จาก ต้นหลิว IP:124.121.177.164
อาทิตย์ที่ , 18/10/2552
เวลา : 12:34
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
การตกปลาแบบจิ๊กกิ้ง
ล่าสุดกระแสการตกปลา แบบจิ๊กกิ้งดูเหมือนว่าจะมาแรง เพราะถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ของการตกปลา ถึงแม้จิ๊กกิ้งตกปลาน้ำจืดเรา จะ นิยมใช ้มา นาน เช่น การลอยสปูนดิ่งลงข้างเรือ ริมหน้าผา หรือริมผนังถ้ำ แล้วรีบกรอขึ้นมา หรือกรอแล้วหยุด ๆ เพื่อตกปลากระสูบ....
แต่จิ๊กกิ้งตกปลา ทะเล ถือเป็นเรื่องใหม่ ในวงการตกปลาระดับโลกมีโปรจำนวนไม่น้อยยกให้จิ๊กกิ้งเป็นกระบวนการท่าไม้ตายในการตกปลาโดยเฉพาะการ จิ๊กกิ้ง ใน แนวดิ่งในต่างประเทศนักตกปลารู้จักการจิ๊กกิ้งมา
นานแล้ว แต่บ้านเราจิ๊กกิ้งเป็นของใหม่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะใครก็ตามที่ชอบตกปลากิน
การจิ๊ก คือ การกระตุกเหยื่อซึ่งทำได้หลายรูปแบบ และหลายวิธี ที่สุดแล้วนักตกปลาก็
จะค้นพบเทคนิคและ วิธีการใช้เหยื่อ ในการจิ๊กกิ้ง ได้ผลใน แหล่ง ตกปลานั้น ๆ
คันเบ็ดและรอกที่สามารถนำไปใช้งานกับการตกปลาแบบจิ๊กกิ้ง
คันเบ็ดและรอกที่สามารถนำไปใช้งานกับการตกปลาแบบจิ๊กกิ้ง (Jigging) นั้นสามารถใช้ได้ทั้งชุดสปินนิ่งและชุด
แบบเบทคาสติ้ง หลักการ เลือกใช้คันและรอก มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
- คันเบ็ดไม่ว่าจะเป็นคันแบบสปินนิ่งหรือแบบเบทคาสติ้ง
น้ำหนักคันต้องเบา เพราะการตกปลาแบบจิ๊กกิ้งนั้น นักตกปลาจะต้องถือคันเบ็ดไว้ตลอดเวลา
ความยาวที่เหมาะสม ระหว่าง 5 ฟุต ถึง 6 ฟุต 6 นิ้ว ถ้าสั้นกว่านี้จะสร้าง Action ให้กับเหยื่อได้ยาก และถ้ายาวกว่านี้น้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้น คันเบ็ดที่ใช้จะเป็นแบบท่อนเดียวหรือคันแบบสองท่อนก็ได้...
ในปัจจุบันนี้บ้านเรานิยมใช้คันเบ็ดแบบสองท่อน โดยมีข้อต่อที่ส่วนบนของด้ามจับ (fore grip) ด้ามจับส่วนใหญ่จะเป็นยาง EVA ที่มีน้ำหนักเบาไกด์ จะต้องรองรับการเสียดสีของสายในรอก ที่ส่วนใหญ่จะใช้สาย PE Dyneema หรือสายเชือกถัก ซึ่งสายเหล่านี้จะไม่ลื่นเหมือนกับสายเอ็นทั่วไป ส่วนใหญ่วงไกด์ที่นิยมใช้กัน จะมีวงเป็นซิลิคอน คาร์ไบท์ (SIC) นอกจากนั้นจะต้องพิจารณาขนาดของวงไกด์ตัวแรกให้มีขนาดมากพอที่จะลดแรงเสียดทานของสายจาก
รอก ถ้าเป็นคันแบบสปินนิ่งโดยทั่วไปนิยมใช้วงไกด์ขนาด 40 มิลลิเมตร เรียกย่อๆ ว่าไกด์เบอร์ 40 ส่วนไกด์ตัวอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นจะไล่เรียงกันจากใหญ่ไปหาเล็ก เช่น 40-30-25-20-16-12 เป็นต้น ส่วนไกด์ตัวสุดท้ายที่เรียกว่า ทิปทอป นั้นควรมีวงไม่ต่ำกว่า 10 มิลลิเมตร หรือเบอร์ 10...
ทั้งนี้เนื่องจากปลายสายส่วนใหญ่จะใช้สาย Fluorocarbon หรือสายโมโนทั่วไป ต่อเข้ากับสายในรอก ซึ่งถ้าไกด์ตัวปลายหรือไกด์รองลงมามีขนาดเล็กจะทำให้สายหน้าสะดุดกับวงไกด์ได้
ส่วนคันแบบเบทคาสติ้ง ส่วนใหญ่จะใช้ไกด์เรียงลำดับกัน ดังนี้ 25-20-16-12-12-12-10 เป็นต้น ความแข็งแรงของคันจะต้องรองรับกับขนาด ของสายในรอกได้ โดยส่วนใหญ่คันประเภทนี้ จะบอกขนาดสายเป็น PE เช่นขนาด PE 4-6,5-8,6-10 เป็นต้น สำหรับบ้านเราส่วนมากนักตกปลาจะคันเบ็ดที่รองรับสาย PE4-6 และPE 5-8 หากจะเทียบก็ประมาณขนาดแรงดึงเป็นปอนด์ ซึ่งจะอยู่ระหว่าง 40-60 และ 50-80 ปอนด์ เป็นต้น
รอกไม่ว่าจะเป็นคันแบบสปินนิ่งหรือแบบเบทคาสติ้ง
ความสามารถสูงสุดของแดรก (Max Drag) ที่สามารถหยุดสายไม่ให้ไหลออกจากรอก ทั้งนี้ความสามารถของแดรกจะสัมพันธ์โดยตรงต่อความแข็งแรงของรอก กล่าวคือรอกที่มี Max Drag สูง จะมีความแข็งแรง และมีราคาสูงกว่ารอกที่มี Max Drag ต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรอกที่ดีที่สุดของแต่ละยี่ห้อ เช่น stella ของ Shimano หรือ รุ่น Salticaของ Daiwa ในแบบสปินนิ่ง เป็นต้น
ขนาดของรอก จะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับสายในรอก โดยส่วนใหญ่นักตกปลาบ้านเราจะเลือกใช้รอกที่จุสายได้ไม่น้อยกว่า 200 เมตร สำหรับการตกปลาน้ำลึกเกิน 100 เมตร ซึ่งขนาดของรอกจะต้องคำนึงถึงความลึกที่จะตกปลาเป็นหลัก
อัตราทด (Gear Ratio) รอกที่เหมาะกับการตกปลาประเภทนี้ ควรจะมีอัตราทดสูง ทั้งนี้เพื่อการเก็บสายและการสร้างแอ๊คชั่น ให้กับตัวเหยื่อทำได้ง่าย ซึ่งรอกที่เหมาะกับงานชนิดนี้ควรมีอัตราทด 5.0:1 ขึ้นไป
ตัวอย่างของรอกประเภทนี้ถ้าเป็นแบบสปินนิ่ง ของ Shimano ได้แก่
Stella SW 8000 PG Max Drag = 20 kg.Line Capacity PE 5=250 m.Gear ratio 5.0:1
Stella SW 10000 HG Max Drag = 30 kg.Line Capacity PE 6=250 m.Gear ratio 6.0:1
Stella SW 20000 PG Max Drag = 30 kg.Line Capacity PE 8=350 m.Gear ratio 4.4:1
นอกจากนั้นยังมีรุ่นรอง ๆ ลงไปของ Shimano ที่ผลิตขึ้นมาเพื่องานนี้โดยตรง เช่น Twinpower 6000-8000 PG ,Ultegra 6000-8000 PG และ Navi 6000-8000 PG เป็นต้น
ส่วนตัวอย่างของรอกในแบบ เบทคาสติ้ง ของ Shimano ได้แก่
- Jigger NR 2000P Max Drag = 7 kg.Line Capacity PE 5=220 m.Gear ratio 5.1:1
- Jigger NR 3000P Max Drag = 7 kg.Line Capacity PE 6=330 m.Gear ratio 5.1:1
- Accurate Boss Maxnum Model 270 870 665
ส่วนรุ่นถัดลงมาของ Shimano ที่ผลิตขึ้นมาเพื่องานนี้โดยตรง เช่น Trinidad 12-16 , Torium 16-20
ส่วนยี่ห้ออื่น ๆ นั้นนักตกปลาสามารถเทียบเคียงจากคุณสมบัติข้างต้นนี้ได้
สายในรอกและสายหน้า
สายที่ใส่ในรอกที่เหมาะสมกับการตกปลาแบบจิ๊กกิ้ง ควรจะเป็นสายที่มีอัตราการยืดตัวต่ำหรือไม่มีเลย และควรมีหน้าตัดขนาดเล็ก แต่สามารถรับแรงดึงได้สูง ส่วนใหญ่นักตกปลานิยมใช้สายเชือกถัก เช่นสาย PE (Phycoerythrin) หรือสาย Spectra, หรือ สาย Braid หรือสาย Duneema เป็นต้น แต่ทั้งนี้ สาย PE ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งสังเกตุได้จากบริษัทผู้ผลิตทั้งคันเบ็ดและรอก ต่างได้ถือเอาความสามารถเช่นความจุของสายที่ระบุเป็นเบอร์ของ PE หรือคันเบ็ดที่ระบุความแข็งของคันเป็นขนาด PE สำหรับบ้านเรานิยมสาย PE 4-8 หรือเทียบเคียงได้ประมาณ 40-80 ปอนด์
สายหน้าที่เป็นส่วนต่อระหว่างสายในรอกและตัวเหยื่อ นิยมใช้สาย Fluorocarbon Leader หรือสาย Mono Leader Fluorocarbon จะกลมกลืนไปกับน้ำทำให้ปลามองไม่เห็นประกอบกับสายชนิดนี้มีอัตราการยืดตัวต่ำ และไม่ขดเป็นวงทำให้การวัดปลามีประสิทธิภาพมากกว่าสายลีดเดอร์โมโนธรรมดา ส่วนการต่อสายในรอก PE เข้ากับสายหน้าจะต้องใช้เงื่อนต่อสายที่มีความมั่นคงแข็งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นเงื่อนGT knot และเงื่อน Albright Knot เป็นต้น ส่วนการต่อสายหน้าเข้ากับเหยื่อ Jigs สามารถใช้ได้ทั้งการใช้เงื่อนต่อแบบ Rapala Knot หรือใช้ Clip ที่มีขนาดแข็งแรงก็ได้
|