คำตอบที่ 1
กล้องแบบ Red dot เป็นกล้องแบบไม่มีกำลังขยายน่ะครับ ใช้เพื่อการยิงเร็วๆ ระยะไม่ห่างมากนัก( ประมาณ 25 หลา)และเล็งแบบสองตาเพื่อให้มองหาเป้าได้ในมุมกว้างๆ คล้ายๆกับการที่เรามองจุดแดงของแสงเรเซอร์ที่ตกกระทบเป้านั่นแหละครับ แต่นี่เราต้องมองผ่านกล้องไม่มีแสงพุ่งออกไป โดยจุดแดงในเลนซ์กล้องจี้ตรงไหนก็ยิงไปถูกตรงนั้น แต่ต้องยิงตั้งกลุ่มกระสุนให้ตรงกับจุดแดงในกล้องก่อนนะครับ เหมาะกับปืนแบบกึ่งอัตโนมัติที่ยิงซ้ำได้เร็วหลายๆนัด
ส่วนกล้องแบบ Scope เป็นกล้องมีกำลังขยายแบบเลนซ์ซูมในกล้องถ่ายรูป ใช้ยิงเป้าหมายในระยะไกลๆ เพื่อดึงภาพเป้าหมายขนาดเล็กๆให้ขยายใหญ่ขึ้น เส้นเล็งก็มีหลายแบบ เช่น เป็นเสาตั้งขึ้นมาโด่เด่ให้จี้ปลายเสาเข้าที่เป้าหมาย หรือ เป็นวงกลมเล็กๆเอาวงกลมไปทาบเป้า แต่ที่นิยมมากก็เป็นเส้นเล็งแบบกากะบาท การเล็งโดยมากต้องเล็งตาเดียวเพื่อให้ภาพไม่ซ้อนกัน ทำให้มุมภาพที่เห็นแคบมาก ใช้ในการเล็งที่ละเอียด คนยิงต้องนิ่ง ไม่งั้นจับเป้าลำบากไหวไปไหวมาตลอด กล้องมีกำลังขยายหลายขนาด เช่น 3-9x40 คือขยายภาพได้ 3 ถึง 9 เท่า หน้าเลนซ์รับแสงโต 32 ม.ม.
โดยมากถ้าไม่ได้ใช้ยิงแข่งขันกับเป้าหมายที่เล็กมากๆ ใช้กล้องขยายขนาด 3-9 เท่า หน้าเลนซ์ 32 มม.ก็พอครับ หน้าเลนซ์จะได้ไม่เบียดศูนย์หลัง ถ้าใช้กล้องที่มีหน้าเลนซ์กว้างๆแบบ 40-50 มม.อาจต้องถอดศูนย์หลังของปืนออก หรือต้องใช้ขากล้องแบบขาสูงทำให้เล็งลำบาก ต้องยืดคอเล็งหน้าไม่นิ่งพาลยิงไม่ถูกไปซะอีก แถมเลนซ์หน้ากว้างก็แพงกว่า ยกเว้นชอบของแพงเพราะมันเท่ห์ดี รับแสงได้เยอะกว่า ภาพก็คมชัดกว่าเวลาแสงน้อย(ความจริงมันก็ดีจริงๆนะ ของแพงๆนี่)