คำตอบที่ 1
       รัตนโกสินทร์ ศกล่วงแล้วสองร้อยยี่สิบหกปี
ท่ามกลางแมกไม้อันร่มครึ้ม กอร์ปด้วย มะพร้าว มะม่วง กอไผ่ ขึ้นอยู่ปนระเกะระกะ ดูประหนึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ร้านอาหารตกแต่งอย่างเรียบง่าย ด้วยวัสดุท้องถิ่น แฝงตัวอยู่ในซอกหลืบระหว่างซุ้มไม้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       บ่ายจัด สามบุรุษนั่งสนทนาอยู่ที่โต๊ะอาหารซีกด้านทิศตะวันตกของร้าน ทางด้านหลังมีสระน้ำเล็กๆ บัวสายแฝงกอขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆต่างชูช่ออวดสีขาวและแดงทั้งตูมทั้งบาน ลมบ่ายโชยมาอ่อนๆ จำปียืนต้นอยู่ริมซุ้มศาลาข้างโต๊ะนั่ง โชยกลิ่นโรยรินด้วยว่าดอกบานแล้วแต่เช้า ชื่นใจนัก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เสียงพูดคุยกันระหว่างสามบุรุษ บางครั้งเบา บางครั้งดัง บางครั้งมีเสียหัวเราะอย่างครื้นเครง บุรุษหนึ่งอายุห้าสิบต้นๆ ผมยาวสลวย ขาวสอ้านไปทั้งศรีษะ ผิดธรรมชาติของชายในวัยนี้ ยกแก้วน้ำสีอำพันที่มีพรายฟองเดือดปุด มีคราบฟองติดอยู่ที่ริมขอบแก้ว ขึ้นจรดริมฝีปากพร้อมเงยหน้าหงายฝ่ามือขึ้น น้ำสีอำพันในแก้วไหลผ่านริมฝีปากสู่ลำคอไปอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยขึ้น
"เดินหน่อยสิน้อง อะไร สามคน พึ่งจะครึ่งโหลเอง เสียสถาบันหมด" คำว่าเดินของชายนั้น หมายถึง การเร่งเร้าให้อีกสองบุรุษ ผู้เยาว์วัยกว่าดื่มเครื่องดื่มตาม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       "ไม่ใช่หกนาพี่ นี่มันเก้าแล้ว ผมชักมึนๆ" ชายร่างเล็กผอมบางวัยยี่สิบปลายๆ พูดพลางผมตัวนับขวดเปล่าใต้โต๊ะ
"เออ..น่า!!เก้าก็เก้าวะ เบียร์นี่มันดีนะ เป็นเครื่องปรุงระหว่าง ฮอปส์กับยีตส์ เดิน เดิน!! ขวับเข้าซี พิรี้พิไรอยู่ได้ เดี๋ยวเย็นกันพอดี ขับรถกลับมันไกลเหมือนกันนา" ชายผู้ผมขาวเร่งเร้าให้อีกสองบุรุษดื่มตาม
เบื้องหน้าจานอาหารวางอยู่ระเกะระกะ บางจานก็พร่องไปเกือบหมด บางจานก็เกลี้ยงฉาด บ่งบอกถึงระยะเวลาที่นั่งอยู่เนินนาน
สองบุรุษที่เหลือ ยกแก้วสีอำพันขึ้นจิบแต่พอเป็นพิธี พลันสายตาของบุรุษผู้อาวุโสกว่าเหลือบเห็นขวดเปล่าสีชาเข้ม มีตรารูปสัตว์ร้ายในวรรณคดีแปะติดอยู่ข้างขวด จึงยกมือกวักเด็กหนุ่มบริกรของร้านอาหาร
"น้องๆ!! เอาไอ้นี่มาอีกอัน" พรางชูขวดเปล่าสีชาเข้มให้เด็กหนุ่มดู เด็กหนุ่มหัวเราะเข้าใจในความหมายเดินหายไปหลังร้าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       "พี่!!พี่!! ผมว่าพี่ก็มีความรู้อยู่นา ทำไมเรียกเบียร์ว่าเป็นอัน ใครๆเขาเรียกขวดกันทั้งนั้น" เค้าหนุ่มผิวขาวผอมบางทักขึ้น
"เฮ่ย!! ภาษาไทยนี่นะ เป็นภาษาชั้นยอดของโลกเชียวนา จะบอกให้ รู้ไหม ฝรั่งมังค่ามันไม่มีลักษณะนามใช้ หมามันเรียก Dog หมาสองตัว มันเรียก Two dogs แต่พี่ไทย ของอย่างก็เรียกอย่าง ก็เรียนกันมาไม่ใช่รึ" เจ้าบุรุษยาวขาวถามยิ้มๆ
"ครับพี่!!" เจ้าผอมบางรับปากไปงั้นๆ
"เจ้าลักษณะนามนี่ ราชบัณฑิตย เป็นผู้กำหนดให้เรียกใช้ บางครั้งพี่ออกจะไม่เห็นด้วย เพราะภาษาไทยไม่ใช่เป็นของราชบัณฑิตย มันต้องดูว่าคนไทยส่วนใหญ่ เขาเรียกกันอย่างไร ไม่ใช่พูดไม่ตรงกับราชบัณฑิตยแล้วเป็นผิดหมด"
"ผมเห็นด้วยครับพี่" เจ้าหนุ่มร่างท้วมเสริมขึ้นอย่างเอาใจ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       "เออ...แต่ว่า หมาเนี่ยเขาเรียกเป็นอะไร??"
"ตัว" เจ้าร่างเล็กตอบ
"ช้าง" พูดลักษณะเป็นคำถาม
"ถ้าเป็นช้างบ้านเรียก เชือก ถ้าเป็นช้างป่าเรียกตัว ถ้าอยู่รวมกันเป็นฝูงเรียก โขลง" เจ้าหนุ่มร่างท้วมตอบ "มันง่ายไปมั้งพี่!! นี่มันความรู้ ป.2 นะ"
บุรุษผมขาวหัวเราะ "เอาล่ะ ขอถามจริงๆเถอะ รู้จักเม่นไหม"
"รู้" ตอบเกือบเป็นเสียงเดียวกัน "เม่นที่อยู่ตามป่า ที่มีขนเป็นหนาม เหมือนเข็มเล่มใหญ่ๆนี่นะ" เจ้าร่างเล็กถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่า มิได้เข้าใจผิดพลาด
"เออ...ใช่ แต่ลักษณะนามของเม่น เขาเรียกเป็นอะไร" ถามพลางตักกุ้งพล่าเข้าปาก ดูประหนึ่งว่าไม่สนใจ
"ตัว" เจ้าร่างท้วมตอบ
"แล้วที่อยู่รวมกันหลายๆตัวล่ะ"
"ฝูง" เจ้าร่างท้วมยืนยัน
"เอ...ทำไมเรียกไม่เหมือนกัน" พรางทำหน้าฉงน
"บ้านพี่เขาเรียกอะไร เรียกไม่เหมือนบ้านผมเหรอ บ้านผมก็เรียกเป็นตัวเหมือนกัน" เจ้าร่างเล็กที่บ้านเดิมอยู่ทางเหนือ ละมือจากแก้ว ทำท่าสงสัย
"ฮื่อ...เรียกไม่เหมือนกัน บ้านพี่เขาเรียกเป็น สอย ว่ะ"
"บ้านพี่ที่บางยาง กระทุ่มแบนนี่นะ เรียกเม่นเป็นสอย" เจ้าร่างท่วมทำหน้าเอ๋อ
"เออ...คงจะเรียกไม่เหมือนกัน ไม่รู้ใครถูกใครผิด" ตอบหน้าตาเฉย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       พลัน เจ้าหนุ่มร่างท้วมลุกขึ้นยืนหัวเราะจนตัวงอ "บ้านผมก็เรียกเป็นสอยพี่ ถ้าอยู่รวมกันเยอะๆ ก็เรียกเป็นกระจุก" แล้วหัวเราะดังลั่น จนแขกข้างโหนมามอง
เจ้าหนุ่มร่างเล็กยังทำหน้า เหรอ ไม่รู้ใครถูกใครผิด เหตุไฉนเพื่อนจึงหัวเราะอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
"จริงเหรอพี่ เม่นเขาเรียกเป็นสอย" ถามอย่างสนเท่ห์
"จริงวะ!!เวลาเขานับเม่น เขาจะนับ เม่นหนึ่งสอย เม่นสองสอย ต่อไปเรื่อยๆ" พลางทำหน้าตาย ประดุจดั่งบรรยายวิชาการ
แล้วเสียงหัวเราะของหนุ่มร่างเล็กก็ดังขึ้นบ้าง ดังเสียกว่าเจ้าร่างท้วมเสียอีก
"สอย สอย บ้านผมก็เรียกสอยเหมือนกัน ถ้าอยู่รวมกันเยอะๆ เขาเรียกเป็นกระจุก โฮย" พูดพลางหัวเราะพลาง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       เจอแล้วกวีรัตนโกสินทร์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       เด็กสาววัยกำดัดสองคน ที่อยู่โต๊ะข้างเคียงถัดไป เจ้าก็แอบฟังรุ่นใหญ่พูดคุยกันอยู่ เพราะผิดสังเกต ตั้งแต่เจ้าร่างท้วมยืนขึ้นหัวเราะ ต่างส่งเสียงหัวเราะกรี๊ด!! แล้วพยักเพยิดหน้าใส่กัน เสียงกระซิบกันเบาๆ "บ้านเธอเรียกอะไร" "บ้า!!"พูดเหมือนอุทาน "บ้านเราก็เรียกสอยเหมือนกัน"

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เด็กหนุ่มนำเบียร์มาเสริฟ์ พร้อมทั้งเอื้อมมือหยิบแก้วเปล่าเพื่อจะริบใส่ เจ้าหนุ่มร่างท้วมร้องห้าม แล้วหยิบแก้วของบุรุษผมขาวผู้อาวุโสกว่ามาวางไว้ตรงหน้า พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนเพื่อหยิบกระติกน้ำแข็งฝั่งตรงข้ามหมายจะใส่น้ำแข็งในแก้วเบียร์ซักสองก้อน
พลันสายตามองข้ามโต๊ะผ่านสระน้ำ พร้อมร้องด้วยเสียงอันดังว่า
"พี่ๆ!!รถ J E E P "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ...สวัสดีครับท่านนายหงอก ผมเห็นjeepของท่านครั้งแรก ก็พอเดาออกแล้วว่าเจ้าของรถต้อง เท่แน่นอน ฟันธง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       สวัสดีครับ ท่านคน 2 บ้าน ตามท่านนกระปูด เขาไปดู ทรายกะทะเล คิดถึงท่าน หากท่านมาด้วยคงมีภาพดีๆ จ ากฝีมือท่านมาอวด แต่อย่างไรก็ตาม ม่วนขนาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       พี่นายหงอกเท่จัง คนอะไรไม่รู้ดูดีทุกองศาอิจฉานะเนี่ยรู้หม้าย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ยอม.....ยอม....ยอมแล้ว..เห็นคารมอันวิจิตรพิศดารของท่าน

ลุดแสนจะรัญจวนใจ..สังฆราชยังต้องเรียกโยมพี่ ครับท่านนายหงอก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       พี่ดำ ภูเก็ต ครับ เรื่องที่เล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริงของการได้มาซึ่ง รถ jeep ของผม แล้วผมจะเล่าตอนต่อไป ผมลงไปทำงานที่ภูเก็ตเสมอๆแหละครับ สิ้นเดือนนี้ก็คงลงไปอีก หวังว่าพี่ดำคงมีเวลาว่าง เปิดโอกาสให้ผมได้ไปคารวะ นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       นู๋ จะรออยู่ภูเก็ต ค่ะป๋า นู๋ ว่างเสมอค่า อย่าลืมโทรหา นู๋ นะป๋า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       เยี่ยมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ยินดียิ่งครับ...ในฐานะรุ่นน้องที่มีโอกาสที่ได้มารู้จักกับพี่...นายหงอกในมาด C O W B O Y J E E P ตัวจริงซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่เหมาะสมอย่างลงตัวที่สุดแล้วครับพี่...นายหงอก...แถมยังมีคำนิยามอีกว่า__________________________________
T H E O L D M A N A N D T H E J E E P

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ท่านแรดดง เสมียนสาวอ่านกระทู้ของท่านแล้ว ร้องว่า "หนูกลัว หนูกลัว" เลยถามว่ากลัวอะไร เขาเป็นสุภาพบุรุษ ใจคอเยือกเย็น ไม่ดุร้าย
"พี่ไม่เห็นเหรอ นอน่ะ นอน่ะ วัดได้แปดเก้านิ้ว สงสัยจะหิวการเท็จด้วย หนูกลัว หนูกลัว"

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       พี่หงอก ผมขอเบอร์ติดต่อด้วยครับ อยากจะถามจุดเกิดเหตุ ณ เชียงกง พอดีต้องการที่ปัดน้ำฝน มอเตอร์ 24V ครับ รบกวนด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       เรียน ท่านcj 5.55 เบอร์ของผม 081 8183798 ครับผม ร้านอะไหล่ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกจะชื่อ ประภายนต์ กลการ ถามร้านแถวนั้นรู้จักหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ท่าน CJ 5.55 ผมมีมอเตอร์ปัดน้ำฝน 24 V ถ้าท่านต้องการนำไปใช้ผมยินดีให้ท่านติดต่อ

เบอร์ผม 085- 9079353

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       "พี่ๆ รถ jeep " พลางชี้มือข้ามโต๊ะอาหาร
บุรุษอาวุโสหันขวับตามมือ พลันเห็นท้ายรถรูปสี่เหลี่ยม ไฟท้ายดวงกลมสีแดง ไฟเลี้ยวขนาดถ้วยชา ประดับอยู่ซ้าย ขวา ยางอะไหล่ วงกลมโตติดอยู่กึ่งกลางของท้ายรถ เสาโครงผ้าใบสองเสาตั้งลาดเอียงไปด้านหน้า คานบนเป็นเหล็กแป๊บกลม ขนาดข้อมือโยงยึดเสาทั้งสองและวิ่งยาวตลอดแนวสองข้างไปบรรจบกับกระจกหน้า เสากลางตั้งรองรับคานบนอยู่ที่ด้านหลังของเบาะหน้า ผ้าใบหลังคาถูกตลบม้วนจากท้ายไปผูกรัดไว้กับคานกลาง ตัวรถอาบด้วยสีแดงเป็นมันเข้ม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       " เอ่อ ใช่จริงๆ ไปดูกันหน่อย " พูดทำนองชักชวนสองสหายหนุ่ม
สามบุรุษต่างลุกจากโต๊ะอาหาร เดินอ้อมสระน้ำผ่านต้นจำปี มุ่งไปที่เต็นท์ผ้าใบ ซึ่งตั้งกางครอบรถอยู่สองสามคัน ประหนึ่งว่าเป็นโรงรถ
" รถใคร " บุรุษอาวุโสเปรยขึ้นเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบพลางลูบคลำรถ jeep
ต่างเดินวนอยู่รอบรถ jeep บ้างก้มมองช่วงล่าง บ้างชะโงกดูแผงหน้าปัดในรถ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       รถนี้ใส่ล้อสูงใหญ่ โฉมด้านหน้ามีไฟส่องสว่างดวงกลมโปนโต ขอบรอบดวงไฟ เป็นโลหะสีเงิน ถูกขัดถู จนขึ้นมันสะท้อนแสงอยู่วาบๆ ซ่องลมหน้าหม้อน้ำเป็นซี่ลูกตั้งหลายช่อง สอดรับกับฝากระโปรงบน ที่โค้งอวบนูนน้อยๆ ส่วนกลางของฝากระโปรงยกเล่นระดับให้สูงขึ้นกว่าขอบด้านข้างแต่พองาม เสาสมอรูปกระจับสีดำเกี่ยวรั้งยึดฝากระโปรงไว้ทั้งสองข้าง ได้รูปทรงอย่างลงตัว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       เอาอีกครับ พี่ สำนวนเหมือนโกว้เล้ง ชอบครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       เรียนท่านอึ้งเอี๊ยะซือ โก้วเล้ง แปลว่ามังกรโบราณ หมายถึงจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเจ้าของวลีอุโฆษหลายสำนวน อาทิ ตอนที่อาฮุยจะจากลาลี้คิมฮวง อาฮุยพลันร่ำไห้ด้วยอาลัยรัก ลี้น้อยมีดบินหรือเสี่ยวลี้ปวยตอ ส่งเสียงหัวร่อว่าฮา ฮา พลันกล่าว "ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา" หรือ " ข้าพเจ้ามิได้นิยมชมชอบในรสชาด แห่งสุรา ข้าพเจ้าชมชอบบรรยากาศแห่งการร่ำสุรา"
ส่วนนายหงอก ชอบเรียกตัวเองว่า โก้วบั๊ก แปลว่า ขอนไม้ที่ผุแล้ว หาประโยชน์อันใดมิได้ รังแต่จะเป็นอาหารของมด มอด ปลวก ไปเท่านั้น
นายหงอกจึงเป็นได้แค่ หิ่งห้อยน้อยแสง ฤาจะแข่งโก้วเล้งดังดวงสุริยะฉันท์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ด้านข้างของรถนั้นเล่าก็เปลือยเปล่า หามีหน้าต่าง ประตู เฉกเช่นรถอื่นไม่ หลังคาผ้าใบโยงยึดกับเหล็กคานบนด้วยตีนตุ๊กแก จึงถูกถลกมาคลุมแดดไว้เพียงกึ่งเดียว ซุ้มคอนโซลถุกดัดแปงจากรถญี่ปุ่น ยังมีเกจจ์วัดต่างๆครบถ้วน พวงมาลัยอยู่ด้านขวามือ คันเกียร์ มีอยู่ 2 คัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ต่างคนต่างก้มๆมองๆดูรถ แล้ววิพากษ์ วิจารณ์ ไปต่างๆนานา
"สวยดีนะพี่ ตืนโตเสียด้วย" เจ้าหนุ่มร่างท้วม ตามปกติเป็นคนพูดน้อย ออกปากชม
" เฮ่ย! ทำไมมันใหญ่โตอย่างนี้ ดูซิสูงท่วมหัวเลย jeep อะไรนี่ " บุรุษอาวุโสเอ่ยขึ้นลอยๆ
"หน้ากบ"จ้าร่างเล็กตอบ พลางก้มมองล้อและช่วงล่าง งอนิ้วใช้หลังมือเคาะด้วยความเคยชิน
" รู้ได้ ไง!!"มอย่างไม่ต้องการคำตอบ
" โธ่!! พี่ ก็ดูซี หน้า โหนกง้ำ อวบอูม อล่างฉ่าง อลึ่งฉึ่ง อล่องฉ่อง อย่างนี้เป็นอื่นไปไม่ได้ กบ กบ สถานเดียว"

แสดงความคิดเห็นย่อย