คำตอบที่ 91
       ขอเล่าเสริมประวัติกระสุนขนาด .30 Russian หรือ 7.62x54 mm. R หน่อยนะครับ
กระสุนขนาด 7.62x54 mm. R เป็นกระสุนไรเฟิลชนวนกลางที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน เริ่มผลิตออกมาครั้งแรกในปีค.ศ. 1891 เพื่อใช้กับปืนไรเฟิลลูกเลื่อนบริหารมือ Mosin-Nagant อันโด่งดังของรัสเซีย และมีโอกาสได้นำออกมาใช้งานในสงครามโลกครั้งที่ 1 และในการปฏิวัติรัสเซีย จนมาถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้นำกระสุนตัวนี้มาใช้กับปืน SVT-40 Tokarev และปืนกล Degtyarev-Pekhotny 28 ในช่วงที่มีการปฏิวัติประเทศจีน ทางโซเวียตก็ได้มอบปืน Mosin-Nagant จำนวนหนึ่งไปให้แก่กองทัพแดงของประธานเหมาเพื่อใช้ในการปฏิวัติ รวมถึงช่วงสงครามเกาหลีก็ได้มีการมอบปืนรุ่นนี้ให้แก่เกาหลีเหนืออีกพร้อมทั้งปืน AK-47 ด้วย
ปัจจุบันกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R ก็ยังมีการนำมาใช้กับปืนไรเฟิลซุ่มยิง SVD Dragunov และปืนกลรุ่นต่างๆของกองทัพรัสเซียและกองทัพกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์และบริวารด้วย

** ปืน Mosin-Nagant รุ่นต่างครับ ไล่จากซ้ายไปขวาละกัน
1. ปืน Mosin-Nagant Model of 1891-1930
2. ปืน Mosin-Nagant Carbine Model of 1938
3. ปืน Mosin-Nagant Carbine Model of 1944
4. ปืน Mosin-Nagant Model of 1891-30 Sniper rifle + 3.5X Scope

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 92
       ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ SVT-40 ครับ พัฒนาต่อมาจากปืน SVT-38 เป็นปืนที่มีความแม่นยำและความคล่องตัวสูงมาก เนื่องจากพัฒนามาจากปืน M1 Garand ของฝ่ายอเมริกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 93
       ใครจะรู้ไหมเอ่ยว่าบ.วินเชสเตอร์ของอเมริกาก็มีส่วนร่วมในการออกแบบกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R ให้ทางรัสเซียด้วย โดยถึงกับมีการผลิตปืนไรเฟิลคานเหวี่ยง (Lever Action) Winchester M1895 ที่ใช้กระสุนขนาดนี้ให้ทางกองทัพรัสเซียด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 94
       โทษทีครับ รูปผิดครับ ต้องกระบอกนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 95
       สังเกตไหมครับว่าหน้าตาของปืนไรเฟิลคานเหวี่ยง Winchester M1895 ดูคล้ายๆกับปืนไรเฟิลลูกเลื่อน Mosin-Nagant ด้วย ก็แน่นอนละครับว่าต้องมีส่วนคล้ายกันเพราะบ.วินเชสเตอร์เองก็มีส่วนในการออกแบบปืน Mosin-Nagant ให้ทางรัสเซียด้วย พอมาผลิตเองก็เลยเอาปืน Mosin-Nagant มาเป็นต้นแบบด้วย เป็นปืนที่ชาวอเมริกันในสมัยนั้นก็ชอบใช้ในการล่าสัตว์ด้วยเนื่องจากอานุภาพของกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R ก็อยู่ในระดับที่เรียกว่าไว้วางใจได้เลย โดยปืนรุ่นนี้ก็มีการผลิตมาใช้กับกระสุนขนาดอื่นด้วยได้แก่ .30-40 Krag , .30-03 , .30-06 , .303 British เป็นต้น

** ปืนไรเฟิลคานเหวี่ยง Winchester M1895 ที่เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ ใช้กระสุนขนาด .30-40 Krag

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 96
       ถึงท่าน submachine ครับ
เดี๋ยวผมจะหาข้อมูลเรื่องตัวย่อของกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R ให้นะครับ แต่ปัญหามันคือข้อมูลส่วนมากมันจะมีแต่เป็นภาษารัสเซียนะสิ ผมไม่รู้ว่าจะแปลอย่างไรเลยเนี่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 97
       ไม่เป็นไรครับ รอได้....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 98
       ในเรื่องตัวย่อของกระสุน 7.62x54 mm. R นี้ผมจะอิงกับข้อมูลของทางรัสเซียเป็นหลักนะครับ โดยกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R นั้นในรุ่นแรกเป็นแบบ Ball มีชื่อว่า M1891 "Partisan" ออกแบบในปีค.ศ. 1891 และมีการพัฒนาออกเป็นกระสุนแบบต่างๆตามการนำมาใช้งานดังนี้
1. Full Metal Jacket (FMJ)
2. Jacket Hollow Point (JHP)
3. Soft-point
4. Light steel-core
5. Heavy steel-core
6. Tracer กระสุนส่องวิถี
7. Super-incendiary กระสุนเพลิง
8. Sniper

ส่วนในเรื่องตัวย่อนั้น มีรายละเอียดดังนี้
Ball - กระสุนพื้นฐาน
Type L ออกแบบในปีค.ศ. 1908 มีน้ำหนักหัวกระสุน 150 เกรน
Type D ออกแบบในปีค.ศ. 1930 มีน้ำหนักหัวกระสุน 182 เกรน
Type LPS ออกแบบในปีค.ศ. 1908 มีน้ำหนักหัวกระสุน 150 เกรน

*** ในรูปเรียงจากซ้ายไปขวา M1891 Ball , M1891 Dummy, Armor-Piercing , Ball type "L" Bullet , M1914 Dummy

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 99
       Armour Piercing - กระสุนเจาะเกราะ
Type B-30 หัวกระสุนทำด้วยเหล็กกล้าแบบแข็ง ออกแบบในปีค.ศ. 1930 มีน้ำหนักหัวกระสุน 170 เกรน

Armour Piercing Tracer - กระสุนเจาะเกราะส่องวิถี
Type B T มีน้ำหนักหัวกระสุน 157 เกรน

Armour Piercing Incendiary - กระสุนเจาะเกราะเพลิง
Type BS-40 มีน้ำหนักหัวกระสุน 187 เกรน
Type B-32 มีน้ำหนักหัวกระสุน 154 เกรน

Armour Piercing Incendiary Tracer - กระสุนเจาะเกราะเพลิงส่องวิถี
Type BZT มีน้ำหนักหัวกระสุน 142 เกรน

Tracer-กระสุนส่องวิถี
Type T-46 มีน้ำหนักหัวกระสุน 148 เกรน

Incendiary Ranging
Type ZP มีน้ำหนักหัวกระสุน 160 เกรน
*** ในรูปจากซ้ายไปขวา
Ball type "L" bullet M1930 , Ball type "D" bullet M1935 , Armor-Piercing type B-30 , Wartime Steel Case (no copper wash), ZP Explosive, Tracer, APIT, API, Ball type "LPS" M1953 , Ball SAAMI Proof 1987 , Blank

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 100
       จะเห็นได้ว่าตัวย่อต่างๆนั้นเป็นเพียงการบอกถึงรุ่นและน้ำหนักของของกระสุนขนาด 7.62x54 mm. R เท่านั้นเองครับ

ลิงค์สำหรับค้นคว้าครับ
1. http://www.mosinnagant.net/r2ssia.asp
2. http://en.wikipedia.org/wiki/7.62x54R
3. http://www.ak-47.net/ammo/762x54r.html

*** ในรูป คลิปบรรจุกระสุนของปืน Mosin-Nagant เป็นกระสุนแบบ Ball type D M1930 ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 101
       ขอบคุณครับ
****************************
Type L ออกแบบในปีค.ศ. 1908 มีน้ำหนักหัวกระสุน 150 เกรน
Type D ออกแบบในปีค.ศ. 1930 มีน้ำหนักหัวกระสุน 182 เกรน
Type LPS ออกแบบในปีค.ศ. 1908 มีน้ำหนักหัวกระสุน 150 เกรน
******************************

สงสัยผมต้องหา คึวามแตกต่างระหว่าง Type L กะ Type LPS ต่อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 102
       type L ดูจากรูปในข้างล่างมีลักษณะเป็นหัวกระสุนที่ทำด้วยเหล็กเปลือยไม่ชุบเคลือบทองแดงและผลิตจากโรงงานอาวุธในเมืองเปโตรกราดหรือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียในปัจจุบันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 103
       type LPS จะเป็นกระสุนแบบ steel cored พัฒนามาจากกระสุนแบบ type L นำมาทำการเคลือบทองแดงครึ่งหัว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 104
       Type LPS คล้ายๆ Silver Tip ของฝั่งอเมริกามากๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 105
       ว่าแล้ว ก็เอาใจรั้วของชาติต่อ...
กระสุนล็อตต่อไป พลเรือนในประเทศไทย มิสามารถมีไว้ในครอบครองได้ครับ....

1) .50" Browning Armor-Piercing M2 (Brazil)

2) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary (Dominican Republic)

3) .50" Browning Armor-Piercing (Dominican Republic)

4) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Tracer (Dominican Republic)

5) .50" Browning Armor-Piercing-Tracer (Dominican Republic)

6) .50" Browning Ball M33 (Greece)

7) .50" Browning Ball M33 Sniper Quality (Israel)

8) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary M8 (Israel)

9) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Tracer M20 (Israel)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 106
       ล็อตที่2ครับ

1) .50" Browning Ball M33 (K) (UK)

2) .50" Browning Tracer M17 (K) (UK)

3) .50" Browning Armor-Piercing W Mark 1z (UK)

4) .50" Browning Armor-Piercing M2 (K) (UK)

5) .50" Browning Incendiary M1 (K) (UK)

6) .50" Browning Dark-Ignition-Incendiary-Tracer (UK)

7) .50" Browning Ranging-Observing L11A2 (UK)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 107
       ล็อตที่3 ครับ
ตัวที่2 Armor-Piercing-Incendiary-Tracer M20
และตัวที่3 50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Hard Core

อยากทราบชื่อภาษาไทย และสเป็คกระสุนหน่อยครับ

1) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary M8 (K) (UK)

2) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Tracer M20 (K) (UK)

3) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Hard Core (UK)

4) .50" Browning Proof L12A1 (UK)

5) .50" Browning Dummy L1A1 (UK)

6) .50" Browning Dummy L1A1 (UK)

7) .50" Browning Dummy U Mark 1 (UK)

8) .50" Browning Dummy (UK)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 108
       ล็อตที่4 โคตะระโหดครับ ล็อตนี้


1) .50" Browning Ball M33 (USA)

2) .50" Browning Tracer M1 (USA)

3) .50" Browning Armor-Piercing M1 (USA)

4) .50" Browning Armor-Piercing M2 (USA)

5) .50" Browning SLAP (USA)

6) .50" Browning Incendiary M1 (USA)

7) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary M8 (USA)

8) .50" Browning Armor-Piercing-Incendiary-Tracer M20 (USA)

9) .50" Browning Test, High Pressure Test M1 (USA)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 109
       ขอดึงกระทู้นิดนึง ผมเห็นกระสุนขนาด .50 BMG แล้วอดนึกถึงปืนไรเฟิลซุ่มยิงกระบอกนี้ไม่ได้เลยครับ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M82 หรือชื่อเล่นคือ "Light Fifty" ไงครับ จริงๆผมก็เคยเห็นตัวจริงมาแล้วครั้งนึงตอนไปร่วมฝึกคอบร้าโกลด์เมื่อ 5-6 ปีก่อน ได้ไปดูทหารอเมริกันนำปืนกระบอกนี้ใช้สาธิตการยิงเป้าหมายในระยะ 1,500 เมตรให้ดู ซึ่งเป็นระยะที่เรียกว่าถ้าใช้กระสุน .308 วินเชสเตอร์หรือ 7.62x51 มม. นาโต้นี้อาจจะหวังผลแทบไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่กระสุนทำมาสำหรับใช้ซุ่มยิงโดยเฉพาะ ว่าแล้วพี่แกก็เอามาทดลองยิงใส่หัวหุ่นที่นั่งอยู่ในซากหัวเก๋งรถสิบล้อให้ดู เปรี้ยงเดียวทะลุทั้งตัวถังแถมหัวของหุ่นยังกระจุยไปด้วย คนที่ไปดูสาธิตการยิงปรบมือกันเกลียวกับความแม่นยำของไอ้คนยิง ส่วนผมก็ตะลึงว่ามันยิงไปได้ยังไงวะ แม่นเหมือนผีจับยัดจริงๆพับผ่า หลังจากนั้นผมก็เลยสนใจศึกษาหาข้อมูลเจ้าปืน Barrett M82 ตัวนี้มาตลอด จนมาเจอในหนังสือ Top Gun ฉบับหน้าปกที่เป็นรูปทหารเสือราชินีสองนาย เรียกว่าได้ข้อมูลครบสมใจอยากเลยจริงๆครับ

ข้อมูลของปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M82 หรือชื่อเล่นคือ "Light Fifty" ใช้กระสุนขนาด .50 BMG (BMG : Browning Machine Gun) หรือขนาด 12.7×99 mm. NATO ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Short Recoil, Semi-Automatic ความจุ 10 นัด ความแม่นยำ 1.5-2 MOA

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 110
       ปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M82 รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกครับ ออกแบบโดยนาย Ronnie Barrett ในปีค.ศ.1982 สังเกตได้ตรงพานท้านกับหยุ่นรับแรงสะท้อนจะเป็นแบบทึบอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 111
       พอมาในปีค.ศ. 1986 ก็มีการนำปืน Barrett M82 มาพัฒนาต่อเป็นรุ่น M82A1 แล้วก็มีคำสั่งซื้อลอตแรกจากกองทัพสวีเดนจำนวน 100 กระบอกในปีค..ศ. 1989

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 112
       ในปีค.ศ. 1987 ก็มีการนำปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M82A2 มาพัฒนาเป็นปืนไรเฟิลแบบ Bullpup แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากไม่มีความคล่องตัวเท่าที่ควรและแรงสะท้อนที่ค่อนข้างมากของปืนขณะทำการยิง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 113
       ปืน Barrett M82A3 เป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงในหลายส่วน เช่นรางปืนก็ทำให้ยาวขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆคล้ายกับปืนไรเฟิลในตระกูล M16/M4 ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 114
       ขอบคุณ ท่านคาลาฯ สำหรับข้อมูลดีๆ
แต่บอกตรงๆ ผมเองก็สนใจ.50 บีเอ็มจี แต่ถ้าให้ยิงนี่...
ดูจากขนาดกระสุนแล้ว ผมเองบอกตรงๆว่าขยาดตั้งแต่เห็นกระสุนแล้วครับ...
รงถีบ ไม่น่าจะเอาไหวเกินสามนัดล่ะ ท่านผู้ชม....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 115
       ผมว่าตัวปืน Barrett M82 เองคงออกแบบมาไม่ให้มีแรงถีบมากนะครับท่าน submachine เพราะตอนที่ไปดูสาธิตการยิงเจ้าปืนตัวนี้ เจ้านายผมท่านยังลองยิงด้วยเลยล่อไปคนเดียว 2 แม็กกลุ่มกระสุนจับกลุ่มดีมากจนขนาดมือปืนมะกันที่ยิงคนแรกไอ้กันยังยกนิ้วให้ แล้วท่านเองหลังจากนั้นก็สบายมากไม่มีอาการปวดไหล่หรือเคล็ดขัดยอกให้เห็นเลยครับ

ในรูป เป็นการยิงทดสอบปืน Barrett M82A1 นะครับ สังเกตตรงปลอกพรางแสงตรงปากกระบอก เมื่อก่อนจะเป็นปลอกแบบวงแหวน ตอนหลังหันมาทำเป็นแบบปากแบนมีรูระบายก๊าซเฉียงข้างแทนเพื่อลดแรงสะบัดแล้วก็แรงถีบของปืนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 116
       อันนี้มาว่ากันด้วยเรื่องกระสุนเจาะเกราะครับ แต่เป็นกระสุนปืนใหญ่นะครับ ตั้งแต่ขนาด 20 มม.ขึ้นไป

APFSDS-T (Armour-Piercing Fin Stabilized Discarding Sabot with Tracer) = กระสุนเจาะเกราะส่องวิถีแบบสลัดเปลือกหุ้มทิ้งเองทรงตัวด้วยหาง (ขนาดที่ใช้กับรถถัง M60A3 ทบ.ไทยซื้อเมื่อปี 2542 ในราคานัดละ 23,277 บาท)

APDS (Armour-Piercing Discarding Sabot) = กระสุนเจาะเกราะแบบสลัดเปลือกหุ้มทิ้งเอง

APFSDS-T (Armour-Piercing Fin Stabilized Discarding Sabot with Tracer) = กระสุนเจาะเกราะส่องวิถีแบบสลัดเปลือกหุ้มทิ้งเองทรงตัวด้วยหาง (ขนาดที่ใช้กับ ถ. เอ็ม 60 เอ 3 ทบ.ไทยซื้อเมื่อปี 2542 ในราคานัดละ 23,277 บาท)

APDS (Armour-Piercing Discarding Sabot) = กระสุนเจาะเกราะแบบสลัดเปลือกหุ้มทิ้งเอง

API (Armour-Piercing Incendiary) = กระสุนเจาะเกราะเพลิง

สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศเดียวในโลกที่มีกระสุน DU อย่างน้อยมีอีก 17 ประเทศที่มีกระสุน DU อาทิ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส รัสเซีย กรีซ ตุรกี อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน อียิปต์ คูเวต ปากีสถาน ไทย เกาหลีใต้ และไต้หวัน แต่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ส่งออกรายใหญ่

- สหราชอาณาจักร ใช้กระสุน APFSDS ขนาด 120 มม. กับรถถัง Challenger-2
- ฝรั่งเศส ใช้กระสุน APFSDS ขนาด 105 มม. กับรถถัง AMX 20 B 2 และกระสุน APFSDS ขนาด 120 มม. กับรถถัง Leclerc
- รัสเซีย ใช้กระสุน APFSDS ขนาด 115 มม. กับรถถัง ที-62 กระสุน APFSDS ขนาด 125 มม. กับรถถัง ที-72 และกระสุน HEAT-FS (High Explosive Anti-Tank-Fin Stabilized กระสุนระเบิดต่อสู้รถถังทรงตัวด้วยหาง) ขนาด 105 มม. กับรถถัง ที-72

DU ไม่ได้เป็นหัวรบ ลูกระเบิด หรือวัตถุระเบิด เป็นเพียงตัวเจาะเกราะของกระสุนสมัยใหม่ที่ใช้ต่อสู้ยานเกราะ นอกจากนี้ยังใส่ไว้ที่ปลายอาวุธปล่อยบิน (จรวดร่อน - ศัพท์ ทร.) โจมตีภาคพื้นดินแบบโทมาฮอว์ก

กระสุนเจาะเกราะยิงจากปืนใหญ่รถถังมีแกนลูกกระสุนรูปลูกดอกทำด้วย DU มีเปลือกหุ้ม (sabot) ทำด้วยพลาสติก อะลูมิเนียม หรือโลหะผสม ที่มีขนาดเท่ากับลำกล้องปืน เมื่อกระสุนเคลื่อนพ้นปากลำกล้องปืนไม่เกิน 100 เมตร เปลือกหุ้มจะสลัดตัวเองออกด้วยแรงเฉื่อยมาข้างหลัง แรงดันของแก๊สที่เกิดจากดินส่งกระสุน และแรงเหวี่ยง ประกอบกัน ทำให้แกนลูกกระสุน เป็นอิสระและเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงถึง 1.5 กิโลเมตร/วินาที ทันทีที่พุ่งชนเกราะของยานเกราะ (โดยเฉพาะที่ทำด้วยเหล็กกล้า) ผิวของ DU จะลุกเป็นไฟ เกราะบริเวณที่แกนลูกกระสุนพุ่งชนและ DU ส่วนหนึ่งจะหลอมละลายเป็นของเหลว เนื่องจากอุณหภูมิสูงที่เป็นผลของการกระแทกอย่างแรง ขณะเจาะเกราะแกนลูกกระสุนจะละลายและเหลาตัวเองให้แหลมไปด้วย เมื่อทะลุถึงด้านในของรถเกราะ แกนลูกกระสุน DU ส่วนที่ยังไม่หลอมละลาย พร้อมด้วยโลหะเหลวจากเกราะรถ และชิ้นส่วนของเกราะรถที่กะเทาะจากด้านใน จะแฉลบไปทั่วภายในรถ ทำอันตรายทหารที่อยู่ภายใน นอกจากนี้เศษเล็กเศษน้อยที่กระเด็นออกมาจากการเหลาหัวให้แหลมเองของแกนลูกกระสุน DU จะจุดตัวเองเป็นประกายไฟ และทำให้เชื้อเพลิงและกระสุนภายในยานเกราะที่ตกเป็นเป้าลุกไหม้จนเป็นผลให้เกิดการระเบิด

การเจาะเกราะของ DU ทำให้เกิดรูเข้าขนาดเล็กค่อนข้างกลม และถ้าเจาะทะลุเป้าหมายจะมีรูออกค่อนข้างกลมเช่นกันแต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย กระสุนปืนของเครื่องบิน เอ-10 สามารถเจาะเกราะทำด้วยเหล็กกล้าหนา 9 ซม. (3.5 นิ้ว)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 117
       ขอ .22 .357 .380 เพิ่มครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 118
       อยากรู้ข้อมูล Barrett M82 ได้ไหมครับ ชอบมากเลยครับ สวยดีด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 119
       เดี๋ยวว่างๆ จะหาให้ครับ
ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้มาเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 120
       ท่านซับเยี่ยมมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย