เสาร์,21 ธันวาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ท่องไปกับเรือตะวันแดง
วันที่ 17-19 พ.ย. 49
เรือ ตะวันแดง

ผู้ร่วมทริบ 1.พี่ซิง 2.พี่เปี๊ยก 3.คุณโฟ 4.บังเลาะ 5.ไก่ปะการัง 6.คุณประพนธ์

ท่องไปกับเรือตะวันแดง
คืนวันหนึ่งเสียงโทรดังขึ้นปลุกโสตประสาทให้ชายหนุ่มรูปงามที่กำลังนอนเคลิ้มใกล้จะหลับ ต้องงัวเงียลุกขึ้นมาคว้าโทรศัพท์แล้วกดปุ่มรับสาย “สวัสดีครับพี่โย เสาร์นู้นพี่ว่างเปล่า ไปลงเรือผมหน่อยสิ” เสียงเจ้าวิทยา นั้นเองที่โทรมาปลุก “อีก 2 เสาร์ยังไม่มีโปรแกรมไปไหน จะชวนไปลงเรือใช่เปล่า” นายชนบท ถามต่อ “ถูกต้องคร๊าบ แหมพี่นี่เดาได้ถูกต้อง เรือผมทำเสร็จแล้วอยากให้พี่มาลงหน่อยได้เปล่าพี่” นายวิทยาเหมือนคนกรึ่มสุรากำลังได้ที่ “ได้เลยเดี๋ยวจัดให้” การสนทนาสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้นภารกิจ การชักชวนมวลหมู่สมาชิกเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันต่อมาทันที กระทู้ประกาศหาสมาชิก เพื่อร่วมหัวลงเรือ ถูก Post ในเวปไซร์ WeekendHobby.com เพียงไม่ทันจะข้ามวัน สมาชิกก็ขันอาสาร่วม ทริบนี้ อันประกอบไปด้วย พี่ซิงปลาทราย พี่เปี๊ยกปลาเมิน พี่ชาญต้นกล ผู้พันโฟ บังเลาะ คุณประพนธ์ นายไก่ปะการัง และนายชนบท นับจากนี้ไปอีก 2 อาทิตย์ พวกเขาทั้ง 8 คนจะมาร่วมสนุก ใช้ชีวิตบนเรือด้วยกันอีกครั้ง

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง กระทายชายทั้ง 8 ชีวิตเดินทางมาท่าเรืออรุณี คลองน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด เรือตะวันแดง จอดเทียบท่าคอยให้การต้อนรับ “หวัดดีครับ พี่โย ขนของลงเรือเลยครับ” ไต๋เรือ กล่าวทักทาย ก่อนจะบอกให้เด็กเรือช่วยกันขนย้ายสัมภาระ มาลงเรือ “ของลงเรือหมดแล้วนะ ของที่สั่งไว้ เหล้า เบียร์ เอาลงเรือ ครบแล้วนะ เรือ” นายชนบทตรวจเช็คความพร้อมก่อนจะออกเรือ ถ้าเรือออกไปแล้ว เกิดหลงลืมอะไรก็ยากที่จะแก้ไขได้แล้ว ท้องทะเล ไม่มีร้านสะดวกซื้อที่จะแวะหาซื้อได้นะสิขอรับ “ของที่สั่งไว้เอาลงเรือครบหมดแล้วครับ” ไต๋เรือกล่าว เมื่อคนพร้อมทุกอย่างพร้อม ‘ลุยยยยย’ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ใบจักรหมุนตีกวนน้ำ ไต๋เรือหมุนพังงาเรือหันหัวเรือออกจากท่า แล่นไปตามคลองน้ำเชี่ยวที่เคี้ยวคด สู่ท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ในเวลานั้นทันที “เรือ เรื่องเหยื่อเป็นไงบ้าง หมึกหายากหรือเปล่า” นายชนบทเอ่ยปากถามไต๋เรือ ในขณะที่เรือกำลังแล่นสู่ปากคลองน้ำเชี่ยว “เหยื่อดีครับพี่ แต่ตัวไม่ใหญ่” ไต๋เรือกล่าว “คืนนี้จะไปไดน์หมึกที่ไหนกันดีละไต๋ เกาะพะเนียด หมึกเข้ามั๊ย ถ้าหมึกเข้า ไปไดน์ที่นั้นก็ดี กลางคืนอาจโชคดีได้อัดปลาด้วย” นายชนบทเสนอความคิด ไต๋เรือก็ตอบรับทันที “ผมก็ว่าจะไปที่นั้นอยู่เหมือนกันหมึกเข้าที่นั้นแหละ” ไต๋เรือกล่าวในขณะที่เรือแล่นผ่านปากคลอง สู่น้ำทะเล ที่น้ำตัดกันระหว่างน้ำจืดที่สีขุ่นขลักตัดกับสีน้ำทะเลสีเขียวอ่อน ทำให้พื้นน้ำบริเวณนี้เป็นสองสี

วงเสวนาเริ่มต้นขึ้นทันทีที่เรือแล่นผ่านพ้นปากคลอง สุราที่เตรียมมา ถูกนำมาตั้งบนโต๊ะที่ถูกทำขึ้นมาใหม่เป็นที่ นั่งดื่มเหล้าอย่างดี เหล่าผองเพื่อนทยอยกันมานั่งล้อมวง “ตกลงคืนนี้เราจะไปไหนกันละ” พี่ซิง เปิดกระทู้ถาม แล้วยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันกระดกลงคอพรวดเดียวน้ำพร่องไปครึ่งแก้ว “ไปแถวๆเกาะพะเนียดครับพี่ คืนนี้ถ้าได้เหยื่อเร็วเราก็ จะวิ่งเข้าหมายไปเล่นลูกหมู กับอังเกยใหญ่กันก่อนเลย” นายชนบทแจ้งกำหนดการคราวๆ “อื่ม ... ดี หวังว่าเที่ยวนี้ผมคงจะได้อัดลูกหมูเสียทีนะ” ผู้พันโฟ กล่าวด้วยความหวัง วงสนทนายังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับ สุราขวดที่ 2 พร่องไปเกือบจะหมดขวด อาหารมื้อเย็นก็ถูกยกมาเสริฟ พอดี

ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์เหลือเพียงครึ่งดวง ที่ส่องแสงสว่างแข่งกับดวงดาวที่พอมองเห็นประปราย กระจายอยู่บนท้องฟ้า บรรดาสมาชิก นั่งทอดอารมณ์ชมหมู่เดือนกับดาว ปลดปล่อยความรู้สึก ปลดเปลื้องสมองให้ว่างเปล่าแล้วสัมผัสรับเอาความสุขที่รายล้อมอยู่เคียงข้างกาย ยามที่ล่องลอยเรือกลางท้องทะเล “เอ้า ทิ้งหมอ” เสียงไต๋เรือตะโกนสั่งการ เด็กเรือให้โยนสมอลงน้ำเมื่อเรือตะวันแดงแล่นมาถึงจุดไดน์หมึก แสงไฟสว่างพรึบเปล่งแสงแข่งกับดวงเดือน ปฏิบัติการ ‘มือซ้ายถือกระป๋องเบียร์ มือขวาถือคันเบ็ด’ โสกขึ้นโสกลง อุบัติขึ้นแล้ว และแล้วหมึกตัวแรกก็ถูกโยทะกาเกี่ยวขึ้น มาขังในห้องเหยื่อ “คืนนี้ท่าหมึกจะเยอะจริงๆ ตกแป๊บเดียว ได้ตั้ง 4-5 ตัวแล้วนะ” พี่ชาญกล่าว อย่างอามรณ์ดี “อ่ะแน่ เจ้าไก่ปะการังก็ได้แล้ว คันโค้งเชียวสงสัยจะตัวใหญ่” นายชนบทกล่าว “มันดิ้นแปลกๆ จังพี่น่าสงสัย” นายไก่ปะการังเอ่ย และเมื่อนายไก่ยกคันขึ้นสิ่งที่นายไก่สงสัยว่ามันดิ้นแปลกๆ ก็เฉลยต้องสายประชี “แว๊กกกก ไอ้ปักเป้า” เท่านั้นแหละเสียงฮาก็ดังตรึม “ นายไก่เขาให้ตกปลาหมึกไม่ใช่ปลาปักเป้านะ” พี่เปี๊ยกปลาเมินได้โอกาสเปิดฉากแซว ทันที และนายไก่ เหมือนจะเชียร์ขึ้นเสียด้วย เพราะสอยเอาปักเป้าขึ้นมาถึง 3-4 ตัว ทำแฮนทริกโชว์พี่ๆ ให้ขำกลิ้งกันสะเลย “พี่ ตกปักเป้าไม่ใช่เรื่องหมูๆ นะพี่ ต้องใช้สุดยอดฝีมือเลยนะเนี่ย ฮะ ฮ่า ฮา!” นายไก่ปะการังกล่าวชื่นชมในความสามารถของตนเอง

มหกรรมตกหมึกยงคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระได้เวลา 2 ยาม ไต๋เรือ ก็ลุกงัวเงียตื่นขึ้นมาเพื่อเฉอวน พื้นอวนถูกชักกลางอย ู่ปลายคานอวน บัดนี้เหลือเพียงแสงไฟเพียงราวกลางราวเดียว ก่อนที่หลอดไฟที่อยู่ปลายคานจะค่อยๆ หรี่ลง ฝูงหมึกนับร้อยๆ ตัวทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำว่ายเป็นกลุ่มก้อน ไต๋เรือเปิดแสงสีแดงแล้วปิดหลอดไฟดวงที่เหลือ คงเหลือไว้พียงหลอด สีแดง เพียงดวงเดียว สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฝูงหมึกเมื่อครู่นี้พากันสลายตัวหายวับไปทันที “เฮ้ย มันหายไปไหนหมดวะเนี่ย” พี่ซิง ที่ยืนเฝ้าลุ้น อุทานพึมพำออกมา การเฉอวนครั้งแรก เราไม่ประสบผลสำเร็จ มีหมึกเพียง 20 กว่าตัวเท่านั้น การเฉรอบ 2 จึงเกิดขึ้นหลังจากการเฉรอบแรกไปประมาณครึ่งชั่วโมง “ไฟแดง มันไล่หมึก ต้องใช้ไฟสีนวลแทนแล้วแบบนี้” ไต่เรือ ผู้ชำชองการหาหมึก เหมือนกับรู้ใจปลาหมึกเป็นอย่างดี การเฉ รอบสอง จึงไม่เปิดหลอดสีแดง ค่อยๆ หรี่ ไฟสีนวลแทน และก็จริงดังที่ไต๋เรือว่าไว้ หมึกกว่า 2 ตัวทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำทันที่ ที่ไฟริบหรี่ “อ้าว เอาเลย” ไต๋เรือ ตะโกน สั่งให้กว้านอวนขึ้น “เที่ยวนี้ สองร้อยกว่าตัวได้ ยังไม่พอถ้าจะไปหมายนอก เอาอีกรอบ ตอนตี 2 แล้วกัน” ไต๋เรือกล่าว “มัย หมึกมันตัวเล็กจังวะ เรือ หมึกตัวเล็กขนาดนี้ เอาไปตกไอ้เปีย ถ้าจะสนุก” พี่ซิงกล่าว ทิ้งทาย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นของหัวเรือ ‘คร๊อกก ฟีซซซ์...’

อรุณเช้าวันใหม่ เรือแล่นเข้าสู่หมาย หลังเกาะรัง “ถึงหมายแล้วรึนี่ ไว้จัง เอ้า เข้าแถวรอเอาหมึกไปเกี่ยวเบ็ดกันได้แล้ว” พี่เปี๊ยกปลาเมิน ผู้จัดการคิวตักหมึก ร้องสั่งการเรียบร้อย ใครที่เกี่ยวหมึกแล้วก็เดินไปนั่งหย่อนเหยื่อลงน้ำ ตะกั่วถึงพื้นได้ไม่นาน พี่ซิงปลาทรายก็โชว์ฝีมือ งัดเอาปลาเก๋าไซร์แกงส้ม ขึ้นมาเป็นตัวเปิดเกมส์ ตามด้วยพี่ชาญ พี่เปี๊ยก ในขณะที่ทุกคน ต่างใจจดใจจด อยู่ที่ปลายคันของตัวเอง คุณประพนธ์ที่นั่งตกปลาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่ก็วัดคันดังดังตึ๊บ เสียงดังหนักแน่น คัน 30 ปอนด์ แสดง Action โค้งงอลงทันที “กลางลำโดนของใหญ่เข้าให้แล้ว ได้ลุ้น แล้วว่าจะเป็นอังเกยยักษ์ หรือ ลูกหมู แน่นๆ เข้าไว้ครับ” ไต๋เรือตะโกนร้องด้วยความสะใจ การต่อสู้ระหว่างคนกับปลาเปิดฉากเริ่มต้นขึ้นแล้ว คุณประพนธ์ใช้กำลังเท่าที่มีออกแรงงัดจนมือสั่นระริก ฝ่ายปลาคู่ต่อสู้ก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย ดีดดิ้นพาสายไหลดำดิ่งออก ไปได้เรื่อยๆ “ใจเย็นๆ ครับถ้ามันพาเข้ารูก็ปล่อยมันเข้าไปเลย เดี๋ยวค่อยดึงออกมาได้” นายชนบทร้องเตือนเพราะเห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เกรงว่าสายจะรับไม่ไหว สายเอ็นจะขาดเสียก่อนได้ชื่นชมตัวมัน คุณประพนธ์ประคองเกมส์รุก และเกมส์รับอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่องัดเอาคู่ต่อกรเหินขึ้นสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ “อู้ หู อังเกยยักษ์ ไซร์ขนาดนี้ไม่คอยได้เห็นมานานแล้วนะพี่ซิง” พี่ชาญ อุทาน ออกมาเมื่อได้เห็นขนาดของมันถนัดตา พี่ชาญมัวแต่ชื่นชมปลาอังเกย คันที่ถืออยู่ในมือก็โดนกระชาก อย่างรุนแรง “อึ๊บ ของผมโดนเข้าให้แล้ว มัวแต่มองของคนอื่น เผลอหน่อยเดียวมันมาคาบของเราสะแล้ว อย่างนี้จะยอมง่ายๆ ได้ไง ฮะ ฮา !” พี่ชาญกล่าว ด้วยอารมณ์ดี เมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักของคู่ต่อกร ว่ามีขนาดไม่ธรรมดาเสียแล้ว

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองก็อุบัติขึ้น “อึ๊บ ตายห่ะ หลุดไปแล้ว ว้า เสียดายจัง” พี่ชาญบ่นกระปอดกระแปด รู้สึกเสียดายโอกาสที่หลุดรอดมือไป และเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อมีใครทำปลาหลุด ความเงียบก็เข้ามาเยือนแทน ไม่มีใครได้อัดปลาอีกเลย “ป่ะ เรือ ย้ายหมายดีกว่า ปลาหยุดฉวยเหยื่อแล้ว” นายชนบทกล่าวกับไต๋เรือ ไต๋ยอดขยันแห่งคลองน้ำเชี่ยว “อ้าวเก็บเบ็ด เดี๋ยวเราจะย้ายไปหมายใหม่กัน” นายชนบทตะโกนบอกพลพรรค เครื่องยนต์ดังกระหึ่มอีกครั้ง ใบจักรตีกวนน้ำขับดันเรือให้ทะยานไปข้างหน้า ไต๋เรือ หยิบสมุด จดเบอร์พิกัดหมายขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะป้อนข้อมูลลงไปในเครื่อง GPS เพื่อกำหนดเส้นทาง พิกัดที่เราจะมุ่งหน้าไป

ดวงตะวัน ยามบ่าย แพร่รังสีอันร้อนแรง หลายคนต้องไปอาบน้ำขับไล่ความร้อน และชำระความเหนี่ยวเหนอะ ที่ตากกร่ำมาตั้งแต่เช้า “เฮอ...ได้อาบน้ำแล้วมันสดชื่น ไปทั้งตัว ใกล้จะถึงหมายหรือยังครับนี่ วิ่งมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วนะ” คุณโฟเปรยออกมา “อีก 4 ไมล์กว่าๆ ก็ถึงแล้วครับ นอนพักผ่อนกันได้ หลายตื่น” ไต๋เรือกล่าว ยามนี้ก็คงไม่มีอะไร ดีไปกว่าการปล่อยสาย Trolling เพื่อหวังกับอินทรีหลงฝูงสักตัว กระทั้งเรือแล่นมาถึงหมายก็ไม่มีอินทรีหน้ามืดมางาบสักตัว “หมายนี้มี ปลาช่อน ด้วยนะครับ” ไต๋เรือกล่าว “แล้วมีอินทรีรึเปล่าครับไต๋” บังเลาะถาม “อาจมีเพราะที่มันเป็น กองหินอินทรีน่าจะหลงเข้ามา” ไต๋เรือตอบ บังเลาะจึงจัดการปล่อยสายลอยไว้ท้ายเรือ ในขณะที่ทางหัวเรือกำลังเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เมื่อปลา ฉวยเหยื่อพร้อมกันถึง 3 สาย ทั้งพี่ชาญ พี่ซิง และพี่เปี๊ยกปลาเมิน กำลังออกอาการปั๊มคัน โยกกันยกใหญ่ ปลาเจ้ากรรมก็ดันวิ่งพาสายไขว้กันไปไขว้กันมา จนคนตกต้องเดินเคลียร์สายกันให้วุ่นไปหมด “เฮ้ย ตาเปี๊ยก อัดปลาเป็นป่าววะ ปล่อยให้ปลาวิ่งมาพันสาย ตูหมด” พี่ซิง แซวพี่เปี๊ยก แต่หารู้ไม่ว่า ปลาของพี่ซิง นั้นแหละ ที่พาสายไปพันนัวเนียกับของคนอื่น “เออ...ตูหนีไปตกท้ายเรือก็ได้ วะ ถ้าปลาลากสายใครไปท้ายเรือตูจะวัดให้ขาดเลย หึ่ม..”พี่เปี๊ยก กล่าว ก่อนจะค้อนขวับ เชิดหน้าไปท้ายเรือ และในที่สุดปลาช่อนทะเลทั้ง 3 ตัวก็ถูกเกี่ยวขึ้นมาทุบหัวบนเรือ

“เฮ้ย สายลอยปลากินแล้ว เลาะโว้ย เลาะ ปลาอินทรีกินสายลอยเอ็งแล้ว” พี่เปี๊ยก ที่บัดนี้ ระเห็ดตัวเองมาอยู่ท้ายเรือ ตะโกนร้องลั่นเมื่อคันที่เจ้าบังเลาะปล่อยสายลอยโน้นลงต่อหน้าต่อตา “พี่อย่าแตะคันนะพี่ เดี๋ยว.....” นายชนบทที่ยื่นอยู่ข้างเอ่ยปากร้องห้ามไม่ทันจะจบประโยค พี่เปี๊ยก ก็คว้าคันขึ้นมาวัด ‘ฉับ’ “อยู่แล้ว” แล้วก็ยื่นคันให้บังเลาะที่มาถึงพอดี บังเลาะรับคันขึ้นมาอัด พร้อมกับบอกว่า “เอ๋ะ ทำไม มันไม่สู้เลย รึว่าตัวมันเล็ก” บังเลาะกล่าว พร้อมกับปั่นรอกเก็บเอ็นด้วยความรวดเร็ว เหมือนปลามันว่ายตามสายเข้ามาเพียงไม่นานมันก็มาอยู่ข้างหน้าเจ้าบังเลาะแล้ว “ ตะขอครับตะขอ มาเกี่ยวปลาหน่อย” นายชนบทตะโกนร้องหาตะขอเกี่ยวปลา แต่พอนายชนบท กำลังจะเอาตะขอเกี่ยวปลา ก็อดสงสัยกับรูปพรรณของปลาตัวนี้ไม่ได้ “มันปลาอะรายหว่า ทามมัย มันมีลายข้างตัวด้วยวะ” พอได้เห็นหน้าตามันถนัดตา เท่านั้นแหละบรรดาไทยมุงก็แตกฮือ “แว๊กกกก...ไอ้เหานี่หว่า บอกแล้วว่าอย่าแตะคัน ก็ไม่เชื่อ เห็นยังความขลังของพี่ แม้แต่อินทรีมันยังกลายเป็นไอ้เหาไปได้เลย ก๊ากกกก..ขำวุ่ย ไอ้เหากินสายลอย” นายชนบทถึงกับปล่อยก๊าก ออกมา ในขณะที่คนที่นั่งตกปลาบริเวณหัวเรือและกลางลำเรือ ยังคงสาละวนอยู่กับการอัดปลาช่อนทะเลกันให้วุ่น แผล๊บเดี๋ยวซากปลาช่อนทะเลนอนตายเกลื่อนพื้นเรือ สีหน้าแต่ละคนแปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่แล้วเวลาแห่ง ความชุลมุนก็ต้องหยุดลง เมื่อดวงตะวันลาลับท้องฟ้า คืนนี้ไต๋เรือจะพาตระเวน ไปตกปลาอังเกยที่หมายหินดาน

เรือตะวันแดงแล่นฝ่าความมืด มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก มองไปข้างหน้าเห็นแสงไฟริบหรี่ คงเป็นแสงไฟจาก เรือไดน์ลำหนึ่ง สีหน้าไต๋เรือ ยามนี้ออกจะไม่สู้ดีนัก คงจะเกรงว่า เรือลำนี้จะจอดปั่นไดน์ตรงจุดหมายที่เรากำลังจะไปพอดี จนกระทั้งเราเดินทางมาถึงจุดหมายหินดาน จริงดังที่ไต๋เรือกังวลเรือไดน์ลำนั้นจอดปั่นไฟคร่มหมายหินดานพอดี “ทำไงดีละหวา เรือ เรือปั่นไดน์จอดตรงหมายพอดีเลย” นายชนบทเอ่ยปากถามด้วยสีหน้ากังวล “อุตส่าห์วิ่งเรือมาตั้ง 2 ชั่วโมงดันมาเจอเจ้าถิ่นจอดคร่อมหมายเสียแล้ว วู้ เสีย รมณ์หมดเลย” ไต๋เรือกล่าวอย่างหัวเสีย “ไหนๆก็ดันด้นมา ถึงแล้ว เดี๋ยวลองหย่อนดูสักหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่กิน ก็ย้ายไปที่อื่น” นายชนบทกล่าว พี่ซิง พี่เปี๊ยก พี่ชาญ และสมาชิกคนอื่น ทยอยคว้าคันเบ็ดของตัวเองมาเกี่ยวเหยื่อแล้วหย่อนลงน้ำ เพียงไม่นาน คุณโฟก็ได้รับการทักทาย ทันที “ท้ายเรือเอาเข้าให้แล้ว” เสียงไต๋เรือ ส่งเสียงเชียร์ การต่อสู้ดำเนินไปพักใหญ่ ปลาอังเกยไซร์ 4 กิโลก็ลอยตุ๊บป่องขึ้นผิวน้ำมานอนอ้าปากพะงาบๆ ในตระกร้า ปลาตัวนี้ของคุณโฟทำให้เพื่อนๆ เริ่มมีความหวัง จิตใจจดจ่อไปที่ปลายคัน “สงสัยหมายนี้มันจะมีแค่ตัวเดียวสะละม้าง” เสียงพี่บ่นพึมพำ ออกมา เมื่อปลาไม่ฉวยเหยื่อไต๋เรือจึงย้ายหมายอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ปลาอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จะมีก็แต่ปลาเล็กปลาน้อยพอให้ คลายเหงาได้บ้าง

กระทั้งเช้าวันใหม่ ในห้องเหยื่อมีหมึกศอกว่ายอยู่ 4 ตัว มันเป็นความหวังเดียวที่เราจะได้อัดลูกหมู ไต๋เรือ หยิบคัมภีร์มาเปิดดูพิกัดหมายอีกครั้ง “เดี๋ยวจะพาไปอัดของใหญ่ แขกชุดที่ โดนไป 6 – 7 ครั้งงัดไม่ขึ้นสักตัว แต่ไม่รู้เที่ยวนี้มันจะกินหรือเปล่านะพี่ แฮะ แฮะ! ” ไต๋เรือบอก “ก็ต้องลองวัดดวงดู เหยื่อมีแต่ตัวเล็กๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า มีหมึกศอกใหญ่แค่ 4 ตัวเอง มันจะพอตกเร๊อะ” นายชนบทกล่าว ยังไงเราก็ต้องลองดู ไต๋เรือ ขับเรือมาถึงหมาย นายชนบทจัดการหยิบคันของคุณโฟ มาทำชุดสายหน้าใหม่ เพิ่มเบ็ดเข้าไปอีก เป็น 3 ตัว เพราะเหยื่อหมึกศอกมันตัวยาว จึงต้องเพิ่มตะขอเบ็ดเข้าไป คุณประพนธ์ หยิบหมึกศอกตัวที่ 2 มาเกี่ยว บังเลาะ หยิบตัวที่ 3 เหลือหมึกตัวยาวที่สุดมันยาวร่วม 1 ศอก อีกหนึ่งตัวที่ไม่มีใครเหลียวแลมัน นายชนบทจึงเอามาเกี่ยวเบ็ดสะเลย “อึ๊บ โดนเข้าให้แล้ว ท่าทาง จะใหญ่ด้วย” เสียงคุณประพนธ์ร้องตะโกนดังลั่นเมื่อคันเบ็ดที่ถืออยู่ในมือโดนกระชากอย่างแรง การต่อสู้เปิดฉากเริ่มขึ้นตอนรับแสงตะวันของวันใหม่ “ธ่อ นึกว่าจะเป็นลูกหมู ที่แท้ ก็อังเกย ยักษ์ นี่เอง” เสียงพึมพำ ของคนอัด เล็ดรอดออกมาพอได้ยิน เมื่ออังเกยไซร์เกิน 5 กิโลโดนงัดจนลอยสู่ผิวน้ำ ในขณะที่กำลังชื่นชมกับอังเกยตัวโต คันเบ็ดของคุณโฟก็ถูกปลาดึงจนคันโค้งลงงอแทบจรดผิวน้ำ “คัน้ทายเรือปลากินแล้ว” เสียงร้องตะโกนดังลั่นมา จากทางหัวเรือ พวกที่อยู่ทางท้ายเรือหันขวับเพ็งมองไปยังตำแหน่งคันของคุณโฟสิ่งที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ คันเบ็ดที่ปักไว้ กำลังโดนปลาที่มีแรงพละกำลังมหาศาลกระชากจนคันโค้งอย่างน่าหวาดเสียว แต่แล้วในขณะที่คุณโฟ กำลังจะไปหยิบคัน คันที่โค้งงอ ก็ดีดตั้งตรง “หู..สาย 120 ขาดกระจายเลย” สิ่งที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า คือสายหน้า 120 ปอนด์ที่ขาด ปลามันจากไปพร้อมเขี้ยวแสตนเลส 3 อัน ฝากรอยแค้นที่ต้องกลับมาแก้ตัวใหม่ อีกครั้ง สวัสดี.......

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster