อาทิตย์,22 ธันวาคม 2567 |
เรื่องเล่าคนตกปลา 250 ไมล์กับนายชนบทแล่นเรือโต้คลื่น ปลากระบึกที่สีชัง คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง บางเสร่ยังมีลุ้น ดอดไปฟันไอ้โฉม วันนี้ที่รอคอย มันแปลกดีนะ สายันรัญจวน ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ น้ำใจ โฉมเอยโฉมงาม แข่งขันตกปลาสัญจร#1 ปลายฝนต้นหนาว แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6 ลูกหมูจอมซ่าส์ โต้ลมหนาว เก่งกับเฮง เมษาฮาวาย เมื่อผมไปงานแข่งฯ ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ หูดำที่เกาะค้างคาว ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง มหาเฮง นักเลงโตสากดำ ฟ้าหลังฝน หลังมรสุมสงบ ตามล่าปลาจัมโบ้ บันทึกแห่งความทรงจำ คุณพริ้งลองของ อัดปลาโต้เดิ้ง เพื่อนรักต่างแดน เก๋าหน้าหวาน ไต๋ยอช์ตพาเพลิน สานสัมพันธ์คนตกปลา#1 หรรษาตะวันแดง บางเสร่รำลึก#4 ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก แดงจ๋าแดงจ่า ลีลาสละ ลูกหมูย่ำสวาท ผู้กล้าแห่งวารี ไต๋ระยอดนักสู้ สายสัมพันธ์คนตกปลา#2 มือใหม่หัดเหวี่ยง ผู้พันอินทรี สัตว์ประหลาด ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี จิตสังหาร ลากมาอุ้ม ปริศนาที่เร้นลับ ดอนตะวันแดง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3 ปลายักษ์ในตำนาน ราพาร่าพรางตัว สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4 อินทรีหลังโขด ท่องไปกับตะวันแดง รวมดาวกระจุย บุกรังสีทอง สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4 อยากอัดไอ้หลาม ปลอบขวัญที่กำพวน วาฮูนักวิ่งน้ำลึก วังสีทอง กุเลาเกมส์พันธ์ดุ รางวัลชีวิต สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5 ธิดาย่ำสวาท กุเลาเกมส์คนวัยมันส์ เมษาพาเพลิน |
มิตรภาพไร้พรมแดน ผู้ร่วมทริบ 1.เฮียเล็ก บางชัน 2.เต้ ปลาแมน 3.เข้ม บูรพา 4.ดนัย ปากน้ำโพ 5.Mr.Knae 6.หน่อง นนท์บุรี 7.พี่ซิง ปลาทราย 9.สิน ยุดยา 10.เอ้ ยุดยา และ 11.ขอนลอย "ในวันที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง ที่จะคิดถึง และคอยห่วงใย ในวันที่ชีวิตหม่นหมองและร้องไห้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน" ที่ผมหยิบยก บทกวี นี้ก็เพียงเพื่อว่า อยากจะขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังพบกับความสับสน ความท้อแท้ หมดกำลังใจที่จะดิ้นรนต่อสู้ชีวิต เราขอเป็นกำลังใจ ที่จะคอยเติมพลังชีวิตให้กับท่าน เพื่อที่ท่านจะนำพาชีวิตยืนหยัดก้าวเดินสู้ต่อไป 'ดนัย' เด็กหนุ่มนักเรียนนอก จากประเทศเยอรมันนี ผู้มีถิ่นพักอาศัยอยู่ที่ จังหวัดนครสวรรค์ มีความพิศมัย กิจกรรมตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ ดนัย ควบรถกะบะ คู่ชีพ ห่อตะบึง มาจากนครสวรรค์เมื่อตอนเวลาเช้าตรู่ แวะไปรับเพื่อนรักชาวเยอรมันชื่อว่า Mr.Kane (คุณคาเน่ย์ ) ที่เมืองพัทยา แล้วจึงจะมุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด ใช่แล้ววันนี้เรามีนัดลงเรือกับ ตี๋ใหญ่ ไต๋เรือฝีมือดีแห่งบ้านน้ำเชี่ยว เราเดินทางมาถึงท่าเรืออรุณี เป็นเวลายามบ่าย ตะวันยังชี้โด่ เปล่งรัศมีเหนือยอดภูเขา สัมภาระที่จำเป็นต่อการดำรงชีพตลอดระยะเวลา 2 วัน 2 คืน ที่เราทั้ง 10 ชีวิตจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกลางทะเล ถูกลำเลียงลงสู่เรือน้ำใจอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างพร้อม ตี๋ใหญ่ ไต๋เรือรูปหล่อ ก็เดินทางมาถึงเรือพอดี อย่างกับรู้เวลา พอมาถึงก็ไม่พูดพลามทำเพลง เดินเข้าไปในเก๋งเรือก่อนจะบิดกุญแจ สตาร์เครื่องยนต์ ดัง 'ฉึ่ง' ตี๋ใหญ่ทำหน้าที่ถือพังงาบังคับเรือน้ำใจทะยาน ออกจากท่าเรือ พาพวกเราลัดเลาะมาตามลำคลองที่คดเคี้ยวของคลองน้ำเชี่ยว ทัศนีย์ภาพ สองฝั่งคลอง ปกคลุมไปด้วย ป่าชายเลน ภาพชีวิตของนกเหยี่ยวที่จับอยู่บนยอดไม้กวาดสายตามองหาอาหาร บางตัวกำลังบินวนเหนือท้องฟ้า มองหาอาหารเช่นกัน เมื่อมันพบกับปลาที่กำลังว่ายอยู่ผิวน้ำ มันก็จะบินโฉบ กางกงเล็บที่แหลมคมจับปลาตัวนั้นไปกินเป็นอาหาร มันเป็นวัฎจักรการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบของคลองน้ำเชี่ยว ที่เราจะพบเห็นกันเป็นประจำ พวกเราชื่นชมกับธรรมชาติ ตลอดแนวฝั่งคลองจนเรือแล่นผ่านพ้นผ่านปากคลอง จุดหมายปลายทางของเราในคืนนี้คือ หน้าอ่าวสลักเพ็ชร ตี๋ใหญ่ บอกว่าช่วงนี้ หมึกที่สลักเพ็ชร ชุกชุมกว่าที่อื่น เราจึงมุ่งหน้าไปไดน์หมึกกันที่ สลักเพ็ชร กิจกรรมของคืนนี้ คงเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา นั้นคือ 'ตกหมึกและ ดื่มสุรา' ดนัยและ Mr.Kane ดูจะยังไม่หายตื่นเต้น กับการที่ได้มาลงเรือตกปลาทะเล อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อน้ำสุราไหลผ่านลำคอลงสู่กระเพา ไปได้แก้ว 2 แก้ว วงสนทนา ดูจะเพิ่มรสเพิ่มชาติ ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภาษาไทย และอังกฤษปนเยอรมัน ตีกันให้วุ่นไปหมด เล่นเอาคนฟังเกิดอาการ 'ปวดเฮด' ไปตามๆ กัน คนสนทนาก็พูดจนเมื่อยมือ เพราะบ้างครั้งต้องใช้มือช่วยอธิบาย คนเยอรมันนี่ก็แปลก ไม่ค่อยจะพูดภาษาอังกฤษกันเท่าไร ดีที่เรามีน้องดนัย มาช่วยเป็นล่ามแปล ภาษาเยอรมันให้ จึงช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ 'ภาษามือ' ลงไปได้เยอะ แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม ถ้าเราสามารถสื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ ในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ก็ถือเป็นใช้ได้แล้วละครับ คืนนั้นเราสนุกกับเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณคาเน่ย์ ถ่ายทอดเล่าให้ฟัง ถึงบ้านเกิดเมืองนอนเขา เวลาจะตกปลาแต่ละที มันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างเช่นเมืองไทยเราเลย เราได้รับรู้สิ่ง ใหม่ๆ อย่างไม่รู้เบื่อโดยเฉพาะ อาชีพทำฟาร์มกวาง ให้นักล่าซื้อตั๋วเพื่อไปล่ากวาง สนนราคา เมื่อคำนวณคูณเป็นเงินไทย ก็ตกครั้งละ กว่าแสนบาท และสามารถล่ากวาง ได้เพียง 1 ตัวเท่านั้น อรุณเช้าวันใหม่ ในวันที่ท้องฟ้าสดใส อากาศเย็นสบายสุดสดชื่น ความรู้สึกมันช่างแตกต่างกับอากาศในเมืองอย่างสิ้นเชิง เสียงเครื่องยนต์เรือ ยังคงดังกระหึ่ม หัวเรือแหวกพื้นน้ำแตกกระจาย ทำให้ปลานกกระจอกตกใจ กระโดดบินถลาเหินลม ตัดกับสีฟ้าครามของผิวน้ำทะเล ตี๋ใหญ่ กำลังจะพาพวกเรา ไปยังหมายหินกอง ที่อยู่หลังเกาะรัง ด้วยหวังเพื่อจะตกปลาเก๋าลูกหมูอวดฝรั่งให้ได้ชมเป็นขวัญตาว่าเมืองไทยของฉันก็มี อีฟายเฟนลุ๊ค ตัวใหญ่ (ปลาเก๋า) ไม่แพงต่างประเทศเหมือนกัน พอเรือไปถึงหมายกองหิน ตี๋ใหญ่สั่งให้เด็กเรือทิ้งสมอ แล้วใส่เกียร์ถอยหลังเข้าหาจุดหมายกองหิน สายสมอตึง หมึกเป็นตัวใหญ่ถูกช้อนขึ้นมาจากห้องขัง ก่อนจะบรรจง ฝังตะขอเบ็ดลงไปยังใต้ผิวของมัน สายเบ็ดถูกหย่อนลงสู่พื้นด้านล่างเวลาต่อจากนี้ไปแต่ละคนจะใจจดจ่อ อยู่ที่ปลายคันเบ็ดของตัวเอง โดยเฉพาะ สินกับเอ้ เด็กหนุ่มจาก อำเภอวังน้อย อยุธยา ที่มาลงเรือเที่ยวนี้กับเราด้วย รู้สึกจะไม่ละสายตาห่างจากปลาคันเลย "อึ๊บบบบ วู้...ติดแล้วโว้ย ฮ่ะฮะฮ่า " เสียงเจ้าสิน ร้องตะโกน ออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเหยื่อหมึกของตัวเองโดนปลาสวามปามเข้าให้แล้ว ปลามันดึงคันเบ็ดของสิน โค้งวูบ ก่อนที่ สิน จะวัดคันสวน "ปลั๊ก เข้าให้ เสร็จตู ละเมิ้งหวานคอแร้ง ตูละ" เสียงของสิน ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ สะใจกับ ปลาเปิดเกมตัวแรกของทริบนี้ และเพียงไม่กี่อึดใจ ปลาเก๋า ไซร์ กำลังน่าหม่ำ ก็ถูกสินดึงขึ้นมานอน พุงป่องบนผิวน้ำ และเมื่อปลาเริ่มกินห่างตัว เราจึงต้องย้ายหมาย ไปยัง หมายกองหินข้างเกาะกูด ระหว่างที่ย้ายหมาย ผมหยิบเอา เหยื่อลากปลาบินของพี่หมูโอเชี่ยน ออกมาปล่อยสายลาก เพื่อจะหาปลาโอ มาทำ ซาซิมิ กินสักตัว 2 ตัว พอปล่อยสาย เซ็ตแดรกเสร็จได้ไม่ถึง 5 นาที เสียงรอก Shimano TI16 ก็แผดเสียงดังสนั่นลั่นเรือ คัน Fenwick IGFA 20 ปอนด์ โน้มตัวตามแรงดึงของสายเอ็นที่ไหลออกจากรอก สมาชิกต่างกรู่กันวิ่งมาท้ายเรือ มองหาจุดต้นต่อของเสียง นายเอ้ รับอาสา ปิดเกม รับคันไปกรอสายเก็บเข้ามาและแล้วปลาโอ 2 ตัว ที่หลงมางาบเหยื่อปลาบินของพี่หมูโอเชี่ยน ก็มีอันต้องแปรสภาพ เป็นปลาดิบไปใน อีกไม่กี่นาที แหม! ขณะที่เรากำลังเพลินกับของเล่นชิ้นใหม่ ตี๋ใหญ่ ก็พาเรือ มาถึงหมายกองหินเสียแล้ว เราจึงต้องพักเรื่องเหยื่อปลาบินไว้ก่อน หันมาคว้าคันตกปลาหน้าดินกันต่อ Mr.Kane หลังจากที่หมายแรก ได้แต่วัดคัน วัดลม วื้ด ไป วื้ดมา ไม่ได้อัดปลาสักตัว เพราะพี่ท่านจับจังหวะปลากินเหยื่อไม่ถูก มาหมายนี้จึงต้องมีการแนะนำเทคนิค สอนจังหวะการวัดคัน ให้พี่ท่านสักหน่อย และคุณคาเน่ย์ ก็นำมาใช้อย่างได้ผล เมื่อสามารถงัดเอาปลาอังเกย ไซร์โต ขึ้นมานอนลิ้นจุกปาก ในตระกร้า ได้สำเร็จ ตามมาด้วย นายหน่อง นนท์บุรี ที่เล่นเอาล่อเอาเถิดกับปลาสร้อยนกเขา อีก 1 ตัว ทำให้ขวัญและกำลังใจของเพื่อนๆ ผู้ร่วมออกทริบ เริ่มพองโต เกิดความมุ่งมั่นที่จะตกปลากันต่อไป จนในที่สุดเราต้องย้ายหมาย กันอีกครั้ง คืนนี้เราจะออกไป ตกปลากันที่ซากเรือจมที่อยู่ไกล ออกไปทางทิศใต้ เยื้องไปทางทิศตะวันตกของเกาะกูด เรือแล่นห่างจากเกาะกูด ภาพเกาะกูดค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนเกือบจะลับหายไปกับสายตา เราแล่นเรือมาจนแสงตะวันกำลังจะลาลับท้องฟ้า ความมืดกำลังจะคืบคลานมาสู่พื้นโลกอีกครั้ง เรือน้ำใจก็มาถึงหมายซากเรือ สมาชิกร่วมเดินทาง ทยอยตื่นจากการหลับพักผ่อน กันทีละคน 2 คน ก่อนจะปรี่ไปคว้าคันของใครของมันมายืนเข้าแถวรอ ให้เจ้าบังเกี่ยวหมึกให้ คนที่เกี่ยวหมึกเสร็จแล้ว ก็จะไปหาทำเล เลือกสมรภูมิ หย่อนก้นปล่อยเหยื่อ ลงสู่ก้นทะเล เพื่อนๆ ทุกคนลุกขึ้นมาตกปลากันเกือบครบทุกคน แต่ "เอ๊ะ! ใครเห็นเจ้าดนัยบ้างครับ เนี่ย" ผมถามนายดอกรัก เพื่อนที่ร่วมเดินทางมากับ ดนัย เมื่อรู้สึกว่าสมาชิกบนเรือ นั้นขาดหายไป 1 คน "ยังนอนอยู่บนชั้น 2 ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพี่ สงสัยจะยังไม่สร่างเมาเรือ ฮ่ะฮ่า! " นายดอกรักพูดไปหัวเราะไป "เอานี่ ส้มกับยาแก้เมาเอาไปให้ดนัยกินสะ จะได้ดีขึ้น" ผมบอกให้ดอกรักนำผลส้มกับยาแก้เมาไปให้ดนัยกิน ขณะที่เรากำลังเป็นห่วงน้องใหม่หนุ่มนครสวรรค์ที่ ลงเรือครั้งแรก ก็เมาเรือขี้แตกขี้แตนอยู่นั้น นายหน่อง ที่นั่งตกปลาอยู่หัวเรือ ก็พรวดพราดลุก ตึ้งตั๊งขึ้นยืน ทำเอาเพื่อนๆ ที่นั่งตกปลาอยู่ข้างๆ ตกใจไปตามๆ กัน "เฮ้ย! หน่องเป็นอะไร" พี่ซิงที่นั่งตกปลาอยู่ข้างๆ ร้องถามด้วยความตกใจที่เห็นนายหน่อง อยู่ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืนอย่างนั้น "ปลากินครับปลากิน แฮ่ะๆ โทษทีครับพี่ ที่ทำให้ตกใจ" เสียงนายหน่องตอบ ในขณะที่ปลายคันออกอาการโค้งงอ ในที่สุด หน่อง ที่ยืนอัดปลา งัดเอาปลาอังเกย ไซร์ ประมาณ 3 กิโล ขึ้นมานอนลิ้นจุกปลาในตระกร้าได้เป็นผลสำเร็จ ในขณะที่หน่อง กำลังอัดปลา อยู่นั้นปลายคันเบ็ดในมือของเจ้าขอนลอย ก็แสดงอาการกระดุ๊บ กระดุ๊บ พี่ซิงที่นั่งอยู่ข้างๆ และทำหน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยง ให้กับเจ้าขอนลอยพอเห็นปลายคันที่ แสดงอาการอย่างนั้น ก็ร้องบอกให้เจ้าขอนลอย ลดคันลงเพื่อเป็นการส่งสายให้มันก่อนที่คันจะโค้งวูบเพราะแรงดึง "วัดเลยขอน วัดคันก่อน" เจ้าขอนวัดคันตามที่อาจารย์ซิง บอกด้วยท่าทางเก้ เก้ กัง กัง "อยู่มั๊ยขอน" พี่ซิงถามย้ำ อีกที "อยู่ครับ พี่หนักอึ้งเลยพี่" ขอนลอยตอบ คันเบ็ดโค้งงอ ในที่สุดเจ้าขอนก็ดึงปลาอังเกยขึ้นมานอนอ้าปากหวอ ในตระกร้าได้สำเร็จ ตามหลัง เจ้าหน่องมาติดๆ ส่วนนายเข้ม กับนายเต้ ปลาแมนที่นั่งตกปลา เลือกทำเลทางท้ายเรือ ก็ดึงเอาปลาอังเกยขึ้นมาได้อีก คนละตัว 2 ตัว ส่วนนายสินกับเจ้าเอ้ รวมทั้งเฮียเล็กบางชัน ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเพื่อนคนอื่น เมื่อช่วยกันทำมาหากิน งัดเอาอังเกยขึ้นมาเพิ่มประชากร บนเรืออีกคนละ ตัว 2 ตัว แม้แต่คุณคาเน่ย์ และนายดอกรัก ก็ดึงปลาขึ้นมาบนเรือจนถ้วนหน้า แต่เจ้าประคุณ มิสเตอร์คาเน่ย์ กว่าจะวัดติดปลา แต่ละตัว ก็ วื้ด แล้ว วื้ดอีก พี่ท่านเล่นวัดลม หมดเหยื่อไปเป็นสิบตัว จนต้องมีการเทรน กันอีกครั้ง คราวนี้คุณคาเน่ย์ไม่ผลาดอีก เมื่ออัดเอาปลาอังเกย ขึ้นมาได้อีกตัว ก่อนจะขอตัวขึ้นไปนอนเป็นเพื่อนเจ้าดนัย พวกเราสนุกสนาน เพลิดเพลินกับเกมตกปลา จนเวลาผ่านไปเป็นของวันใหม่ ความง่วนก็เข้ามาเยือน เพื่อนๆ ค่อยๆ ละคันเบ็ด ไปหาที่หลับนอนกันทีละ คน 2 คน อรุณรุ่งเช้าวันใหม่ เช้านี้ท้องฟ้าช่างดูสดสวย กว่าทุกวัน น้ำทะเลสีครามตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ที่มีเมฆสีขาวปะปรายกระจายเป็นกลุ่มๆ สายลมพัดเอื่อยๆ พาอากาศที่เย็นสบาย แหม! มันสดชื่นจริงๆ นะ ตี๋ใหญ่ ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ก่อนจะก้าวเดินออกมาจากเก๋งเรือ แล้วถามว่า "เมื่อคืนได้เยอะมั๊ย ปลากินดีป่าวพี่โย" ผมตอบตี๋ใหญ่ไปว่า "ก็พอได้ สัก 2 ตระกร้าได้มั้ง ปลามันหยุดกินไปช่วงหนึ่ง" ตี๋ใหญ่สั่งเด็กเรือกว้านสายสมอขึ้นเพื่อที่จะเดินทางกลับเข้าฝั่ง ผมถือโอกาสนี้เข้าไปปรึกษากับตี๋ใหญ่ "ตี๋ใหญ่ เดี๋ยวไปแวะ หาหมายปลาเก๋า ก่อนกลับสักหมาย 2 หมายด้วยนะ" ตี๋ใหญ่ก็แสนจะดีตกปากรับคำทันที ระหว่างที่เราแล่นเรือกลับมาทางเกาะกูด ผมก็ไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ เหยื่อปลาบิน ถูกงัดออกมาปล่อยลากปลาโออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนได้เห็นในฤทธิ์เดช ของมันแล้วว่า 'มันใช้ได้ผล' ดังนั้นเมื่อปลาบินถูกปล่อย เพื่อนๆ ทุกคนก็มายืนออ กันที่ท้ายเรือ 'เพื่อเข้าคิวอัด' และเหยื่อปลาบิน ของพี่หมูโอเชี่ยน ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแม้แต่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน มันก็ได้สำแดงเดช ออกมาให้ทุกคนได้เห็น เมื่อคันที่ปล่อยลากสายโค้งวูบ ก่อนที่รอกจะแผดเสียงดังลั่น สายวิ่งไหลปรู๊ดดดด วิ่งออกจากรอกอย่างรวดเร็วด้วยแรงบวกของเรือที่วิ่งไปข้างหน้า กับแรงต้านของปลาที่วิ่งไปอีกทาง ยิ่งทำให้เสียงของรอกทวีความดังขึ้นจนแสบแก้วหู ชุดแรก พี่ซิง รับอาสาเป็นคนแรก ประเดิมด้วยปลาโอถึง 4 ตัว จากนั้นเราก็ปล่อยปลาบินอีกครั้ง ให้ระยะห่างจากเรือไปประมาณ 50-60 เมตร แล้วตั้งแดรกพอตึงอย่าแข็งมากเวลาปลางับ ปากปลาจะได้ไม่ฉีก พอตั้งแดรกเสร็จ กำลังจะปักคันลงในกระบอก ปลาโอก็เข้ามา งับเหยื่อเสียแล้ว นายเข้ม ชูมือ ขันอาสาขอเล่นบ้าง "ตาผมครับ ผมใส่เข็มขัดรอแล้ว มาม่ะ ขออัดดูสักที มันจะมันส์ขนาดไหน" ผมยื่นคันส่งให้นายเข้ม รับเอาไปอัด คราวนี้ปลาโอกินเบ็ดถึง 5 ตัวเรียกว่าติดเบ็ดทุกตัว แต่หลุดระหว่างที่เราช่วยกันดึงขึ้นเรือไป 3 ตัว เลยเหลือเพียง 2 ตัว เพื่อนๆ สนุกกับเกมลากสาย จนกระทั่งเรือแล่นมาถึงหมายกองหิน "เฮ้ย! ไอ้นี่มันใครฟ่ะ มันขึ้นเรือมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เสียงแซว จากเพื่อนคนหนึ่ง แซวเจ้าดนัย เมื่อพึ่งจะเห็นหน้าเจ้าดนัย โผล่หน้าออกมาจากเก๋งเรือเป็นครั้งแรก "ฮะ ฮ่ะ ฮา เป็นไงบ้าง หายมึนหัว รึยัง" ผมกล่าวทักทาย ดนัยทันทีที่พบหน้า "ค่อยยังชัวร์แล้วพี่ สงสัยคืนแรกผมคงดื่มมากไปหน่อย ก็เลยนอนหัวมึนในเก๋งเรือทั้งวัน ฮ่า!" หน่อยแนะ เมาเรือแล้วยังจะมาทำเก๋ไก๋ บอกว่าเมาเหล้าอีก เน๊อะ คนเรา "เอ้า ไปหยิบคันเบ็ดมาตกปลาสะเลย" ผมบอก ดนัย ไหนๆ ก็ได้ออกทะเลแล้ว ครั้นจะไม่ได้ตกปลามัวเอาแต่นอนหัวมึนในเก๋งเรือ ก็กระไรอยู่ พวกเราต่างช่วยกันทำทุกวิถีทางเพื่อให้ ดนัย เด็กหนุ่มจากนครสวรรค์ได้สมหวังกับอรรถรส การอัดปลากับเขาบ้างสักตัว และสิ่งที่เรากำลังช่วยกันลุ้นก็เป็นจริงขึ้นมา เมื่อคันเบ็ดในมือ ของดนัย ถูกปลากระชากลงจนคันโค้งงองุ้ม "วัดเลย วัดเลย ไอ้น้องปลาติดเบ็ดแล้ว" เสียงพี่คนหนึ่ง ที่ยืนลุ้นเป็นกำลังใจให้กับน้องใหม่ที่ชื่อ ดนัย ที่พึ่งจะคลายอาการเมาเรือ ดนัย พยายามกัดฟัน จนสันกรามขึ้นเป็นนูน ปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดนัย ค่อยๆ กรอรอกเก็บสายเอ็น ไปอย่างเชื่อช้า เสียงเทรนเนอร์ ต่างก็ช่วยกันบอก ช่วยกันสอน กันเสียงดัง ระงม "เฮ้ย ปั๊มคัน เอ้า ปั๊ม เนิบ เนิบ น้าน อย่างนั้นแหละ แจ๋ว" ในที่สุด ปลาทะเลตัวแรก ในชีวิตของดนัย ก็ขึ้นมาลอย ตุ๊บป่อง อยู่ข้างกาบเรือ มันเป็นปลาเก๋า ขนาดกำลังน่าหม่ำ Mr.Kane เดินเข้าไปแสดงความยินดีกับเพื่อนรัก คนที่ดีใจมากที่สุด คงจะเป็นคนที่ตกได้ และคนที่เป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นบรรดากองเชียร์ ที่ยืนลุ้น "ปลาตัวนี้มันคงอยาก ไปดูเขาเชิดสิงค์โต ที่นครสวรรค์ แหง แหง ฮ่า! " เสียงพี่ซิง หนึ่งในเทรนเนอร์ กล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เรากำลังเพลิดเพลิน กับการตกปลา เสียงตี๋ใหญ่ก็ดังขึ้น "เก็บเบ็ด เข้าฝั่งได้แล้วครับ เดี๋ยวจะเข้าไม่ทัน มีแขกอีกชุดรออยู่ครับ" เราจำเป็นต้องเก็บเบ็ด เพราะถึงเวลาอันควรแก่การเดินทางกลับเข้าฝั่ง มิตรภาพ ของเพื่อนรัก ที่ผูกพันธุ์ ลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลจากต่างแดน เพื่อนที่เคยกอดคอร่วมทุกข์ เคยร่วมสุขสนุกสนาน ด้วยกันมาช้านาน มันผูกพันธุ์ ฝั่งแน่น อยู่ในความรู้สึกที่ดี ต่อกัน ระหว่างนั่งเรือเดินทางกลับเข้าฝั่ง Mr.Kane กล่าวชมพวกเราว่า เป็นเพื่อนที่ดีมีน้ำใจช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันดีมาก เขาเป็นชาวต่างชาติ ไม่ค่อยจะพบเห็นกับสิ่งเหล่านี้เท่าไรนัก และเขาจะมาเที่ยวเมืองไทยใหม่ ในยามฤดูตกปลาทะเลมาถึง แล้วพบกันใหม่เมื่อฤดูกาลตกปลามาถึง เรื่องราวในทริบนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ฉบับหน้ากับ "เก๋าหน้าหวาน" สำหรับท่านที่สนใจจะออกทริบตกปลากับเราในฤดูกาลตกปลาที่กำลังจะมาถึงนี้ ติดต่อสอบถาม ได้ ที่ 06-3428982 ครับ |
Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved. Contact Webmaster |