เสาร์,21 ธันวาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน. จิตสังหาร
วันที่ 2 - 4 ก.ย.48

เรือ ส.สุวัชนาวี ไต๋อ้วน

ผู้ร่วมทริบ 1.คุณหนุ่ยบึงสำราญ 2.หมูฮิเล็ก 3.พี่ชาญ 4.คุณโฟ 5.คุณวิทยา 6.เฮียคิม 7.ตั้ม Accord

จิตสังหาร
“ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี” ผ่านพ้นไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ต้องย้อนกลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ตามคำเชื้อเชิญ ของไต๋อ้วน แห่งคลองพร้าว เกาะช้าง สำหรับท่านที่ไม่เคยไปลงเรือ ส.สุวัชนาวีกับไต๋อ้วน อาจจะเดินทางไปไม่ถูก ผมขออนุญาต อธิบายการเดินทางไปลงเรือไต๋อ้วนพอคราวๆ เผื่อจะมีบางท่านสนใจ และอาจได้ใช้บริการ ของไต๋อ้วน คนนี้ จะได้เดินทางไปถูกไม่เสียเวลาคลำหา เริ่มต้นการเดินทางด้วยการขึ้นเรือเรือเฟอร์รี่ เพื่อจะข้ามไปยังดินแดน ของเกาะช้าง ซึ่งท่าเรือข้ามฝากแบบนี้ จะมีให้บริการอยู่หลายจุด ทั้งที่อ่าวธรรมชาติ และที่เซนเตอร์พอย แหลมงอบ ค่าบริการ ของทั้ง 2 ที่ก็จะแตกต่างกันไป ผมขอแนะนำว่า ถ้าเราเอารถไปน้อยคันแต่คนไปกันเยอะ ก็ควร จะไปข้ามฝาก ที่ท่าเรือเฟอร์รี่เซนเตอร์พอย แต่ถ้าไปกันน้อยคนรถหลายคัน ก็ควรไปขึ้นที่อ่าวธรรมชาติ เพราะที่นี่ จะคิดค่าบริการข้ามฝากเป็นรายบุคคล แต่ที่ท่าเรือเซนเตอร์พอยจะคิด เฉพาะค่ารถเท่านั้น ไปกันหลายคน จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้หลายตังค์ หลังจากเราข้ามไปขึ้นฝั่งบนเกาะช้างแล้วก็ให้เลี้ยวขวา ไปทางหาดคลองพร้าว หรือแหลมไชยเชษฐ์ ขึ้นเขาที่ลาดชัน ถนนคดไปเคี้ยวมา ระยะทางประมาณ 5 – 6 กิโลเมตร พอลงจากเขา ให้สังเกตปั๊มน้ำมันทางซ้ายมือ ให้เข้าไปบอกคนที่อยู่ในปั๊มนี้ได้เลยว่า ‘เรามาลงเรือไต๋อ้วน’ แล้วจะมีคนพาเราไป ยังที่เรือจอดเองครับ หรือ ถ้าเราอยากผจญภัย เล่นเกมส์ “ตามล่าหาไต๋อ้วน” อย่างที่เจ้าวิทยา ได้เคยเล่นเกมส์นี้ มาแล้ว เมื่อวันที่เราเดินทางมาลงเรือกับไต๋อ้วนในครั้งนี้แหละ เสียเวลารอเจ้าวิทยาที่หาทางเข้ามา จุดจอดเรือไม่ถูก หลงทางเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถูก เอาเป็นว่าเริ่มต้นจากปั๊มน้ำมันไปประมาณ 500 เมตร ฝั่งซ้ายมือจะมีธนาคารไทยพานิช ด้านตรงข้าม (ขวามือ) จะเป็นซอย ปากซอยมีป้ายบอกไว้ว่า ‘โคโคนัทรีสอร์ท’ และ ‘ไชยเชษฐ์รีสอร์ท’ เมื่อเห็นป้ายนี้ อยู่ปากซอยใด ให้เราขับรถเลี้ยวเข้าไปจนสุดซอย ก็จะพบเรือ ส.สุวัชนาวี และคนตัวดำๆ เสื้อผ้าไม่ค่อยจะใส่ เขาคนนี้แหละคือ “ไต๋อ้วนตัวดำแต่ใจดี” เข้าไปทักทายได้เลยครับ

“มากันครบคนกันรึยังครับ ครบแล้วจะได้รีบออกไปหาเหยื่อ” ไต๋อ้วนถามพวกเราขณะท ี่เรากำลังนั่งรอเจ้าวิทยาที่กำลังเดินทางมาสมทบ “เหลืออีกหนึ่งคนกำลังหาทางเข้ามานี่ อยู่ ไต๋อ้วนช่วยบอกทางเพื่อนผมที รู้สึกมันจะวนหาทางเข้าหลายรอบแล้ว” เฮียคิม พูดจบ ก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไต๋อ้วน เป็นผู้บอกทาง ในที่สุดเจ้าวิทยาที่หลงทางหาทางเข้ามาไม่ถูก ก็สามารถมาถึงท่าจอดเรือได้ เมื่อสมาชิกมากันครบ องค์ประชุม เรือส.สุวัชนาวี ก็ได้ฤกษ์ ออกเดินทางสู่หมายไดร์หมึกกันทันที “เดี๋ยวผมจะลองไปไดร์หมึกที่หมายใกล้ๆ นี่ดูก่อน” ไต๋อ้วนกล่าวขณะที่วิ่งเรือ “แล้วเรืออวนล้อมมันอยู่ไหนละ ไม่ไปไดร์ใกล้ๆ เรืออวนละไต๋”ผมเสนอ “นู้นแน่ะเรืออวน อยู่ไกลเลยกูดไปอีก วิ่งเรือไปอีก 3 ชั่วโมงฟ่า กว่าจะถึง พวกพี่มาถึงกันมืดไปหน่อย เอาแถวๆ สลักเพ็ชร นี่แหละ” ไต๋อ้วนกล่าวพร้อมบอก เหตุผล คืนนี้พวกเราจึงไดร์หมึกอยู่หน้าอ่าวสลักเพ็ชร เพื่อรอเวลา เฉอวนเสร็จแล้วเมื่อไหร่ ก็จะวิ่งเรือไปขอแบ่งปลาทูจากเรืออวนล้อม ยามเมื่อฟ้าสาง จวบจนเวลาผ่านไปย่างเข้าสู่รติกาลของวันใหม่ ไต๋อ้วน สั่งเด็กเรือทำการกางพื้นอวน และหรี่ไฟเพื่อจะเฉอวน เมื่อขบวนการเฉอวนเสร็จสิ้นลง ปลาหมึก จำนวน 200 กว่าตัว ก็แหวกว่ายอยู่ในห้องขังเหยื่อที่ถูกออกแบบ แบ่งออกเป็น 2 ห้อง สำหรับขังปลาหมึกกับปลาทู แยกกันเป็น สัดส่วน ไม่ปะปนกัน เรือ ส.สุวัชนาวี จึงเคลื่อนตัวฝ่าความมืดมุ่งหน้าไปยังเกาะกูด จุดหมายข้างหน้า คือเรืออวนล้อม ที่เปิดไฟ สว่างโร่ มองเห็นแสงสว่างอยู่ลิบๆ “กว่าคนเรือจะ สาวอวนเสร็จ ฟ้าก็คงสว่างพอดีเรามาถึงช้าไปหน่อยเดียว เรือเขา เก็บอวนไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อตอนตี 3 นี่เอง” ไต๋อ้วน บ่นเสียดาย ที่เราเดินทางมาช้าไป

“ไม่เป็นไรหรอกไหนๆ ก็มาแล้วระหว่างที่รอ เราไปหาปลาจาน ตุนไว้เป็น เสบียง ยามเช้ากัน ก่อนดีกว่า” ผมเสนอ ไต๋อ้วนให้หาหมายตกปลา แถวๆนี้ สะเลย และเราก็มี ปลาอังเกย ขนาด พอดีจานเก็บไว้เป็นเสบียงเกือบเต็มตะกร้า “ป่ะเก็บเบ็ดผมจะขยับเรือไปจอดใกล้ๆ เรืออวนแล้ว” ไต๋อ้วนบอกให้เราเก็บเบ็ด เมื่อถึงเวลาที่คนเรืออวนสาวอวนจนเกือบจะเสร็จแล้ว เรือ ส.สุวัชนาวี วิ่งเข้ามาเทียบขนาบข้างเรืออวนล้อมทันที พวกเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ยามที่คน เรืออวน เทปลาออกจาก สะวก กองปลาสารพัดสายพันธ์ทะลักลงมากองดิ้นพล่านบนพื้น มันเป็นช่วง เวลา ที่ต้องใช้ความเร็ว ถ้าขืนมัวชักช้าแล้วละก็ ปลาทูจะตายหมด ไต๋อ้วน อาศัยความชำนาญ ทำงาน อย่างรวดเร็ว ไม่นานปลาทูโม่ง ร้อยกว่าตัวก็ลงมาอยู่ในห้องขังเหยื่อ เรากล่าวคำขอบคุณพร้อมมอบ เครื่องดื่ม ชูกำลัง และบุหรี่ให้กับไต๋เรืออวน เป็นการตอบแทนในน้ำใจที่เอื้อเฟื้อปลาทูให้กับเรา “ฟ้าสว่าง พอดี ป่ะ เข้าหมาย กันดีกว่า อ้าวแล้วนั้นเรือใครหวา มาจอดที่หินห้าร้อยนั้น” ไต๋อ้วนกล่าว พร้อมกับชี้นิ้วให้ดูเรือ 2 ลำที่ลอยลำ จอดตก ปลาอินทรีที่บริเวณ กองหิน 5 ร้อย “ว่าจะเข้าหิน5 ร้อย อยู่พอดี ไม่ไปดีกว่า มีเรือจอดเยอะแล้ว” ไต๋อ้วน บ่นพึมพำ “เดี๋ยวไปเข้ากองพร้าวดีกว่า ตัว 2 ตัวผมได้ประจำแหละ” ไต๋อ้วนพูดจบก็เบนเข็มเปลี่ยนทิศทางจากหินกอง 5 ร้อย สู่หินกองหน้าอ่าวพร้าว เกาะกูด ทันที

ด้วยลักษณะพื้นผิวของหมายหินกองพร้าวที่เป็นยอดหินใต้น้ำสูงขึ้นมาจากพื้นเกือบ 10 เมตร และกินอาณาบริเวณที่กว้างขวาง ทำให้บริเวณหินกองหน้าอ่าวพร้าว เป็นแหล่งชุมนุม ของ บรรดา ปลาน้อยปลาใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นปลาโฉมงาม ปลาอังเกย ปลาทู ปลาสีกุน หรือแม้แต่ปลาช่อนและปลาสาก ก็แวะเวียนเข้ามาที่แห่งนี้เป็นประจำ โดยเฉพาะปลาอินทรี ที่แวะวนเวียนว่ายเข้ามากัดกินลูกปลาบริเวณนี้อยู่เสมอ รวมทั้งปลาหลามวาฬ หรือปลาวาฬ สีน้ำเงิน ก็ยังวนเวียนหากิน อยู่แถวนี้เช่นกัน “อ้าวทิ้งเลย ทิ้งสิวะ เอ้าเฮ้ยบอกให้ทิ้งหมอ ทิ้งหมอ ไปนั่งเหม่อ คิดถึงอะไรเล่าเว้ย” สิ้นเสียงไต๋อ้วนที่ดังเอะอะ มะเทิ่ง เด็กเรือที่นั่งคอยท่าทิ้งสมอเรือก็ สะดุ้งโหยง รีบงัดสมอ ให้หล่นน้ำ ด้วยอาการที่ลุกรี้ลุกรน พอสายสมอเรือถูกผูกจนแน่นหนาดีแล้ว “3 คนชุดแรกเตรียมตัว ผูกทุ่นไว้คอย ก่อนเลยครับ” กฎกติกาสำหรับการลอยสาย เมื่อมีคนจำนวนเยอะเกินไป เราจำเป็นต้องจัดคิว ในการ ลอย สาย ซึ่งจะทำได้ไม่เกิน 4 สาย ก้อนโฟมขนาด 2 x 3 x 0.5 นิ้ว (ก x ย x ส) ถูกนำมาผูกเป็นทุ่น วัดระยะความลึก ประมาณ 4 วาเป็นการเตรียมพร้อมก่อนจะช้อนปลาทูโม่งตัวโต มาเกี่ยวเบ็ด แล้วโยนออกไป ทางท้ายเรือ พอปลาทู ตกสัมผัสกับผิวน้ำ มันก็ใส่เกียร์หมาวิ่งจู๊ดลากทุ่นโฟมจมน้ำ ออกไปทางด้านซ้ายของท้ายเรืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะ ค่อยๆ ดึงสายเอ็นออกจากรอกเพื่อจะส่งสายให้ปลาทู ที่กำลังว่ายน้ำออกไปทางท้ายเรือ เมื่อมันไป ไกลทิ้งระยะห่าง พอสมควร เฮียคิม จึงจัดการปล่อยสายที่ 2 ตามด้วย เจ้าหมูฮิเล็กเป็นสายที่ 3

เจ้าหมูฮิเล็กยังปล่อยสายไปได้ไม่ไกลเท่าไร ทุ่นโฟมอันแรกก็แสดงอาการผิดปกติ เมื่อปลาทู เกิดกลับหลังหันลากทุ่นวิ่งสวนทวนน้ำไปทางหัวเรือเสียดื้อๆ เหมือนกับมันได้เจอหน้า กับ มัจจุราช เข้าให้แล้ว นายชนบทรีบหมุนรอกเก็บสายเอ็น เพื่อให้สายเอ็นตึงไว้ตลอด ฉับพลัน นั้นเอง เสียงน้ำก็ระเบิดดัง ตูมมมม! น้ำแตก กระจายข้างๆ ทุ่นของเขา ปลาอินทรี ตัวบั๊กเอ๊บ กระโดดเหินขึ้นท้องฟ้า ปากของมันกำลังคาบปลาทูอยู่ เขาถึงกับตะลึงกับภาพ ที่ได้เห็น ไปชั่วขณะ จนกระทั้ง สายเอ็นกรีดผิวน้ำ ก่อนที่จะมากระชากคันที่ถืออยู่ในมือโน้ม ตามแรงดึง เขาจึงตั้งสติขึ้นมาได้ “อุ๊บ.....หลุด!” อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา หรือเพราะว่าปลามันแค่เพียงคาบเหยื่อหนี ก็สุดจะเดา เพราะเพียงแค่นายชนบทวัดคัน ปลาทูก็หลุดกระเด็นออกจากปากปลาอินทรีตัวนั้นทันที “อ้าวเฮ้ย! เวงกำ.... ดูเด่ะ ตูวัด ยังไง ฟ่ะปลาทูกระเด็นหลุดออกจากปากมันเลย” นายชนบท แม้จะเห็นปลาทูกระเด็นออกจากปากปลา แต่เขา กลับนิ่ง อย่างสงบ เขาลดคันเบ็ดลง สายตาเพ็งมองไปที่ทุ่นโฟมสีขาวก้อนนั้นเช่นเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือขวา ยังคง ค่อยๆ ดึงสายเอ็นส่งสายให้เหยื่อไหลออกไป “พี่ไม่เก็บเหยื่อมาเปลี่ยนใหม่หรือพี่ ผมว่ามันโดนกัดตาย ไปแล้วนะพี่” เจ้าวิทยาเอยปากพูดออกมาด้วยความเคยชิน “ไม่เปลี่ยนหรอก ผมสังหรณ์ใจว่ามันจะกลับมา กินเหยื่อตัวนี้ครับ”

แม้จะรู้ว่าปลาเหยื่อตัวนั้นแน่นิ่งสิ้นใจตายไปแล้วก็ตาม มันเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่าง บอกกับเขาว่า ‘มันจะต้องย้อนกลับมาฉวยปลาทูตัวนี้อีกเป็นแน่’ และลางสังหรณ์ของเขา ก็เป็นจริง เมื่อสายเอ็นถูกกระชากอย่างแรงจนคันเบ็ดในมือโค้งวูบตามแรงกระชาก เขาลดคัน ส่งตามแรงดึงก่อนจะวัดคันเบ็ดสวน คันโค้งวูบตามแรงดึงกระชากสวนทันที “เป็นไปได้อย่างไร อย่างกับพี่มี จิตสังหารเลย” นายวิทยากล่าวออกมาแบบแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง คุณโฟรับ หน้าท ี่เป็นมือสังหาร อัดปลาด้วยด้วยท่าที ทีสุขุมเยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยเด็ดขาด “ใหญ่ครับ ใหญ่ดี แรงดี อย่างนี้สิถึงจะมันส์” ไม่นานอินทรีตัวแรก ก็ถูกคุณโฟ พิชิตขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ เมื่อเราเห็น ขนาดของ อินทรีตัวนี้ ถึงกับกลั่นอารมณ์แห่งความดีใจไว้ไม่อยู่ “เย้ เย้ ฮู ตัวนี้ใหญ่ชะมัด” เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ของพวกเรา ดังลั่น ฝ่ายเจ้าวิทยาที่เฝ้าดูเหตุกาลมาตลอดอาศัยช่วงที่พี่ๆ กำลังชุลมุนเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับอินทรีตัวแรก ก็รีบชิง ตัดหน้า ลงสายลอยแทนที่คุณโฟทันที และเพียงทุ่นวิ่งไปได้ไม่ถึง 20 เมตร ปลาทูตัวนั้นก็โดนงาบเข้าให้ ‘ตูมมมม!’ เสียงน้ำระเบิดดังขึ้นอีกแล้ว เจ้าวิทยารีบวัดคันดัง ‘ตึ๊บ'แล้วมหกรรมเด็ด เขี้ยวอินทรี ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวลาผ่านไป ไม่นาน ปลาอินทรีตัวที่สอง ก็สร็จเจ้าวิทยา เสียงพวกเราร้องเฮ ดังลั่นด้วยความดีใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อไต๋อ้วน สับตะขอ ลงบนตัวมัน แล้วยกมันขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ ขนาดไซร์ของมัน เล็กกว่าตัวแรกไม่มากเท่าไร

ในขณะที่อีก 2 คน ทั้งเฮียคิม กับเจ้าหมูยังคงเงียบฉี่ “สงสัยหมายนี้จะมีแค่ 2 ตัวอย่างที่ ไต๋อ้วน ว่าไว้สะละม้าง” เฮียคิมเอ่ยปากแซวไต๋อ้วน เมื่อรู้สึกว่าปลาจะเว้นระยะการกินเหยื่อ นานเกินไป “ป่ะ ย้ายไปไหนดีครับไต๋อ้วน” นายชนบทเสนอความเห็น “ไปหินกองนอกดีกว่า อยู่ใกล้ๆ กันนี้แหละ ” ไต๋อ้วน ตอบรับทันที เราจึงต้องย้ายเรือมายังหินกองนอก เฮียคิมกับเจ้าหมู ยังไม่ละความพยายาม ในขณะที่เจ้าหนุ่ยบึงสำราญ ถึงคิวลงสายลอย ปลาทูของเจ้าหนุ่ย วิ่งสวนน้ำมาทางหัวเรือ อย่าง รวดเร็วเหมือนกับมันกำลังหนีมัจจุราช ที่กำลังจะมางาบหัวมัน ก็เป็นได้ ‘ตูมมมม!’ เสียงน้ำระเบิด ดังขึ้นน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ห่างจากหัวเรือไม่ถึง 10 เมตร “ปลากินเหยื่อแล้ว หนุ่ยมา อัดปลา เร็ว” นายชนบทมือชงร้องเรียกให้นายหนุ่ยมารับคันไปอัด ความมันส์ของสายเอ็นเพียง 10 ปอนด์ กับ ปลาระดับเกิน 5 กิโล อุบัติขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ เจ้าหนุ่ยรู้สึก จะโดนลำบากกรรม กว่าใครเพราะปลา มันวิ่งออก อย่างเดียว จนทำให้ไต๋อ้วน ชักไม่แน่ใจ ว่ามันจะเป็นปลาอินทรีหรือไม่ “สงสัยจะเป็น อินทรีช้างแน่แล้วพี่โย” ไต๋อ้วน คาดเดา “ไม่ใช่หรอก ผมเห็นตอนมันกระโดดขยำเหยื่อปากมันไม่แหลมนะไต๋อ้วน” ใครคนหนึ่งเอ่ยปากค้าน เพราะ เชื่อใน สายตาที่ตนเองเห็น แต่ลักษณะการสู้เบ็ดแบบนี้ มันไม่น่าจะใช่ปลาอินทรีเสียแล้ว และมันจะเป็นปลาอะไรละ ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับ หมู่คณะเข้าไปใหญ่ ในที่สุดเจ้าหนุ่ยก็ทำให้หมดขอสงสัย เมื่อสามารถงัดปลา จนลอย ขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ “ไอ้หละใหญ่ครับ...ที่แท้ก็เป็นปลาสละ ตัวนี้นี่เอง” เสียงใครคนหนึ่งกล่าว

“อ้าวหมูปลากินเบ็ดแล้ว” เฮียคิมร้องบอกเจ้าหมูที่ยืนอยู่ข้างคัน เจ้าหมูรีบตวัดวัดคันทันที “นี่แนะ อยู่...ฮะ ฮ่า เสร็จผม ไปก่อนนะเฮียคิม ตูไม่แห้วแล้วโว้ย” เจ้าหมูแสดงอาการ ดีอกดีใจจนออก นอกหน้า โดยหารู้ไม่ว่า ‘ปลายังอยู่ในน้ำ อย่าพึ่งสรุปว่าจะได้ตัว’ “ว๊ากกกก ปลาอินทรี ของไอ้หมู วิ่งบนน้ำได้ด้วยโว้ย ก๊ากก ขำวะ” สิ้นเสียงเฮียคิม เสียงหัวร่อของเพื่อนๆ ก็ดังขึ้น “ฮะ ฮา ฮ่า ! ” ภาพที่พวกเราได้เห็นคือปลากระโทงแทงตัวใหญ่ กระโดดสะบัดหัว โชว์ตัวใช้หางวิ่งอยู่บนผิว น้ำเสียงดัง ตูม ตูม ตูม หนีตายอย่างไม่คิดชีวิต “อ้ายเวง... นึกว่าเป็นอินทรี ดันเป็นกระโทงแทง เสียฉิบ ตัวที่แล้วก็กระโทงเล้ง ตูหน่อตู เฮอะ! ” เจ้าหมูถึงกับเซ็งในอารมณ์ “เฮียคิม วางทุ่นสัก 20 เมตรเลยนะ น้ำมันไหลแรงมากผมสังหรณ์ใจว่าอินทรีมันจะอยู่ลึก” ผมแนะนำระดับ ความลึก ของทุ่นตาม ‘ลางสังหรณ์’ “โอ้โห้ วางทุ่นลึกจัง เอามันขนาดนี้เลยนะ ได้เล้ยคร๊าบเดี๋ยวรีบทำเลยคร๊าบ” เฮียคิมสาวเอ็น ขึ้นมาตรวจเช็คปลาเหยื่อและจัดการผูกระยะความลึกของทุ่นใหม่ ก่อนจะปล่อยสายลงไปอีกครั้งที่ระดับความลึก 20 เมตร และเพียงไม่นานเสียงสัญญาณจากรอก ก็แผดเสียงร้องดังลั่น เฮียคิม รีบหยิบคันขึ้นมาวัดสวนทันที “เฮ้ย มันกินที่ระยะ 20 เมตรจริงๆ ด้วย เสร็จผมละ ” เฮียคิม บรรจงอัดปลาด้วยความเชื่อมั่น ในที่สุดอินทรีตัวงามของเฮียคิม ก็ถูกตะขอเกี่ยวขึ้นมาให้ไต๋อ้วนเอาค้อนทุบหัวได้สำเร็จ “หมูเหลือเอ็งคนเดียวแล้วนะเฟ้ย ที่ยังแห้วอยู่ ป๋าโย ช่วยชง ให้เจ้าหมูมันหน่อยดิ ดูหน้ามันดิ จะเป็นตูดไปทุกทีแล้วตอนนี้ ” เฮียคิม แรกๆ ก็พูดเสียงดัง แต่ประโยคหลังๆ กลับแผ่วเบา เกือบจะเป็นเสียงกระซิบ เฮียคิมอาศัยความเพียรพยายาม บวกกับความมุมานะ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และอุปสรรค์ขวากหนาม ในที่สุด เฮียคิมก็สามารถจั่วอินทรี ขึ้นมาได้สมใจ

จำนวนปลาทูโม่งในห้องขังเหยื่อเริ่มลดน้อยลงไปทุกที เวลาก็เริ่มลดเหลือน้อยลงไปทุกที ทุกที ในขณะเจ้าหมูฮิเล็กก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการลอยสายตกปลาอินทรี ไม่ขาดก็หลุด แต่ถ้า ไม่หลุดก็เป็นกระโทงเล้งไปเสียนี่จนพี่ๆ เขาอดที่จะแซวไม่ได้ “หมูวัดคันแรงเกินไปหรือเปล่า ปากมันถึงยื่นยาวออกมาเป็นเต๊กเล้ง”แต่พอเป็นกระโทงร่มติดเบ็ดพี่คนเดิมก็จะพูดว่า “หมูวัดคัน เบาไป หรือเปล่าดูเด่ะกระดงมันเลยงอกออกมากลางหลังเป็นกระโทงร่ม ไปเสียฉิบ ฮ่า!” จวบจน เวลาผ่านไป “ไต๋อ้วนย้ายดีกว่า มีแต่เต๊กเล้ง” เราจึงย้ายเรือมายังหินลูกบาตร “ถ้าน้ำขึ้นผม จะจอด ซีกด้านบน ถ้าน้ำลง ผมจะจอดซีกด้านใต้” ไต๋อ้วนอธิบาย เอกลักษณะ การหาเหลี่ยม จอดเรือ ให้เราฟัง “ปลาทูเหลืออีก 2 ตัวเอง กับปลาสีกุนยักษ์ อีก2 ตัว และทรายแดงยักษ์อีก 1 ตัว” เด็กเรือ รายงาน จำนวนเหยื่อที่เหลืออยู่ “งั้นเอาสีกุนยักษ์มา 1 ตัว” นายชนบท บอกเด็กเรือ ให้ช่วยเอาปลาสีกุนมาให ้หน่อย “คอยดูคันไว้นะพี่ชาญ ถ้าสีกุนตัวนี้โดนงาบเมื่อไหร่ละก้อ ตัวไม่เบาเลยละ” นายชนบทบอกพี่ชาญให้ยืนเฝ้าคันไว้ เพราะว่า เขาใช้รอกที่ไม่มีคลิ๊กสัญญาณเสียงมาลอยสาย

“ปลากินแล้ว ปลากินแล้ว” นายชนบทหันหลังเดินจากมายังไม่ทันจะถึงหัวเรือเสียงดัง เอ๊ะอะ มะเทิ้ง ก็อุบัติขึ้นที่ท้ายเรือ “พี่ชาญ วัดคันเล่นเองเลย” นายชนบทเอยปากบอกให้พี่ชาญ เป็นผู้เล่นเกมส์นี้ “ผมเอาไม่ไหว มันวิ่งไม่ยอมหยุดเลย เอ็นจะหมดแล้วนะ” พอได้ยินคำว่า ‘เอ็นหมดสปูล’ เท่านั้นแหละนายชนบทถึงกับ กระโจนพรวดพรวด เข้าไปคว้าคันมาถือ “ไอ๋หย๋า เอ็นเกือบจะหมดอยู่แล้ว” นายชนบทพบจุดวิกฤตเข้าให้แล้ว เขาจึงตัดสินใจ ใช้มือกดสปูล แล้วตวัดคันเบาๆ อยู่หลายครั้ง “ขาดเป็นขาดละวะงานนี้” สายตาเหลือบ มองเอ็นในแกนสปูล บัดนี้เหลือเอ็นติดอยู่ในสปูลไม่ถึง 5 รอบด้วยซ้ำ มันสร้างแรงกดดันให้กับเขาไม่น้อย แต่แล้ว โชคก็เข้าข้าง เมื่อการ ตะหวัดคัน เบาๆ มันช่วยให้ปลาหันหัวกลับ และเขาก็สามารถพิชิตมันได้อย่างงดงาม เมื่อไต๋อ้วนใช้ตะขอเกี่ยวตัวมันได้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับตัวเบ็ดได้หลุดออกจากปากมันพอดี “โอ้โห้ ตัวมันใหญ่ขนาดนี้มิน่าละมันถึงได้วิ่งออกอย่างเดียว” พี่ชาญพอเห็นขนาดของมันก็อุทานร้องออกมา

ในขณะที่ไต๋อ้วนที่ช่วยเก็บสายเพื่อเคลียร์พื้นที่ เห็นว่าปลาทรายแดง ที่เกี่ยวเบ็ดไว้ อ่อนแรงจวนเจียน จะตายแหล่มิตายแหล่ “ปล่อยต่อไปเลย ครับไต๋อ้วน ผมสังหรณ์ ว่ามันจะต้องมากิน” ไต๋อ้วนจึงปล่อยสายที่มีปลาทรายแดง ที่กำลังพะงาบพะงาบ ออกไปอีกครั้ง ขณะที่เรากำลังปลื้มอกปลื้มใจ กับอินทรี นี้อยู่คันเบ็ด ที่เกี่ยวปลาทรายแดง ตัวใหญ่ที่ไต๋อ้วนพึ่งจะปล่อยไปใหม่ และพึ่งจะปักคัน เสียบไว้ในกระบอก ก็โค้งวูบ ตามด้วยเสียงร้องจากสัญญาณ เสียง ‘แกร๊กกกกก’ ไต๋อ้วนยืนอยู่ใกล้กับคัน นั้นพอดีจึงยกคันขึ้นมาวัด แต่ยังไม่ทัน จะได้เก็บสายเจ้าหมูซึ่งทะยานพุงกระโดดพรวดมายืนรอคอยท่า ก็ยืนมือมาขอรับคันสะแล้ว “รอแป๊บนะ ขอวัดย้ำเบ็ด อีกสักดอกนะ” ไต๋อ้วนวัดคัน ไปอีก 1 ครั้งก่อนจะส่งคัน ให้กับเจ้าหมูไปอัดปลา เจ้าหมูรับคันมาถือด้วย ความดีใจ บัดนี้สีหน้าที่คลายจะเหมือนตูดไปทุกที ก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นสีหน้าที่แปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทำให้พี่ๆ อดจะเป็นปลื้มตามเจ้าหมูไปด้วยไม่ได้ เพราะปลาอินทรีตัวของเจ้าหมูมันใหญ่เกิน 10 กิโล “พี่โย จิตสังหรณ์ ของพี่รุนแรงจังน่าจะเป็น จิตสังหารมากกว่านะผมว่า” เจ้าหมูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เรื่องราวในทริบนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ บทสรุปในทริบนี้ ไต๋อ้วนเป็นไต๋เรือที่มีความสามารถ และี่มีประสบการณ์ทะเล สูงมาก ความขยัน หาตัวจับยาก มีหมายตกปลามากมาย เด็กเรือบริการดีเยี่ยม นักตกปลาท่านใดสนใจจะใช้บริการเรือส.สุวัชนาวี เชิญติดต่อ สอบถามได้ที่ เบอร์ 01-5242623 แล้วท่านจะประทับใจในบริการ

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster