คำตอบที่ 1
       ปืนไรเฟิลล่าสัตว์กับปืนไรเฟิลยิงคนไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ ปืนไรเฟิลใช้กระสุนขนาดไหนมันก็ใช้ล่าสัตว์ได้ทั้งนั้นแหละครับ แถมกระสุนไรเฟิลยิงสัตว์บางชนิดก็ถูกนำมาใช้ทางการทหารด้วย อย่างกระสุน .223 Remington (5.56x45 mm. NATO) , .30-06 Springfleld (7.62x63 mm.) หรือ .308 Winchester (7.62x51 mm. NATO) ซึง 3 ขนาดนี้เป็นกระสุนใช้ยิงสัตว์ขนาดกลางจำพวกกวางหรือหมีในป่าของอเมริกาครับ แต่ทั้งนี้นั้นในการล่าสัตว์เราต้องการกระสุนที่ทรงอานุภาพทั้งอำนาจสังหารและอำนาจหยุดยั้ง สามารถถ่ายเทพลังงานได้สูง และต้องเลือกกระสุนให้เหมาะสมกับขนาดของสัตว์ที่คุณจะล่าด้วย เช่น คุณไปล่าช้างแต่ผ่าเอาปืนลูกกรด .22 LR หรือปืนไรเฟิล .223 Remington ไปใช้แบบนี้ ผมว่าแบบนี้คุณไม่ได้ล่าช้างหรอกครับ ช้างนั่นแหละจะหันกลับมาล่าคุณเสียเอง หรือกว่าจะล้มมันได้คุณต้องวิ่งไปยิงไปจนน้ำบานป่าราบเป็นแถบๆกันพอดี

ผมเคยศึกษาตำราปืนไรเฟิลของฝรั่ง เขาแบ่งสัตว์ออกเป็น 3 ขนาดตามน้ำหนักและรูปร่างคือ สัตว์ขนาดเล็กเช่นพวกนก พวกลิงค่าง สัตว์ขนาดกลางเช่นกวาง หมูป่า หมี และสัตว์ขนาดใหญ่เช่นเสือ สิงโต กระทิง แรด ฯลฯ พวกนี้เป็นต้น (มนุษย์จัดอยู่ในขนาดกลางแต่เป็นสัตว์หนังบาง ใช้แค่กระสุนขนาดเล็กอำนาจสังหารสูงก็ตายได้แล้วครับ) การยิงสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ขนาดกลางถึงใหญ่นั้น ถ้าใช้่กระสุนที่มีอำนาจหยุดยั้งและอำนาจสังหารต่ำหรือยิงไปแล้วกระสุนทะลุออกหรือถ่ายเทพลังงานไม่ดีพอทำให้สัตว์ไม่ตายในทันที คุณมีโอกาสสูงมากที่จะถูกถูกสัตว์วิ่งชาร์จกลับได้ โดยเฉพาะการล่าพวกสัตว์ในกลุ่ม The Big Five ของป่าแอฟริกาได้แก่ ช้างแอฟริกา สิงโต แรด ควายป่า เสือดาว ถ้าคุณใช้กระสุนที่มีหน้าตัดขนาดเล็ก กระสุนมีเกรนน้อยเกินไป ก็มีโอกาสสูงที่คุณยิงไปแล้วจะทำให้สัตว์บาดเจ็บไม่ตายทันที และโอกาสถูกสัตว์วิ่งชาร์จสวนกลับสูง เอาง่ายๆเลยคือการล้มช้างป่าแอฟริกา ในตำราแนะนำว่าขนาดกระสุนที่ควรใช้คือ กระสุนขนาด .375 H&H Magnum ขึ้นไป ต้องมีน้ำหนักหัวกระสุน 220 เกรนขึ้น หรือถ้าจะใช้กระสุนขนาดอื่นต้องมีความเร็ว 2,600 ฟุต/วินาทีขึ้นไป มีแรงปะทะต่อเป้าหมายอย่างน้อย 4,000 ปอนด์ (2 ตัน) /ตร.นิ้วขึ้นไปครับ

ด้วยเหตุนี้เขาถึงมีการออกแบบกระสุนสำหรับล่าสัตว์ใหญ่ออกมาหลายขนาด เช่น .375 H&H Magnum , .458 Winchester Magnum , .600 Nitro Express , .700 Nitro Express หรืออื่นๆอีกมากมายหลายขนาด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าปืนอย่างอื่นใช้ล่าสัตว์ไม่ได้นะครับ ปืนลูกซองเอย ปืนพกเอย ไปจนถึงปืนกลก็ใช้ล่าสัตว์ได้นะ อันนี้แล้วแต่ความถนัดของคนยิง แต่ที่สำคัญคือไม่จำเป็นอย่าไปล่ามันเลย ทุกวันนี้ป่าไม้กับสัตว์ป่าก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ช่วยๆกันอนุรักษ์กันหน่อยเถอะ คิดว่าเหลือไว้ให้ลุกหลานมันดูก็ยังดี ทุกวันนี้โลกเรามันก็ร้อนจนคนชักจะเพี้ยนกันมากขึ้นแล้วครับ

ปืนไรเฟิล Winchester Model 70 ขนาด .458 Winchester Magnum ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       The Big Five ของป่าแอฟริกาครับ บางประเทศยังขายใบอนุญาตให้ล่าอยู่นะครับ แต่ว่าปืนต้องหาไปเองที่สำคัญกระสุนปืนไรเฟิลใหญ่นี่หายากน่าดูเลยนะครับ (ยกเว้นห่ามพอที่ขนปืนกล Browning M2HB หรือปืนกล 93 ไปเอง แต่ว่าคงโดนจับตั้งแต่สนามบินแล้วครับ )

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เรียนถามท่านผู้รู้ ปืนไรเฟิล หมายถึงปืนยาวที่เราประทับยิงทั่วๆไป ใช่หรือเปล่าครับ แล้วจะกำหนดขนาดของลูกด้วยหรือเปล่าครับ ปืนยาว.22lrก็รวมเป็นปืนไรเฟิลอย่างที่ผมเข้าใจใช่หรือเปล่าครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ปืนไรเฟิลโดยทั่วไปคือปืนเล็กยาวมีเกลียวในลำกล้องครับ ส่วนกระสุนมิได้กำหนดว่าต้องเป็นขนาดใดถึงจะเรียกว่ากระสุนไรเฟิล ฉะนั้นปืนยาวขนาด .22 LR ก็ถือเป็นปืนไรเฟิลได้ด้วยครับ

ภาพเกลียวลำกล้องของปืนไรเฟิล Marlin ขนาด .35 Remington ครับ ร่องเกลียวเรียกว่า Groove สันเกลียวเรียกว่า Land

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ..เข้าใจแจ่มแจ้งเลย ท่านKalashnikov Jr ขอบคุณครับ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ไรเฟิลล่าสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่และดุร้ายแบบ Big Five อย่างที่ท่านคาลาฯร่ายยาวมานั่น ตำนานมันเกิดจากพวกอังกฤษที่เข้าไปปกครองอาณานิคมของตัวเองในอาฟริกาซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักล่าสัตว์ ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นทีเดียว
สมัยนั้นกระสุนปืนไรเฟิลที่ใช้ ยังไม่มีอานุภาพมากเหมือนสมัยนี้ เนื่องจากยังคงใช้ดินปืนแบบโบราณอยู่ ผู้ผลิตปืนจึงต้องเน้นให้ปืนไรเฟิลสมัยนั้น ใช้กระสุนที่มีหน้าตัดใหญ่ๆแบบ.458/ .460/.600 เอาไว้ก่อนเพื่ออาศัยแรงปะทะอันมหาศาลของหัวกระสุนที่ใหญ่และหนัก ทำให้ปืนมีขนาดใหญ่โตตามไปด้วย และปืนไรเฟิลที่นิยมมักเป็นแบบลำกล้องแฝดหักลำ
แต่ปัญหาของความใหญ่โตและหนักของปืน ทำให้พรานผู้ดีทั้งหลายใช้ลูกหาบชาวพื้นเมืองคอยถือปืนเดินตามหลังไม่ต้องแบกปืนเอง เมื่อเจอสัตว์ลูกหาบก็จะคอยส่งปืนให้เจ้านายยิง มีบางครั้งเหมือนกันที่เจอสัตว์ร้ายแบบกระทันหันไม่ทันเตรียมตัว พรานผิวขาวหันไปหาลูกหาบเพื่อขอปืนปรากฎว่าลูกหาบวิ่งตัวปลิวหนีสัตว์ร้ายไปแล้ว พรานใหญ่ก็ต้องโกยแน่บตามไปเหมือนกันก็มี
แต่แปลกนะครับ ประเทศอังกฤษโดยบริษัทฯฮอลแลนด์ แอนด์ ฮอลแลนด์ ที่มีชื่อเสียงในการทำไรเฟิลแฝดล่าสัตว์ดุร้าย ในประเทศของตนเองกลับไม่มีสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายให้ล่าเลย ใหญ่สุดก็แค่สุนัขจิ้งจอก ซึ่งตัวเล็กกว่าหมาไทยซะอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกากลายเป็นมหาอำนาจและร่ำรวยมากขึ้น กีฬาล่าสัตว์ก็เป็นที่นิยมในประเทศซึ่งเป็นทวีปกว้างใหญ่อยู่แล้ว แต่สัตว์ใหญ่ดุร้ายกลับมีไม่มากเท่าทวีปอาฟริกา พวกเศรษฐีอเมริกันเลยแห่มาล่าสัตว์ใหญ่ในอาฟริกามากขึ้นเรื่อยๆ ปืนที่ใช้ก็ชาตินิยมใช้ของอเมริกันเองเช่น วินเชสเตอร์ เรมิงตัน หรือ เวเธอร์บีฯลฯ ซึ่งปืนพวกนี้มักนิยมทำเป็นปืนแบบลูกเลื่อนลำกล้องเดี่ยว รวมทั้งปืนที่เหลือใช้จากสงครามด้วยเช่นของเมาเซอร์ เยอรมัน
ดินปืนก็พัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้น รุนแรงขึ้น เหล็กที่ใช้ทำปืนก็แข็งแรงขึ้น ตัวปืนเลยมีขนาดไม่ค่อยใหญ่โตแต่อานุภาพรุนแรงกว่าเดิมมาก แถมมีกล้องเล็งที่ยิงได้ในระยะไกลเข้าไปอีก ปืนลำกล้องแฝดที่ใหญ่โตใช้ยิงในระยะประชิดและราคาแพงมากก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ท่านสมีเฒ่า

จริงๆกระสุน .375 H&H ที่ผลิตมาตั้งแต่ค.ศ. 1912 นั้นมีอานุภาพรุนแรงพอที่จะล้มช้างหรือสัตว์ทุกขนาดในโลกนี้ได้อยู่แล้วครับ เป็นกระสุนที่ได้รับความนิยมมากเพราะแรงรีคอยล์พอรับได้ ยิงซ้ำได้เร็ว แต่ด้วยเหตุผลทางการตลาดในยุคนั้นที่ยังแข่งกันเรื่องปืนใครใหญ่ คนนั้นเจ๋งกว่า บริษัท Winchester ซึ่งขายปืนกับกระสุนสำหรับกีฬาล่าสัตว์อยู่แล้ว เลยเอากระสุน .375 H&H Magnum มาขยายคอปลอกแล้วปรับปรุงหัวกระสุนเป็นกระสุน .458 Winchester Magnum ในปีค.ศ. 1956 ซึ่งทำให้มันมีอานุภาพมากขึ้นไปอีก

แต่ทว่าทุกวันนี้ยังหาสัตว์ที่ต้องใช้ปืนไรเฟิลขนาด .458 Win. Mag. ไม่เจอเลยครับ แค่ปืนไรเฟิล .375 H&H อย่างเดียวก็ล้มพวก Big Five ได้หมดแล้ว ที่สำคัญความจุกของปืนก็น้อย แรงรีคอยล์ก็มาก สงสัยต้องเก็บไว้ยิงไดโนเสาร์แล้วกระมัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ส่วนเรื่องรูปแบบของปืนล่าสัตว์ก็ไม่มีอะไรมาก ยังคงมีรูปแบบเดิมๆอย่างที่เราเห็นนี่แหละครับ สังเกตุที่คอปืนตรงที่มือจับและเหนี่ยวไกนั่นแหละ จะมีลักษณะให้ง่ายต่อการถือเดินไปมาคือค่อนข้างตรง ไม่ใช่มีลักษณะแบบด้ามปืนพกที่ออกจะตั้งฉากกับตัวปืน ตัวอย่างที่เห็นบ่อยในเรื่องด้ามจับแบบปืนพกในปืนยาวก็เช่นพวกปืน M.16 หรือ อาก้า ไง
ปืนสไนเปอร์ยุคแรกๆก็เอาปืนล่าสัตว์มาใช้นี่แหละครับ ยิงสัตว์ได้ก็ยิงคนได้แน่ๆอยู่แล้วหรือไม่ก็เอาปืนสงครามทั่วๆไปมาติดกล้องเล็งเข้าไป
แต่ตอนหลังหลักสูตรสไนเปอร์เข้มข้นมากขึ้น คนยิงต้องแอบต้องซ่อนตัวอยู่นิ่งๆเคลื่อนไหวตัวน้อยที่สุด และต้องหวังผลให้ได้ในนัดเดียว ปืนสไนเปอร์เลยต้องพัฒนารูปร่างให้เน้นเรื่องการจับถนัดในขณะยิง ไม่ใช่ขณะเดินถือ และมีอุปกรณ์เสริมมากมายเพื่อให้ได้ผลแน่นอนแบบพลาดไม่ได้ เช่นมีขาทรายติดปืนซึ่งปืนล่าสัตว์ไม่นิยมเพราะหนักไป และกล้องเล็งขนาดใหญ่ มือจับแบบปืนพก
เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้รูปร่างปืนล่าสัตว์กับปืนสไนเปอร์จะแตกต่างกันมากจนแยกได้ชัดเจนว่าปืนไหนใช้ยิงสัตว์ ปืนไหนใช้ยิงคนน่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เรื่องกระสุน .375 H&H เป็นกระสุนที่สังหารสัตว์ทุกขนาดในโลกนี้ได้ผมเองก็ได้ยินมานานพอๆกับเรื่อง .357 ยิงรางรถไฟขาดนั่นแหละครับท่านคาลาฯ
บังเอิญผมเคยเห็นของจริงที่ฝรั่งมันถ่ายทำเรื่องพรานล่าสัตว์เข้าไปยิงสัตว์ในอาฟริกา พรานนำทางเค้าใช้ .600 ไนโตรเอ็กเพรซ เป็นปืนคุ้มกันลูกค้า ส่วนตัวลูกค้าใช้ .375 นี่แหละ
จากภาพที่ถ่ายทำมากระสุน .375 ยิงเข้าที่หัวไหล่ควายป่าอาฟริกันจนอวัยวะภายในไหลออกมากองรวมกันบริเวณหน้าอกควายตัวนั้นเป็นถุงเบ่อเริ่ม(โหดสิ้นดี) แต่ควายป่ายังวิ่งโขยกต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุด พรานนำทางต้องตามเข้าไปยิงซ้ำด้วย .600 ขณะควายวิ่งเข้าใส่ นัดเดียวในระยะไม่เกิน 15 หลาตรงกระดูกคอต่อควายล้มไถลมากองหน้าพรานห่างไม่เกิน 5 ฟุต(ใจถึงจริงๆทั้งคนยิง คนถ่าย) นี่ยังไม่รวมฮิปโปที่โดนเข้า.375 เข้าไปสองนัดยังพรวดพราดเข้ามาเกือบถึงตัวคนยิงอีกนะครับ ต้องเอา .600 กดหัวถึงจะอยู่
สรุปว่า .375 มันก็แรงอยู่ แต่ไม่ถึงขนาดที่ว่านัดเดียวจอดถ้าในเหตุการคับขันจำเป็นแบบโดนสัตว์วิ่งเข้าใส่ในระยะประชิดแบบที่ว่าล่ะครับผมยืนยันจากภาพที่เห็น สัตว์ป่ามันทนทานกว่าที่เราคิดเยอะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ผมว่าต้องดูชนิดของกระสุนกับตำแหน่งที่ยิงด้วยกระมังท่านสมีเฒ่าว่าเป็นแบบไหน ยิงเข้าตำแหน่งใดของตัวสัตว์

ถ้ายิงสัตว์ขนาดใหญ่เช่น ควายป่าหรือกระทิง พวกผ่าไปเล่นพวกลูก FMJ แบบนี้ยิงไป แถมยิงตรงช่วงท้องหรือซอกขา ผมว่ากระสุนมันก็รังแต่จะทะลุออกหรือถึงไม่ทะลุก็ถ่ายเทแรงปะทะไม่ดีพอเปล่า ถึงยิงตรงช่วงคอต่อก็อาจต้องลุ้นต่อว่าควายป่าหรือกระทิงมันจะวิ่งชาร์จกลับมาขวิดคนยิงอีกหรือไม่ แต่ถ้าเป็นพวกลูกหัวอ่อนแบบ JHP หรือแบบหัว Silver Tip อย่างในรูปข้างล่างนี้ ผมว่ายิงช้างๆยังล้มเอาง่ายๆเลยนะท่าน แต่ต้องเล็งยิงแถวซอกคอกับตรงโหนกแก้มใต้ตาช้างนะขอรับ

ป.ล. พี่น้องอย่าเอาไปยิงจริงๆนะครับ สัตว์ป่าๆยิ่งเหลือน้อยอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ยิงไปแล้วกระสุนไรเฟิล JHP บานขนาดนี้ ถ้าผมเป็นช้างยอมล้มตั้งแต่นัดแรกแล้ว ถ้าเป็นคนสงสัย...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ท่านคาลาฯต้องเข้าใจนะครับว่าสัตว์ป่าแต่ละชนิดมันแตกต่างกัน พวก ช้าง ควายป่า กระทิง แรด นี่ต้องใช้กระสุนหัวแข็งแบบ FMJ จริงๆเพราะต้องฝ่าชั้นหนังที่หนา กระดูกที่แข็งเพื่อเข้าไปทำลายอวัยวะภายในให้ลึกที่สุด
กระสุนหัวอ่อนแบบ Silver Tip ผ่านได้แค่หนังชั้นแรกโดนกระดูกเข้าหน่อยก็แบนแต๋ดแต๋อยู่แค่นั้นเข้าไปได้ไม่เกิน 6-7 นิ้ว อาจได้แรงปะทะในชั้นแรกแต่ไม่อาจสังหารสัตว์ได้เพราะหัวกระสุนเข้าไม่ลึกพอ กระสุนพวกนี้ใช้ในสัตว์หนังบางกว่าเช่น กวาง วัวแดง หมูป่า เสือ น่ะครับ
เรื่องยิงคนผมคงไม่ถนัดเท่าท่าน แต่ถ้าเรื่องยิงสัตว์นี่......ขอเถียงหน่อยเถอะน่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ปกติเราก็ยิงตำแหน่งของหัว คอ หว่างขาหน้า หรือซอกขาของสัตวือยู่แล้วนี่ท่านสมีเฒ่า ผมเคยอ่านตำราฝรั่ง ฝรั่งมันใช้กระสุน .375 H&H แบบ Silver Tip ยิงเข้าซอกขาหน้าของแรด แรดตกใจวิ่งแล่นต่อไปได้ระยะนึงก็ล้มลงตาย ผมว่านอกจากขนาดกับชนิดของกระสุนกระสุนแล้ว ตำแหน่งที่ยิงก็สำคัไม่แพ้กัน

ผมว่าถ้าเรามีเวลามากพอ การยิงโดยใช้กระสุนไรเฟิลแบบ JHP หรือ Silver Tip ยิงเข้าบริเวณจุดฉกรรจ์เช่น กลางหน้าผากของสัตว์ แถวคอต่อ หรือซอกขาหน้า นัดเดียวก็น่าจะอยู่หมัดนะท่านสมีเฒ่า เพราะถึงจะไม่ทะลุมากอย่างท่านว่าก็จริง แต่แรง Shock wave ของกระสุนไรเฟิลแบบ JHP มันย่อมตีโพรงอากาศไปขยายบาดแผลให้ฉีกกว้างมากขึ้น และยิ่งกระสุน JHP ผ่านเข้าไปในบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มและชุ่มไปด้วยของเหลวเช่นส่วนสมองของสัตว์ ผมว่ากระสุนต้องตีอัดกับของเหลวจนขยายตัวจนดันอวัยวะฉีกกระจายไปตามกัน และสัตว์ที่ถูกยิงน่าจะต้องตายทันทีในอาการลุกพรวดขึ้นคว้าอากาศแล้วล้มลงมาน่าจะตายทันทีครับ ซึ่งผมเคยดูคลิปวีดิโอใน Youtube ก็อาการแบบนี้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       เข้าใจล่ะ ตำนานปืนไรเฟิลล่าสัตว์น่าสนใจดีคับ

งั้นกระสุนระดับ .338 LAPUA ก็ยิงช้างตายได้ชัวจิง

ยอมรับคับว่า กระสุนของ WINCHESTER ค่อนข้างดีเเละรุนเเรงเยี่ยมใช้ได้มากคับ นับถือเรื่องความเเรงของ พี่วินจิงๆ

ถ้าช้าง เเรด ฮิปโปโป โดน ปืนกลหนัก M2HB ศพคงเละโครตเลยคับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ผมว่าต้องถามท่าน ระพิน ไพรวรรณ แล้วหละครับคนนี้เด็จสุด

พี่ท่านใช้ .375 H&H เกือบจะตลอดเรื่อง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       รพินทร์ ไพรวัลย์ใช้ปืนไรเฟิล .375 H&H Magnum ตอนต้นเรื่องครับ พอมากลางเรื่องได้ลองใช้ปืนไรเฟิล .458 Winchester Magnum ของท่ายชายใหญ่ คราวนี้เลิกใช้ปืน .375 ไปเลย โอนไปให้ลูกน้องใช้แทน
-------------------------------------------------------
คุณ .45 HARDBALLER กระสุน .338 มันมีกระสุน .338 Lapua Magnum กับกระสุน .338 Winchester Magnum ครับ

ถ้ากระสุน .338 Lapua Magnum แบบหัว Soft Point หนัก 200 เกรน มีแรงปะทะ 4,967 ft·lbf หรือ 6,734 J แรกเริ่มเดิมทีใช้สำหรับเกมล่าสัตว์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม Big Five แต่ต่อมานิยมใช้กระสุน .338 Lapua Magnum ในภารกิจซุ่มยิงมากกว่านะครับ เพราะระยะทำการไกลกว่า วิถีการยิงก็เรียบกว่ากระสุน .308 Winchester มาก

ส่วนกระสุน .338 Winchester Magnum พัฒนามาจากกระสุน .458 Winchester Magnum ใช้สำหรับยิงพวกสัตว์หนังบางในแถบอเมริกาเหนือ เช่น หมี กวาง เสือพูม่าพวกนี้ครับ แบบหัว Soft Point หนัก 200 เกรน มีแรงปะทะ 3,866 ft·lbf หรือ 5,242 J แบบนี้เอาไปยิงสัตว์ในกลุ่ม Big Five ไม่ได้หรอกครับ อันตรายแก่คนยิงเปล่าๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ไม่ลองถามพนมเทียนบ้างเหรอครับ เพราะเจอจนกระทั่ง ผีป่า ถึงมนุษย์ต่างดาว เอาปืนไรยิง อิอิ ล้อเล่นนะครับคลายเครียด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       http://www.youtube.com/watch?v=_8vGXGO1XGY&;feature=related

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ดูจากคลิปวีดีโอ (ที่น่าสยดสยอง) กระสุนรุ่นใหม่นี่มันสร้างShock wave ได้มหาศาล...อะไรจะขนาดนั้น
ไอ้ตัวแพรี่ ด็อก กระเด็นหายวับไปกับตา ชิ้นส่วนกระจายปลิวว่อน สมกับชื่อกระสุนจริงๆครับ (varmint Grenade) กระสุนหรือระเบิดกันแน่?

แสดงความคิดเห็นย่อย