คำตอบที่ 6
เจ้าปืน M-16 นี้ออกแบบโดย Eugene Stoner
ซึ่งการออกแบบนั้นได้ออกแบบเป็นปืนพานท้ายตรงด้วสาเหตุที่ว่าตอนนั้นกองทัพสหรัฐฯมีปืน M-14 ประจำการอยู่ซึ่งพานท้ายนั้นเป็นแบบเดียวกับปืน M-1 Garand ปืนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เวลายิง Full Auto นั้นปืนจะสะบัดมากดังนั้น Eungene Stoner จึงออกแบบปืน Rifle จู่โจมแบบใหม่โดยการออกแบบให้พานท้ายตรงเพื่อที่ว่าเวลายิงปืนจะสะท้อนถอยมาตรงๆทำให้ควบคุมปืนได้ง่ายขึ้นและได้มีการลดขนาดกระสุนด้วยโดยลดจากกระสุนขนาด 7.62 X 51 ม.ม. NATO มาเป็นขนาด 5.56 X 45 ม.ม. NATO เพราะว่ากระสุนขนาด 7.62 นั้นมีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นต่อการรบที่เริ่มยิงกันในระยะประชิดมากขึ้นซึ่งกระสุน 5.56 นั้นจะมีน้ำหนักเบากว่าทำให้ทหารสามารถพกพาได้มากขึ้นด้วย
ตอนแรกนั้นปืน M-16 ได้ถูกส่งไปทดสอบในสนามรบครั้งแรกในเวียดนาม โดยสมรภูมิแรกที่ M-16 ได้ไปรบคือที่ หุบ เขาลาตรัง โดยกองทหารม้าส่งทางอากาศที่ 1 ( We were soldiers ) เข้าปะทะกับกองทหารที่ 66 ของเวียดนามเหนือ โดย M-16 รุ่นแรกนี้ยังไม่มีที่ใส่อุปกรณ์ทำความสะอาด และมีปลอกลดแสงแบบสามง่ามมีฉายาว่า ดอกทิวลิป
โดยปืน M-16 รุ่นแรกนั้นมักจะมีปัญหาติดขัดง่ายเนื่องจากคราบเขม่าจากดินปืนและฝุ่นละอองต่างๆเข้าไปเกาะติดกันที่ช่องคัดปลอกกระสุนทำให้ปืนติดขัดง่าย จน Eugene Stoner โมโหมากที่ไม่ยอมมีรายงานผลทดสอบใช้ในสนามรบมาให้ให้เร็วกว่านี้ทำให้ได้มีการเรียกเก็บปืน M-16 รุ่นแรกมาทั้งหมด
เมื่อ ปี 1967 การรบในเวียดนามเริ่มดุเดือดมากขึ้นทำให้ปืน M-16A1 ที่ออกแบบใหม่โดยปลอกลดแสงแบบกรงนกมีช่องอุปกรณ์ทำความสะอาดและได้มีการนำแม็คฯขนาด 30 นัดเข้ามาประจำการด้วย หลังจากที่ใช้แม็คฯขนาด 20 นัด ในปืนรุ่นแรก ซึ่งมีกระสุนน้อยกว่าปืน AK-47 , Type-56 ( อาก้าจีน ) , VZ-58 ( อาก้าเช็กฯ ) ที่มีกระสุน 30 นัด
นอกจากนี้ก็ยังมีปืน M-16 แบบลำกล้องสั้นเพื่อให้หน่วยรบพิเศษ MACV/SOG ใช้ด้วย ก็มี CAR-15 , XM-177E2
หลังจากสงครามเวียดนามจบก็ได้ออกแบบ M-16 ใหม่ในชื่อ M-16A2
ปืน M-16A2 ได้ออกแบบใหม่โดยเปลี่ยนครอบลำกล้องใหม่จากแบบสามเหลี่ยมเป็นแบบวงกลมซึ่งแบบวงกลมนั้นสามารถจับประทับได้ง่ายกว่า ปลอกลดแสงแบบกรงนก ศูนย์หลังที่ปรับง่ายมากขึ้น รวมถึงมีที่กันปลอกกระสุนกระเด็นเข้าตาสำหรับคนที่ถนัดซ้ายด้วย สำหรับกองทัพสหรัฐฯได้ตัดระบบ Full Auto ออกไปเป็นระบบ Burst 3 นัดแทน เพราะระบบ Full Auto จะเปลืองกระสุนมากไป และขาดความแม่นยำด้วย
นอกจากนี้ก็มีปืนสำหรับหน่วยรบพิเศษด้วย คือ ปืน M-733 ซึ่งพัฒนาจากปืน M-16A2 โดยตัดลำกล้องสั้นลงเพื่อความคล่องตัวมากขึ้นโดยมีผลงานในสนามรบเช่นที่ กรุงโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย ( Black Hawk Down )
หลังจากนั้นปืน M-16 ก็พัฒนามาเป็นปืน M-16A3 กับ M-16A4 โดยทุกอย่างเหมือนกับรุ่น A2 แต่หูหิ้วสามารถถอดออกได้แต่ รุ่น A3 สามารถยิง Full Auto ได้
นอกจากนี้ ปืน M-733 ก็พัฒนา มาเป็น M-4A1 Carbine เพื่อให้หน่วยรบพิเศษใช้ด้วย
หลังจากนี้ปืน พวก M-4A1 กำลังจะถูกปลดประจำอกกจากองทัพสหรัฐโดย จะมีปืน XM-8 (กองทัพสหรัฐฯ) กับ FN SCAR ( US SOCOM ) มาแทนแต่ตอนนี้ปืนทั้งสองแบบยังอยู่ในขั้นทดสอบอยู่จะเร็วหรือช้าตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วครับ