WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ชมรมตาปีออฟโรดคลับ OC
บิ๊กตาปี
จาก บิ๊กตาปี
118.173.203.114
พฤหัสบดีที่ , 20/12/2555
เวลา : 15:29

อ่านแล้ว = 11919 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ขอเปิดกระทู้นี้เพื่อพบปะ พูดคุย สัพเพเหระ ทั้งมีสาระและไร้สาร ของสมาชิกตาปีออฟโรดคลับ OC และเพื่อน ๆ ที่เข้ามาทักทายกันได้ครับ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 5 จาก >>> 1  2  3  4  5  

คำตอบที่ 121
       (2.2) แบบสามชิ้น
แหวนกวาดน้ำมันแบบสามชิ้นนี้ประกอบด้วย แผ่นกวาดด้านข้าง เพื่อกวาดน้ำมันส่วนเกินออกและตัวทางซึ่งดันให้แผ่นกวาดด้านข้างแนบสนิทกับ
กระบอกสูบ และร่องแหวน แหวนกวาด น้ำมันแบบสามชิ้นนี้ ทำหน้าที่เช่นเดียวกับแบบรวม





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 01:32   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146974

คำตอบที่ 122
       (2.3) ช่องว่างปากแหวน
แหวนลูกสูบจะขยายตัวเมื่อร้อนในลักษณะเดียวกับลูกสูบ ด้วยเหตุนี้แหวนลูกสูบจึงมีปากตัดที่เดียว และเมื่อประกอบเข้าภายในกระบอกสูบจะเหลือช่องว่างที่เหมาะสม ซึ่งเรียกว่า ช่องว่างปากแหวน ระยะช่องว่างนี้จะแปรผันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่อง แต่ปกติจะอยู่ในช่วง 0.2ถึง 0.5มม. (0.008 ถึง 0.020 นิ้ว) ที่อุณหภูมิปกติ
สำคัญ
ถ้าระยะช่องว่างปากแหวนมากเกินไป จะทำให้กำลังอัดของเครื่องยนต์ตกถ้าระยะปากแหวนแคบเกินไป สามารถทำให้เครื่องยนต์ติดได้ เพราะว่าปลายของแหวนจะติดกัน เนื่องจากการขยายตัวจากความร้อน ทำให้แหวนโก่งขึ้น ทำให้ผนังของกระบอกสูบชำรุด







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 01:38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146975

คำตอบที่ 123
       พักสายตา แป๊ปปปป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 01:44   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146976

คำตอบที่ 124
       ต่อๆ เดี๋ยวนอกเรื่อง ท้ายๆค่อยจัดเต็มอีกที
4. ก้านสูบ (CONNECTING ROD)
ก้านสูบทำหน้าที่ต่อลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยง และถ่ายทอดกำลังไปสู่เพลาข้อเหวี่ยงปลายของก้านสูบที่ต่อกับลูกสูบ เรียกว่า ปลายเล็กส่วนปลายที่เหลือที่ต่อกับเพลาข้อเหวี่ยงเรียกว่าปลายใหญ่ข้อเพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนด้วยความเร็วสูงในปลายใหญ่ ทำให้เกิดอุณหภูมิสูง เพื่อป้องกันมิให้ ้เกิดการชำรุดจากความร้อนภายในปลายใหญ่จึงประกอบด้วยแบริ่ง ซึ่งหล่อลื่นด้วยน้ำมันและบางส่วน
ของน้ำมันนี้จะพุ่งออกจากรูน้ำมันเข้าไปภายในลูกสูบเพื่อให้ลูกสูบเย็น
สำคัญ
การประกอบก้านสูบต้องประกอบให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะทำให้ปิดรูน้ำมัน(อยู่ที่ด้านของลูกสูบ ที่ริมแรงะกระแทกโดยตรง) เพื่อป้องกันการประกอบผิด ก้านสูบแต่ละชุดจะมีเครื่องหมายในการประกอบอยู่ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเครื่องดังนั้นต้องทำการตรวจสอบ กับคู่มือการซ่อมอย่างละเอียด






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 01:50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146977

คำตอบที่ 125
       5. เพลาข้อเหวี่ยง (CRANKSHAFT)
แรงขับที่ใช้ในการขับเคลื่อนล้อของรถยนต์ ได้มาจากการเคลื่อนตัวขึ้นลงของก้านสูบและผลจากหมุนของเพลาข้อเหวี่ยงเพลาข้อเหวี่ยงได้รับแรงจากลูกสูบและก้านสูบทำให้หมุนด้วยความเร็วสูงด้วยเหตุนี้มันจึงทำจากเหล็กไฮเกร็ดผสมคาร์บอนซึ่งมีความทนต่อการสึกหรอสูง

ข้อเจอร์นัลถูกรองรับด้วยแบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงของห้องเพลาข้อเหวี่ยงและเพลาข้อเหวี่ยงหมุนรอบข้อเจอร์นัลนี้ข้อเจอร์นัลแต่ละข้อมีแขนเพลาข้อเหวี่ยงประกอบอยู่ ข้อเพลาข้อเหวี่ยงติดตั้งอยู่บนเพลาข้อเหวี่ยงเยื้องศูนย์กับแกนของเพลาน้ำหนักถ่วงประกอบอยู่ดังรูป เพื่อลดแรงความไม่สมดุลย์ของการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานที่เพลาข้อเหวี่ยงมีรูน้ำมันเพื่อใช้ส่งน้ำมันหล่อลื่นให้กับข้อเจอร์นัล แบริ่งก้านสูบ และสลักก้านสูบ โครงสร้างของเพลาข้อเหวี่ยงดังภาพประกอบด้านล่าง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 01:57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146978

คำตอบที่ 126
       6. ล้อช่วยแรง (FLY WHEEL)
ล้อช่วยแรงทำด้วยเหล็กหล่อที่หนักยึดไว้ด้วยโบลท์เข้ากับปลายของเพลาข้อเหวี่ยง สำหรับรถที่ใช้ระบบส่งกำลังแบบธรรมดาในจังหวะจุดจุดระเบิดของเครื่องยนต์ ลูกสูบจะถ่ายทอดกำลังให้กับเพลาข้อเหวี่ยงเพียงจังหวะเดียวเท่านั้น เพระว่านอกจากจังหวะนี้แล้วในจังหวะอื่น ๆ กำลังจะสูญเสียไปเนื่องจากแรงเฉื่อยกับความฝืดล้อช่วยแรงจะยังคงแรงการหมุน (แรงเฉื่อย)ในระหว่างจังหวะอื่น ๆไว้ นอกเหนือจากจังหวะจุดระเบิด เพื่อทำให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ยังทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบเรียบด้วยฟันเฟื่องที่อยู่รอบขอบวงเกลมของล้อช่วยแรงจะขบกับฟันเฟื่องขับของมอเตอร์สตาร์ท ในขณะที่เริ่มติดเครื่องยนต์ ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติล้อช่วยแรงนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นชุดทอร์คคอนเวอร์เตอร์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:03   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146979

คำตอบที่ 127
       ข้อมูลอ้างอิง
"การสูญเสียจากแรงเฉื่อย" หมายถึงการสูญเสียกำลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะอัด ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ลูกสูบถูกดันให้เคลื่อนตัวขึ้นอัดส่วนผสมอากาศและเชื้อเพลิง






ภาพประกอบ...ทำให้ผมเข้าใจคำอธิบายทันทีเลยครับท่าน rooster....อิอิ
จาก : ยงยุทธ TMVC-068(yooyee123) 11/5/2556 19:41:17 [110.77.197.188]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146980

คำตอบที่ 128
       แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยง
1.บทบรรยายทั่วไป
เพลาข้อเหวี่ยงได้รับแรงกระทำอย่างรุนแรงจาก (แก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้)ลูกสูบ และหมุนด้วยความเร็วที่สูงมาก ด้วยเหตุนี้แบริ่งจึงจำเป็นต้องใช้รองรับระหว่างข้อเพลาข้อเหวี่ยงและเจอร์นัลและถูกหล่อลื่นด้วยน้ำมันเพื่อป้องกันการยึดติดตายและลดการสูญเสียทางความฝืด
2.ประเภทของแบริ่ง
เพลาข้อเหวี่ยงและชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่หมุนด้วยความเร็วสูงและภายใต้ภาระอันหนักหน่วงจะใช้้แบริ่งแบบรองรับนี้ ซึ่งแบริ่งแบบนี้ มีคุณสมบัติที่ดีต่อความทนทานต่อการสึกหรอ และประสิทธิภาพป้องกันการติดตาย แบริ่งแบบนี้ประกอบด้วยเปลือกนอกที่เป็นโลหะ และผิวหน้าของแบริ่งที่ทำด้วยโลหะชนิดอื่น ซึ่งสัมผัสอยู่กับเพลาข้อเหวี่ยงเปลือกโลหะมีขอบล็อคใช้เพื่อป้องกันแบริ่งไม่ให้หมุนแบริ่ง
แบบนี้มีการผลิตออกมาหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีชนิดของเนื้อวัสดุที่ทำผิวหน้าที่แตกต่างกัน โดยทั่ว ๆ ไปแล้วทำจากโลหะสีขาวโลหะเคลเมท หรืออลูมิเนียม
สำคัญ
แบริ่งแต่ละอันจะมีหมายเลขแบริ่งประทับอยู่ เมื่อต้องการจะเปลี่ยนแบริ่งต้องเปลี่ยนแบริ่งให้มีหมายเลขตรงกับหมายเลขของเดิมที่ถูกเปลี่ยนวิธีการเลือกหมายเลขแบริ่ง ให้ศึกษาจากคู่มือการซ่อม
1) โลหะสีขาว
โลหะสีขาวเป็นโลหะเคลือบด้วยดีบุก ตะกั่ว แอนติโมนี สังกะสีหรือสารเคลือบอื่น ๆมันมีการยึดเกาะได้ดี แต่เพราะว่ามันมีความแข็งแรงน้อย จึงมักถูกใช้ในเครื่องยนต์ที่รับภาระงานไม่มากนัก
2) โลหะเคลเมท
โลหะเคลเมทเป็นผิวโลหะเคลือบด้วยทองแดง และตะกั่วผสมซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่าและต้านทานการล้าตัวได้ดีเท่าโลหะสีขาว แต่มีการยึดเกาะตัวไม่ดีนัก ซึ่งโลหะเคลเมทใช้กับเครื่องยนต์รอบจัด และภาระงานหนัก
3) โลหะอลูมิเนียม
ผิวหน้าอลูมิเนียมเป็นผิวโลหะซึ่งมีอลูมิเนียม และดีบุกผสมห่อหุ้มอยู่ มีประสิทธิภาพในการต้านทานการสึกหรอ และระบายความร้อนได้ดีกว่าทั้งโลหะสีขาวและกับโลหะเคลเมทซึ่งเป็นที่นิยมใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:15   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146981

คำตอบที่ 129
       3. ช่องว่างน้ำมันของแบริ่ง
ผิวหน้าสัมผัสระหว่างแบริ่งที่อยู่กับที่กับเพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนจำเป็นจะต้องมีน้ำมันจำนวนที่เพียงพอส่งไปหล่อลื่นเพื่อป้องกันการขัดสีกันโดยตรงของโลหะต่อโลหะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีช่องว่างที่เหมาะสมระหว่างแบริ่งกับเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งเพียงพอที่น้ำมันสามารถสร้างฟิล์มน้ำมันได้ ช่องว่างนี้เรียกว่า ช่องว่างน้ำมัน ซึ่งขนาดจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเครื่องยนต์ แต่โดยทั่ว ๆ ไป
จะมีขนาดเริ่มจาก 0.02 ถึง 0.06 มม. (0.0008 ถึง 0.0024 นิ้ว)






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:21   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146982

คำตอบที่ 130
       กลไกลิ้น
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ประกอบไปด้วย จังหวะดูด จังหวะอัด จังหวะระเบิด จังหวะคายไอเสีย แต่การทำงานของลิ้นมีเพียง 2 จังหวะเท่านั้น คือ จังหวะประจุไอดีและคายไอเสีย ดังนั้นการออกแบบกลไกลิ้น เพื่อให้ทำงานเช่นนั้นคือ เพลาลูกเบี้ยวหมุน 1รอบ ต่อการทำงานของลิ้นไอดี และลิ้นไอเสียที่เพลาลูกเบี้ยวหมุนรอบที่สองก็จะทำงานครบ 1 กลวัตร
มูเลย์ไทม์มิ่ง จะประกอบติดอยู่ปลายหนึ่งของเพลาข้อเหวี่ยง ส่วนมูเลย์ไทม์มิ่งของเพลาลูกเบี้ยวก็จะยึดติดอยู่กับปลายด้านหนึ่งของเพลาลูกเบี้ยว เพลาลูกเบี้ยวไอเสียถูกขับด้วยเพลาข้อเหวี่ยงโดยสายพาน ส่วนเพลาลูกเบี้ยวไอดีถูกขับโดยเฟืองที่ถูกยึดติดกับเพลาลูกเบี้ยวไอดีและไอเสีย(สังเกตได้จากดังรูปข้างบน) จำนวนฟันของมูเลย์ไทม์มิ่งเพลาลูกเบี้ยว จะมีจำนวนมากเป็น
2 เท่าของมูเลย์ไทม์มิ่งเพลาข้อเหวี่ยง คือ เพลาลูกเบี้ยวหมุน 1 รอบ เพลาข้อเหวี่ยงหมุน 2 รอบการที่ลิ้นจะทำงานได้อย่างสมดุลย์ และถูกต้องตามจังหวะการทำงาน จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กลไกลิ้นจะแตกต่างกันแล้วแต่เครื่องยนต์ที่พลิตขึ้น จะขอยกตัวอย่างในคำตอบถัดไป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:32   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146983

คำตอบที่ 131
       1. แบบเฟืองไทมมิ่ง
กลไกขับลิ้น แบบเฟืองไทม์มิ่ง ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีกลไกลิ้นอยู่เหนือฝาสูบซึ่งเพลาลูกเบี้ยวอยู่ในเสื้อสูบอย่างไรก็ตามการใช้เฟืองไทม์มิ่ง การทำงานจะเกิดเสียงดังมากกว่าแบบโซ่ไทม์มิ่ง ด้วยเหตุนี้ วิธีการขับลิ้นแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้ในเครื่องยนต์เบนซินสมัยใหม่







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:37   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146984

คำตอบที่ 132
       2. แบบโซ่ไทม์มิ่ง
กลไกขับลิ้น แบบโซ่ไทมมิ่ง แบบนี้ใช้ในเครื่องยนต์ที่ใช้เพลาลูกเบี้ยวอยู่เหนือฝาสูบและเพลาลูกเบี้ยวคู่อยู่เหนือฝาสูบ เพลาลูกเบี้ยวจะถูกขับโดยโซ่ไทม์มิ่ง และจะถูกหล่อลื่นด้วยน้ำมันเครื่อง ความตึงของโซ่จะถูกปรับตัวโดยตัวตั้งโซ่และมี ตัวดันโซ่คอยช่วยลดการสะเทือนของโซ่ เพลาลูกเบี้ยวที่ใช้โซ่เป็นตัวขับนี้จะทำงานเงียบกว่าแบบเฟืองไทมมิ่ง จึงทำให้เป็นที่นิยมใช้เมื่อ
ไม่นานมานี้







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:41   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146985

คำตอบที่ 133
       3. แบบสายพานไทมมิ่ง
กลไกขับลิ้น แบบสายพานไทมมิ่ง เพลาลูกเบี้ยวถูกขับด้วยสายพานแบบมีฟันแทนที่การใช้โซ่ไทม์มิ่ง สายพานนั้นจะทำงานได้เงียบกว่าโซ่ และไม่ต้องการการหล่อลื่น หรือการปรับตั้งความตึงอีกทั้งสายพานยังมีน้ำหนักน้อยกว่า วิธีการขับลิ้นแบบอื่น ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันนิยมใช้ในเครื่องยนต์เป็นส่วนมาก







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:45   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146986

คำตอบที่ 134
       ก่อนจะถึงชิ้นส่วนสุดท้ายมาดูแบบสกรีนเสื้อกันก่อน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 02:51   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146987

คำตอบที่ 135
       7. อ่างน้ำมันเครี่อง (OILPAN)
อ่างน้ำมันเครื่อง ที่กล่าวถึง เป็นลำดับสุดท้ายในส่วนของชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ส่วนล่างสุดของเสื้อสูบ เรียกว่า เพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งอ่างน้ำมันเครื่องถูกยึดติดอยู่และประสานด้วยปะเก็นเหลวหรือปะเก็นยางหรือปะเก็นกระดาษ อ่างน้ำมันเครื่องทำจากเหล็กแผ่นขึ้นรูป และมีแผ่นกั้นซึ่งทำหน้าที่กันน้ำมันเครื่อง ให้อยู่ที่ก้นอ่างเมื่อรถไม่อยู่บนที่ระดับ และกันกระออก เมื่อมีการเหยียบเบรคในทันทีทันใด ทำให้ปั้มน้ำมันสามารถที่จะส่งน้ำมันไปหล่อลื่นได้ตลอดเวลา ส่วนการถ่ายน้ำมันเครื่องจะมีจุดถ่ายอยู่ส่วนล่างสุดของอ่าง ควรทำความสอาดอ่างน้ำมันเคร่ืองเมื่อใช้เป็นเวลานาน เพราะสิ่งสกรก ตะกอนและเศษโลหะ จะอุดตันระบบหล่อลื่นได้.





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 03:06   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146988

คำตอบที่ 136
       ระบบหล่อลื่น
เครื่องยนต์ประกอบด้วยชิ้นส่วนโลหะที่เคลื่อนไหวอยู่มากมายซึ่งแต่ละชิ้นส่วนจะประกอบกันอยู่อย่างแน่นอน ชิ้นส่วนเหล่านั้นรวมถึงเพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบ และ ชิ้นส่วนกลไกลิ้น
เมื่อเครื่องยนต์เริ่มต้นหมุน ความฝืดระหว่างชิ้นส่วนเหล่านี้ทำให้เกิดการสูญเสียกำลังงานสึกหรอ รวมทั้งการยึดติดของเครื่องยนต์ อันเนื่องมาจากความร้อนจากการเสียดสี ดังนั้นน้ำมันหล่อลื่นจึงถูกส่งไปยังชิ้นส่วนเหล่านั้น เพื่อป้องกันอาการอันไม่พึงปรารถนาเหล่านั้น ซึ่งน้ำมันหล่อลื่นถูกส่งจ่าย
โดยระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์นั่นเอง ภาพด้านล่างแสดงการหล่อลื่นกลไกของเพลาขณะที่หมุน








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 03:11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146989

คำตอบที่ 137
       บทบาทของน้ำมันหล่อลื่น
1).น้ำมันหล่อลื่นจะสร้างเคลือบผิวน้ำมันเหนือผิวโลหะที่ติดกัน เพื่อป้องกันการสัมผัสกัน โดยตรงของโลหะ และยังลดการเสียดสีให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด เพือป้องกันการสึกหรอ และการเกิดความร้อน
2).น้ำมันทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เย็นลง
3).น้ำมันช่วยทำให้มีการป้องกันรั่วระหว่างลูกสูบ และกระบอกสูบได้อย่างเหมาะสม
4).น้ำมันนำพาสิ่งสกปรกออกจากเครื่องยนต์
5).น้ำมันป้องกันชิ้นส่วนจากการกัดกร่อน
ลื่นปรื๊ดๆ จึ๊ย.. บ่องตง





อูย.....!
จาก : ยงยุทธ TMVC-068(yooyee123) 11/5/2556 19:42:06 [110.77.197.188]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 03:24   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146990

คำตอบที่ 138
       ประเภทของระบบหล่อลื่น
น้ำมันถูกส่งจ่ายไปยังชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ได้หลายแบบ เช่น แบบแรงดันแบบวิดสาด และแบบรวม แบบวิดสาดกับแบบแรงดันเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะแบบแรงดันเป็นแบบที่ใช้กับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน ในระบบหล่อลื่นแบบแรงดัน น้ำมันถูกทำให้เกิดแรงดันโดยปั๊มน้ำมันแบบกลไกและส่งไปยังชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องยนต์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 03:27   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146991

คำตอบที่ 139
       ปั๊มน้ำมัน
ปั๊มน้ำมันดูดน้ำมันขึ้นจากอ่างน้ำมัน ทำให้น้ำมันมีแรงดันเพิ่มขึ้นและลงไปยังชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ ในบางครั้งปั้มจะถูกขับโดยเพลาข้อเหวี่ยงและในบางครั้งก็เพลาลุกเบี้ยวหรือสายพาน เป็นต้น ไส้กรองหยาบจะถูกติดตั้งอยู่ที่ทางเข้าของปั้มน้ำมันเพื่อกรองสิ่งสกปรกออกจาก น้ำมัน
ปั๊มแบบเฟืองและปั๊มแบบโทรซอยด์ เป็นปั๊มสองแบบที่เป็นที่นิยม
เส้นทางการไหลของระบบหล่อลื่นแบบแรงดันดังแสดงใน ภาพประกอบด้านล่าง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 03:36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 146992

คำตอบที่ 140
       พือหะบิ๊ก หร็อดเมิ้งต๊ายล่าวแล่ะ...





ครับ ...มาช่วยกันตะ
จาก : บิ๊กตาปี(บิ๊กตาปี) 13/5/2556 9:03:25 [118.173.184.25]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 09:15   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 147014

คำตอบที่ 141
       หนุกสุด สุด





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

roosterfish จาก rooster 110.168.211.173 เสาร์, 11/5/2556 เวลา : 09:20   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 147015

คำตอบที่ 142
       แจ้งข่าวสมาชิกตาปีครับ

ด้วยคุณพ่อของ อ.วิฑูรณ์ (เคียนซา) ได้เสียชีวิตแล้ว ทางชมรมจะไปร่วมงานในวันเสาร์ที่ 18 พ.ค. 2556 ที่วัดเทวดาราม อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

นัดเจือกันที่ปั๊ม ปตท.ท่าทอง เวลา 18.00 น.ครับ

บิ๊กตาปี 081-7190869

 แก้ไขเมื่อ : 18/5/2556 11:03:55



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

บิ๊กตาปี จาก บิ๊กตาปี 118.173.184.151 พฤหัสบดี, 16/5/2556 เวลา : 16:59   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 147362

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 5 จาก >>> 1  2  3  4  5  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,4 ธันวาคม 2567 (Online 7007 คน)