คำตอบที่ 18
สรุปรวบยอดกระสุน 2 ค่าย
-ค่ายอเมริกา มีหน่วยเป็นนิ้ว(เช่น .38 เท่ากับเศษ30ส่วน
100ของนิ้ว)
-กับค่ายยุโรป มีหน่วยวัด เป็นมิลลิเมตร เช่น 9 มม.
-กระสุนลูกโม่จานท้ายจะใหญ่กว่าปลอก
-กระสุนออโต้รูปทรงกรวยจากหัวเล็กมาท้ายใหญ่แต่ท้าย
ไม่บานแบบกระสุนลูกโม่และมีคอคอดตรงส่วนท้ายกับ
จานท้ายกระสุนสำหรับตะขอเกี่ยวคัดปลอกในระบบออโต้
-ACP เป็นกระสุนสำหรับปืนออโต้จากค่าย USA พัฒนา
โดย Colt เช่น .45 ACP (หรือบ้านเราเรียก 11 มม.ที่เดียว
ในโลก ถ้าบอก 11 มม.รับรองฝรั่งงง)
ACP ย่อมาจาก Autometic Cartridge Pistrol
เพื่อระบุว่า หัวกระสุนขนาด 45ส่วน100ของนิ้ว ใช้กับปืน
ออโต้ เพราะว่าก่อนหน้านั้นค่าย USA มีกระสุนขนาด .45
สำหรับปืนลูกโม่ใช้มาก่อน เรียกว่า .45 Casual
หน้าตัดเท่ากันแต่กระสุนลูกโม่ยาวกว่าและใช้ดินปืนอ่อน
กว่า
-9 มม.เป็นกระสุนที่พัฒนาโดย จอห์น บราวน์นิ่ง แห่งค่าย
ยุโรป สำหรับปืนออโต้ในช่วงสงครามโลก
ส่วนคำว่า Para Bellum แปลว่า พร้อมรบ (ประมาณเนี้ย)
-คราวนี้อยากรู้ว่ากระสุนแบบใดออกมาจากค่ายใดคงไม่
ยากแล้ว เช่น .22(22/100นิ้ว), 6.35 mm(.25)
.223(ลูกM16),.380(ลูกออโต้ 9 สั้น) .38 special
-ความแรงของกระสุนแต่ละขนาด คงต้องค่อยๆศึกษาเอา
เช่น .22 กับ .223 ความแรงคนละเรื่อง
.22 เป็นกระสุนชนวนริม ขนาดหัวกระสุน 22/100นิ้ว
ที่บ้านเราเรียกลูกกรด ใช้ได้ทั้งออโต้และลูกโม่
และยังซอยย่อยลงไปอีก เป็น .22 short, .22 LR(Long
Rifle) .22 Magnum เรียงตามความยาวของปลอกกระสุน
และดินปืน
กับ .223 ขนาดหัวกระสุนใหญ่กว่า .22นิดเดียว(ลูก M16)
แต่เป็นหัวเปลือกทองแดงหุ้มตะกั่วทรงกระสวย
ปลอกกระสุนแบบคอขวด+ดินปืนแรงสุง หัวกระสุนทรงตัวในอากาศได้ดี แต่จะแกว่งทันทีที่กระทบเป้าที่เป็นของหยุ่นๆ เช่นเนื้อเยื่อของสัตว์ ทำให้อำนาจทำลายล้างสูง
-เมื่อโลหะวิทยาเจริญขึ้น เหล็กที่มีกรรมวิธีพิเศษ
สามารถเพิ่มความแข็งแรงรับแรงระเบิดของกระสุนได้ดีขึ้น
จึงมีการพัฒนากระสุน +P และ +P+ ซึ่งเพิ่มดินปืนในปลอกกระสุนเดิมให้รุนแรงขึ้น ซึ่งต้องดูให้ดีว่าปืนรุ่นนั้นๆ
รองรับกระสุนได้ระดับใด
-เอาแบบคร่าวๆแล้วศึกษาต่อเอาเองสำหรับมือใหม่
-ผิด/ตก/คลาดเคลื่อน ขออภัย
ช่วยกันแก้ไขด้วย เพราะฟังเค้าเล่ามาอีกที