮอนมารุและอุทยาน ระหว่างวงแหวนป้อมปราการทั้งสองชั้น เป็นที่ตั้งของพระราชวังนิโนมารุ โรงครัว ป้อมสังเกตการณ์ และสวนหย่อมอีกจำนวนมาก
พระราชวังนิโนมารุ
พระราชวังนิโนมารุมีพื้นที่ 3,300 ตารางเมตร สร้างด้วยไม้สนฮิโนกิเกือบทั้งหลัง ประดับด้วยใบไม้สีทองและไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม เพื่อแสดงให้ผู้มาเยือนประทับใจ ในอำนาจและความมั่งคั่งของเหล่าโชกุน ประตูเลื่อนและผนังของแต่ละห้องมีภาพเขียนฝาผนังโดยจิตรกรจากโรงเรียนคาโน
สถาปัตยกรรมของปราสาทมีส่วนแสดงให้เห็นถึง การแบ่งชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน ในอดีตผู้มาเยือนที่เป็นชนชั้นระดับล่าง จะได้รับการต้อนรับที่ห้องชั้นนอก ซึ่งมีการตกแต่งที่หรูหราวิจิตรเพื่อแสดงฐานะของชนชั้นปกครอง
ขณะที่ผู้มาเยือนที่เป็นชนชั้นสูง จะได้รับการต้อนรับในห้องชั้นในที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและละเอียดมากกว่า และขณะที่ปราสาทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะอำพรางซ่อนเร้นทางเข้าสู่ห้องขององครักษ์
โชกุนตระกูลโทคุงาวะกลับเลือก วางตำแหน่งห้องและทางเข้าให้เห็นอย่างเด่นชัด ด้วยเหตุนี้ อาคารจึงมีลักษณะที่ข่มขวัญและแสดงอำนาจแก่ผู้มาเยือนอยู่ในตัว
ภายในอาคารมีห้องต้อนรับ ห้องทำงาน และห้องพักอาศัยของโชกุนอยู่หลายห้อง เป็นส่วนที่มีเพียงผู้รับใช้หญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้
สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งของปราสาทนิโจคือ Nightingale Floors ที่อยู่ในโถงระเบียง ซึ่งผู้สร้างปราสาทได้ออกแบบพื้นของระเบียงให้มีเสียงคล้ายนกร้อง เมื่อเดินเหยียบลงไป เพื่อป้องกันผู้อยูอาศัยในปราสาทจากการถูกลอบโจมตีและลอบสังหาร
พระราชวังฮอนมารุ
พระราชวังฮอนมารุมีอาณาเขตทั้งหมด 1,600 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนพักอาศัย ส่วนต้อนรับ โถงทางเข้า และโรงครัว ส่วนต่างๆเชื่อมถึงกันด้วยระเบียงทางเดินและสนาม ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุคเอโดะช่วงหลัง
ในพระราชวังเป็นที่จัดแสดงภาพเขียนโดยจิตรกร ที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น คาโน เองากุ
พระราชวังฮอนมารุเดิมเป็นที่รู้จักในชื่อว่า พระราชวังคัทสึระ ก่อนที่จะย้ายมายังตำแหน่งปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อใหม่ พระราชวังเดิมมีอาคาร 55 หลัง แต่มีเพียงส่วนเล็กๆส่วนเดียวที่ถูกย้ายสถานที่
สวนและอุทยาน
ในบริเวณปราสาทมีสวนและอุทยานอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะสวนซากุระและสวนบ๊วย อุทยานนิโนมารุได้รับการออกแบบ โดยสถาปนิกผู้ออกแบบสวนและผู้เชี่ยวชาญการชงชาที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า โคโบริ เอนชู
ตั้งอยู่ระหว่างวงแหวนป้อมปราการสองชั้น และอยู่ถัดจากพระราชวังนิโนมารุ ภายในอุทยานมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเกาะอยู่ 3 เกาะ มีสวนหินที่จัดวางอย่างสวยงาม และต้นสนตัดแต่ง
อุทยานเซริวเป็นส่วนที่สร้างขึ้นล่าสุดในบริเวณปราสาทนิโจ โดยสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2508 ทางทิศเหนือของบริเวณปราสาท เพื่อเป็นสถานที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนเมืองเกียวโตอย่างเป็นทางการ
และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม อุทยานเซริวมีโรงชงชาอยู่ 2 หลัง และมีสวนหินที่ใช้หินมากกว่า 1,000 ก้อน
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แต่ในส่วนชั้นใน เป็นพระราชวัง ฮอนมารุ