จาก น้องสุขใจ เที่ยวละไมไทยแลนด์
พฤหัสบดีที่ , 6/11/2551
เวลา : 02:44
อ่าน = 1737
125.24.39.245
|
หลักการพื้นฐาน
โดยปรกติมนุษย์รับประทานอาหารเพื่อการดำรงชีวิต ร้อยละ 80 ของอาหารจะถูกแปลงเป็นพลังงานในการทำให้ร่างกายอบอุ่น ดังนั้นการรับประทานอาหารจึงเป็นเลือกที่สำคัญ สารอาหารที่เป็นคาร์โบรไฮเดรดจะถูกเผาผลาญก่อนแล้วจึงตามด้วยโปรตีนและไขมันตามลำดับ การที่ร่างกายต้องผลิตความร้อนขึ้นมาจึงทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนในส่วนต่าง ๆ ไม่เท่ากันเช่น ที่หัว ที่หน้า และที่คอ จะสูญเสียความร้อน 60 % ที่มือ และขา 15 % และที่ส่วนต่าง ๆ อีกเล็กน้อย ดังนั้นถุงนอนคือ อุปกรณ์ที่ช่วยชะลอการสูญเสียความร้อนที่ร่างกายแผ่ออกไป
ข้อ1. ถุงนอนทำหน้าที่อย่างไร
ถุงนอน มีหน้าที่ เก็บความร้อนที่ร่างกายส่งออกมา เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความอบอุ่น
ข้อ2. ส่วนประกอบของถุงนอนเรียกว่าอะไร ทำหน้าที่อย่างไร วัสดุที่นำมาใช้คืออะไร
1. ผ้าชั้นนอก (Outer Fabric) เป็นส่วนที่สัมผัสกันพื้นผิวด้านนอก ทำหน้าที่ป้องกันสิ่งสกปรกจากภายนอกและ ห้อหุ้มฉนวน วัสดุที่นำมาผลิต ผ้าใยสังเคราะห์ (ไนลอน, โพลีเอสเตอร์) ผ้าชั้นนอกที่ดี ควรทนต่อการขูดขีดได้ดี
2. ฉนวน เป็นส่วนหลักของถุงนอน ทำหน้าที่เก็บความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายผู้ใช้ โดยอาศัยหลักการฟูหรือทำให้เกิดห้องอากาศ และเมื่อความร้อนผ่านเข้ามา ก็จะต้องทำให้อากาศในห้องอากาศนั้นมีอุณหภูมิเท่ากันก่อนที่ความร้อนนั้นจะแผ่ออกไปยังห้องอากาศอื่น วัสดุที่นำมาผลิต ผ้าใยสังเคราะห์ เส้นใยธรรมชาติ (ขนแกะ ขนเป็ด) ฉนวนที่ดี
- เส้นใยธรรมชาติ ( DOWN ) สามารถเก็บลงในพื้นที่ได้เล็กกว่าตัวเองหลายเท่า แต่จะไม่เป็นฉนวนเมื่อเปียกและมีขบวนการยุ่งยากเมื่อจะทำให้แห้ง เช่น ขนอ่อนของเป็ดหรือของห่าน
- ใยสังเคราะห์ (Synthetic) จะใช้ได้ในในสภาพที่มีความชื้นสูง เพราะวัสดุนี้จะยังคงเป็นฉนวนเมื่อเปียก
ใยสังเคราะห์จะมีชื่อเรียกในแต่ละยี่ห้อของผู้ผลิตต่างกันไป และมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับขนเป็ด ซึ่งใยสังเคราะห์ในตลาดจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. เส้นใยขนาดยาวต่อเนื่องและเกาะติดกันเป็นกลุ่มก้อน (Long continuous-filament fibers) มักจะใช้บุในถุงนอนที่ค่อนข้างจะมีการขึ้นรูปโครงที่แน่นอนเป็นรูปเป็นร่าง
2. เส้นใยขนาดสั้นและไม่เกาะติดกันเป็นกลุ่มก้อน (Much shorter, noncontiguous-filament fibers) อาจจะใช้บุทั้งในถุงนอนที่มีการขึ้นรูปโครงที่แน่นอน และในถุงนอนที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน
3. เส้นใยขนาดสั้นพิเศษ ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายๆ ขนเป็ด (Even-shorter-fibered formed somewhat resemble down) โดยที่เส้นใยประเภทนี้อาจจะมีการเกาะกลุ่มกันหรือไม่ก็ได้
หมายเหตุ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาใยสังเคราะห์ไปมาก ในอนาคตเราอาจจะเห็นใยสังเคราะห์ที่สามารถให้ความอบอุ่นและน้ำหนักเบาเหมือนกับขนเป็ดก็เป็นได้
3. ผ้าด้านใน ( Inner Lining) เป็นส่วนที่สัมผัสกับร่างกายผู้ใช้ วัสดุที่นำมาผลิต ผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ หรือผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ผ้าด้านในที่ดี เมื่อใช้ถุงนอนที่เสี่ยงต่อการเปียกชื้นควรเลือกผ้าที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ นอกนั้นควรเลือกผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ
4. หมวกคลุมศีรษะ(Hood) หมวกนี้จะช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกาย ซึ่งความร้อนมากกว่า 50% จะสูญเสียจากทางศีรษะ ควรสามารถปรับให้กระชับกับศีรษะได้ และสวมแล้วไม่รู้สึกรบกวนใบหน้า ซึ่งในถุงนอนบางชนิดที่ใช้กับฤดูร้อนอาจจะไม่มีส่วนนี้ก็ได้
5. ซิป (Zipper) ทำหน้าที่เปิดปิดและปรับอุณหภูมิใช้กับผู้ใช้ โดยการรูดออกเมื่อรูสึกว่าร้อนและรูดปิดเวลาผู้ใช้รู้สึกว่าหนาว ซิปควรเป็นที่มีด้ามจับ 2 ด้านและมี 2 ตัว ในซิป 1 เส้น
6. ลิ้นบังซิป (Cold proof Flap) ในถุงนอนที่ใช้กับอุณหภูมิต่ำ ลิ้นบังซิปจะทำหน้าที่บังไม่ให้ความร้อนออกจากถุงนอนทางด้านซิป มีลักษณะเป็นแผ่นด้านในบุด้วนฉนวน ยื่นออกมาจากข้างซิปด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งในถุงนอนบางชนิดที่ใช้กับฤดูร้อนอาจจะไม่มีส่วนนี้
7. ลิ้นบังหน้าอก (Shoulder Collar) ทำหน้าที่ป้องกันการสูญเสียความร้อนบริเวณรอยต่อระหว่างคอและไหล่ โดยจะไปลดช่องว่างของคอกับไหล่ ทำให้มีการสูญเสียความร้อนลดลง ซึ่งในถุงนอนบางชนิดที่ใช้กับฤดูร้อนอาจจะไม่มีส่วนนี้
ถุงนอนที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีหลายรูปทรง ซึ่งแต่ละแบบก็จะเหมาะสมกับสภาพอากาศและกิจกรรมที่นำไปใช้งาน ซึ่งเราพอที่จะสรุปชนิดรูปทรงของถุงนอนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เป็น 2 แบบ
1. ถุงนอนแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular)
เป็นถุงนอนที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับครึ่งเชื่อมติดกันด้วยซิปรูปตัว L ด้านบนจะมีหมวกคลุมศีรษะหรือไม่ก็ได้ สามารถกางออกเป็นผ้าห่มได้ ถุงนอนรูปทรงนี้จะมีเนื้อที่ภายในมาก นอนสบายเหมาะสำหรับอากาศไม่หนาวจัด ถ้าหากต้องการให้กันหนาวได้มาก ถุงนอนก็จะต้องมีขนาดฉนวนที่มากขึ้นหรือใช้วัสดุที่เป็นฉนวนชนิดพิเศษ โดยปรกติมักจะใช้สำหรับการนอนชายทะเล บ้านพัก กระท่อม หรือในที่ที่อากาศไม่หนาวมากนัก
2. ถุงนอนแบบมัมมี่ (Mummy)
ลักษณะของถุงนอนเป็นแบบมัมมี่สมัยโบราณ ถุงนอนแบบนี้จะมีขนาดเล็ก เพราะมีการลดขนาดที่ไม่จำเป็นในช่วงรูปร่างและปลายเท้าออกไป โดยปลายเท้าจะสอบแคบเข้ามา มีหมวกที่ต่อเป็นผืนเดียวกับถุงนอน มีลิ้นบังซิปและลิ้นบังหน้าอก ไม่สามารถกางออกมาเป็นผ้าห่มได้ เป็นถุงนอนที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาวะอากาศที่หน้าเย็นหรือนักเดินทางแบบแบกเป้
จะเลือกถุงนอนให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าอย่างไร
ขั้นตอนที่ 1 นำไปใช้ในอุณหภูมิที่เท่าไร
ถุงนอนในยุคปัจจุบันจะกำหนดการใช้ในอุณหภูมิไว้ 3 ค่า ควรเลือกค่าที่บอกว่า นอนสบาย (Comfort) ในบางที ถ้าอุณหภูมิลดลงถุงนอนก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้นอนได้แต่จะเย็นขึ้นเล็กน้อย ในป้ายบอกว่า +22 องศาเซลเซียส หมายความว่า ถุงนอนที่ใช้ในอากาศภายนอก ที่ 22 องศาเซลเซียสแล้ว ผู้ใช้จะนอนอุ่นสบาย
อุณหภูมิในป่าปรกติจะอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียสในพื้นที่ ๆ ที่มีภูเขาและมีต้นไม้มากอุณหภูมิจะต่ำลงกว่านี้มากไม่เว้นแต่ในฤดูร้อน (ในเวลากลางคืน) การท่องเที่ยวในฤดูหนาวและในพื้นที่สูงโอกาสเสี่ยงกับอุณหภูมิที่ ต่ำ ตัวเลขเดียว(0-9 องศาเซลเซียส) มีสูง
EN 13537 (or EN13537) เป็นค่ามาตาฐาน ของยุโรป ที่ใช้กับบริษัทผลิตถุงนอนที่เกี่ยวกับ ระดับอุณหภูมิที่ใช้
มาตรฐานระดับอุณหภูมิที่ใช้ แบ่งตามเกณฑ์ได้ดังนี้
· ระดับ Upper Limit เป็นอุณหภูมิที่ผู้ชายนอนแล้วร้อนจนเหงื่อออก แม้ว่าจะเปิดหมวกคลุมศีรษะ เปิดซิปและเอาแขนออกจากถุงแล้วก็ตาม
· ระดับ Comfort เป็นอุณหภูมิที่คาดว่าผู้หญิงสามารถนอนหลับสบายได้อย่างแน่นอน
· ระดับ Lower Limit เป็นอุณหภูมิที่ผู้ชายต้องนอนขดตัว หลังจาก 8 ชั่วโมงจะกระสับกระสายนอนไม่หลับ
· ระดับ Extreme เป็นอุณหภูมิที่ต่ำที่ผู้หญิงสามารถพักอยู่ได้เป็นเวลา 6 ชั่วโมงหลังจากนั้นอาจจะตายด้วย ไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia อาการร่างกายหนาวจนตาย) หรืออาการเนื้อตายจากความเย็น (Frostbite)
ขั้นตอนที่ 2 ให้ถามเรื่องลูกค้าจะนำถุงนอนไปทำกิจกรรมอะไร โดยแบ่งออกเป็น
- กิจกรรมที่ต้องการถุงนอนที่มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็กเมื่อเก็บ คือ จักรยานทัวริ่ง, แบ็กแพ็กกิ้ง,คยัคทัวริ่ง กิจกรรมทั้งสามคือการเดินทางโดยการนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปด้วยการปั่นจักรยาน,แบกเป้,พายเรือ
- กิจกรรมที่ไม่ต้องการถุงนอนที่น้ำหนักเบา คือกิจกรรมแค้มปิ่ง แค้มป์คาร์
ขั้นตอนที่ 3 แนะนำการใช้ อายุการใช้งาน ลักษณะการใช้งานที่ดีที่สุด การดูแลรักษา
- ตามข้อมูลเฉพาะของถุงนอนแต่ละรุ่น
- อายุการใช้งาน อยู่ที่การเก็บและทำความสะอาด
- การเก็บถุงนอนเมื่อไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ๆ ควรนำออกมาจากถุงแล้วแขวนโดยไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งถูกพับหรือกดทับ
- การดูแลรักษา การทำความสะอาดจะทำให้ฉนวนหลุดออกจากตัวถุงนอนหรือเสียหาย ดังนั้นควรทำความสะอาดให้น้อยครั้งที่สุด
1.1 แบบฉนวนที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ (synthetic) สามารถซักในเครื่องซักผ้าได้ แต่ไม่ควรอบแห้ง นำออกมาผึ่งลมให้แห้งโดยไม่ให้โดนแดด
1.2 แบบฉนวนที่เป็นใยธรรมชาติ (ขนเป็ด Down) นำน้ำสะอาดละลายกับน้ำยาทำความสะอาดถุงนอน(ไม่มี ใช้แชมพูได้) นำถุงนอนกดลงในน้ำที่อยู่ในอ่างน้ำ ห้ามบิดหรือขยี้ เมื่อน้ำเปลี่ยนสีควรให้น้ำผสมน้ำยาใหม่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด นำออกมาผึ่งกับตะแกรงในแนวนอนในที่ร่ม ห้ามวางกลางแดด ทุก 30 นาทีให้เอามือเขี่ยให้ขนที่เกาะเป็นก้อนแตกออกทำอย่างนี้เลย ๆ (ทุก ๆ 30 นาที)จนกว่าจะแห้ง ซึ่งอาจจะกินเวลาประมาณ 1-2 วัน
ขั้นตอนที่ 4 ความรู้เรื่องสินค้าที่เป็นส่วนประกอบกัน
- ถุงนอนอาศัยการฟูของเส้นใยเมื่อผู้ใช้ ใช้ด้านล่างจะถูกกดทับทำให้ฉนวนด้านล่างไม่เก็บความร้อน เมื่อต้องใช้ถุงนอนควรต้องใช้แผ่นรองนอนหรือวัสดุอื่นที่เป็นฉนวนมารองด้านล่าง
- การใช้ถุงนอนที่ถูกวิธีก็คือเข้าไปนอนในถุงนอน แล้วรูดซิปปิด แต่ถ้านอนแล้วรู้สึกร้อนก็ให้รูดซิปออก แต่ถ้ายังรู้สึกว่าร้อนอีกก็ในเอาถุงนอนที่ปิดที่หน้าอกออกโดยที่ตัวยังอยู่ในถุงนอน และเมื่อรู้สึกว่าหนาวก็ให้รูดซิปปิด แต่ไม่ควรนอนโดยนำเอาถุงนอนมาห่มเหมือนผ้าห่ม
- ในเรื่องของซิปที่ต้องมี 2 ตัวเพราะผู้ใช้สามารถเปิดจากทางด้านลาง (ปลายเท้า) เอาเท้าออกมาได้
|