พุธ,4 ธันวาคม 2567 |
เรื่องเล่าคนตกปลา 250 ไมล์กับนายชนบทแล่นเรือโต้คลื่น ปลากระบึกที่สีชัง คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง บางเสร่ยังมีลุ้น ดอดไปฟันไอ้โฉม วันนี้ที่รอคอย มันแปลกดีนะ สายันรัญจวน ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ น้ำใจ โฉมเอยโฉมงาม แข่งขันตกปลาสัญจร#1 ปลายฝนต้นหนาว แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6 ลูกหมูจอมซ่าส์ โต้ลมหนาว เก่งกับเฮง เมษาฮาวาย เมื่อผมไปงานแข่งฯ ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ หูดำที่เกาะค้างคาว ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง มหาเฮง นักเลงโตสากดำ ฟ้าหลังฝน หลังมรสุมสงบ ตามล่าปลาจัมโบ้ บันทึกแห่งความทรงจำ คุณพริ้งลองของ อัดปลาโต้เดิ้ง เพื่อนรักต่างแดน เก๋าหน้าหวาน ไต๋ยอช์ตพาเพลิน สานสัมพันธ์คนตกปลา#1 หรรษาตะวันแดง บางเสร่รำลึก#4 ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก แดงจ๋าแดงจ่า ลีลาสละ ลูกหมูย่ำสวาท ผู้กล้าแห่งวารี ไต๋ระยอดนักสู้ สายสัมพันธ์คนตกปลา#2 มือใหม่หัดเหวี่ยง ผู้พันอินทรี สัตว์ประหลาด ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี จิตสังหาร ลากมาอุ้ม ปริศนาที่เร้นลับ ดอนตะวันแดง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3 ปลายักษ์ในตำนาน ราพาร่าพรางตัว สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4 อินทรีหลังโขด ท่องไปกับตะวันแดง รวมดาวกระจุย บุกรังสีทอง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4 อยากอัดไอ้หลาม ปลอบขวัญที่กำพวน วาฮูนักวิ่งน้ำลึก วังสีทอง กุเลาเกมส์พันธ์ดุ รางวัลชีวิต สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5 ธิดาย่ำสวาท กุเลาเกมส์คนวัยมันส์ เมษาพาเพลิน |
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื่อ ผู้ร่วมทริพ 1.ชนบท 2.เข้ม 3.ต้น Newell 4.หลิม 5.ตั้ม 6.หมูหยอง 7.โดม 8.รัตน์ 9.ตี๋ 10.ลิ้ม 11.นัท 12.แต๋ง และ 13.นิค
สัพพะยื้อ ดินแดนที่เคยเคยสร้างตำนาน ให้กับนักตกปลามาช้านาน ที่แห่งนี้ ยังคงติดตาฝังใจให้กับนักตกปลารุ่นเก่า ไม่เคยลืม สัพพะยื่อ เป็นชื่อกองหินขนาดเล็ก ที่โผล่พ้นน้ำ อยู่ห่างจากเกาะสีชังไปทาง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 400 เมตร เป็นที่ตั้งประภาคาร บอกตำแหน่งกองหินโสโครก ให้กับบรรดาเรือน้อยใหญ่ที่สัญจรไปมาในย่านนั้น บริเวณสัพพะยื่อจะมีระดับน้ำลึกสุด ประมาณ 30 เมตร มีลักษณะเป็นหลุม คลายแอ่งกะทะ อยู่ 2 หลุม โดยหลุมแรกจะอยู่ห่างจากกองหินสัพพะยื่อ ไปทาง 11 นาฬิกา ประมาณ 30-40 เมตรและอีกหลุมหนึ่ง ก็จะอยู่ใกล้ๆ กัน ด้วยภูมิประเทศที่เป็นหลุมลึก นี้เอง เมื่อถึงฤดูกาล ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ จนถึงเดือน เมษายน จะมีปลาน้อยใหญ่ นัดมาชุมนุมกันอย่างมากมาย ณ ที่แห่งนี้..... และ 1 ในบรรดาปลาที่เวียนว่ายเข้ามาก็คือ ปลาสาก ที่มีอยู่ชุกชุม และมีขนาดใหญ่กว่าทุกที่ในทะเลย่านตะวันออก ตั้งแต่ ฝั่งทะเลจังหวัดตราดจนกระทั้งถึงทะเล สีชัง เลยก็ว่าได้ ด้วยที่ปลาสากมีฝันที่แหลมคม และบางตัวจะมีนิสัยที่ดุร้าย จนนักตกปลาถึงกับขนานนามมันว่า "จิ้งจอกทะเล" บ้าง "ไอ้หมาบ้า" บ้าง ก็ด้วยพฤติกรรม ของปลาสากที่จะกัด ทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ปากมัน หลายครั้งที่มันว่ายย้อยสายขึ้นมางับตะกั่ว ขาด และก็หลายครั้ง ที่สายลวดสริง 20 ปอนด์ถูกมันกัดขาดสะบั้น ด้วยฟันอันแหลมคมของปลาสาก เวลาที่นักตกปลา เกี่ยวตัวมันขึ้นมาบนเรือ ต้องระวัง ฟันของมัน ให้ดีมันอย่าพยายามเอาน่องของท่านไปอยู่ใกล้ๆ ปากของปลาสาก พยายามอยู่ห่างๆ มันไว้เป็นดีที่สุด เพราะมันจะสบัดหัวอ้าปากมางับ ที่น่องของท่านได้ ดังนั้น สิ่งแรกที่นักตกปลาควรทำ เมื่อตกปลาสากขึ้นมาได้ ก็คือ หาไม้สักท่อน "เผ่นกระบาล" มันก่อนที่น่องของท่านจะโดนมันงับ เป็นแผลเหวอะ ...... ปลาสาก บางแห่งก็เรียกมันว่าปลา "โชกุน" บางแห่งก็เรียกมันว่า "น้ำดอกไม้" ฟังดูก็เก๋ น่ารักดี ไม่มีพิษสงอะไรให้น่ากลัว แต่ผมว่ามันชื่อปลาสากนี่เหมาะสมกับมันมากที่สุด ด้วยเพราะเหตุว่า มันมีลำตัวเหมือนกับสากตำข้าว และทุกครั้งที่เราเอาตัวมันขึ้นเรือ เราจะต้องใช้สากตำน้ำพริก ทุบกระบาล มันก่อน ฉนั้นชื่อปลาสากนี่ผมว่าสมเหตุสมผลและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง จากลีลาการต่อสู้ ของปลาสาก ยามที่มันติดเบ็ด มันจะกระโดดตัวลอยสบัดตัวขึ้นเหนือน้ำ สร้างความเร้าใจให้กับนักตกปลาเป็นอย่างมาก เนื้อของมัน นำมาทำข้าวต้มปลาที่มีรสชาติแสนอร่อย ชื่อเรียกก็โกหรู ว่า " ข้าวต้มปลาโชกุน" ใครที่เคยลองลิ้มชิมรสชาด เนื้อของมันแล้วจะติดใจ บอกได้คำเดียวว่า "อร่อยเหาะ" เชียวละ เนื้อของปลาสาก ยังเอามาทำ น้ำยาหนมจีน และ ห่อหมก ที่แสนจะอร่อยได้ดีอีกด้วย การออกไปตกปลาสาก ที่สีชัง ของพวกเราในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากเพื่อนๆ ในกลุ่ม BP Angler Club อย่างมาก มีเพื่อนๆ สนใจจะไปล่าปลาสาก ด้วยกันถึง 13 คน ผมจึงได้ติดต่อว่าจ้างเรือไว้ 2 ลำ คือเรือ โชคศิริศักดิ์ ซึ่งจอดลอยลำรอพวกเราอยู่ที่สัพพะยื้อ และเรือ โชคพัฒนา อยู่ศรีราชา เรานัดหมายลงเรือ เวลา บ่าย 4 โมงเย็น ที่ท่าเรือเกาะลอย ทั้ง 13 ชีวิต ต้องลงเรือ โชคพัฒนา แล้วไปกระจายแบ่งคนลงเรือ โชคศิริศักดิ์ ที่ลอยลำรอพวกเราอยู่ที่สัพพะยื้อ อีกทอดหนึ่ง เรือโชคศิริศักดิ์ มีเพียงไต๋วันชัย เพียงคนเดียวเด็กเรือ หรือจุ่มโพ ก็ไม่มีสักคน พอเราจัดแจงขนอุปกรณ์ตกปลาลงเรือไต๋วันชัยกันครบทั้ง 7 คนแล้ว ก็จัดแจง ประกอบคันกันทันที ผมชะโงกหน้ามองดูในห้องขังเหยื่อ เห็นมีหมึก ตัวขนาดคืบ อยู่เพียง 4-5 ตัวเท่านั้นเอง คันเบ็ดชุดเล็ก ถูกจัดแจงเอามาประกอบ ผูกปลายสายด้วย "โยทะกา" สีขาวสดใส เวลาก็พลบค่ำลงพอดี ไต๋วันชัย จัดการเปิดไฟไดร์หมึก ทันทีที่แสงตะวันลับขอบฟากฟ้า ในขณะที่ชุดตกปลาสาก เราใช้สายรีดลวดสริง ยาว 1 เมตร ต่อด้วยสายเอ็นขนาด 60 ปอนด์ อีก 1 เมตรครึ่ง ทำสายหน้า ผูดตัวเบ็ดขนาด 4/0 จำนวน 2 ตัว เกี่ยวหมึกเป็น แล้วหย่อนลงข้างเรือ พอตะกั่วตกถึงพื้น ก็กรอสายเก็บเข้ามาอีกประมาณ 2 ถึง 3 เมตร ขณะที่เรากำลังรอปลามากินเหยื่อ เราก็ช่วยกัน ตกปลาหมึก มาทำเหยื่อ ที่ สีชัง เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีหมึกเยอะมาก แล้วผมก็ได้หมึกตัวแรก ที่มันเข้ามาเกาะโยทะกา ที่ระดับความลึกเพียง ไม่กี่เมตร หรือที่เราเรียก กันว่า "กลางน้ำ" ไต๋วันชัย ก็ช่วยตกหมึก ทำเหยื่อด้วยแกจะใช้โยทะกา ถึง 2 สาย เลยที่เดียว ถ้าจะไม่ค่อยจะโลภเลยนะ แกเล่นตก หมึกทั้ง 2 สาย 2 มือ ถ้าใครไม่เคยเห็นคนจับปลา 2 มือ ก็มาดูไต๋วันชัยได้เลย ...ไต๋วันชัย แกตกหมึกเก่งมาก เดี๋ยวสาวตัวซ้าย เดี๋ยวสาวตัวขวา เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด ... ขณะที่เรากำลังตกปลาหมึกกันเพลิน อยู่นั้น ท้ายเรือ ที่มีเจ้าตั้ม เจ้าต้น และเจ้าหยอง นั่งเฝ้าคันเบ็ดอยู่นั้น ก็ร้องเฮลั่น เป็นครั้งแรก เมื่อเจ้าตั้ม วัดคัน Daiwa Tournament จนคันโค้งง้อ จดผิวน้ำ สายเอ็นวิ่งพรู่ ออกไปข้างหน้าก่อนที่มันจะมุดหัวไปทางท้ายเรือ ลีลาการสู้เบ็ดแบบนี้ ตั้ม รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ปลาสากอย่างแน่นอน แต่มันเป็นปลาอะไรละ? แล้วทุกคนก็รู้คำตอบเมื่อตั้มอัดมันลอยขึ้นมาอยู่ข้างเรือ "กุเรา เฮ้ย กุเรา" เจ้าหมูหยองร้องออกมาด้วยความดีใจที่เห็นกุเราหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือปลาหนวดพราหม์ ปลาเนื้อดี ชนิดหนึ่ง ราคาค่าตัวมันเมื่อเอาทำปลาเค็มแล้ว ไม่แพ้ ปลาอินทรีย์ เชียวละ นับว่ามันเป็นปลาเนื้อดีอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาแพง ไต๋วัยชัยรีบมาหยิบสวิง ไปช้อน มันทันทีที่ตั้มอัดมันขึ้นมาลอยอยู่ข้างๆเรือ มันเป็นปลากุเรา ที่มีขนาด 3 กิโลกรัม และเป็นปลาที่เปิดเกมส์ ในทริพนี้ของพวกเรา ตั้มจัดการเกี่ยวเหยื่อหมึกตัวใหม่ลงไปทันทีและก็เพียงไม่นาน คันของตั้มก็แสดงอาการ คำนับน้ำทะเล และเกือบจะทันทีที่ตั้มวัดคัน ปลาสาก ก็กระโดด โชว์ความสง่างาม ก่อนจะแยกเขี้ยวโชว์ฟัน ที่สุดจะแหลมคมของมัน ให้พวกเราได้ดู ก่อนที่ตะขอในมือไต๋วันชัยจะสับ โฉ๊ะ เข้าข้างแก้มมันอย่างแม่นยำ ตามด้วยไม้ตำพริกที่ประเคนเข้าที่หัวมันอีกหลายโป๊ก จนมันสงบแน่นิ่ง มันเป็นปลาสาก ที่มีขนาดหนักมากกว่า 4 กิโลกรัมเวลาตอนนี้ประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่ผมกำลังมันส์อยู่กับการตกปลาหมึก อยู่นั้น คันของผม ก็ออกอาการกระตุก วูบ ก่อนที่รอก จะส่งเสียงกรีดร้องยาว แก๊รกกกกกกก "ทำไมปลาสากมันไม่กระโดดวะ" ใครคนใดคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาลอยๆ เมื่อมองเห็นสายเอ็นวิ่งเฉออกทาง ซ้ายทีทางขวาที อยู่อย่างนั้น ปลามันหมุดลอดใต้ท้องเรือไปทางท้ายเรือ ผมต้องเดินตามไปอัดมันทางท้ายเรือ สถานการณ์ แบบนี้ พวกเรา ช่วยกันเก็บเบ็ดของใครของมันขึ้นทันที่ ก่อนที่จะสายเกินไป ถ้าปลามันพาสายไปพันกัน มันจะยุ่งเสียเวลาไปหมด ไต๋วันชัยละจากการตกปลาหมึก เดินไปหยิบสวิง ก่อนที่แกจะกล่าวด้วยความชำชองเก๋าประสพการณ์ของแกว่า "สงสัยมันจะเป็นกุเรา" และก็จริง มันเป็นปลากุเรา ขนาดใหญ่กว่าตัวแรกเสียอีก... ตั้มหลังจาก ที่อัดปลาสากขึ้นมา และช่วยเคลียร์ สายให้ผมได้อัดปลาจนเอาตัวขึ้นมาได้ ก็เดินมาช้อนเอาหมึกในห้องขังเหยื่อ ตัวขนาดเขือง ขึ้นมาเกี่ยว เบ็ดแล้วก็ฝาดเหยื่อหมึกตัวนั้นลงบนพื้นเรือ หลายตุ๊บ จนมันตายสนิด ผมถามตั้มไปว่าทำไมต้องเอามันมาฟาดจนมันตาย ? ทำไมไม่เกี่ยวหมึกเป็นๆ ? ตั้มบอกว่า ปลามันกินหมึกตาย ปลากุเราที่ผมอัดได้นั้นก็ กินหมึกตายตั้มเอาหมึกตายมาเปลี่ยนให้คันของผมได้ไม่นานมันก็กิน พูดจบตั้มก็หย่อน เหยื่อลงน้ำ ตะกั่วยังไม่ทันถึงพื้นดิน ตั้มก็วัดคัน ฉับ! ... หา !!! มันกินแล้วเหรอ .. ผมร้องอุทาน ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นตั้ม อัดคันเสียจนโก้ง "คามือพี่ คามือ อิอิ " มันเป็นปลากุเราตัวที่ 3 ของ ทริพนี้ ปลามันกินหมึกตาย คราวนี้แหละ ทุกคนหันมาหาหมึกตายกันเป็นแถว หมึกไม่ตายก็ เอามาฟาดลงพื้น ให้มันตายก็มี แต่ดูเหมือนปลากุเราฝูงนั้นจะจากพวกเราไปแล้ว ความเงียบเข้ามาเยือนพวกเรา ไม่มีปลาเข้ามาฉวยเหยื่อพวกเรา ผมจึงหันมาเอาดีทางตกปลาหมึก ดีกว่าซึ่งการตกปลาหมึกมันให้ความรู้สึกที่สนุกและเร้าใจ อีกรูปแบบหนึ่ง เราตกได้หมึก มากกว่า 150 ตัว แล้วเวลานี้ แล้วความง่วง ก็มาเยือนพวกเรา หลายคนมแงหาเลือกทำเลเอนกาย บางคนนอนบนกองอวน เพราะพิศมัยกลิ่นสาปปลา อย่างเจ้า หลิมนี่ไปออกเรือ คราใด จะจองกองอวนเป็นที่ซุกหัวนอนทุกที ส่วนเจ้าหมูหยอง ก็ยึดทำเลชั้นสองของเรือ แล้วความโกลาหลก็เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับพวกเราอีกครั้งเมื่อ คันที่ปักอยู่ทางท้ายเรือ แสดงอาการ งองุ้มรอก Accurate 870 กรีดร้องสนั่น คันทั้ง 3 คันโดนปลาสากเล่นงานในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงร้อง อันแสปทรวงของรอก มันเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดี ที่ปลุกให้เจ้าของมัน ผวาดีดตัวลุกขึ้นแทบจะกระโจน เข้าไปคว้าคันขึ้นมาอัดปลา มันเป็นปลาสาก ทั้ง 3 ตัว เราโดนจู่โจมด้วยฝูงปลาสากเข้าแล้ว!!!! ส่วนทางหัวเรือ ก็โดนปลาสากเข้าเล่นงานด้วยเหมือนกัน สรุปว่า โดนปลาสากกันถ้วนหน้า จากเวลาตี 2 จนถึง ตี 3 เป็นช่วงเวลาที่ปลาสากเข้ามาถล่มพวกเราอย่างบ้าคลั่ง จนฟ้าสาง เราจึงย้ายหมายเข้าไปตกปลาที่หมายหลักตาแจ้ง อยู่แถวๆหน้า ถ้ำพัง ไต๋วันชัยวนเรือหาแนวกองหินอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะสั่งให้เด็กเรือจำเป็น อย่างเจ้าตั้ม เป็นคนทิ้งสมอ พอสมอเกาพื้น พวกเราก็หันมาเล่นคันเล็กที่ใช้ตกหมึก กันเมื่อคืนเปลี่ยนชุดสายหน้า จาก "โยทะกา" มาเป็นตะขอเบ็ด เบอร์ 12 ก็เบ็ดตกปลาบ่อ นั้นแหละครับ ใส่ตะกั่วเม็ดเล็ก สายหน้ายาว 2 ฟุต เกี่ยวหมึกเป็น ตัวเล็ก คันของต้น โดนปลาไม่ทราบสัญชาติ กระชาก เหยื่อทันที สายเอ็น 10 ปอนด์ ในรอกสปินนิ่ง เช็คเปียไหลออกจากสปูนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด "เฮ้ยสายจะหมดแล้ว สายตูจะหมดแล้ว ....หมดแล้ว..." สายในรอก ของต้น หมด แต่ปลาก็ยังไม่หยุดวิ่ง ต้นรั้งคันมือกุมสปูนไว้แน่น แล้วสายก็ขาดไปพร้อมกับปลา ความมันส์ เข้ามาเยือนพวกเราอีก ครั้ง เมื่อปลาไอ้เปี๊ย ตัวขนาด 1 - 2 โล ที่พวกเราช่วยกัน สอยมันขึ้นมาจากน้ำ ทั้ง เจ้าลิ้ม เจ้าต้น เจ้าหยอง นัท หลิม และผม ต่างก็ใช้คันเล็กอัดปลาไอ้เปี๊ย กันอย่างสนุกสนานเมื่อตะวันคล้อยสายมากแล้ว เราจึงถอนสมอ วิ่งเรือเทียบฝั่งขึ้นไปหาอะไร กินบนเกาะสีชัง และต้องพาเจ้าลิ้ม ไปปฐมพยาบาลด้วยเพราะดันไปจับเอาท่อไอเสียของเรือที่กำลังร้อนๆ จนหนังฝามือหลุดร่อนออกมาเกือบจะทั้งฝ่ามือเลยละ ผมจึงฝากมาเตือนเพื่อนๆ ที่จะไปขึ้นเรือ "โชคศิริศักดิ์" ก็โปรดระมัดระวัง ท่อไอเสียที่อยู่ข้างเรือ ลำนี้ไว้ด้วย เพราะ อันตรายเหลือเกิน ไม่มีอะไรกั้น ป้องกันไว้เลย....อย่าเผลอไปจับเข้าละ ขอบอก..... แล้วจะหาว่าไม่เตือน ! เสร็จจากพาลิ้มไปทำแผล ก็มาเดินชมตลาดบนเกาะสีชัง ทานก๋วยเตียว หมูปิ้งกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เดินทางไปสมทบกับเรืออีกลำ ปรากฎว่า เรือโชคพัฒนา ได้ปลาแค่ 3 ตัวเอง เพราะไต๋ด้อยประสพการณ์ นั้นเอง อันนี้เรื่องจริง ถ้าคิดจะออกเรือตกปลา จะต้องเลือกไต๋ที่มีความชำนาญหมายปลา ก่อนอันดับแรก มิฉะนั้น ท่านจะกินแห้วจนพุงแตก แน่นอน ..... แต่ถึงเพื่อนเราอีกลำจะไม่ได้ปลา เราก็ต้องนำปลาที่พวกเราตกได้มาแบ่งให้ทุกคนเท่าๆกัน ปลาสาก ที่เราตกได้ทั้งหมด 18 ตัว กับ ไอ้เปี๊ย 19 ตัว โฉมงาม 1 ตัว กุเรา 3 ตัว ถูกแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ ทั้ง 13 คน อย่างมีความสุข ก่อนที่จะย้ายข้าวของมาขึ้นเรือ "โชคพัฒนา" เพื่อกลับเข้าสู่ฝั่งศรีราชา แวะ อาบน้ำชำระเหงือไคล ก่อนจะจบลงที่ร้านหมูย่างเกาหลี ที่ร้าน" สัมปัน" อันลือชื่อของ เมืองศรีราชา จนอิ่มท้องแล้วถึงโบกมือลากลับบ้านใครบ้านมัน พกพาความสุขล้นเปี่ยม "พรุ่งนี้ ตูจะมีน้ำยาปลาสาก ให้แม่ กินแล้ว"...ใครหนอที่กล่าวคำนี้ทิ้งท้าย สัพพะยื้อ ยังคงเป็นมนต์ขลัง ที่จะสร้างตำนานให้กับนักตกปลา มิรู้ลืม ท่านใดยังไม่เคยไปเยือน ลองหาเวลาจับจองเรือที่มีไต๋ดีๆ ดูสักครั้ง แล้วท่านจะมีความรู้สึกเหมือนพวกเรา เราสัญญาว่าจะกลับมาเยือนสัพพะยื้อกันอีกครั้ง ......
|
Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved. Contact Webmaster |