พฤหัสบดี,21 พฤศจิกายน 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ปลายักษ์ในตำนาน
วันที่ 22 - 24 ต.ค. 48

เรือ ชลธาร ไต๋แจ๋

ผู้ร่วมทริบ 1.คุณบะหมี่ 2.คุณโจ้ 3. ไก่ก่อสร้าง 4.หนุ่ยบึงสำราญ 5.สาม 6. พรชัย 7.หมูฮิเล็ก

ปลายักษ์ในตำนาน
เย็นวันหนึ่งบนสะพานเทียบเรือเพทาย แห่งหมู่บ้านบางเสร่ ชายหนุ่มวัยกลางคนจำนวน 5 -6 คน กำลังยืนจับกลุ่มเพ่ง มอง เรือที่จอดเรียงรายอยู่ข้างสะพาน “เรือลำไหนป๋าโยรู้ป่าว” เสียงพี่ชายคนหนึ่งเอ่ยกับบุรุษรูปงามคนหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ดูทะมัดทะเมง ที่สุด ในกลุ่ม “รู้ดิ ผมเคยเห็นเรือลำนี่น่า ไม่ต้องห่วง แต่เอ๊ะ...มันจอดอยู่ไหนนะ... อ้อ นู้น จอดอยู่เกือบปลายสะพานนู้นงัย” ป๋าโยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วให้พลพรรคดู เรือที่กำลังตามหากันอยู่ “เรือสวยดีแฮ่ะ น้าโยเคยมาลงเรือลำนี้รึเปล่า” พี่บะหมี่ เอ่ยปากถาม “แฮะ แฮะ บอกตามตรงเลยนะพี่บะหมี่ นี่เป็นครั้งแรกสำหรับผมที่มาลงเรือลำนี้เลยละครับ.” ป๋าโย ตอบก่อนจะรีบตัดบทชักชวนพลพรรครีบลงเรือว่า “ป่ะ รีบ ขนของลงเรือกันดีกว่า รู้สึกไต๋ จะรอพวกเราอยู่ในเรือแล้วละ” พอรู้ที่หมาย ทุกคนรีบก้าวขาตรงปรี่ไปยัง เรือชลธาร ที่จอดสงบนิ่ง ทันที “หวัดดีครับพี่แจ๋ แหม เรือพี่แจ๋ สะอาดจังเลยนะครับ” ทันที่ที่ก้าวขาลงเรือ สิ่งแรกที่ทำให้เรารับรู้และสัมผัสได้ ก็คือความสะอาดของเรือ “สวัสดีครับ ทุกๆคน มะ ขนของขึ้นมาบนเรือกันก่อนครับ” พี่แจ๋กล่าวเชื้อเชิญ ด้วยน้ำเสียงที่คนฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอก ไม่ถูก

บรื่น....บรื่นนนนน’ เสียงเครื่องยนต์ดัง กระหึ่ม มันเป็นสัญญานบอกให้คนอยู่บนเรือรู้ว่า ‘พวกเขากำลังจะเดินทางสู่ท้องทะเลลึกในไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้ว’ แล้วเรือชลธารก็พุงทะยานสู่ท้องทะเล ทิ้งระยะห่างท่าเทียบเรือมาได้ไม่ไกล นายหนุ่ยบึงสำราญ ก็เอ่ยปากถามกัปตันแจ๋ด้วยความสนิดสนมและคุ้นเคยว่า “พี่แจ๋ นี่จะไปไดน์หมึกที่ไหน แล้วช่วงนี้หมึกเป็นไงบ้าง” กัปตันแจ๋ ตอบว่า “ไปไดน์หมึกที่ข้างเกาะครามโน้นเลย แต่เอ๊ หมึกจะมีรึเปล่าอันนี้ ผมไม่รู้นะ เพราะไม่ได้ไปมานานแล้ว ฮะฮ่า!” กัปตันแจ๋กล่าวทิ้งท้าย ให้นายหนุ่ย อดที่จะหวาดหวันใจไม่ได้ เพียงเวลาไม่นานเรือชลธาร ก็แล่นออกมาสู่ร่องน้ำลึก กัปตันแจ๋จึงผลักคันเร่งเพื่อเร่งเครื่อง เพิ่มความเร็ว หัวเรือชลธารแสดงศักย ภาพ แหวกพื้นน้ำแยกออกจากกัน แตกจนเป็นละอองกระเซ็น เป็นทาง เรือชลธารทะยานตัวพุ่งสู่เบื้องหน้าด้วยความเร็ว สมาชิกทั้ง 6 คน ใช้เวลาช่วงนี้ ต่างหยิบเอาอุปกรณ์ ที่แต่ละคนนำติดตัวมา ประกอบเข้าชุด พร้อมกับผูกสายหน้า ด้วย ‘ลวดเป็น’ ขนาด 30 Lb. ความยาวคืบกว่าๆ ตามด้วย ตะขอเบ็ด จำนวน 2 ตัว ขนาด 2/O บ้าง 3/O บ้าง นำมาผูกมัดเรียงกัน ทิ้งระยะห่างของเบ็ดแต่ละตัวไว้ ประมาณ 1 นิ้ว บางคนจะต่อสายหน้าด้วยสายเอ็นโมโนฯ ขนาด 40 Lb. ยาว ประมาณ 3 ถึง 4 เมตร ก่อนจะร้อยลูกตะกั่วถ่วงเข้าไปในสายเมน บางคนก็จะต่อสาย Leader ลวดเข้ากับสายเมนจากรอกเลย แล้วใช้หนังยางมาผูกมัดตะกั่วถ่วงแทน วิธีการใช้ตะกั่วถ่วงอย่างหลัง จะทำให้สามารถ จัดสรร ขนาดของตะกั่วได้อย่างพอเหมาะกับสภาพการไหลของน้ำ และอีกอย่างก็คือสามารถที่จะกำหนดระยะของสายชิ่ง หรือสายหน้าได้ยาวเท่าที่เราต้องการ บางครั้งจะต้องปล่อยสายหน้ายาวเป็น 10 – 20 เมตร ก็ยังเคยมี วิธีการใช้ตะกั่ว ผูกจะช่วยได้ในกรณีเช่นนี้ ข้อกำหนดที่ตายตัวว่าจะต้องให้สายชิ่งยาวเท่าไหร่ นั้นไม่มีกฎเกณฑ์ หรือสูตรสำเร็จที่ตายตัว ทั้งนี้และทั้งนั้น บางคนจะกำหนดระยะสายหน้าด้วยการยึดตามการไหลของน้ำ เช่นถ้าน้ำไหลเบาก็จะปล่อย สายหน้าให้ยาวหน่อย ในขณะที่แต่ละคนกำลังคร่ำเครียดกับการประกอบอุปกรณ์ชุดเก่งของตัวเองอยู่นั้น สายตาของน้องสาม ก็เหลือบไปเห็น คลังแสงของพี่บะหมี่ ที่ขนมาจากบ้านทำเอาน้องสาม ถึงกับตาค้าง “โอ้ โห้ นี่พี่บะหมี่ ขนอาวุธมามากมายขนาดนี้ กะจะไปถล่มมันให้แหลกไปข้างหนึ่งเลยรึพี่” นายสาม เอ่ยปากแซวเสียงดัง พี่บะหมี่รีบตอบกลับมาว่า “ผมจัดเป็นชุด เผื่อจะเจอปลายักษ์ในตำนาน จะได้หยิบมาใช้ให้เหมาะกับคู่กรณี ครับ” นายหนุ่ยบึงสำราญ รีบพูดเสริม พี่บะหมี่ ว่า “ใช่แล้ว ปลาที่บางเสร่ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เจอผิดคิวบ่อยๆ แถวร่องคราม ตัวยักษ์ๆ มีเยอะนะ แล้วแต่ว่าใครจะโดนหรือไม่เท่านั้น” เสียงสนทนาที่กล่าวถึงตำนานต่างๆที่เคยกล่าวขานไว้ และมาวันนี้พวกเขา จะมาเสาะแสวงหาปลายักษ์ในตำนานที่เล่าขานต่อๆกันมา ณ ที่แห่งนี้

เวลาผ่านไป ดวงตะวันเริ่มลดตัวลงคล้อยต่ำ กำลังจะลาลับหายไป พร้อมกับความมืดที่คืบคลานเข้ามาแทนที่ เสียงเครื่องยนต์ยังคงทำงานส่งเสียงดังอย่างสม่ำเสมอ ใบจักรเรือ หมุนตีน้ำส่งพลังดันให้เรือพุ่งไปข้างหน้า อย่างต่อเนื่อง “พี่แจ๋ ได้ข่าวว่าพี่แจ๋ทำไข่นิโกร อร่อยมากเลยใช่ป่ะ” ป๋าโย เปิดประเด็นตั้งกระทู้สดถามทันที เพราะท้องชักจะเริ่มหิวแล้วนะสิ “ฮะ ฮ่า ใครเอาเรื่องนี้มาพูด แหม วันนั้นพอดีจุมโพ่ ไม่มา ผมก็เลยไปทอดไข่เจียว เราเผลอหน่อยเดียว ไข่ไหม้เลย แต่ก็กินกันจนหมดไม่เหลือเลยนะ” กัปตันแจ๋ เล่าให้ฟัง โดยทิ้งท้ายให้ชวน คิดถึงรสชาติ ‘ไข่นิโกร’ และอาหารเย็นมื้อนี้เราก็มีโอกาสได้ริมลองรสชาติ ไข่เจียวจากฝีมือ กัปตันแจ๋ เล่นเอาพุงกางอิ่มหน่ำสำราญกันทุกคน ฝีมือเจียวไข่ของ กัปตันแจ๋ อร่อยสมคำร่ำรือ จริงๆ จนตะวันมืดมิด เสียงเครื่องยนต์ก็เบาลง นั้นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า กิจกรรมหาเหยื่อ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว กิจกรรมหาเหยื่อครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากทุกครั้งที่เราเคยปฎิบัติกันมา “หยิบโยสีขาว ให้หน่อยครับ พี่โย” นายหนุ่ยบึงสำราญ เอ่ยปาก “ไหนอ่ะ โยสีขาวอยู่กล่องไหน ละหนุ่ย” ป๋าโย ถามนายหนุ่ย ในขณะที่สายตาสาดส่องหากล่องเหยื่อเพราะไม่รู้กล่องใบไหนเป็นของนายหนุ่ย “อยู่ในกล่องพี่ไง ผมไม่มีโย เคยซื้อสะที่ไหนละ ฮะ ฮ่ะ ฮ่า ใช้ของพี่ นี่ดีที่สุดไม่เปลืองตังค์เมียไม่ด่า ด้วย ฮ่า! ” นายหนุ่ยตอบพร้อมกับหัวร่ออย่างสะใจ “อ้าว..เวงกำ.” เวลาก็เดินผ่านไปเรื่อยๆ กิจกรรมตกหมึก ก็ดำเนินต่อไป อย่างต่อเนื่อง หมึกก็จับโยทะกาอยู่เนืองๆ แม้หมึกจะจับโยไม่ถี่ ก็ยังพอมีตัวให้คลายเหงาได้ “เอ้า เดี๋ยวผมจะหว่านแหครอบมันละนะ หลบๆ ไปหน่อย” เสียงพี่แจ๋ บอกจะทำการหว่านแหครอบหมึก สมาชิกที่อยู่กราบเรือด้านซ้าย ต้องลุกขยับหนี ไปไดยปริยาย กัปตันแจ๋ หรี่ไฟลง เหมือนกับการหรี่ไฟเพื่อจะเฉอวน ทุกประการ แต่แทนที่จะทำการเฉ หรือครอบอวก กัปตันแจ๋ จะใช้วิธีหว่านอวนเอา เหมือกับการหว่านแห จับปลานั้นเอง