คำตอบที่ 1
       ใครเคยสัมผัสในยุคนั้น สถานที่ ที่ นี่ ช่วยกันรื้อฟื้นอดีตเพื่อคนรุ่นหลังจะได้รู้

คำตอบที่ 2
       ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ...หลายสิ่งหลายอย่างไม่มี...ปางอุ่งก็ไม่มี...อช.แม่สุริทร์ก็ไม่มี...ทุ่งบัวตองก็ไม่มี...มีแต่ผาบ่อง....
ก็แค่ย่าเล่าให้ฟัง.....

คำตอบที่ 3
       กระทู้นี้ อาจล้าช้าซะหน่อย เพราะเราต้องพยายามหารูปให้ใกล้กับความจริง......และเล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพ แต่ไม่ต้องห่วง ย่าจำไม่ได้ พ่อเราก็รู้.....แต่ว่าใครเคยเข้าไปในยุตนั้นก็ต้องข่วยเรามั่งนะ....คงไม่มีใครทนได้ที่จะนึกถึงดินแดนที่บริสุทธิ์นี้แล้วไม่ถ่ายทอดออกมา...

คำตอบที่ 4
       จาก Paladin TOC 142
203.107.203.150
จันทร์ที่ , 13/12/2547

เห็นภาพนี้ของท่าน พ่อเราบอกว่า นี่แหละเหมือนสภาพเส้นทาง แม่สะเรียง-ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ยามฤดูฝนในปี พศ.2512..

คำตอบที่ 5
       ไม่รู้สิ๊ ทางไปดอยแม่อูคอแรกเลยทีเดียวทางยังไม่ดีเท่าไหร่ เคยไปประมาณปี34หรือ35อะไรนี่แหละ ทางขึ้นทุ่งบัวตองต้องเลอะเร็มไปตามไหร่เขา ทางเดียวกะน้ำตกแม่สุรินทร์ ยังพอมีไร่ฝิ่นให้เห็นบ้างในหุบเขา(มีหลักฐาน) ตั้งใจแค่นำชุดกันหนาวไปแจกเด็กที่โรงเรียนแม่อูคอยังเป็นไม้ขัดแตะหลังคามุงหญ้าคาอยู่ ถ้ารู้จักน้าเวกประธานบางแสนออฟโรด หรือน้าทึ ทีโอซี055ได้ครับ เด๋วไปค้นรูปก่อนจะลงให้ชมครับ

คำตอบที่ 6
       ขอบคูณท่าน..พรานเก่ามาก

พ่อ บอกว่าในปี 2512 การเคินทางไป แม่ฮ่องสอนมีเส้นทางเดียว..คือ..ทางรถยนต์ โดยมีรถประจำทางวี่งจาก เชียงใหม่ไปถึง อ.ฮอด แล้วเลี้ยวขวาแยกเข้าแม่สะเรียง ผ่านไปแม่ลาน้อย เข้าขุนยวม ปลายทางที่แม่ฮ่องสอน...ระยะทางประมาณ 340 กม

รถโดยสาร..จะออกจากเชียงใหม่ที่ประตูท่าแพ...ออกเวลา 05.00 น. ของทุกวัน อ.ขุนยวม ประมาณ 16.00 น. ถึงแม่ฮ่องสอนประมาณ 19.00 น. มีรถวี่งไป และวิ่งกลับ อย่างละ 1 เที่ยว/วัน


ภาพได้จาก
จาก Paladin TOC 142
203.107.203.150
จันทร์ที่ , 13/12/2547

คำตอบที่ 7
       ค่าโดยสาร เชียงใหม่-ขุนยวม 75 บาท
ค่าโดยสาร เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน 120 บาท

ค่าน้ำมันบินซินในปี 2512-2513 ประมาณ 1.50 บาท/ลิตร(ราคาในกรุงเทพ) ส่วนราคาน้ำมันที่แม่ฮ่องสอน ประมาณ 4.50 บาท/ลิตร

เป็นการเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง/ระยะทาง 340 กม. ในสภาพฤดูปกติ **ถ้าเป็นฤดูฝน..ก็ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้เลย***

ช่างน่าตื่นเต้นจริง..///

คำตอบที่ 8
       รถโดยสารเป็นรถมินิบัส 24 ที่นั่ง..ออกจากเชียงใหม่ผู้โดยสารเต็มทุกวันและยืนไป ...ไม่มีเอร์....

หากใช้รถโดยสารช่วงยาว การขับเข้าโค้งไม่คล่องตัว...ทำให้ถึงที่หมายช้าอีก ...สัมภาระต่างๆใส่บนหลังคา มีผ้าใบคลุมไว้ให้ ...ถนนเป็นฝุ่นมาก

พ่อบอกว่า....ถนนจากเชียงใหม่เวลานั้นลาดยางดีไปตลอด-ฮอด-แม่สะเรียง พอออกจากแม่สะเรียงจะเป็นถนนดิน+หินอัดแน่น สภาพดี แต่มีฝุ่นมากตลอดเส้นทาง

เรื่องถนนมีหน่วยงานราชการดูแลตลอด หิน+ดินอัด ก็ดันได้มาจากภูเขานั่นเอง.....ในฤดูฝนการบำรุงรักษาถนนอาจล่าช้าบ้าง เกิดดินถล่ม ตันไม้หักขวางทาง บางครั้งผู้โดยสารต้องลงไปช่วยกันเพื่อเดินทางต่อได้...

เมื่อออกจากแม่สะเรียง จะพบรถสวนทางน้อย คนขับมีความชำนาญมาก คลอดเส้นทางของการเดินทางรับรองไม่มีใครมาแซงได้... ..

คำตอบที่ 9
       การเดินทาง ...ในปัจจุบัน

ทางบก :
มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมกับจังหวัดอื่นได้จาก 3 เส้นทางหลัก
โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงกับจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดตาก ดังนี้
1) ทางหลวงหมายเลข 108
เชื่อมเชืยงใหม่ - ฮอด - แม่สะเรียงขุนยวม - แม่ฮ่องสอน
รวมระยะทาง 350 กม.
2) ทางหลวงหมายเลข 1095
เชื่อมเชียงใหม่ - ปาย - แม่ฮ่องสอน
รวมระยะทาง 245 กม.
3) ทางหลวงหมายเลข 1085
เชื่อมแม่สอด - แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน
รวมระยะทาง 395 กม.

คำตอบที่ 10
       มีใคร..พอรู้จักชี่อ อาสาสมัครหมอสอนศาสนาสัญชาติ อเมริกัน...ที่เป็นผู้นำดอกบัวตองมาปลูกเป็นครั้งแรก ที่อ.ขุนยวม ใครทราบเรื่องนี้บ้าง....


เพราะบุคคลท่านนี้....เคยได้ช่วยชีวิต ปู่ของเรา...บุคคลในครอบครัวของเราลืมชื่อของท่านไปหมดแล้ว....พ่อเราเคยจำได้เป็นคนสุดท้าย ปัจจุบันพ่อเราก็ลืมไปแล้ว

คำตอบที่ 11
       นี่เป็นรูปสนามบินแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน

ในยุค 2512ยังสร้างไม่เสร็จ ถ้าอยู่แม่ฮ่องสอน แล้วจะไปอำเภอปาย ในฤดูฝน...ต้องเดินป่านั่งช้างไป.....ไม่เช่นนั้นต้องนั่งรถอ้อมมาแม่สะเรียง- ฮอดแล้วเข้าเชียงใหม่จึงจะขึ้นไปอำเภอปายได้......ก็เป็นเรื่องแปลกเพราะอำภอปายเป็นอำเภอหนึ่งของแม่ฮ่องสอน.....

ในรูปสนามบิน.....ช่วงปลายทางวิ่งที่มีแนวภูเขาขวางอยู่...ตอนก่อสร้างต้องขุดภูเขาบริเวณนั้นออกไปทั้งภูเขา เนื่องจากแนวรันเวย์ขึ้นลงมีความยาวไม่พอ.....ในช่วงการก่อสร้าง พ่อและเพื่อนๆไปเต๊ะบอลเล่นกันประจำ

การติดต่อโลกภายนอกทำได้เพียงเท่านี้

คำตอบที่ 12
      
รูปอาคารสนามบินแม่ฮ่องสอนในปัจจูบัน...แบบสถาปัตย์กรรม ได้รับอิทธิพลจากพม่า.....เป็นสนามบินขนาดเล็ก

คำตอบที่ 13
       การเดินทางในยุคก่อนๆ.....การเดินทางทางอากาศไม่ดีเท่าวันนี้...ด้วยว่าเป็นเมืองในหมอก...ถ้าเราขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่ ถึงแม่ฮ่องสอน เครื่องอาจลงไม่ได้ ถ้ามีหมอกลงหนา..เครื่องต้องบินกลับเชียงใหม่.....เครื่องบินในยุคนั้นเป็นเครื่องแบบใบพัดปีกหมุน......ไม่ใช่แบบในรูป

คำตอบที่ 14
       .....ตลาดสายหยุด****

เป็นตลาดเดียวของแม่ฮ่องสอนในยูคนั้น....อยู่กลางเมืองแม่ฮ่องสอน..จากสนานบินถ้าเราเดินกล้บเข้ามาในเมือง ตลาดสายหยุดจะอยู่ซ้ายมือ....จริงๆแล้วสนามบินก็อยู่ใกล้ๆตลาด..
ที่เรียกว่าตลาดสายหยุด...ชื่อก็บอกชัดเจน......คือถ้าไปสายเขาจะหยุดขาย... 8.30น ตลาดก็วายแล้ว....ในยุค ปี 2512 จะพบว่าพืชผักที่นำมาขาย มีทั้งชาวไทยใหญ่ ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองที่นั่น และอีกส่วนเป็นชาวเขาแท้ๆ ของเผ่าต่างๆ นำพืชผัก+เนื้อสัตว์+ของป่า มาขาย ใช้ผ้ายางปูกับพื้น..เพื่อวางของขาย...

คำตอบที่ 15
       แจ่มครับท่าน bonny นอกจากจะถ่ายรูปเก่งมีรูป สวยๆมาฝากพวกเราชาวแค้มปิ้งแล้วยังเล่าประวัติศาสตร์สถานที่ต่างๆที่ท่านไปสัมผัสมาให้เราได้รับรู้อีกด้วย...ขอบคุณครับท่าน..

คำตอบที่ 16
       รูปของหมูหิน....

อันนี้ไม่ใบของต้นสักนะ....เขาเรียกใบตองตึง....จะคล้ายใบสัก

ต้นตองตึงมีมาก ใครเคยขับรถไปด้านนี้จะพบเห็นอยู่ 2ข้างทางจำนวนมาก ดูดีๆไม่ใช่ต้นสัก ไปตามป่าเขาต้นสักหายากแล้ว
ในตลาดใช้ห่อของขาย
ถ้าใบร่วงจากต้น เขาจะเก็บมาใช้มุงหลังคา เอามาเย็บเป็นแผงๆคล้ายใบจากทางภาคกลาง

ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้จะเห็นมีการเอาใบตองตึงมามุงหลังคาไหม คงหาดูได้ยาก*****

คำตอบที่ 17
       .....คนที่ลาบสูง....

เราขอบคุณที่ให้ความสนใจ พ่อเราท่านมีความประทับใจที่นี่มาก ทั้งขุนยวม และแม่ฮ่องสอน...ท่านบอกว่าในดินแดนนี้...เมื่อก่อนไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไป...ด้วยการเดินทางลำบาก..แต่ในปัจจุบันผู้คนแย่งกันไปเยือน...

เราจะเล่าให้เพื่อนๆฟัง...ต่อไปเท่าที่มีเวลาจะทำได้

คำตอบที่ 18
       ของหมูหินรูปนี้....เป็นอาหารของพื้นบ้าน...คือพวกไทยใหญ่ หรือพวกไต... ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ในยุคนั้นประชาชนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้น 95%..เป็นชาวไทยใหญ่อาศัยอยู่ในเมือง...ชาวเขาอยู่นอกเมือง ขึ้นไปบนดอย...คนต่างถิ่นหรือคนจังหวัดอื่น มีอยู่ไม่เกิน 5%

แป้งสีเหลืองที่ว่าเป็นก้อนแล้วหั่นมาทอดนั้น เรียกว่าข้าวฟืน ข้าวเฟือนก็เรียก เป็นอาหารพื้นเมือง

คำตอบที่ 19
       ตลาดสายหยุด.....
..
ตรงข้ามตลาดสายหยุดจะมีโรงแรมที่ดีที่สุด ของแม่ฮ่องสอน พ่อเราจำชื่อไม่ได้ น่าจะมีแห่งเดียวในเวลานั้น พ่อบอกว่ามองจากห้องพักเห็นตลาดสายหยุดอยู่ตรงข้ามถนนเลย....ถนนในเมืองแม่ฮ่องสอนอย่างดี ก็แค่ลาดยางมะตอย รถวิ่งสวนกันได้ข้างละ 1ช่องทาง

พ่อบอกรูปนี้เหมือนสภาพภายในของโรงแรมนั้นมาก....

คำตอบที่ 20
      

*** เราขอไปสาธิต การทำอาหารต่อ เพื่อนๆตามไปเลย กระทู้นี้กำลังสนุก เป็นอาหารของพวกเราชาว Camping นำสูตรมาแลกเปลี่ยนกัน ***


http://board.trekkingthai.com/board/show.php?Category=trekking&forum=34&No=118220>

คำตอบที่ 21
       เข้ามาอ่านครับ ได้ความรุ้ดีจริงๆเลย

คำตอบที่ 22
       นายอำเภอเก่า

ถนนสายขุนยวม แม่ฮ่องสอนปาย - แม่มาลัยของเชียงใหม่ในปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นประวัติศาสตร์ เพราะญี่ปุ่นมาริเริ่มสร้างขึ้นไว้เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เพื่อลำเลียงกำลังพล และเส้นทางส่งกำลังบำรุงเข้าไปยังกองทัพญี่ปุ่นในพม่า ถนนสายนี้เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ จบสิ้นแล้ว การก่อสร้าง ปรับปรุงถนนก็จบตามไปด้วย ผมไปแม่ฮ่องสอนในสมัยนั้นจำได้ว่ารถเดินเพียงทางเดียว ไม่มีราดยางแม้แต่เมตรเดียว นับตั้งแต่ออกจากอำเภอหางดง ถนนบนเขาตั้งแต่ขุนยวมไปแล้วจะไม่สามารถหลีกกันได้ ต้องใช้วิธีถอยหลังเพื่อหาถนนที่กว้างพอจะหลีกกันได้ และทั้งสองฝ่ายจะซื่อสัตย์ต่อกันคือใครถอยน้อยกว่าคันนั้นจะถอยให้ นี่คือถนนไปแม่ฮ่องสอนเมื่อ ๓๘ ปีที่แล้ว

คำตอบที่ 23
       ความเห็นคุณวัชรพล

ถ่ายจากถนนหน้าโรงแรมนะครับ มุ่งหน้าไปทางเหนือ ไปวัดม่วยต่อ โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือครับ จะเห็นว่า เวลานี้แล้ว รถรายังไม่ค่อยจะมี ตอนเช้ารู้สึกดีมากๆครับ เพราะว่าได้ฟังเสียงไก่ขันก่อนจะลุกขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าด้วย


โรงแรมมิตรขุนยวม

คำตอบที่ 24
       ความเนคุณวัชรพล

โฆษณาให้สักหน่อย เพราะได้พักฟรีครับ

โรงแรมมิตรขุนยวม

คำตอบที่ 25
       ******คำบรรยายรูปนี้มีปัญหา******


ถ่ายจากถนนหน้าโรงแรมนะครับ มุ่งหน้าไปทางเหนือ ไปวัดม่วยต่อ โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือครับ จะเห็นว่า เวลานี้แล้ว รถรายังไม่ค่อยจะมี ตอนเช้ารู้สึกดีมากๆครับ เพราะว่าได้ฟังเสียงไก่ขันก่อนจะลุกขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าด้วย


โรงแรมมิตรขุนยวม

เรียน คุณวัชรพล ด้วยคามเคารพ
เราดูรูปนี้ คงเข้าใจผิดในการอธิบายภาพ...คุณบอกว่ารูปนี้ถ่ายหน้าโรงแรมมิตรขุนยวม มองกล้องไปทางทิศเหนือ โรงแรมมิตรขุนยวมจะอยู่ซ้ายมือ.......

จริงๆแล้วถ้าคูณหันหน้าไปทางทิศเหนีอ โรงแรมมิตรขุนยวมเดิมๆ ต้องอยู่ขวามือ เพราะเมื่อ ปี 2512 โรงแรมมิตรขุนยวมหันหน้าไปทางทิศตะวันตก คือหันไปทางสนามบินเก่า...ยกเว้นว่าโรงแรมอาจขยาย..มาอีกฝั่งหนึ่ง

****ต้องขอขอบคุณที่ส่งภาพมาให้ชม***

คำตอบที่ 26
       รุปนี้คือ......ทางหลวงหมายเลข 108 ***
เชื่อมเชืยงใหม่ - ฮอด - แม่สะเรียงขุนยวม - แม่ฮ่องสอน

เป็นถนนสายเดียวที่ลาดยางมะตอยในปี 2512 ลาดยางเฉพาะในเขตเมืองเท่านั้น พอออกนอกเขตเมืองก็เป็นถนนดิน+หินอัดแน่น+ฝุ่นเช่นเดิม

ของเดิมจะไม่มีที่ระบายน้ำอย่างในรูป....แต่เขาจะขุดเป็นร่องน้ำทั้งสองข้างทาง...กว้างประมาณ1.50 ม. ลึก 0.50 ม. ตลอดแนวเขตถนน เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำ ชาวบ้านที่อยู่สองข้างทางจะใช้ไม้พาดร่องน้ำนี้ออกมา

คำตอบที่ 27
       โรงแรมมิตรขุนยวม.........


เป็นโรงแรมเดียวของอ.ขุนยวม ในปี 2512 เห็นครั้งแรกก็ดูมันเก่าๆ ...น่าจะสร้างมาไม่น้อยกว่า 60ปีแน่ๆ ฟันธงได้ว่า เป็นโรงแรมแห่งแรก ถ้าดูจากรูปนี้ หรือเราเดินทาง จากแม่สะเรียงไปแม่ฮ่องสอน เท่ากับเดินทางไปทางทิศเหนือ......อาคารฝั่งซ้ายจะหันหน้าไปทิศตะวันออก ด้านหลังอาคารจะเป็นสนามบินเก่า ....

ส่วนอาคารด้านขวามือจะหันหน้าไปทางทิศคะวันตก ด้านหลังอาคารทางขวา จะเป็นทางลงไปตีนเขา เป็นทางลงไปแหล่งน้ำ ของคนที่อาศัยด้านนี้

ระบบประปาแบบท่อไม่มี....คนที่นี่เขาหาน้ำใช้กันอย่างไร จะเล่าให้ฟังต่อไป ....แต่ไม่ง่าย เพราะที่ตั้งของ อ.ขุนยวม อยู่บนเนินเขาสูง...เจาะน้ำบาดานไม่ได้แน่นอน...

คำตอบที่ 28
       ข้อมูล เกี่ยวกับการบินแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ในยุคแรก เราได้ข้อมูลมาจาก ห้องสมุดประชาชน อ.ฮอด...

นี่เป็นเครื่องยุคแรก ที่ใช้ เชียงใหม่-แม่ฮองสอน ประมาณ ปี 2489

คำตอบที่ 29
       ทหารญี่ปุ่นได้เดินทัพผ่านประเทศไทยไปประเทศพม่า ได้เข้ามาเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทางบ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๗ ทหารญี่ปุ่นได้ทะยอยกลับเข้ามาตั้งค่ายอยู่ในเขตอำเภอขุนยวมเป็นจำนวนมาก โดยได้ตั้งค่ายใหญ่อยู่ที่บริเวณลำห้วยหนองป่ากอ

ข้อมูลจากแหล่งเดิม ห้องสมุด อ.ฮอด

คำตอบที่ 30
      
เรื่องสมัยเด็กของคุณยุ่ง

ผมเคยไปแม่ฮ่องสอน ปี2533-2534 ไปพักทีโรงแรมเมธี
อยู่ใกล้ๆตลาด

หมายเหตุ : ปัจจุบันโรงแรมเมธียังคงเปิดอยู่ครับ ราคาประหยัดดี แต่ห้องพักอาจจะเก่าๆ ไปหน่อยนะครับ
ปี 2536 -- ได้นอนฮอลิเดย์อินท์
ปี 2544 -- ได้ไปนอนที่อิมพีเรียลธาราครับ

คำตอบที่ 31
       เรื่องสมัยเด็กของคุณยุ่ง

สมัยปี 2533 ตอนที่โรงแรมฮอลิเดย์อินท์ ยังสร้างไม่เสร็จ

คำตอบที่ 32
       คุณยุ่ง โรงแรมเมธี อยู่ที่ถนน ขุนลุมประภาส ปัจจุบันยังเปิดบริการอยู่ใน อ.เมือง




คำตอบที่ 20
ตลาดสายหยุด.....
..
ตรงข้ามตลาดสายหยุดจะมีโรงแรมที่ดีที่สุด ของแม่ฮ่องสอน พ่อเราจำชื่อไม่ได้ น่าจะมีแห่งเดียวในเวลานั้น พ่อบอกว่ามองจากห้องพักเห็นตลาดสายหยุดอยู่ตรงข้ามถนนเลย....ถนนในเมืองแม่ฮ่องสอนอย่างดี ก็แค่ลาดยางมะตอย รถวิ่งสวนกันได้ข้างละ 1ช่องทาง

...........................................................................

ตลาดเช้า (กาดเช้า) ตั้งอยู่บนถนนพานิชวัฒนา ใกล้วัดหัวเวียง ตอนเช้าตรู่จะได้สัมผัสกับชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น มีสินค้าของชาวพื้นเมืองขาย รวมทั้งอาหารแบบไต ของฝากจากเมืองแม่ฮ่องสอนหรือขนมของคนไตก็มีขายในตลาดเช้าแห่งนี้ ตลาดแห่งนี้เดิมชื่อว่า ตลาดสายหยุด เพราะตลาดจะวายเมื่อเวลาสาย หรือประมาณ 09.00 น.

คำตอบที่ 33
       อุโบสถวัดหัวเวียง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่มีความสวยงาม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน.....วัดนี้จะอยู่ใกล้ตลาดสายหยุด

คำตอบที่ 34
       เรื่องราวของ มู่-มี่...................

อำเภอ ขุนยวม เป็นอำเภอเล็กๆอำเภอหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่รู้จักจากทุ่งดอกบัวตองที่จากบานช่วงเดือน พ.ย. แต่จริงๆแล้วอำเภอนี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจอื่นๆอีก คราวนี้ผมขอนำภาพจากตลาดนัดวันจันทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กาดจันทร์ มาให้ชมกันนะครับ
แล้วกาดจันทร์นี้มันน่าสนใจอย่างไร กาดจันทร์มี2ส่วนครับ ส่วนหนึ่งจะเหมือนตลาดนัดทั่วไปมีเต็นท์ขายของของคนต่างถิ่นที่ขับรถตระเวนไปตามตลาดนัดที่ต่างๆ อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนที่ผมเห็นว่าน่าสนใจก็คือเป็นที่ชาวบ้านในพื้นที่เอาของมาขายบรรยากาศโบราณๆดูคลาสสิคดี

คำตอบที่ 35
       กาดจันทร์ ............ของมู่-มี่
เป็นสนามบินเก่า ลานกว้างเอนกประสงค์แห่งนี้ถูกทางอำเภอใช้เป็นที่จัดแสดงมหรสพต่างๆ และถูกจัดเป็นตลาดนัดให้กับพ่อค้าแม่ค้าต่างถิ่นนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาขายทุกวันจันทร์ ชาวอำเภอขุนยวมจึงเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า กาดจันทร์ และเรียกตลาดนัดว่า ‘กาดจันทร์’

คำตอบที่ 36
       เป็นการจัดการตลาดนัดสีเขียว ปลอดสารพิษ ทำเอง จำหน่ายเอง ขายในตลาดกาดจันทร์ ผักที่ผลิตได้แก่ ผักคืนฉ่าย ผักชีฝรั่ง ผักอีหลืน ผักแม้ว พริกขี้หนู เห็ดนางฟ้า และพีชผักพื้นบ้านจากไร่ของชนเผ่ากะเหรี่ยงบนดอยในฤดูฝน

คำตอบที่ 37
       สิ่งที่เกี่ยวกับกาดจันทร์

กลุ่มแม่บ้านของชุมชนม้งบ้านปางตอง จะนิยมปลูกพืชหลากหลายไว้จำหน่ายตลาดนัด กาดจันทร์ เป็นผักเมืองหนาวที่ปลูกง่าย แต่จะมีวิธีการขายเป็นกิโล เป็นมัด รูปแบบยังดูไม่น่าซื้อ การบรรจุยังไม่ค่อยดี ผักที่นิยมนำมาขายได้แก่ ต้นหอม ผักชี แครอท คะน้า มะเขือเทศ ฝักแม้ว ตะใคร่ต้น มันฝรั่ง หัวไชเท้า ผักกาดม้ง ผักขี้หูด สมุนไพรบางชนิด และผักกาดเขียวปลี

คำตอบที่ 38
       สนามบินเก่า อ.ขุนยวม....**กาดจันทร์**


ย่าบอกว่า มีการสร้างโดย ทหารญี่ปุ่น เพื่อเข้าสู่พม่าในสงครามโลกที่ 2

รูปนี้..คุณมิ-มู่ คงถ่ายมาเมื่อไม่นาน เห็นได้ว่ายังมีการใช้ใบคองตึง มุงหลังคาร้านขายของอยู่

คำตอบที่ 39
      




**ฝากข่าวถึง..คุณ มู่-มี่****
ภาพถ่ายที่ กาดจันทร์ ของคุณ ได้มีนักเขียนสมัครเล่น พบภาพชุดนี้ของคุณ แล้วเกิดจินตนาการ นำไปเขียนเป็นเรื่องสั้นแล้ว น่าจะเป็นการเผยแพร่.....ไม่ได้จำหน่ายเป็นการค้า*****

คำตอบที่ 40
       วัดม่วยต่อ ....เมื่อพ่อเราแวะไปขุนยวม...พ่อจะไปนั่งเล่นที่วัดนี้อยู่คนเดียว เพื่อคอยดูชาวเขาเผ่าต่างๆลงมาจากดอย เพื่อนำสินค้าลงมาขายและหาซื้อสินค้าที่จำเป็นกลับขึ้นดอย...ชาวเขาจะลงมาแต่เช้า และจะกลับขึ้นดอยในวันเดียวกัน..

....วัดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ เจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ล้อมรอบด้วยพระเจดีย์บริวาร ยอดประดับด้วยฉัตรโลหะ แขวนกระดิ่งโดยรอบ และจอง(ปราสาท) ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ ในวันขึ้น ๑๐-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี ทางวัดจะจัดงานประเพณีเขาวงกต วัดนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของการจัดพิธีกรรมทางศาสนาแบบไทยใหญ่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากสภาพที่เห็นในปัจจุบัน

ที่วัดนี้ยังเป็นสถานที่หนึ่งที่ควรจะได้รับการบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ของขุนยวม เนื่องจากในสมัยสงครามโลก วัดแห่งนี้ได้แปลงสภาพไปเป็นโรงพยาบาล ที่คอยรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามด้วย และก็ยังเป็นสุสานของทหารเหล่านั้นด้วย


แต่ก่อนวัดนี้มีเพียงรั้วลวดหนามขาดๆ แค่ป้องกันวัว+ควาย+ล่อ+ลา+ม้า....เข้าไป

คำตอบที่ 41
      
*****************************************

การเดินทางของชาวเขาใน ปี2512 เดินด้วยเท้า ..ตอนนั้นชาวเขายังไม่มีรถยนต์ ไม่มีถนนถึงกันไปมาหาสู่ด้วยการเดิน ชาวเขาที่ลงจากดอยมาขุนยวม จะมากันทั้งครอบครัว ทั้งเด็กๆ เด็กเดินไม่ได้ก็มัดใส่หลังมา จะใช้ ล่อ **ล่อเป็นสัตว์ใช้งาน*** หรือม้า บรรทุกสิ่งของ มา และจะใช้กระพรวน+กระดิ่ง ผูกที่ข้อเท้าให้เกิดเสียงดังเวลาเดิน...เป็นการส่งเสียงขับไล่สัตว์ร้ายขณะเดินทางในป่าเขา แต่เมื่อเดินมาถึงที่วัดม่วยต่อเขาจะหยุดพัก แล้วหาผ้ามาพันที่กระดิ่ง+กระพรวนเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนอื่นๆ..............คนป่าคนดอยช่างมีมารยาทมากมายจริงๆ
................................................................................................

คำตอบที่ 42
      

คำตอบที่ 43
       คำตอบที่ 23
ความเห็นคุณวัชรพล

ถ่ายจากถนนหน้าโรงแรมนะครับ มุ่งหน้าไปทางเหนือ ไปวัดม่วยต่อ โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือครับ จะเห็นว่า เวลานี้แล้ว รถรายังไม่ค่อยจะมี ตอนเช้ารู้สึกดีมากๆครับ เพราะว่าได้ฟังเสียงไก่ขันก่อนจะลุกขึ้นมาแปรงฟันล้างหน้าด้วย
********************************************************


ถ้าเดินทางไปทางทิศเหนือ....แผนที่นี้เห็นได้ชัดว่า โรงแรมมิตรขุนยวมต้องอยู่ ขวามือ ของถนนสาย 108...เป็นการตามคำตอบที่ 25.....

คำตอบที่ 44
       โรงแรมที่อยู่หน้าตลาดสายหยุด ถ้าจำไม่ผิดชื่อโรงแรมเฟื่องฟ้า เจ้าของชื่อป้ามาลิน ปัจจุบันไม่มีแล้ว เทศบาลเมืองซื้อแล้วทำเป็นตึกแถวให้เช่า หัวมุมคือร้านไทยเสรี
อีกที่ชื่อ โรงแรมสงวนสิน อยู่ไก้ลๆกันเป็นโรงแรมไม้เช่นกัน ปัจจุบันไม่ทำธุรกิจโรงแรม แต่เปิดเป็นร้านดอกไม้บัวแก้ว
ส่วนโรงแรมเมธี เป็นโรงแรมอยู่กลางเมือง (สี่แยกไฟแดง) ซึ่งทันสมัยที่สุดในยุกก่อน ปัจจุบันยังทำอยู่แบบพอเพียง เจ้าของยกให้ลูกชายคนเดียวทำ ส่วนเจ้าของตัวจริง
"อากู๋" อายุ 98 ปี ยังแข็งแรง กับคู่ชีวิต "ป้าส่วยเมี้ย" ไปอยู่ที่บ้านหลังปั๊มเชลล์ที่เลิกกิจการเช่นกัน

คำตอบที่ 45
       *****************************

ขอบคุณ..คุณแดงเพลิงมาก

ทำให้ได้รู้ข้อมูลชัดลึกมาก..ท่านคงเป็นคนเก่าที่แม่ฮ่องสอส...

ทางครอบครัวเราไม่ใช่คนที่แม่ฮ่องสอน แต่ต้องไปแม่ฮ่องสอน ระหว่างปี2512-2515 โดยพ่อเราแวะไปที่นั่น ประมาณ ปีละ 2-3 เดือน.....มีความประทับใจที่ดินแดนแห่งนี้มาก..โดยเฉพาะผู้คนที่นี่ มีน้ำใจมาก น่าเสียดายที่แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองเปิด**** หวังว่าคุณแดงเพลิงคงแวะมาให้ข้อมูลที่นี่อีก......*****


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ใครทราบบ้างว่า อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชา ทางเมืองแม่ฮ่องสอนจัดสร้างขึ้นเมื่อใด...

คำตอบที่ 46
      


จุดหมายปลายทางของชาวเขาที่ลงมาจากดอย ก็จะมาหยุดที่จุด B ในแผนที่ จุดนี้เป็นตลาดเช้าด้วย จากจุดนี้ตรงข้ามถนนเป็นสถานีตำรวจ ที่ไม่มีคดีความ ตลอดปีก็ไม่มีผู้ต้องหา......คดีไม่มีจริงๆ

ถ้าชาวเขาติดต่อธุระไม่เสร็จ ก็จะพักกันบริเวณนี้.....จุด B ...

คำตอบที่ 47
      


จุดหมายปลายทางของชาวเขาที่ลงมาจากดอย ก็จะมาหยุดที่จุด B ในแผนที่ จุดนี้เป็นตลาดเช้าด้วย จากจุดนี้ตรงข้ามถนนเป็นสถานีตำรวจ ที่ไม่มีคดีความ ตลอดปีก็ไม่มีผู้ต้องหา......คดีไม่มีจริงๆ

ถ้าชาวเขาติดต่อธุระไม่เสร็จ ก็จะพักกันบริเวณนี้.....จุด B ...

คำตอบที่ 48
       จ่ากจุด B มองข้ามถนนมาทางขวามือ เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ของเมืองนี้ขายอาหารตามสั่ง+ก๋วยเตี๋ยว จะมีร้านค้าที่นี้เพียงร้านเดียวที่มีน้ำอัดลมแช่ตู้เย็นขาย เมืองนี้ไม่มีน้ำแข็งขาย ตู้เย็นน่าจะมีที่นี่ที่เดียว ถ้าจะหาน้ำเย็นๆกินก็มีที่ร้านนี้ เพราะได้จากไฟฟ้าซึ่งเปิดไฟให้ประชาชนแค่ 4 ทุ่ม ไฟฟ้าที่ใช้ในขุนยวมก็ใช้เครื่องปั่นไฟเอง

คำตอบที่ 49
       อนุสาวรีย์พญาสีหนาทราชา วางศิลาฤกษ์สร้างเมื่อ
8 มีนาคม 2543 สมัยนายกบรรหาร ศิลปอาชา
รายละเอียดอยู่หลังรูปปั้น "ลานกะเล"

คำตอบที่ 50
      
อนุสาวรีย์พญาสีหนาทราชา วางศิลาฤกษ์สร้างเมื่อ
8 มีนาคม 2543 สมัยนายกบรรหาร ศิลปอาชา
รายละเอียดอยู่หลังรูปปั้น "ลานกะเล"

*************************************************

ขอบคุณ ...แดงเพลิง

เรื่องนี้ถามผู้ใหญ่ในบ้านไม่มีใครรู้.....ทราบว่าอยู่ใกล้ๆเรือนจำ และทางขึ้นดอยกองมู

คำตอบที่ 51
      

สภาพกำแพงเรีอนจำในยุคนั้น เก่าเอียงแทบจะล้มลงมา
ได้ความว่าว่ามีนักโทษในนั้นประมาณ17 คน ...แต่ก็ไม่มีใครคิดแบบนี้

คำตอบที่ 52
       พระธาตุดอยกองมู

ปรากฎการณ์อันแสดงถึงอภินิหารของพระเจดีย์คือ มักจะมีแสงสว่างเป็นวงกลมรัศมี ประมาณดวงจันทร์ลอย ออกจากเจดีย์แล้ว ลอยข้ามตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก และหายไปที่เจดีย์บนดอยกิ่วขมิ้น หรือมีแสงเป็นวงกลมรัศมีเล็กกว่าดวงจันทร์ ออกจากเจดีย์องค์เล็กไปยังพระเจดีย์สี่สู่ (สี่องค์) บริเวณวัดม่วยต่อ เชิงดอยกองมู แล้วหายไป อภินิหารดังกล่าวมักจะเกิดในวันพระ หรือวันนักขัตฤกษ์ เวลาใกล้ค่ำหรือใกล้รุ่ง

พระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนเขาทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน

คำตอบที่ 53
       สภาพกำแพงเรีอนจำในยุคนั้น เก่าเอียงแทบจะล้มลงมา
ได้ความว่าว่ามีนักโทษในนั้นประมาณ17 คน ...แต่ก็ไม่มีใครหลบหนี...สงบๆ..สงบ..

คำตอบที่ 54
       พระธาตุดอยกองมู เป็นพระธาตุเจดีย์สององค์ องค์ใหญ่สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๓ บรรจุพระธาตุพระโมคคัลลานะ องค์เล็กสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๗ บรรจุพระธาตุพระสารีบุตร

คำตอบที่ 55
       ยังตามอ่านอยู่นะครับ

คำตอบที่ 56
       น่าตื่นตาตื่นใจครับ

คำตอบที่ 57
       ขอขอบคุณ ที่มีคนสนใจในอดีต...ดินแคนที่เมื่อก่อนไม่มีใครต้องการเข้าไป...ปัจจุบันใครๆก็ต้องการไปเยือน...........ขอเชิญพวกเราทุกท่านได้ถ่ายทอดมา

คำตอบที่ 58
       ถ้าพูดถึงเรือนจำแม่ฮ่องสอน..ก็ขอพูดเรื่องศาลด้วย


ขอย้อนกลับไปเรื่องการเดินทางในยุคนั้น เชียงใหม่-ฮอด-แม่สะเรียง-แม่ลาน้อย-ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ...เมื่อมาถึงแม่สะเรียงเราจะพบอาคารเด่นเป็นสง่าอยู่ทางซ้ายมือ ก่อนจะแยกขวาไปแม่ลาน้อย ..คืออาคารของศาลจังหวัดแม่สะเรียง สง่างามและยิ่งใหญ่มากในยุคนั้น ขณะนั่งรถผ่านเห็นได้ชัดเจน

เราไม่มี่ภาพศาลแม่สะเรียง....ใครอยู่แม่สะเรียง ส่งภาพความภูมิใจในอดีตมาหน่อย ซิ..

คำตอบที่ 59
       *********************************************************************************ศาลเดิมทำพิธีเปิดศาลเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485 อันเป็นวันชาติไทยสมัยนั้นรวมเวลาการก่อสร้างศาลจังหวัดแม่สะเรียงหลังเก่าประมาณ 3 ปีเศษ ประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียงจึงได้มีที่ทำการศาลเรือนไม้อันสง่าไว้เป็นที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรม

คำตอบที่ 60
       ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 ทางกระทรวงยุติธรรมจึงได้จัดสรรเงินงบประมาณก่อสร้างอาคารศาลใหม่ เป็นแบบหลังคาทรงไทย ขนาด 5 บัลลังก์ พร้อมทั้งบ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาล 1 หลัง บ้านพัก
ผู้พิพากษา 1 หลัง และบ้านพักจ่าศาล 1 หลัง การก่อสร้างได้ลงมือเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2513 และแล้วเสร็จลงในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2514 จึงเป็นอาคารที่ใหญ่โตงามสะดุดตา กว่าอาคารใดในอำเภอแม่สะเรียง และจังหวัดแม่ฮ่องสอนในยุคนั้น ... ปัจจุบันนี้ศาลจังหวัดแม่สะเรียงมีเขตอำนาจครอบคลุมอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอแม่ลาน้อย

เราไม่ทราบว่าใช้งบการก่อสร้างไปเท่าใด...พ่อบอกว่าปู่ไปร่วมในวันพิธีเปิดศาลด้วย**

คำตอบที่ 61
       เมื่อเดินทางถึงแม่ลาน้อย มี่นี่เป็นเมืองเล็กมาก เมื่อเทียบกับแม่สะเรียง ..การปกครองเป็นเพียงแค่ กิ่งอำเภอ เป็นชุมชนที่เล็กมาก อาคารบ้านเรือนคล้ายในรูป จุดพักรถประจำทางเป็นเพียงเพิงเล็กๆมุงด้วยใบตองตึง พอมีอาหารขายสำหรับนักเดินทางได้ใช้บริการเล็กน้อย มีม้านั่งยาวๆเพียงเท่านั้น...

คำตอบที่ 62
       โรงเรียนที่แม่ลาน้อย..........ในยุคนั้น
มีโรงเรียนบ้านแม่สะปึ๋ง ....ได้เปิดทำการครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2513 โดยชาวบ้าน...ได้ร่วมกันจัดสร้างอาคาร เรียนแบบ ชั่วคราว ขึ้น 1 หลัง ในสภาพหลังคาตองตึงไม่ยกพื้น
ใช้พื้นเป็นดิน และไม่มีฝาห้องเรียน มีนักเรียนครั้งแรกประมาณ 20 คน
โดยมีครูมาสอนครั้งแรกเรียกว่า"ครูชาวเขา" ซึ่งขณะเป็นลูกจ้างชั่วคราว
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2514 องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอาคาร ขนาด 2 ห้องเรียน (90,000 บาท) จำนวน 1 หลัง และสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2515
.***************************************************

สภาพโรงเรียนนี้ ปัจจุบันเป็นไงนะ.....ได้รู้ว่าภายหลังมีพวกหลายกลุ่ม ..นำของเข้าไปบริจาค และเยี่ยมเยียนกันหลายหน...ได้ยินแล้วแสดงตัวด่วน

คำตอบที่ 63
       ตอนนี้ในหน้าเว็บบอร์ดเราทุกกระทู้....ย้อนกลับมาวันที่ 5 เมษา 51 ทั้งหมด .....ของเพื่อนๆเป็นแบบนี้มั้ย...ช่วยตอบด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!11

คำตอบที่ 64
       ตอนนี้ในหน้าเว็บบอร์ดเราทุกกระทู้....ย้อนกลับมาวันที่ 5 เมษา 51 ทั้งหมด .....ของเพื่อนๆเป็นแบบนี้มั้ย...ช่วยตอบด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!11

คำตอบที่ 65
      

คำตอบที่ 66
       ได้เปิดดูข้อมูลเกี่ยวกับแม่ฮ่องสอนแล้วคิดถึงอดีตนะ....หลาน...bonny....ที่รัก.....

คำตอบที่ 67
       ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับ.....แม่ฮ่องสอนแล้วคิดถึงอดีตจัง....นะ ......bonny.....

คำตอบที่ 68
       อ.แอ๊ดและย่ามีอะไรก็เล่าให้ฟังบ้าง พ่อคงมีเรื่องอีกเยอะที่จะเล่า ให้ฟัง...มีเพื่อนๆคอยอ่านอยู่ แต่พ่อเค้าไปยุ่งเรื่องอื่นอยู่ตอนนี้ กระทู้เลยไม่ได้ตอบ.....

รูปนี้ อ. แอ๊ดคงจำได้....เขียดแลว...พ่อเคยบอกว่าที่ตลาดขุนยวมมีขายเยอะ....ปัจจุบันหายากเป็นอาหารราคาแพงของแม่ฮ่องสอนไปแล้ว....ชาวบ้านจับได้จะไม่ไปขายที่ตลาดจะส่งเข้าร้านอาหารเลย