เสาร์,23 พฤศจิกายน 2567 |
เรื่องเล่าคนตกปลา 250 ไมล์กับนายชนบทแล่นเรือโต้คลื่น ปลากระบึกที่สีชัง คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง บางเสร่ยังมีลุ้น ดอดไปฟันไอ้โฉม วันนี้ที่รอคอย มันแปลกดีนะ สายันรัญจวน ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ น้ำใจ โฉมเอยโฉมงาม แข่งขันตกปลาสัญจร#1 ปลายฝนต้นหนาว แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6 ลูกหมูจอมซ่าส์ โต้ลมหนาว เก่งกับเฮง เมษาฮาวาย เมื่อผมไปงานแข่งฯ ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ หูดำที่เกาะค้างคาว ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง มหาเฮง นักเลงโตสากดำ ฟ้าหลังฝน หลังมรสุมสงบ ตามล่าปลาจัมโบ้ บันทึกแห่งความทรงจำ คุณพริ้งลองของ อัดปลาโต้เดิ้ง เพื่อนรักต่างแดน เก๋าหน้าหวาน ไต๋ยอช์ตพาเพลิน สานสัมพันธ์คนตกปลา#1 หรรษาตะวันแดง บางเสร่รำลึก#4 ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก แดงจ๋าแดงจ่า ลีลาสละ ลูกหมูย่ำสวาท ผู้กล้าแห่งวารี ไต๋ระยอดนักสู้ สายสัมพันธ์คนตกปลา#2 มือใหม่หัดเหวี่ยง ผู้พันอินทรี สัตว์ประหลาด ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี จิตสังหาร ลากมาอุ้ม ปริศนาที่เร้นลับ ดอนตะวันแดง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3 ปลายักษ์ในตำนาน ราพาร่าพรางตัว สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4 อินทรีหลังโขด ท่องไปกับตะวันแดง รวมดาวกระจุย บุกรังสีทอง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4 อยากอัดไอ้หลาม ปลอบขวัญที่กำพวน วาฮูนักวิ่งน้ำลึก วังสีทอง กุเลาเกมส์พันธ์ดุ รางวัลชีวิต สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5 ธิดาย่ำสวาท กุเลาเกมส์คนวัยมันส์ เมษาพาเพลิน |
Accurate
2 nd บันทึกแห่งความทรงจำ เมื่อผมและเพื่อนจาก WeekendHobby ได้มีโอกาสไปร่วมงานแข่งขันตกปลา Accurate 2 nd User Sport Fishing ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นที่ร้านอาหารพญาไม้เมือง พัทยา ก้าวแรกที่เท้าย่างเดินเข้าสู่ ภายในห้องอาหาร ผมก็พบกับภาพของผู้คน มากมาย เนืองแน่น นั่งตามโต๊ะจนเกือบจะเต็มร้าน ผมคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าผู้คนเหล่านี้ ต่างก็มาร่วมงาน แข่งขันตกปลาครั้งนี้กันแน่นอน ผมส่ายสายตาที่มีอยู่คู่เดียว กวาดมองไป แต่ละโต๊ะ แต่ละกลุ่ม มีหลายคน ที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตา และหนึ่งในนั้นก็คือ พี่คะนองเดชและพี่สุวรรณา แห่งร้านขายอุปกรณ์ตกปลา Tour and Fishing ผมนับถือในความเป็นนักกีฬาของพี่ทั้งสองคนมานานไม่ว่าจะมีการแข่งขันตกปลาที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเกมส์น้ำจืด หรือเกมส์น้ำเค็ม ที่อยู่ในรัศมีที่พี่ทั้งสองสามารถเดินทางไปได้ พี่ทั้งสองคนจะควงคู่ ไปร่วมงานนั้นทุกครั้ง และงานไหนงานนั้นพี่เขาจะต้องคว้ารางวัล ไม่รางวัลใดก็รางวัลหนึ่ง ติดมือกลับบ้านเสมอ ผมปลื้มใจกับผู้จัดงาน ที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่นักตกปลาจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางสัญจรมาร่วมแข่งขันในงานครั้งนี้ จริงๆ วันที่รวมผู้คนที่มีใจรัก ในเกมส์ตกปลา มาร่วมชุมนุมสังสรรค์ และร่วมแข่งขันกับเกมส์ตกปลา ไม่น่าเชื่อเลยว่า กิจกรรมตกปลาจะ ทำให้ ผู้คนหลงใหล พิศวาส กลิ่นอายน้ำเค็ม ถึงกับละทิ้ง ฟูกที่นอนอันอ่อนนุ่ม ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ มาอดตาหลับขับตานอน ในห้องแคบๆ บนพื้นไม้ที่แข็งโป๊ก จะกินจะอยู่ก็ลำบาก แถมวันดีคืนดีต้องมานอนหัวมึนเพราะเมาคลื่น เหมือนทรมาน สังขารตัวเองเล่นอย่างนั้นแหละ จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนเหล่านั้น หลงใหลในเกมส์ตกปลา บ้างก็ว่ามันเป็นเกมส์ที่ท้าทาย บ้างก็ว่ามันให้ความตื่นเต้นดี บ้างก็บอกว่ามันสนุกดี บ้างก็ว่ามันเป็นการพักผ่อนที่ดี หรือบางคนก็บอกว่า มันช่วยสร้างสมาธิ ทำให้เป็นคนใจเย็นขึ้น แต่จนถึงบัดนี้ผมก็ยังหาข้อสรุปและบทสุดท้ายไม่ได้ ว่าอะไรคือเสน่ห์ที่แท้จริง ที่ทำให้เราถึงชอบตกปลา? แต่ไม่ว่ามันจะเนื่องมาจากสาเหตุอะไร ก็แล้วแต่ บทสุดท้ายก็คือ "เราชอบตกปลาเหมือนกัน" ในครั้งนี้ กลุ่มนักกีฬาตกปลาน้องใหม่ในวงการแข่งขันตกปลา ที่เสวนากันในเวบไซต์ WeekendHobby.com ได้รวมตัวกันส่งทีมเข้าร่วมในงานครั้งนี้โดยใช้ชื่อทีมว่า "ตะวันแดง" ร่วมกิจกรรมแข่งขันตกปลาในครั้งนี้ด้วย สมาชิกเกือบจะทั้งหมด ยังไม่เคยผ่านงาน ลงสนามแข่งขันกันเลย งานนี้จึงเป็นงานแรก ของเพื่อนเราในทีม ก็ว่าได้ ระหว่างที่รอผู้แทน คนจัดงานมากล่าวคำชี้แจง กฎกติกาที่ใช้ในการแข่งขัน พวกเราก็กรึ่มเบียร์รอ จนหมดเบียร์ ไปเกือบโหล จนถึงเวลาเปิดพิธีการแข่งขัน ฟังคำชี้แจ้งกฎกติกาที่ใช้ในการแข่งขัน เสร็จ นักกีฬาทุกทีม ก็แยกย้ายกันไปลงเรือ ตามที่ตนเองได้ติดต่อจองกันไว้ ส่วนทีมตะวันแดงของเราได้ติดต่อจองเรือไต๋โต้ง กับเรือไต๋วิชัย ไว้ที่ช่องแสมสาร เราจึงบึ่งรถจากพัทยา มาลงเรือที่ช่องแสมสาร "ทีมตะวันแดง 2" มาลง เรือไต๋วิชัย ซึ่งจอด รออยู่ที่สะพานป้าแครง เราต้องวนรถหาสะพานป้าแครง อยู่หลายรอบ เพราะจำไม่ได้ นึกไม่ออก ว่า สะพาน ป้าแครง มันอยู่ตรงส่วนไหนของแสมสาร ผมเลยพาเพื่อนๆ ขับรถชมตลาดแสมสารเล่นเสีย 3 รอบ กว่าจะเจอ ก็เล่น เอาเพื่อนๆ แซวมาว่า "อีตาชนบท จะพา ขับรถวนรอบตลาดเอาฤกษ์เอาชัย รึไงฟ่ะ" แหม่ แค่เริ่มต้น ก็หลงทาง เสียแล้วละ ฮ่า! ส่วนทีม "ตะวันแดง 1" มาลงเรือไต๋โต้งที่จอดรออยู่ที่สะพานผู้ใหญ่สี พอขนของลงเรือเสร็จ ไต๋โต้ง พาพวกเรามาจอดเรือ เพื่อเตรียมจะไดน์หมึกที่แหลมยายเลียบ ทั้งๆ ที่ตะวันยังชี้โด่ อยู่เลย วันนี้แรม 4 ค่ำ พระจันทร์ จะขึ้นสู่ท้องฟ้าเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ เรามีเวลาเปิดไฟ ไดน์หมึกเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก่อนที่พระจันทร์จะขึ้น เวลา แต่ละนาที มันมีค่าก็ตอนที่เร่งรีบนี้เอง เพื่อนเราทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือ หยิบโยทะกามาผูก เข้ากับสายเอ็น ไม่ต้องมีคันบงคันเบ็ด หรือรอกให้เสียเวลาร่ำเวลา ใช้สาย Hand Line นี่แหละ ดีที่สุด เพราะนิ้วมือเราจะรับรู้ ความรู้สึก เวลาที่มีปลาหมึกมาเกาะโยทะกาได้ไวและดีกว่าใช้คันเบ็ดตั้งเยอะ หมึก ตัวแล้วตัวเล่า ถูกพวกเรา รวมทั้งเด็กเรือ ช่วยกันสอย ขึ้นมาขังในห้องขังเหยื่อบนเรือ ไต๋โต้ง หลายสิบตัว เพียงแค่ ชั่วโมงกว่า เราช่วยกันตกหมึกได้เกือบ 70 ตัว หมึกเพียงเท่านี้มันมากพอสำหรับการใช้ตกปลาแข่งขัน ไต๋โต้ง สั่งถอนสมอเรือ หันหัวเรือ มุ่งหน้าเข้าหมายตกปลาทันที ต่อจากวินาทีนี้ไป ความหวังของพวกเราก็ได้ฝากไว้กับฝีมือของไต๋หนุ่มผู้มีนามว่า "โต้ง" ให้เป็นผู้นำพาพวกเราไปพบ กับสิ่งที่พวกเราและนักกีฬาตกปลาทุกคนหวังไว้ นั้นก็คือ ปลา ทั้ง 9 ชนิดที่ถูกกำหนด ให้เป็นปลาเกมส์ หลักเบ็ด คือเป้าหมายแรกที่ไต๋โต้ง พาพวกเราไปตามหาความฝัน ด้วยระดับน้ำลึกถึง 70 เมตร คงจะมีปลาช่อนตัวโต ๆ หรือปลาสากตัวยักษ์ๆ อยู่เป็นแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไต๋โต้ง เป็นกังวนใจ ก็คือ แรงน้ำไหลด้านล่าง ไต๋โต้ง บ่นพึมพำ ออกมาในขณะที่เรือวิ่งเข้าสู่ หลักเบ็ด ออกมาว่า "วันนี้หลักเบ็ดน้ำคงจะแรงน่าดู แต่ก็ต้องเสี่ยง ที่นั้นมีปลาใหญ่เยอะ" ด้วยความอยากรู้ อยากศึกษา วิถีของคนเรือ โดยเฉพาะไต๋เรือตกปลา แต่ละท้องถิ่น จะมีจุดบ่งชี้ สภาพน้ำให้รู้ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ไต๋โต้งรู้ได้อย่างไร ว่าน้ำจะไหลแรง ผมจึงถามไต๋โต้งไปว่า "โต้ง ดูจากอะไร ทำไมถึงรู้ว่าน้ำแรง " โต้งชี้นิ้วไปยังสันคลื่นที่กระโจน เป็นลูกๆ ให้ผมดูก่อนจะพูดขึ้นว่า "พี่โย ดูคลื่นข้างนอก สิ คลื่นกระโจนเป็นเดิ่งใหญ่ขนาดนี้ น้ำที่หลักเบ็ดไม่ต้องพูดถึง แรงแน่ๆ" อื่ม เราได้ความรู้มาใหม่อีกอย่างแล้ว ไต๋โต้งพาพวกเรามาถึงหลักเบ็ด แล้ววนเรือ ตรวจเช็คหาตำแหน่งหมาย โดยมี Sounder ทำหน้าที่ บอกระดับความลึกของน้ำ ทำให้เราทราบว่าพื้นผิวใต้ท้องทะเล ตรงส่วนไหนเป็นหลุม เป็นแอ่ง ระดับลึกที่สุด อยู่ส่วนไหน ก่อนที่ไต๋โต้งจะวนเรือ ไปทิ้งสมอ ไต๋โต้งบอกว่าน้ำแรงมากให้ใช้ตะกั่วลูกใหญ่สุดเท่าที่มี ผมหยิบตะกั่วลูกละ ครึ่งกิโลขึ้นมาให้ไต๋โต้งดู "ขนาดนี้พอม่ะ กั๊บไต๋รูปหล่อ" ไต๋โต้งส่ายหน้าบอกว่าเล็กไป ผมถึงกับร้อง "ไอ้หย๋า ลูกใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ใหญ่พออีกหรือวะ" พูดจบก็ก้มหน้าก้มตา ร้อยตะกั่ว ขนาด ครึ่งกิโล ถึง 2 ลูก ต่อสายชิ่ง ยาว 5 เมตร ต่อด้วยปลายสายด้วยลวดเป็น ขนาด 30 ปอนด์ ผูกเบ็ด 3 โอ 2 ตัว เกี่ยวเหยื่อปลาหมึก ตัวยาวคืบกว่า เพียงไม่นาน คันเบ็ดของเจ้าเต้ ปลาแมน ก็ถูกจู่โจม เสียงรอกร้องลั่น มันเป็นเสียงสัญญาณ ที่นักตกปลาหลายคน เรียกมันว่าเสียงจากสวรรค์ มันปลุกกระตุ้นต่อมอารมณ์ ให้ตื่นตัว เกิดความหึกเหิม นายเต้ ปลาแมน ที่นั่งจ้องมองคัน ดูอาการของคันตัวเองตั้งแต่มันเริ่มออกอาการสัปหงก 2 ครั้งติด ก่อนที่คันจะโค้งตามแรงดึง และรอกจะส่งเสียงร้องลั่น ตามมา นายเต้ ปลาแมนผวาเข้าไปดึงคันขึ้นมาจากกระบอกปักคัน พร้อมกับวัดคันสวน เพื่อย้ำคมเบ็ดให้ติดแน่น ผมถามเต้ทันทีที่เต้วัดคันว่า "อยู่มั๊ยเต้" เต้ตอบ "อยู่ครับ ใหญ่ครับพี่ตัวนี้ใหญ่" เกือบจะเป็นเวลาเดียวกับ ที่ปลาเข้า ฉวยเหยื่อคันของนายเต้ คันเบ็ดของผมที่อยู่หัวเรือ และคันเบ็ดของพี่ซิงที่อยู่ท้ายเรือก็โดนปลาฉวยตามกันติดๆ เราถูกโจมตีพร้อมกันถึง 3 คัน เสียงตะโกนบอกให้เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้คันที่ปลาฉวย รู้ตัวว่าปลาเข้ากินเบ็ดแล้ว ดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน "คันโน้นปลากิน คันนี้ปลากินแล้ว" แต่เพื่อความไม่ประมาท เราจำเป็นที่จะต้องเช็คด ูให้แน่ใจก่อนว่า มันต้องไม่ใช่ปลาตัวเดียวกับตัวที่นายเต้ ปลาแมนกำลังอัดอยู่ เมื่อแน่ใจแล้ว ผมจึงวัดคันสวนทันที ปรากฏ ว่า "ว่าว ครับ ว่าว" ผมวัดลมดังวืด ปลามันมากัดสายขาดเหนือตะกั่ว "มันเอาไปแด๊กทั้งยวงเลยครับพี่ซิง" เช่นเดียวกับคันของพี่ซิง ก็โดนปลากัดสายขาดไปทั้งยวงอีก 1 คัน ตอนนี้ก็เหลือแต่คันของนายเต้ ปลาแมน ที่กำลังพันตู อยู่กับปลาตัวเป้ง อยู่เพียงคันเดียวเวลาผ่านไปนานนับเกือบ 10 นาที พวกเราหันมาช่วยกันเชียร์ เป็นกำลังใจให้นายเต้ ปลาแมน อัดปลา แต่แล้วเจ้าเต้ก็ดันร้องออกมาว่า "อุ้ย ขาดไปแล้วครับ" เจ้าเต้ เกิดอาการช๊อตท์ หยุดปั๊มคันเสียดื้อๆ เมื่อคิดว่าปลาที่ตัวเองอัดอยู่นั้นได้ขาดไปแล้ว แต่ผมที่ยืนเป็นผู้กำกับอยู่ข้างๆ เฝ้ามองดูเจ้าเต ้อัดปลามาตั้งแต่ต้น ก็พอจะเดาออกว่า ปลามันไม่ได้หลุดไปอย่างที่นายเต้เข้าใจหรอก แต่มันวิ่งย้อนสายขึ้นมาต่างหาก ผมจึงบอกให้เต้ รีบเก็บสายเอ็นให้เร็วที่สุด "อ้าว ... เฮ้ย เต้อย่าหยุด ปลามันสวนสายขึ้นมา รีบกรอเอ็นเร็วเข้า " เต้ รีบปั่นรอกเร็วจี๊ กรอสายเอ็นเก็บ ได้สักพักแล้วสายก็ตึงเหมือนเดิม เจ้าตัวใต้น้ำ มันยังอยู่ ตามที่ผมคาดเดา (ทั้งๆ ที่ ผมก็เดามันไปสุ่มๆ อย่างนั้นแหละ ฮ่า!) ปลามันแผลงฤทธิ์ อีกครั้งคราวนี้มันดำดิ่ง มุดหัวลงพื้นด้านล่าง เสียงเบรครอก ดังครืด ครืด ตลอด เวลาที่ปลาดึงสายออกไป "มันยังอยู่ จริงๆ ด้วย" เจ้าเต้ ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ แต่ความดีใจของเจ้าเต้ ก็เกิดขึ้นได้เพียง แป๊บเดียว เมื่อสายเอ็นที่ตึงเขม็ง กลับปลิวไสว คันที่โค้งงอ กลับดีดตัวตั้งตรง คราวนี้ปลามัน ส่ายก้นโบกหาง บาย บาย เจ้าเต้ ไปแล้วจริงๆ ความหวังของพวกเราพังทลาย ดัง "อุ้ย!" เสียงปลอบขวัญจากพี่ๆ ช่วยกันปลอบใจเจ้าเต้กันยกใหญ่ "ตัวนี้ขาดไปไม่เป็นไร แต่ตัวต่อไปห้ามขาดอีกเด็ดขาดนะ ว้อย จำไว้ ฮึ" ก็ไม่รู้ว่าเป็นการปลอบหรือการขู่กันแน่ นะขอรับ ไต๋โต้ง บัดนี้หันมามองดูกระแสน้ำ อีกครั้ง สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าเราขืนดันทุรัง สู้ต่อไปเราคงไม่ได้อะไร เป็นชิ้นเป็นอัน ขึ้นมาแน่ รังแต่จะต้องเสียตะกั่วและตัวเบ็ดเพิ่มมากขึ้นเปล่าๆ น้ำเริ่มแรงขึ้นกว่าเดิม ตะกั่วลูกละ เกือบครึ่งกิโล ตั้ง 3 ลูก ยังเอาไม่อยู่ ไต๋โต้งจึงตัดสินใจย้ายหมาย ไปยังตะเกียงแดง ไม่มีคำโต้แย้งใดๆ เพราะ เราได้ฝากความหวังไว้ กับไต๋โต้ง ตั้งแต่ก้าวลงเรือไว้แต่แรกแล้ว หมายตะเกียงแดง น้ำเบากว่าที่หลักเบ็ด นิดหน่อยเราใช้ตะกั่วลูกละ 3 ขีด เพียง 2 ลูก พอพวกเราลงเบ็ดได้ไม่นาน พี่ซิง ก็สร้างความหวัง ให้พวกเราอีกครั้ง เมื่อปลาเข้าฉวยคันเบ็ด ของพี่ซิง ผมยอมรับเลยว่าพี่ซิง อัดปลาได้เนียนมาก ปลาตัวนี้เมื่อมาเจอคนที่อัดปลาได้เนียน อย่างพี่ซิง ชะตามันยอมขาดแน่นอน เราเฮโล มาช่วยกัน เชียร์พี่ซิง อัดปลากันอีกครั้ง แต่พอปลามันเริ่มเหินขึ้นสู่ผิวน้ำ วงล้อมของกองเชียร์ ก็แตกฮื่อ กระจัดกระจาย ไปคนละทิศ คนละทาง เมื่อเจ้าโต้ง ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า "ไอ้โรนันโด้" เท่านั้นแหละครับ เสียงบ่น กระป๊อดกระแปดจากพี่ซิงก็ดังขึ้น "หน่อยอ้ายเวง นึกว่าเป็นปลาช่อนทะเลเราเลยเล่นสะบรรจงเลย ฮ่ะ ฮา" พอปลาโรนัน เข้ามาใกล้กาบเรือพวกเราบอกไต๋โต้งไม่ต้องใช้ตะขอเกี่ยวมัน ให้ปลดเบ็ด แล้วปล่อยมันกลับสู้น้ำไป แต่ว่าปลาโรนัน ตัวนี้มันได้กลืนเบ็ด ขนาด 3 โอ ทั้ง 2 ตัวลงท้องมันไปหมด โผล่ให้เห็นแต่สายลวดที่ผูกเบ็ดออกมานอกปากเท่านั้น ถ้าเราปล่อยมันไป มันต้องได้รับความทรมาน จนกว่ามันจะตายในที่สุด เมื่อเราเห็นว่าถ้าปล่อยมันไปมันก็คงจะไม่รอด อยู่ดี ไต๋โต้งจึงตัดสินใจนำตัวมันขึ้นมาบนเรือ และนำมาเป็นอาหาร เมนูจานเด็ด "โรนันโด้ผัดฉ่าสูตรไต๋โต้ง" ในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง รสชาติของปลาโรนันผัดฉ่า อร่อยมากแม้แต่ฉลามหูดำผัดฉ่าที่ว่าอร่อยแล้ว ยังชิดซ้ายไปเลย จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาแตะต้อง เบ็ดของพวกเราอีก จนไต๋โต้งคนขยันตัดสินใจย้ายหมายอีกครั้ง คราวนี้ไปที่ยุ้งเกลือ ตอนเวลาตี 3 กว่าๆ ด้วยความหวังกับ ไอ้หน้ามอม โฉมงาม ระดับเฮฟวี่เวท สักตัวแต่พอไปถึงยุ้งเกลือ "โอ้ ! แม่เจ้าประคุณ เดิ่ง ทำไม มันถึง โคตรโตขนาดนี้วะ ไม่ไหวแล้ว ถอยไปหลบที่หน้ากระต๊อบผู้พันดีกว่าโต้ง" ไต๋โต้งตัดสินใจ ถอยไปตั้งหลักที่หน้ากระต๊อบผู้พัน จนกระทั้งฟ้าสาง แต่ช่วงนี้ ผมสลบไสล หลับปุ๋ยไปพร้อมกับพี่คิม แล้ว คงเหลือแต่พี่ซิง เจ้าเต้ และไต๋โต้ง ที่ยังถ่างตานั่งเฝ้าคันเบ็ดกันต่อ จนกระทั้งถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พี่ซิงเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืน โดนไอ้สากโจมตีรวดเดียวถึง 4 สาย มันเล่นกัดตะกั่ว ขาดเกลี้ยงหมดทั้ง 4 สาย เราพลาดโอกาส ปลากลางคืน ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เช้าวันใหม่ตอนตะวันสายโด่ง ไต๋โต้ง ย้ายกลับมายังหมาย ตะเกียงแดง อีกครั้งด้วย ความหวัง กับปลาเกมส์ สัก 2 เกมส์ คือ ช่อนทะเล กับ ปลาโฉมงาม การกลับมา หมาย ตะเกียงแดง ครั้งนี้ ไม่เหมือนเมื่อคืน เมื่อพี่คิม ที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ของเราในครั้งนี้ ตบโฉมงาม เด็กขึ้นมาเป็นแต้มแรกให้กับทีม เท่านั้นยังไม่พอ พี่คิมยังงัดปลาช่อนทะเล ขึ้นมาเป็นแต้มที่ 2 ตามขึ้นมาติดๆ ตามมาด้วยพี่ซิง ที่เล่นเอาล้อเอาเถิด กับปลาช่อนทะเล ขึ้มมาอีก 1 ตัว ปลาช่อนทะเลตัวของพี่ซิง มีขนาดใหญ่กว่าของพี่คิม หลายกิโล พอเราได้ปลาครบ 2 เกมส์ สมหวังดังที่ตั้งใจไว้ เราจึงย้ายหมายไปตระเวนหาปลาเกมส์ ชนิดอื่นอีกต่อไป และนี่คือ ความท้าทายและเสน่ห์ ของการแข่งขันตกปลา คือเราต้องวิ่งหาปลาเกมส์แต่ละชนิด ตามแหล่งที่มีมันอาศัยอยู่ และเมื่อได้ปลาเกมส์ชนิดนั้นแล้ว เราต้องวิ่งหา ปลาเกมส์ชนิดต่อไป ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความสามารถและความชำนาญของไต๋ ที่จะพาเราไปพบ กับปลาเกมส์ ตามหมายต่างๆ ส่วนจะได้ปลาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ตัวของผู้ตกเองแล้วละครับ ความมันส์ ของการแข่งขัน มันอยู่ตรงนี้เอง ไต๋โต้งพาเรามายังหมายซากเรือป๋าจ๋า เพื่อตามหาปลาเกมส์อีก 2 ชนิด คือ ปลาอินทรีย์ และปลาสาก พอเราหย่อนสาย ปุ๊บ ทั้งคันของพี่คิมและคันในมือผมก็โดนปลาฉวยเหยื่อคามือทันที พร้อมกันทั้ง 2 คัน แต่พอวัดคัน สวนเท่านั้น สายก็ขาด ทันทีเหมือนกัน จากนั้นเพียงไม่นาน เสียงพี่คิม ก็ร้องตะโกนซะจนเสียงดังลั่นเรือ "ปลากินเบ็ด ปลากินเบ็ด แล้ว" พี่คิมเหลือบไปเห็นขวดน้ำที่เราใช้ทำทุ่นลอย จมบุ๋ม ก่อนจะพุ่งทะยาน ขึ้นสู่ผิวน้ำ อย่างกับจรวจ โทมาฮ๊อท ที่ยิงจากเรือดำน้ำ ผมวิ่งพรวดเดียว ถึงคันเบ็ด ก่อนจะเปิดศึก กับปลาอินทรีย์ ซึ่งเป็นปลาเกมส์ ชนิดที่ 3 ของเราในวันนี้ แต่พอจะปลดเบ็ด ผมก็ต้องแปลกใจ "เฮ้ย! อินทรีย์ตัวนี้มันมีหนวดเป็นแสตนเลสด้วยวะยาวเฟื้อยเสียด้วย " มันเป็นปลาที่พึ่งจะขาดมาจากใครสักคน ดูจากตัวเบ็ด ขนาด 5 โอ 3 ตัว ผูกด้วยลวดสริงอย่างดี ลูกหมุนทองเหลือง ยังวาววับ บอกความใหม่สด แสดงว่า ปลาอินทรีย์ตัวนี้ พึ่งจะขาดมาแน่นอน และมันก็ทำให้ความหวังของพวกเรา เริ่มชัดขึ้น ฝันของเราใกล้จะเป็นจริงแล้ว ไต๋โต้ง เปรยออกมา ระหว่างที่เรากำลังเฝ้าลุ้น ปลาสาก สักตัว ว่า "ไม่นาเชื่อว่าเมื่อคืนจะไม่ได้ไอ้สากสักตัว" พอโต้งพูดจบ ก็แหงะ ไปเห็นปลาสาก น้ำดอกไม้ กำลังทำหัวฝัดหัวเหวี่ยง ข้างกาบเรือในปากมันมีซากปลาหมึกติดอยู่ คาปาก สายเบ็ดลวดเป็นโผล่ออกมาเป็นเส้นยาว "เฮ้ย ไอ้สากติดเบ็ด" สายตาของทุกคนหันไปมองไอ้สากป๊อกตัวนั้นเป็นจุดเดียว ก่อนจะเหลียวหาแหล่งที่มาของสายเบ็ด ที่เกี่ยวปากไอ้สากน้อย ตัวนั้น "เวงแล้วมั๊ยละ แล้วจะรู้มั๊ยเนี่ยว่ามันกินเบ็ดคันไหน " พวกเราช่วยกันเช็คดูสายเอ็นทุกคัน มันก็ปกติดี ดูไม่ออกว่ามันติดเบ็ดคันไหน จนไต๋โต้งร้องบอกว่า " คันหัวเรือ มันติดเบ็ดคันหัวเรือ" พี่ซิง ที่ยื่นอยู่หัวเรือ รีบคว้า คันขึ้นมากรอเก็บสาย "โอ้ มายก๊อดดด กินคันไหนไม่กินดันทะลึ่งมากินชุด 40 ปอนด์อย่างนี้มันฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะเลยนี่หว่า" พวกเรามานั่งพินิจ พิจารณา คาดคะเนน้ำหนักของปลาสากตัวน้อย ตัวนี้แล้ว น่าจะมีน้ำหนักฉิวเฉียด 1 กิโล ไม่น่าจะเกินไปกว่านี้ แต่แล้วพี่คิม ซูเปอร์ฮีโร่ ของทีม ก็สร้างปาฏิหาริย์ ตอกย้ำ ปลาเกมส์ชนิดที่ 4 ขึ้นมา เป็นปลาสาก ตัวใหญ่กว่าตัวแรก ทำให้พวกเรามั่นใจ ว่าน้ำหนักของปลาสากตัวนี้ต้องเกิน 1 กิโล แน่นอน เมื่อเราได้ปลา เกมส์ ครบ ทั้ง 2 ชนิดตามที่ต้องการแล้ว ไต๋โต้ง จึงย้ายหมายไปที่หลักจุฬา เพื่อหาปลาเกมส์ชนิดต่อไป และนั้นคือ ปลาสละและปลาตะคอง เราเฝ้ารออยู่ที่หมายนี้จนใกล้จะถึงเวลาบ่าย 4 โมง ก็ไม่มีปลาสักตัวมาฉวยเบ็ด เราจึงเดินทาง กลับ เพื่อนำปลามาชั่งให้ทันเวลา ปลาสากตัวสุดท้าย ทำให้ความหวัง ที่จะลุ้นรางวัลปลารวมเกมส์ ของพวกเรา สดใส ยิ่งขึ้น และเมื่อผลการแข่งขันออกมา ปรากฏว่า ทีมเราสามารถคว้ามาได้ถึง 3 รางวัล คือ รางวัล ปลาช่อนทะเล ใหญ่สุด รางวัลปลารวมชนิด และรางวัลไต๋ดีเด่น เท่านั้นยังไม่พอ ทีมของเรายังโชคดี จับฉลาก ได้รอก Accurate 665H อีกหนึ่งตัว ซึ่งสมาชิกในทีมต่างลงความเห็นกันว่า ให้รอกตัวนี้เป็นรอกส่วนกลางไว้ให้ คนที่ไม่มีอุปกรณ์ ได้ยืมไปใช้ ต่อไปถ้าเพื่อนคนใดไม่มีรอกตกปลาก็สามารถมาหยิบยืมไปใช้ได้ ผลงานที่เราได้มาทั้งหมดผมขอยกเครดิต ให้กับเพื่อนๆ สมาชิกในทีมตะวันแดง และที่สำคัญ ซูเปอร์ฮีโร่ พี่คิมของเรา ที่ซัดคนเดียว ทำแฮนด์ทริก สะ 3 เกมส์ และที่สำคัญ ต้องขอยกนิ้วให้ไต๋โต้งผู้ที่สร้างความหวังของเราเป็นจริงขึ้นมา พวกเราไปอาบน้ำชำระความเหนียวเหนอะ ที่สะสม มาทั้งวันทั้งคืน ที่บ้านไต๋โต้ง เตรียมตัวเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงและมอบรางวัลแด่ ผู้ที่ชนะเลิศในแต่ละประเภท ที่ร้านพญาไม้เมือง จนถึงเวลารวมตัวนักกีฬากันอีกครั้ง
นักกีฬาเริ่มทยอย เดินทางมาที่ร้านพญาไม้เมือง เพื่อร่วมทานอาหารและ ฟังผลการแข่งขัน
และที่สำคัญที่ทุกคนต่างเฝ้ารอนั้นคือ รอลุ้น จะได้เป็นเจ้าของรอก Accurate
ที่ทางผู้จัดนำมาจับฉลากแจกให้กับนักกีฬาในงานนี้ถึง 5 ตัว และแล้วเวลาที่ทุกคนต่างรอคอยก็มาถึงเมื่อตัวแทนผู้จัดงานประกาศผลการแข่งขัน
และจับฉลากแจกรอก Accurate ให้กับนักตกปลา ผู้ชนะเลิศในแต่ละรางวัล และแจกรอก
ให้กับนักตกปลาที่โชคดี รอยยิ้มของความภูมิใจแปดเปื้อนไปทั่วบริเวณงานแข่งขัน
เวลาของการแข่งขันได้เดินทางมาจนสุดทางของมันแล้ว แต่รอยยิ้มและความประทับใจ
ของนักตกปลาที่คว้ารางวัลมาครอง มันยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของนักตกปลาตลอดไป
มันเป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่าที่มิอาจจะลืมเลือน บันทึกแห่งความทรงจำฉบับนี้
จึงถูกบันทึก เก็บไว้ในใจของ นักกีฬาตกปลาตราบนานเท่านาน ......สวัสดี.....
[หน้าต่อไป] [กลับสู่เมนู] |
Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved. Contact Webmaster |