และผลของการหว่านแหครอบหมึกครั้งแรก เราได้หมึก เพียง 10 ตัว “วันนี้คลื่นลมมันมาได้ยังไง ละวุ่ย แปลกจัง คลื่นแบบนี้ครอบหมึกยาก” กัปตันแจ๋ กล่าว การครอบหมึกไม่ค่อยได้ผล เพราะอุปสรรค์ น้ำไหลแรง พัดอวนปลิวหมด ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสาเหตุให้ ทุกคนต้องขยันตกหมึกกันต่อไป จากการพยายาม ของทุกคน เราจึงมีเหยื่อไว้ตกปลาในวันรุ่งขึ้น เกือบ 60 ตัว

เช้าแล้ว กัปตันแจ๋ กำลังขับเรือแล่นสู่เกาะมารวิชัย แข่งกับแสงตะวันที่กำลังจะเริ่มส่องแสง ในยามเช้าตรู “แถวนี้มีช่อนทะเล กับแช่กำ ครับ เดี๋ยวรอเรือปัดเข้าที่ ก็หย่อดเบ็ดกันได้เลย” นั้นคือเสียงประกาศิต จากกัปตัน พอเรือเริ่มจะเข้าที่เข้าทางตามกระแสน้ำ ได้ไม่ทันไร นายโจ้ ครูสอนนักเรียนนายสิบทหารบก ก็วัดคันจนคันโกร่งงอ “เอ้า เฮ้ย นายโจ้ อัดปลาสะแล้วเว้ยเฮ้ย” เสียงสมาชิกบางคนตะโกนก้อง ในขณะที่กำลังช้อนเหยื่อมาเกี่ยวเบ็ด นายโจ้เปิดเกมส์ด้วย ปลาโฉมงานตัวงามสมชื่อ “อึ๊บ อยู่ละ” เสียงนายไก่ก่อสร้าง วัดคันเบ็ดด้วยความหนักหน่วง จนต้องห้อปากร้องดังอึ๊บ “เป็นไงบ้างไก่ ท่าทางจะใหญ่เอาเรื่อง รึว่าจะโดน ยักษ์เข้าให้แล้ว” นายหมูฮิเล็กพูด เมื่อแลเห็นแอ็คชั่นคันที่อยู่ในมือของนายไก่ โค้งงอ อย่างนั้น “ใหญ่ครับหม ู ผมโน้มได้อย่างเดียวเอง งัดไม่ได้เลย มันวิ่งออกลูกเดียว สงสัยจะเป็นปลายักษ์ในตำนานสะละม้าง ฮ่า! ” นายไก่ก่อสร้าง กล่าวอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่สองมือกุมด้ามฟอร์กิ๊ฟไว้อย่างมั่นคง “ตำนานว่าไว้ปลาใหญ่ปลายักษ์มักจะขาดเสมอ ระวังไว้ละกัน นะน้าไก่ นี่ไม่ได้เป็นการแช่งนะ แค่อิจฉา เฉยๆ ฮะ ฮ่ะ ฮา” พี่บะหมี่ เอ่ยปากแซว ด้วยความหมั่นไส้ แต่ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่ตนเองแซว ไปนั้น มันจะก่อผลให้เป็นเรื่องจริง เมื่อนายไก่ ออกแรงงัดคันเบ็ด เพราะคิดว่าคู่ต่อกรนั้นยอมจำนนแล้ว เพราะหยุดอาการดิ้นรนขัดขืนยอมให้นายไก่ก่อสร้าง ดึงขึ้นมาอย่างง่ายดาย นายไก่หลงกล คู่ต่อสู้เสียแล้ว เพราะแค่นายไก่ออกแรงงัดคัน ปลามันก็วิ่ง ‘ปู๊ด’ สวนออกไปทันที คงมีแต่เสียงดัง ‘อุ้ย หลุด’ จากปากนายไก่ ตามมาเฉกเช่นทุกครั้งที่ปลาหลุด “อุ้ย......หลุดแล้ว เมื่อกี้ใครแช่งให้ผมทำปลาขาด บอกมาเลย” นายไก่ตะโกนก้อง เหลียวมามองพี่บะหมี่ ซึ่งบัดนี้ ทำหน้าทำตา เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ประหนึ่งว่า ‘ตูป่าวแช่งนะว้อยยย’ ทำนองนั้น

ปลายักษ์หลุดไปแล้ว นายไก่จำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ไปแบบไม่เต็มใจเท่าไรนัก ในขณะที่ด้านท้ายเรือ นายหมูฮิเล็ก กำลังยื้อยุดฉุกกระชากกับปลา ที่มาฉวยเบ็ดอย่างเอาเป็นเอาตาย เกมส์การต่อสู้ ดิ้นรนขัดขืน ระหว่างนายหมูฮิเล็กกับปลาที่ยังไม่ปรากฎสัญชาติ เป็นไปอย่าง ดุเดือดเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ใครเผลอ มีสิทธิพ่ายแพ้ เหมือนอย่างนายไก่ก่อสร้างทันที คราวนี้นายหมูฮิเล็ก คงเห็นนายไก่ก่อสร้าง เป็นตัวอย่าง จึงพิถีพิถัน อัดปลาด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดปลาช่อนทะเลขนาด ตัวเขือง ก็เหินลอยสู่คมตะขอของไต๋แจ๋ “เย้..... วู้..... ตูไม่แห้วแล้ว โว้ย” นายหมูฮิเล็กแสดงความดีใจ ทันทีที่ปลาช่อนตัวใหญ่ ถูกเกี่ยวขึ้นมาบนเรือ นาทีแห่ง ความโกลาหล อุบัติ ขึ้นแล้ว ทั้งนายหนุ่ยบึงราญ น้องสาม และนายไก่ก่อสร้าง สลับกันอัดปลาช่อนทะเลกันถ้วนหน้า จนน้ำหยุดไหล ปลาก็หยุดฉวยเหยื่อ กัปตัญแจ๋ เริ่มมองหา ทางแหล่งหมายที่ใหม่ เพราะปลาหยุดฉวยเหยื่อ “ เอ๊ะ เราจะย้ายไปลองเล่น แชกำ กันดูดีมั๊ย” กัปตัญแจ๋เสนอ ความคิด สมาชิกบนเรือ ไม่มีใครทัดทาน อยู่แล้ว ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไป” เมื่อไม่มีฝ่ายคาน กัปตัญเรือจึงหันหัวเรือไปตามมติที่ได้ลันวาจาไว้ นั้นคือ ‘ไปหาแชกำที่ หัวร่องคราม’

เรือชลธาร แล่นฉิว สู่หัวร่องคราม เสียงสมอถูกโยนลงน้ำดัง ‘ต๋อมมม’ สายสมอถูกนำมาตรึงเข้ากับเสาขนาดใหญ่ที่หัวเรือ เสียงกัปตัญแจ๋ เปรยออกมาว่า “อย่าพึงลงสายนะครับ รอให้น้ำเปลี่ยนทิศก่อน พอเรือเข้าที่เข้าทาง แล้วค่อยลง” หลายคนพอได้ฟังกับตัญแจ๋พูดเช่นนั้น ก็เกิดความไม่เข้าใจ ว่าทำไม จึงมีคำถามตามมาว่า “ทำไมลงเหยื่อไม่ได้ครับ พี่แจ๋” กัปตัญแจ๋ ตอบออกมาว่า “ นู้นมองเห็นสันคลื่น ตรงปลายหัวเกาะมั๊ย นั้นมันเกิดจาก กระแสน้ำสองสายที่ไหลไปบรรจบกัน แล้วทำให้เกิดกระแสน้ำม้วนตัว เป็นคลื่น เดี๋ยวรอสักพักมันก็จะมาถึงเรือเราแล้ว และเรือเราก็จะหมุนตามกระแสน้ำ เรือก็จะหันหัว กลับไปอีกทาง ถ้าลงสายไว้ สายก็จะพันกันมั่วไปหมดนะ สิ” สมาชิกถึงกับร้อง ‘อ้อ’ ทันที ที่กัปตัญแจ๋อธิบายจบ บัดนี้สายตาหลายคู่ ต่างเพ่งมองออกไปยังสันคลื่นที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาเรือของพวกเรา คลื่นประหลาด ก่อให้เกิดวังน้ำวน นำพาเศษขยะ ลอยมาเป็นวังวน เกิดเป็นปรากฎการที่สร้างความประหลาดใจ และตื่นตาตื่นใจให้ผู้พบเห็น “โอ้ พระเจ้า ช่วยกล้วยทอด ทำไมขยะมันถึงเกลื่อนทะเล มากมาย ขนาดนี้” เสียงใครคนหนึ่งรำพันออกมาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้น เพียงน้อยนิด พวกเขาจับจ้องมองดู วังน้ำวน ลูกแล้วลูกเล่า จนน้ำวนเหล่านั้นสงบนิ่ง และคลื่นลมกลับมาเป็นดังเช่นปกติ ลูกคลื่นจึงพัดพาเอา กองขยะ กองมหึมาพวกนั้น ให้ไหลไปตามกระแสน้ำ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทางต่อไป “ลงเบ็ดได้แล้วครับ น้ำเดินปกติแล้ว” เสียงกัปตัญแจ๋ร้องบอก สมาชิก จึงหันมาคว้าคันเบ็ด มาเกี่ยวหมึกเป็น ก่อนจะนำ ไปหย่อนลงน้ำ ตามทำเลที่แต่ละคนได้เลือกกันไว้ ดังเช่น พี่บะหมี่ ที่ปลีกวิเวก ตัวเองไปหย่อนเหยื่อ นั่งตากแดด ที่หัวเรือ “แหม เดี๋ยวนี้ เป็นเสือปืนไว ไปแล้วนะพี่ หมายนี้พี่บะหมี่เราลงเหยื่อเป็นคนแรกเลยนะพี่” น้องสามเอ่ยปากแซว และเพียงแค่เผลอไปหน่อยเดียว เสียงน้องสามก็ดังขึ้นอีกว่า “เฮ้ย หย่อยปุ๊บกินปั๊บเลยรึพี่” สิ้นเสียงน้องสามที่กึ่งพูดกึ่งตะโกน ทำให้คนได้ยินต้องหันขวับไปยังพี่บะหมี่ ซึ่งภาพที่เห็นอยู่นี้ก็คือ คันเบ็ดที่โกร่งงอ และท่าอัดปลาด้วยความมาดมั่น ของพี่บะหมี่ “พี่บะหมี่ แหม..แอบอัดปลาเงียบเชียวนะ” นายหนุ่ยบึงสำราญส่งเสียงแซว ท่าทางอัดปลาของพี่บะหมี่เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่กระโชกโฮกฮาก ดุดัน เหมือนเหล่าจอมพลัง ที่รังจะออกแรงถาดโถมเข้าไปอย่างเดียว เพียงเพื่อหวังหรือต้องการจะปิดเกมส์ด้วยเวลาที่รวดเร็ว ‘ใช่นั้นเป็นความคิดที่ผิด’ การผ่อนหนักผ่อนเบาตามเกมส์ที่ผลิกไปผลิกมา ต้องอาศัย ความเยือกเย็นเข้า สุขุมเข้าช่วยเท่านั้นต้องมีความนุ่มนวล แต่แฝงไว้ซึ่งความเฉียบขาด บัดนี้เกิดรังสีอำมหิตเปล่งประกายออกจากตัวพี่บะหมี่ มันกระจายปกคลุม ไปทั่วอาณาบริเวณรอบตัว “ท่าทางจะตัวใหญ่เอาเรื่อง ดูมันสู้ดิ คันนี่โค้งจนเสียวจะหักสะให้ได้เลยวะ” เสียงใครคนหนึ่งที่แอบชำเลืองปลายตามอง ถึงกับสบถคำพูดออกมา “ใหญ่ครับตัวนี้ใหญ่ไม่ธรรมดาแน่นอน น้าโย” พี่บะหมี่รับรู้ถึงแรงต่อสู้ที่ ต่อต้านผ่านสาย PE-3 “ระวังเต๊อะ ! ปลาใหญ่มักจะขาดก่อนเสมอ นะครับพี่บะหมี่” ป๋าโย แซวสะอย่างดัง จวบจนเวลาผ่านไปพักใหญ่เจ้าแชกำ ตัวใหญ่ก็ปรากฎเรืองร่าง ขึ้นมาให้เห็น ขนาดของมันใหญ่โตสมกับที่มันแสดงพละกำลังออกมา ให้พวกเราได้เห็น “ซาซิมิ ชัดยอดเลยละคร๊าบ เจ้าตัวนี้” เสียงใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “เอิ๊ก เอิก อารายกาน ยังไม่ทันไรเลย ก็วางเมนูจานเด็ดกันแล้วรึนี่ พี่เรา ธ่อ!” น้องสามกล่าว

พี่บะหมี่ ชื่นชมและเป็นปลื้มกับผลงานชิ้นโบว์แดง ด้วยขนาดและความใหญ่โตของมัน นั้นสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ สายลมยามบ่ายพัดเอื่อยเย็นสบาย เรือชลธารได้เวลาวิ่งกลับเข้าฝั่ง ยามนี้ทุกคนปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปตามธรรมชาติ สองตามองดูทิวเขาแมกไม้ที่ขึ้นอยู่บนเกาะต่างๆ ความสุขที่สัมพัสได้แบบนี้นี่แหละ คือความสุขสุดยอดที่เราเหล่านักตกปลาต่างชื่นชอบ และใคร่จะสัมพัส กับกลิ่นอายของธรรมชาติ ทามกลางยอดคลื่นที่พริ้วไหว และสายลมที่พัดเอาไอแดด มาโลมเลียผิวกาย มันเป็นความสุขที่ยากที่จะลืมเมื่อใดที่ได้คิดถึงมัน เรื่องราวของปลาใหญ่ ชนิดต่างๆ ก็ยังคงทิ้งไว้ให้ อนุชนคนรุ่นหลังได้ ท้าทายกิเลสตัญหา ให้คนรุ่นหลัง อยากจะมาสัมพัส กับปลายักษ์ ที่เคยแต่ได้ยินได้ฟังจากคนรุ่นเก่าๆ เล่าขานกัน สักวันหนึ่ง เราคงได้สัมพัสกับเกมส์ที่ท้าทาย ปลายักษ์ในตำนาน ยังเป็นสิ่ง ที่พวกเขาเฝ้าถวิลหา อยากจะได้สัมพัสกับมันดูสักครั้ง กัปตัญแจ๋ เป็น ไต๋เรือ ที่มีฝีมือ และมีคุณธรรมมากคนหนึ่ง ผมซาบซึ้งและนับถือในน้ำใจของกัปตัญแจ๋ ส่วนเรือชลธาร ก็เป็นเรือที่สะอาดสะอ้าน ความเป็น อยู่สะดวกสบายมาก สมกับเป็นเรือตกปลาแบบมืออาชีพ จริงๆ สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ สนใจติดต่อเรือชลธาร กัปตันแจ๋ โทร 09-8314635

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster