คำตอบที่ 68
.....ขออนุญาตคุณอ้นเจ้าของบทความดีๆนี้ด้วยนะครับ ขอคัดลอกมาให้สมาชิคชาวแค้มปิ้งทั้งกระบิเลยนะครับผม
????????????????????????????????????????????????????????????????????
ผมตั้งใจเขียนข้อความเทคนิคการถ่ายพลุนี้ เป็นข้อความที่ผมเขียนขึ้นหลังจากถ่ายบันทึกภาพพลุเมืองทองธาณีไปแล้ว และยังเหลืองานพลุเฉลิมพระเกียรติอีกมากมาย ผมอยากจะให้มือใหม่ หรือท่านที่ยังไม่เคยถ่ายพลุ ได้รับข้อมูลอันเป็นเบื้องต้นเพื่อที่จะมีโอกาสในการถ่ายพลุบ้าง ผมพยายามที่จะหาข้อมูลทั้งในนิตยสาร Search ในอินเตอร์เนต ก็มีแต่เขียนแบบรวบรัดนิดๆเท่านั้นเอง
ผมขอเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ อย่าได้นำข้อความของผมไปลงในนิตยสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่ใช่อินเตอร์เนตเลยนะครับ
ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดผมขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------
1. ทำความเข้าใจเบื้องต้น (สำหรับมือใหม่)
การถ่ายพลุนั้นผู้ถ่ายจะต้องมีความเข้าใจและประสบการณ์การถ่ายภาพเบื้องต้นมาพอสมควรนะครับ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับแสงไฟในยามกลางคืน การบันทึกภาพพลุดอกไม้ไฟนั้นพูดง่ายๆนั้นก็คือว่า เราเปิดหน้ากล้องตั้งแต่แสงพลุเริ่มกำเนิดขึ้นไม่ว่าตั้งแต่ต้นสาย หรือเห็น (ได้ยิน) เสียงพลุเริ่มแยกในกรณีที่ไม่เห็นสาย จนกว่าสายพลุจะบานเต็มที่ แล้วปิดหน้ากล้อง (ขั้นตอนนี้จะมีการอธิบายอย่างละเอียดส่วนหลัง)
ก่อนที่จะเข้าเรื่องพลุ ผมขอยกตัวอย่างการถ่ายภาพภาพถนนยามกลางคืนที่มีแสงไฟรถวิ่งเป็นเส้นสาย ซึ่งการถ่ายภาพแบบนี้เราก็จะใช้ ISO ที่ต่ำเช่น 100 เพื่อให้ได้รถเป็นเส้นสาย และการใช้ ISO ต่ำนั้นจะทำให้ภาพออกมาเนียน และเกิด Noise ต่ำที่สุด และมีการปรับรูรับแสงที่แคบ (ชัดลึก) เช่น F 8 ขึ้นไป
ถึงแม้ว่ารูรับแสงจะแคบ และ ISO จะต่ำ แต่แสงไฟของรถยนต์ที่เคลื่อนที่นั้นก็ยังสามารถเห็นเป็นเส้นสายได้
แล้วนับประสาอะไรกับพลุที่มีความสว่างมากกว่าแสงของรถยนต์มาก เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเริ่มต้นถ่ายภาพพลุนั้นไม่ต้องห่วงว่าการใช้ ISO ต่ำ รูรับแสงแคบนั้นจะเห็นแสงไฟของพลุหรือไม่ รับรองว่าเห็นแน่ๆครับ
--------------------------------------------------------------------------------
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ
- กล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้อง ดิจิตอล กล้องฟีล์ม กล้องดิจิตอลแบบ Compact
- เลนส์ที่ในระยะที่เหมาะสมกับทำเล... ระยะห่าง และขนาดของพลุ (เอาไปเผื่อหลายๆช่วงซูมหน่อย เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าถึงขนาด และความสูงของพลุได้)
- ขาตั้งกล้อง... (ต้องมี) เพราะการถ่ายภาพพลุนั้น ใช้เวลานับเป็นวินาที
- สายลั่นชัตเตอร์... (ควรจะมี) เพื่อที่เราไม่ต้องเอามือไปกดค้างที่กล้อง ซึ่งอาจจะทำให้กล้องสั่นไหวได้ และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการกด
- การ์ดหรือฟีล์มที่มีเพียงพอ... ให้ท่านตั้งโหมดว่า จะใช้ Jpeg, NEF Raw, Raw + Jpeg ว่าการ์ดของท่านสามารถถ่ายได้กี่รูป เพราะพลุแบบสมัยนี้ หลายพันนัดที่จุดภายในไม่ถึงชั่วโมง ท่านสามารถกดได้ถึง 300 ครั้งหรือเกินกว่านั้นครับ
- ผ้าดำ หรือ หมวกสีดำ... (เอาไว้เผื่อเราต้องการถ่ายพลุแบบเลือกดอก ดอกที่จะไม่เอาก็เอาผ้าดำคลุม เพื่อไม่ให้เกิดแสง ส่วนดอกที่จะเอาก็เปิดผ้าดำออก) และเป็นสิ่งที่นำไปใช้กับกล้อง Compact ที่ไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ และไม่มีโหมดชัตเตอร์ B (Bulb) เหมือนกล้องพวก SLR
- แบตเตอรี่อย่างน้อยสักสองก้อน... เพราะการถ่ายพลุ แบบใช้ Speed นานนั้นกล้องจะกินไฟมากกว่าปกติมาก
- ไฟฉาย... เพื่อที่จะเป็นอุปกรณ์ช่วยหาของ เช็คดูอะไรต่างๆนาๆ ในยามมืด
- ร่มกันแดด... ผ้าคลุมกระเป๋ากล้อง เอาไว้เพื่อไปกางกันแดด กันฝนในตอนที่ไปจองสถานที่ถ่ายภาพ
- อาหารและน้ำ... เผื่อสำหรับการจองที่รอคอยนานครับ
--------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเข้าใจในเบื้องต้นแล้วก็ลุยกันเลย
ดูทำเลตั้งกล้อง และที่จุดพลุ (สำคัญที่สุด)
ก่อนวันจุดพลุจริง ควรไปสำรวจจุดที่เค้าวางพลุเอาไว้ทุกจุด หาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่พนักงาน หรือข้อมูลทางเทคนิคจากหน่วยงาน ว่าจุดพลุแนวไหน สูงเท่าไหร่ นานเท่าไหร่
แล้วหาทำเลที่คิดว่าดีที่สุด
การหาทำเลก็เป็นส่วนสัมพันธ์มาจากการวางจุดพลุ การได้ข้อมูลในการจุดพลุ ซึ่งจะได้ทิศทางมาซึ่งการหาตำแหน่งในการตั้งกล้องต่อไป การตั้งกล้องในมุมที่สูงจะเป็นมุมที่ดีมากๆเพราะจะได้เห็นทั้งสถานที่ของงาน บริเวณโดยรอบ เห็นสีสันของเมืองในมุมสูงครับ (เสียดายที่ผมกลัวความสูงจัง)
- พลุที่เป็นพลุโชว์ทิศทางเดียว... อย่างเช่นพลุของเมืองทองธาณี เราอาจจะต้องหาตำแหน่งตั้งกล้องที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตำแหน่งที่เขาจัดตั้งที่โชว์เอาไว้ เพราะว่าพลุที่จะระเบิดออดมานั้นเค้าจะจัดมุมมองหันหน้าเรียงหน้ากระดานมาที่ผู้ชมโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น การตั้งกล้องไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ไม่ว่าจะบนดาดฟ้าตึก หรือที่สูงต่างๆ ก็ควรเป็นไปในทิศทางเดียวหรือใกล้เคียงกับทิศทางโชว์ให้มากที่สุด
- พลุโชว์ 180 องศา... อันนี้เราสามารถหาตำแหน่งตั้งกล้องได้รอบทิศ สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Foreground เป็นอะไร หรือ จะให้พลุมีแสงเรืองรองไปกระทบกับสถานที่ใดสวยๆงามๆบ้าง
- ทิศทางลม ผมนับให้มันเป็นสิ่งสำคัญลำดับสุดท้ายในการตั้งกล้องครับ เพราะว่าทิศทางลมนั้นบางครั้งถือว่าเป็นโชค วันที่ไปดูทำเลลมอาจจะไปทิศทางนึง วันแสดงลมอาจจะหันทิศไปในอีกทิศหนึ่ง เวลาที่จุดพลุจริง ลมอาจจะเปลี่ยนทิศอีกเล็กน้อย ทิศลมที่สมบูรณ์จริงๆนั้นไม่ใช่ว่าเราอยู่เหนือลมเต็มๆนะครับ เพราะว่าควันพลุมันก็ยังเห็นที่ด้านหลังของพลุที่จุดไปแล้วอยู่ดี แต่ควรจะเป็นทิศลมที่พัดลมออกไปข้างๆ หรือเฉียงๆให้ควันมันออกนอกเฟรมถึงจะดีที่สุด
แต่ถ้าจะเอาทิศลมมากำหนดแล้วเราจะทิ้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงามออกไป มุมที่เค้าจัดตั้งโชว์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมว่ามันไม่คุ้มเอาเสียเลยครับ
เตรียมพร้อมที่สถานที่
- ไปให้เร็วเพื่อไปจองที่ อย่าชะล่าใจเชียวครับ บางสถานที่ไปก่อนเวลากันถึง 7, 8 ชั่วโมง หรือก่อนเที่ยงเตรียมอาหารไปทานสองมื้อที่นั่นเลยครับ
- ตั้งกล้อง และฝึกหมุนกล้อง รวมถึงปรับระยะซูม อุปกรณ์หมุนต่างๆของขาตั้งกล้องต้องเรียกว่าหลับตาหมุนเอียงซ้าย เอียงขวา หมุนตั้งฉากให้ได้ไวที่สุด ลองหมุนซูมดู แล้วดูและจำที่ความสูงความกว้างเอาไว้ให้แม่น เพื่อที่เวลาพลุขึ้นมาจริงๆ หรือมีการเปลี่ยนชุด เปลี่ยนขนาด เปลี่ยนความสูง เราก็สามารถทำได้ว่องไวในความมืด โดยไม่ต้องตื่นเต้นและลนลาน
--------------------------------------------------------------------------------
- ตั้งค่ากล้องดังต่อไปนี้
1. ปรับโหมดให้เป็น Bulb หรือชัตเตอร์ B ถ้าเป็นกล้อง Compact ก็ให้ตั้งเวลาเป็นวินาที ซึ่งอันนี้ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่อย่าให้เกิน 10 วินาทีเอาไว้ก่อน เพราะพลุสมัยนี้เค้าจุดด้วยระบบ อิเล็กโทรนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันจะขึ้นมาเป็นชุดๆ ไม่แน่ว่าภายใน 4-6 วินาที กล้อง Compact ก็ต้องเอาผ้าดำคลุมเสียแล้ว
2. ตั้ง ISO 100 พร้อมรูรับแสง F 11 เป็นค่ากลางเอาไว้ก่อน ให้ใช้โอกาศที่พลุลูกแรกขึ้น กดถ่ายเลยครับ เพราะเราจะได้รู้ทั้งมันล้นเฟรมไปมากขนาดไหน หรือหลวมมากจนเกินไปหรือเปล่า แต่ผมแนะนำว่าให้ตั้งกว้างๆเอาไว้ก่อน เพราะเราสามารถนำภาพมาครอปใน PS ได้ครับ และไม่ต้องห่วงว่าแสงจะลดลง เพราะเปิดซูมกว้าง แสงมันก็จะชดเชยด้วยตัวของมันเอง และเส้นแสงของพลุจะไม่ลดลงครับ
พอดูสถาณการณ์สักชุดหรือสองชุดแรก เราก็สามารถรู้ได้ว่า แสงขึ้นสว่างหรือมืดไปไหม ถ้ามืดไปให้ปรับที่รูรับแสงที่กว้างขึ้น แต่ถ้าสว่างไปก็ปรับให้แคบลง พลุบางนัดมีความมืดสว่างแตกต่างกัน อย่างเช่นพวกพลุสีทองเส้นบาง ถ้าเห็นมันจุดขึ้นสักชุดสองชุดก็เตรียมปรับรูรับแสงให้กว้างขึ้นเลยครับ แต่พอหมดแล้วอย่าลืมปรับลดมันคืนนะครับ
3. ตั้งค่าแสง White Balance ค่าแสงของพลุนั้นจะมีค่าใกล้เคียงกับการตั้งองศาเคลวินที่ 5500K แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าพลุทุกลูกนั้นจะมีค่าองศานี้ที่องศาเดียวเสมอไปนะครับ มันจะอยู่ที่ประมาณระหว่าง 5000-6000K ครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้แน่นอนและใกล้เคียงที่สุดจะอยู่ราวๆ 5500K.... แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการตั้งค่านี้เป็นการตั้งค่าที่ดีที่สุดและถูกต้องแม่นยำที่สุดนะครับ เพราะปัจจุบันนี้กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆดีๆนั้นมีการคำนวนแสงที่แม่นยำและมันจะปรับค่าไปตามอุณหภูมิแสงที่เกิด แล้วยิ่งพลุสมัยนี้ มีทั้งพลุหลายสี พลุที่ให้สีสดๆ แดงสดๆ เขียวสดๆ ม่วงสดๆ ด้วยความสว่างที่ไม่มาก ค่าองศาที่ 5500K นั้นก็จะทำให้พลุเหล่านี้จืดลงไปได้ครับ
กล้องบางรุ่นบางยี่ห้อ คำนวนอุณหภูมิสีได้แม่นยำในการตั้ง White Balance แบบ Auto แต่ในขณะที่บางรุ่นอาจจะเกิดการเพี้ยนของสีได้ ถ้าเกิดการเพี้ยนของสีนั้นก็ให้ตั้งตามค่า 5500K หรือใกล้เคียงที่สุดครับ และถ้าจะให้งามขึ้นกล้องบางรุ่นบางยี่ห้อ ตั้งให้สีสด Vivid หรือตั้ง Sharpness ให้คมขึ้นได้ยิ่งแจ่มครับ
4. ตั้งระบบโฟกัสเป็น Manual Focus เท่านั้น แล้วตั้งโฟกัสไว้ที่ อินฟินิตี้ หรือหมุนสุดเลยก็ได้ อย่าเผลอไปตั้ง Auto Focus เลยเชียว เพราะระบบโฟกัสจะวิ่งหาหมุนไปหมุนมาจนจับโฟกัสไม่ได้ แล้วก็ถ่ายไม่ติดในที่สุด
5. ตั้งกล้องอย่าให้สูงมาก เพราะเราอาจจะต้องปรับและมองจอแสดงค่าตั้งรูรับแสงอยู่ตลอดเวลา แต่อย่าตั้งให้ต่ำจนเกินไปเพราะถ้าเราจับกล้องตะแคงตั้ง อาจจะต้องก้มกันเมื่อยหลังจนเกินไป
6. เอาค่า Long Exposure Noise Reduction ออก เพราะกว่ากล้องจะคำนวนลด Noise เสร็จ เสียเวลาไปเพียบเลยครับ เสียโอกาศไปเยอะมาก แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่า Noise มันจะเกิดขึ้น เพราะเราใช้ ISO ต่ำ ประกอบกับพลุสีสว่าง ท้องฟ้าสีมืด แทบไม่มีโอกาศเกิดสีโทนกลางให้เกิด Noise เลยครับ
พอเราเอา Long Exposure NR ออกแล้วถ่ายเสร็จแล้วสามารถถ่ายได้ต่อเลยครับ รวดเร็วมาก
7. ก่อนที่พลุจะขึ้นให้เช็คดูการตั้งค่าทั้งหมดเอาไว้ให้ครบ เพราะท่านอาจจะได้โอกาศเปลี่ยนโหมดไปถ่ายวิวทิวทัศน์อันสวยงามช่วงพระอาทิตย์ตกดินจนลืมตั้งกล้องกลับคืนมาเพื่อถ่ายพลุก็เป็นได้
8. ทดสอบการทำงานของสายลั่นชัตเตอร์สักครั้งก่อน ว่าเราตั้งค่ามันถูกต้องหรือไม่
การหาจังหวะการลั่นชัตเตอร์ช่วงมีพลุขึ้นแล้ว
จงจำเอาไว้ว่าพลุสมัยนี้จุดด้วยระบบอิเล็กโทรนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์ พลุจะขึ้นมาเป็นชุดๆ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มันไม่ไวขนาดนี้ เพราะฉะนั้น สติ สายตา และความไวของมือ ประกอบกับจังหวะที่กดสัมพันธ์ที่ดีแล้ว เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด บางครั้งพลุอย่างเช่นพลุเมืองทองธาณีในวันที่ 18 นั้น ถือเป็นพลุที่ไวมาก ถ่ายยากกว่าเก่าเยอะ กล้อง SLR ทั้งหลายนี่แทบไม่ต้องจับผ้าดำมาคลุมเลือกพลุเลยครับ เพราะมันเล่นเข้าไปตั้ง 9081 นัดภายในเวลาไม่เกิน 45 นาที
- เมื่อพลุขึ้นสักสองชุดแรก อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้นก่อนแล้ว ระยะซูมกับรูรับแสงให้ปรับโดยไว แล้วปรับซูมให้ใหญ่กว่าที่ปรากฏในชุดแรกเอาไว้ก่อน ใหญ่ไว้ดีกว่าเล็กไปครับ
- เมื่อมีแสงขึ้นจากพื้นกดสายลั่นชัตเตอร์ค้างเอาไว้ ให้ปล่อยเมื่อพลุบานเต็มดอก หรือรอให้มันครบชุดของมันแล้วปล่อยชัตเตอร์
- ตามองท้องฟ้าเอาไว้ เพราะพลุที่ไม่ได้มีเส้นสายมีเพียบ เสียงบึมดังขึ้นเมื่อไหร่มือต้องกด แล้วที่สำคัญคืออย่าให้มันเกิดพลุเยอะจนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดพลุซ้อนกันตีกันจนสว่างเวอร์ไปเลยครับ
- ให้เราจดจำตำแหน่งลูกของพลุที่ประดับท้องฟ้าไปแล้ว แล้วเราก็ได้พลุมาเต็มเฟรมพอสมควรแล้ว แต่ดันเห็นแสงยิงเป็นสายที่ตำแหน่งพลุที่เดิมที่ยิงไปแล้วนั้น ให้กดปิดหน้ากล้องเลยครับอย่าไปเสียดายและเตรียมกดรอจังหวะบึมของสายใหม่ที่จะแตกนั่นล่ะครับ เหตุผลคือพลุอาจจะไปซ้อนตำแหน่งและตีกันจนมากเกินไป เส้นยุ่งเหยิง แสงโอเวอร์ แล้วอีกอย่างนึงคือแสงที่เป็นสายที่บันทึกขึ้นไปแล้วนั้นจะไปปรากฏเป็นภาพซึ่งจะดูเหมือนกับเป็นสายของพลุที่ระเบิดไปก่อนหน้านี้แล้วครับ
- ถ้าเป็นพลุเดี่ยว อย่าปล่อยให้พลุมันโรยมาไม่เป็นทางนะครับ เพราะมันอาจจะไม่สวย หรือแล้วแต่ชอบครับ
- ถ้าเห็นว่าอยู่ใต้ลม ควันเยอะ ให้ลองปรับรูรับแสงให้แคบลง ไล่ตั้งแต่ F14-18 เพื่อให้ควันที่เป็นสี Mid-tone นั้นมืดลง แต่ในขณะที่แสง Hi-light ของพลุนั้นจะ Drop ลงไม่มากครับ
- พลุบางชุดสมัยใหม่ระเบิดขึ้นมาพร้อมกันพรึบ 10 ลูก บางครั้งใช้เวลากดไม่ถึงวินาทีก็เป็นได้ครับ
- พลุแบบระเบิดมาสักหน่อยแล้วแตกวิ่งเป็นทาง แต่อย่าให้มันวิ่งเยอะมากจนหมดนะครับ เพราะเส้นแสงที่มันจะวิ่งซ้อนทับในเซ็นเซอร์หรือฟีล์มกล้องนั้นจะยุ่งเหยิงจนเกินไป และกลายเป็นแสงเวอร์ได้ครับ
- อย่าเสียดายพลุที่เราเห็นว่ามันเต็มเฟรมแล้ว ดันมีพลุใหม่เพิ่งเกิด ในตำแหน่งที่มีลูกเก่าระเบิดไปแล้ว ก็ให้ปิดชัตเตอร์ไปเลยครับ ไม่อย่างนั้นซ้อนกันอีกแน่ครับ แล้วภาพที่ได้นั้นจะออกมาเป็นพลุเล็กอยู่ในพลุใหญ่ ดูงามด้วยซ้ำครับ
- อย่ากดเพลินโดยไม่ดูผลลัพธ์หรือดูจอว่ามันล้น มันใหญ่เวอร์ ไปหรือเปล่า
- เมื่อรู้ตำแหน่งพลุที่อยู่ในอาณาบริเวณที่เราได้แล้ว เราก็แค่มือหนึ่งลั่นชัตเตอร์ มือหรือซูมเข้าออกเพียงเล็กน้อย
- ย้ำอีกทีว่าให้ไวครับ ได้ยินเสียงบึมเมื่อไหร่กดเมื่อนั้น และพอเห็นมันจะซ้อนกันเมื่อใหร่ก็ให้หยุดให้ทันควันเช่นกันครับ
ถ่ายเสร็จแล้วอย่าดูแล้วคัดรูปทิ้งในจอ LCD กล้องเป็นอันขาด ให้ดูในจอคอมพิวเตอร์เอาครับมันจะชัดเจนแล้วสวยกว่าที่เห็นในจอ LCD เพียบครับ
หวังว่าข้อความนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้กับชาวเวป taklong.com นะครับ
(ผมโพสลงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นครับ)
และขอเรียนเชิญท่านที่มีไอเดียหรือประสบการณ์ต่างๆมาร่วมแชร์ความคิดเห็นได้เลยครับ
หรือเสริมเพิ่มเติมยิ่งเป็นการดีครับ
ผมขอเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ อย่าได้นำข้อความของผมไปลงในนิตยสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่ใช่อินเตอร์เนตเลยนะครับ
ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดผมขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ
สำหรับมือใหม่ หรือท่านที่ยังไม่เคยถ่ายพลุ ขอให้สู้ๆและโชคดีครับ
ขอบคุณมากครับ
แก้ไขเมื่อ : 22/8/2553 3:30:03