คำตอบที่ 1
       งานนี้ยาวครับ ต้องมีผู้จัดการมรดกแน่นอนครับ ลูกสาวได้เปรียบที่เป็นผู้จัดการมรดก แต่ภรรยาใหม่คงไม่ยอมครับหากเขาพิสูจน์ได้ว่าร่วมกับผู้ตายทำมาหากินมีทรัพย์สินจึงมีทรัพย์สินด้วยกัน ทางที่ดีเจรจาครับ คุยกับภรรยาใหม่ดีๆก่อนครับ ว่าหลานขอก็แล้วกัน คงมีการต่อรองกันครับ การจ้างทนายเพื่อมรดกหลายอย่างก็อาจคุ้มครับ หากเพื่อการณ์นี้อย่างเดียว ไม่คุ้มแน่ รอท่านอื่นๆให้ความเห็นครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       คิดว่า..เอา ป.4 กับปืน มาพร้อมกัน อยู่ที่เดียวกัน

ไม่ต้องโอนก็พอได้..

ดีกว่าของเถื่อน

(อาจจะไม่ตรงใจนะครับ)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       อยากได้ปืน ลูกสาวต้องขึ้นศาลอย่างเดียว ไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก หากภรรยาใหม่ของพ่อไม่คืนปืนให้ ก็ต้องใช้คำสั่งศาล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ขอขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำ
มีเพื่อนท่านหนึ่งแนะนำว่าให้ไปที่อัยการจังหวัด แล้วแจ้งยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก แล้วไปขอคัดลอกทะเบียนปืนใหม่ จากนั้นให้แจ้งความปืนหายแล้วค่อยซื้อปืนใหม่ แบบนี้จะได้มัยครับ สงสารหลานจริงๆ พ่อและแม่จากไปแล้ว ลุงป้าที่เคยดูแลหลังแม่เสียก็ย้ายไปอยู่กับลูกๆ ที่ชลบุรีหมดที่พึ่งจริงๆ
อย่างรัยขอรบกวนผู้รู้หลานๆท่านนะครับ เพื่อให้หลานจะได้เปรียบกับเขาบ้าง เสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว
คิดแล้วน่าเก็บใจช่วยอะไรหลานไม่ได้มากเท่าที่ควรจะทำได้ (ข้าวของเงินทอง ภรรยาใหม่ไม่ให้กระเด็นแม้แต่น้อย)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       กรณีที่คุณว่าเป็นการสวมทะเบียนปืน ผิดกฎหมายครับ ตอนนี้ภรรยาใหม่ก็ทำผิดกฎหมายเพราะครอบครองปืนผิดมือ หากอยากได้จริง ๆ ก็ต้องฟ้องศาลอย่างเดียวครับ อีกอย่างทรัพย์สินเงินทองที่อยู่กับภรรยาใหม่ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ร่วมกันหามากับพ่อที่เสียชิวิตระหว่างอยู่กินด้วยกัน หลานสาวก็สามารถให้ภรรยาใหม่แบ่งในส่วนของพ่อคืนมาได้ แต่ตรงนี้ต้องมีพยานยืนยันว่าอยู่กินด้วยกัน และข้าวของของพ่อที่เสียชีวิตขนไปอยู่กับภรรยาใหม่ เป็นของลูกสาวทั้งหมด ภรรยาใหม่ไม่มีสิทธิ์ ลองปรึกษาทนายอาสาดูครับ อยู่ตามศาลจังหวัด หรือสำนักงานอัยการจังหวัดนี่แหละครับ ปรึกษาได้ไม่เสียเงิน แต่ขึ้นศาลต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลครับ ขอให้โชดดี ได้ทรัพย์สินคืนมา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ผมยังงงๆอยู่ เอาเป็นว่า เรื่องเป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ

พี่เขย มีปืน 9 มม. หนึ่งกระบอก ซื้อมาระหว่างแต่งงาน

พี่เขยมีลูกสาว 1 คน

เมียของพี่เขยตายไปเมื่อปีก่อน

พี่เขยแต่งงานใหม่แต่ไม่ได้จดทะเบียน

3 วันก่อน พี่เขยเสียชีวิต

ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า ครับ

ถ้าผมเข้าใจถูก และข้อมูลมีแค่นี้ จริงๆ ย้ำนะครับว่ามีแค่นี้ไม่มีลับลมคมในมากกว่านี้ ทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดก ท่านไม่ต้องไปหาใครให้ยุ่งยาก แจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ ได้เลย ครับ

ส่วนการที่จะโอนมาเป็นชื่อลูกสาวได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กัยนายทะเบียน ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       เข้าใจถูกแล้วครับ และทุกตัวอักษรเป็นความจริงครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ขอให้โชคดีครับ ถามทนายดูก็ดีครับ มรดกนอกจากแบ่งให้หลานแล้ว ปู่-ย่า เขาก็มีสิทธิครับ ผมว่าต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกอยู่ดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       "ถ้าผมเข้าใจถูก และข้อมูลมีแค่นี้ จริงๆ ย้ำนะครับว่ามีแค่นี้ไม่มีลับลมคมในมากกว่านี้ ทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดก ท่านไม่ต้องไปหาใครให้ยุ่งยาก แจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ ได้เลย ครับ"
ยังไม่ได้ครับ เมื่อทรัพย์ (ปืน)เป็นของผู้ตาย ก็ต้องตกเป็นของทายาทหรือผู้จัดการมรดก เมื่อไปแจ้งความก็ต้องพิสูจน์กันว่าใครเป็นทายาทที่มีสิทธิื์์ในมรดก ดังนั้นก็ต้องขออำนาจศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก ตำรวจไม่สามารถมีอำนาจที่จะบอกว่าใครป็นทายาทที่มีสิทธิื์ในมรดก
ดังนั้น 1 ต้องขออำนาจศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก
2 ลองเจรจากับภรรยาใหม่ว่าจะคืนปืนหรือไม่ ถ้าคืน ก็มีอีกทางโดยอาศัยอำนาจทางบริหาร ผ่านมหาดไทย ผ่านกรมการปกครอง ผ่านนายทะเบียน ขอให้ลูกสาวเป็นทายาทเฉพาะรับอาวุธปืน ซึ่งมีขั้นตอนและต้องประกาศที่อำเภอประมาณ 30 วัน
ถ้านายทะเบียนไม่กล้าใช้อำนาจปกครองที่ตนเองมีอยู่ หรือไม่ต้องการรับผิดชอบ ก็จะบอกไปว่าต้อง "ขออำนาจศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดก" ตามข้อ1
สุดท้าย ผมว่าลองเจรจากันดูดีกว่าครับว่าตกลงกันได้แค่ไหน และเรื่องนี้ เกี่ยวพัน ปืนกระบอกเดียวหรือทรัพย์อื่นหรือไม่
ถ้าเฉพาะปืน ถ้าเขาไม่คืน แค่บอกว่า ไม่รู้ หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าสามีเอาไว้ไหน และเก็บไว้ที่บ้านอย่างเดียว ก็ไม่ต้องโดนคดีปืนผิดมือหรอกครับ เพราะ "บอกว่า ไม่รู้ หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าสามีเอาไว้ไหน"ในชั้นศาล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ผมว่าเราในฐานะลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย แจ้งความได้ เพราะถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านครับ สำหรับคำแนะนำดีๆจะนำไปดำเนินการครับ

nick p-car

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ปืนเป็นสิ่งของที่แบ่งแยกไม่ได้ กม.กำหนดให้ปืนต้องระบุผู้ครอบครอง แต่ปืนกระบอกนี้เป็นสินสมรส ถ้าเป็นของอย่างอื่น ต้องเอามีดตัดเป็นสองท่อนเท่าๆกันแล้วแบ่งให้สามีภรรยาคนละครึ่ง (ม.1629) ทีนี้เมียตายสิทธิ์ในส่วนของเมียครึ่งหนึ่งนั้น ก็จะตกแก่ลูก (ทายาท) อีกครึ่งหนึ่ง ตกแก่ผู้ผัวอีกครึ่งหนึ่ง(ม.1635(1) ทีนี้ผู้ผัวก็มาตายอีก ส่วนของผู้ผัวก็ตกแก่ลูก (ทายาท) (ม.1629(1))

สมมุติว่าปืนเป็นเงิน 10 บาท เป็นสินสมรส ดังนั้น จึงเป็นส่วนของเมีย 5 บาท ของผัว 5 บาท ที่นี้เมียตาย ส่วนของเมีย 5 บาท ถูกแบ่งเป็น ของลูก 2.5 บาท (ทายาท) ของผัว 2.5 บาท (คู่สมรส) ต่อมาผัวหมดลมอีก ส่วนของผู้ผัว 7.5 บาท ก็จะตกแก่ลูก(ทายาท)คนเดียว เป็น 10 บาท (ในที่นี้ไม่ได้บอกว่ามีลูกหลายคน)

แต่ปืนมันแบ่งไม่ได้ ถ้าลูกหลายคน ตกลงกันไม่ได้ ทางปฎิบัติกัน จึงมักขายเอาเงินมาแบ่งกัน โดยการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

และที่ถามมาก็ไม่ได้บอกว่าผู้ตายทำพินัยกรรมไว้อย่างไร แต่ถึงแม้ว่าจะทำไว้ ผู้มีส่วนได้เสียก็สามารถร้องค้านได้ เช่นทำพินัยกรรมเอาสมบัติส่วนของเมียไปให้ผู้อื่น ดังนั้นเรามักเข้าใจกันว่าการทำพินัยกรรมยกปืน(สินสมรส)ให้ใคร ก็ให้เป็นไปตามพินัยกรรมนั้น ซึ่งผมคิดว่าผิด เพราะไปยกเอาส่วนของคู่สมรสซึ่งมีสิทธิ์ในทรัพย์นั้นกึ่งหนึ่ง ไปให้ผู้อื่น แต่ผู้ตายจะทำพินัยกรรมยกให้ผู้อื่นได้แค่ในส่วนของตนเท่านั้น แต่บ้านเรามักไม่ค่อยมีใครโต้แย้งโดยคิดว่าเป็นคำสั่งเสียของคนตาย ครับ

ความเห็นส่วนตัว ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย