คำตอบที่ 1
       ข้อดี

ปืนลูกโม่
1. ใช้งานง่ายยิงได้ทันทีที่ดึงจากซอง
2. เมื่อกระสุนด้าน สามารถเหนี่ยวไกยิงนัดต่อไปได้ทันที
3. กลไกการยิงไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
4. ส่วนใหญ่สามารถยิงได้ทั้งง้างนกและไม่ง้างนก
5. ยิงกระสุนได้ทุกแบบ ทุกหัวกระสุนในโม่เดียวกัน และไม่เลือกความแรงของกระสุน
6. บางแบบสามารถยิงกระสุนที่หน้าตัด เท่ากันได้หลายขนาด เช่น
ปืน .357 แม๊กนั่ม สามารถยิงลูก .38 สเปเชี่ยลได้ทุกขนาด หรือ .22 LR
ก็สามารถยิงลูก .22 Long หรือ .22 Short ได้
7. มีส่วนเคลื่อนไหวน้อย ทำให้สึกหรอน้อยกว่าออโต้

ปืนออโต้
1. บรรจุกระสุนได้มาก บรรจุกระสุนได้เร็วกว่าด้วยแม็กกาซีน
2. รังเพลิงกับลำกล้องเป็นส่วนเดียวกัน ไม่มีแก๊สรั่วจึงได้ความเร็วกระสุนเต็มที่
3. ระบบความปลอดภัยดีกว่า
4. แบบปืนเรียบเนียนกว่า พกสะดวก
5. ยิงซ้ำได้รวดเร็วกว่า
6. ทำความสะอาดได้ทั่วถึงดีกว่า
7. ส่วนใหญ่จะยิงได้ระบบเดียวหลังจากนัดแรก เช่นซิงเกิ้ลล้วนหรือดับเบิ้ลล้วน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ข้อเสีย

ปืนลูกโม่
1. บรรจุกระสุนได้น้อย 5-8 นัด
2. บรรจุกระสุนใหม่ได้ช้ากว่าออโต้
3. มีรอยต่อระหว่างลูกโม่กับลำกล้อง ทำให้แก๊สบางส่วนหลุดรอดออกมาได้
ความเร็วกระสุน ไม่เต็มที่และ บางทีก็มีสะเก็ดเขม่าปลิวออกมาข้างๆ ด้วย
บางยี่ห้อทำไม่ดีทำช่องโม่ไม่ตรงลำกล้อง ทำให้ลูกกระสุนถูก
ลำกล้องเฉือนเสียทรง ทำให้ขาดความแม่นยำ
4. มีส่วนนูนของโม่ ทำให้พกไม่แนบเนียน
5. ยิงซ้ำได้ช้า
6. ทำความสะอาดให้ทั่วจริงๆ ได้ยาก

ปืนออโต้
1. กลไกซับซ้อน ต้องฝึกฝนมากจึงจะใช้ได้ดี
2. ถ้ากระสุนด้าน จะต้องเสียเวลาขึ้นลำใหม่
3. กระสุนจะต้องใหม่เสมอ เพื่อที่จะมีดันสูงพอที่จะบริหารกลไก
ถ้ากระสุนอ่อนแรง (ชื้นหรือเก่ามาก) การยิงจะติดขัดทันที
4. ยิงได้เฉพาะกระสุนที่ระบุมากับตัวปืนเท่านั้น
(ถึงแม้ว่า .38 Super จะยิง 9 mm ได้ก็ตาม แต่ก็ กรณีฉุกเฉินเท่านั้น)
5. การสึกหรอสูงกว่า เพราะมีส่วนเคลื่อนไหวเร็วและรุนแรง
(ลำเลื่อน ลำกล้อง นกปืน ฯลฯ)
6. กระสุนบางแบบ (เช่นหัวกระสุนยาวผิดปกติ) อาจจะติดขัดเวลาป้อนเข้ารังเพลิง
ดังนั้นต้องทดลอง ให้แน่ใจในแต่ละแบบของหัวกระสุนว่าใช้กับปืนเราได้


เรื่องปืนให้สมาชิกท่านอื่นมาแนะนำดีกว่าครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย