คำตอบที่ 1
       จดทั้งหมดไม่ทราบครับ....เฉลี่ยคนเล่นปืนจะมี 2 กระบอกต่อคน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ถ้าจำไม่ผิดปืนจดทะเบียนในไทยน่าจะประมาณ 4 ล้านกระบอก
ประชากรประเทศไทยมีประมาณ 66 ล้านคนเฉลี่ยแล้ว 17 คนมีปืน 1 กระบอก
แต่ในความเป็นจริงคนๆเดียวส่วนมากมีคนละ 2-3 กระบอก และมีปืนของส่วนราชการที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของอีก บวกกับคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะมีปืนได้เช่นอายุน้อยกว่า 25 ปี
ดังนั้นเดาเอาว่า คนไทยน่าจะเป็นเจ้าของปืนแค่ 40-50 คนต่อ 1 กระบอกเท่านั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณครับท่านสมีเฒ่า ท่านตอบคำถามได้ตรงจุด รวดเร็วทันใจดีครับ ต่อไปต้องขอความรู้เรื่อยๆ อย่าพึ่งเบื่อนะครับ

สำหรับผู้ครอบครองอวป. 40-50 คน ต่อ1 กระบอก เยอะนะครับ ถ้าอวป.เหล่านี้ไปตกอยู่กับคนอารมณ์ร้อน สังคมน่าเป็นหว่งนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       อย่าห่วงเรื่องคนมีปืนใจร้อนเลยครับ ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าน่าจะเป็นรถยนต์นี่แหละ เมืองไทยคนมีรถมากกว่าปืนเยอะ และอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็มากซะจนน่าตกใจ สงกรานต์ทีนึงแค่ 7 วันมีคนตายกันมากกว่า 300- 400 ศพบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คนทุกๆปี มากกว่าการยิงกันด้วยอาวุธปืนทั้งปีซะอีก
แต่แปลกที่ว่าคุณมือบอดและครอบครัวคงไม่กลัวรถยนต์มากกว่าปืนนะครับ ทั้งๆที่มันเป็นอุปกรณ์ทำลายล้างชีวิตคนได้มากมายขนาดนั้น
อย่าห่วงเลยครับ...เมืองไทยมีคนขับรถใจร้อน มากกว่าคนมีปืนใจร้อนเยอะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ตามความเห็นผมแล้ว คนที่มีปืน ปืนจะทำให้ใจเย็นขึ้นครับ คิดอะไรถี่ถ้วนขึ้น เพื่อนๆ ผมหลายคน พอหันมาจับปืนแล้ว เจอสถานการณ์ที่อาจจะเกิดการวิวาทได้ เย็นเป็นน้ำแข็งเลยครับ ขอโทษได้ก็ขอโทษ เดินหนีได้ก็เดินหนี (ทั้งๆ ที่มีของติดตัว) คงเหมือนพวกนักมวยที่ไม่ชอบชกต่อยนอกเวที หรือผู้ใหญ่ไม่อยากรังแกเด็ก ส่วนพวกที่อะไรก็ชักปืนออกมานั้นผมว่าเป็นส่วนน้อยถึงน้อยมากครับ ผมเชื่อว่าคนพวกนี้ ถ้าบ้านเราเปิดให้มีอาวุธปืนโดยเสรี รับรองว่าต้องคิดหน้าคิดหลังเหมือนกันก่อนจะชักปืนออกมา เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะมีบ้างหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ปัจจุบันอาวุธปืนที่อนุญาตให้บุคคลครอบครองทั่วประเทศมี ๒ ประเภท คือ
อาวุธปืนสั้น จำนวน ๓,๖๗๕,๓๒๐ กระบอก
อาวุธปืนยาว จำนวน ๒,๔๕๐,๒๑๔ กระบอก
รวมจำนวน ๖,๑๒๕,๕๓๔ กระบอก

การ อนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืนจาก พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน จำนวน ๒ ชนิด คืออาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนยาว จำนวนทั้งสิ้นแยกเป็นรายปีดังนี้
ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ จำนวน ๖๑,๑๑๒ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๔๘,๐๖๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๓,๐๔๙ กระบอก
ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๖๔,๗๙๘ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๔๕,๘๒๖ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๘,๙๗๒ กระบอก
ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๓๕,๕๘๙ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๑๕,๙๓๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๙,๖๕๖ กระบอก
ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๘๐,๗๓๐ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๖๕,๑๙๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๕,๕๓๗ กระบอก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       จริงสิครับ ยังมีภัยที่จะทำอันตรายถึงชีวิตมากกว่าคนที่มีปืนอืกตั้งเยอะ นี่ยังไม่รวมภัยธรรมชาติ ที่ปีๆ มีคนตายเป็นแสนๆคน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       มีอาวุธปืนแล้วยิงคนตาย ก็มี 4 ทางเลือก คือ เสียตังค์ หนี ติดคุก ตาย ก็เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง หากมีเงิน ก็เสียเงินกันไป เท่าไหร่แล้วแต่จะตกลง ไม่มีเงินก็หนีกันหัวซุกหัวซุน เงินไม่มีหนีไม่พ้น ก็ติดคุกกันไป ทีนี้เงินก็ไม่มี หนีก็ไม่พ้น คุกก็ไม่อยากติด ก็โดนเขาตามล่าตามเก็บกันไป สุดท้ายก็ตาย สัจธรรมของมันก็มีเทานี้แหล่ะ คุณว่ามะ???

แสดงความคิดเห็นย่อย