WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ขอคำแนะนำเรื่องน้ำมันเครื่องครับ
prasarn
จาก บินตามตะวัน
118.173.52.182
พุธที่ , 22/6/2554
เวลา : 13:59

อ่านแล้ว = 3442 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ขอสอบถามสมาชิกเรื่องน้ำมันเครื่องยนต์สำหรับ Jeep ที่ติดแก๊สแล้วใช้แบบไหนดีครับ เห็นว่ามีแบบเฉพาะรถที่ใช้แก๊สด้วยใช่ไหมครับ

อีกเรื่องผมควรจะเติมหัวเชื้อ หรือสารเคลือบเครื่องยนต์ด้วยจะดีไหมครับใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณครับ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ถ้ามีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามอายุการใช้งานของน้ำมันแต่ละเกรด ผมคิดว่าไม่มีอะไรแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ(อิอิ พูดภาษาสถิติเลยนิ) น้ำมันที่หมดประสิทธิภาพการหล่อลื่นโมเลกุลน้ำมันจะแตกขาด ลองใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบี้น้ำมันดูเราจะรู้สึกได้ว่ามวลน้ำมันมีความแตกต่างจากน้ำมันใหม่ จริงๆแล้วอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องจะสั้นถ้าใช้งานหนัก(ลากจูง บรรทุก ใช้รอบสูงหรือปั่นเวลาoffroad) วิ่งในเมืองหยุดๆเร่งๆ(วิ่งทางยาวอายุน้ำมันจะยาวกว่า เพราะการเผาไหม้สมบูรณ์กว่า เขม่าลงผสมน้ำมันเครื่องน้อยกว่า) จะทำให้น้ำมันเครื่องหมดอายุเร็ว ไม่มีปัญหาการจ่ายแพงก็ใช้สังเคราะห์100% (แต่เงินที่จ่ายเพิ่มไม่ได้ประสิทธิภาพ+อายุน้ำมัน กลับมาเป็นอัตราส่วนที่เท่ากันนะครับ) ตัวผมเองเลือกใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือหน่อยแต่ราคาย่อมเยาว์(6ลิตร 7-8ร้อยบาท) ใช้นานถึงหมื่นกิโลฯ บางครั้งก็หมื่นกว่า ก็ใช้วิธีลองบี้ๆดู ลองพิจารณาดูกันนะครับ
อ้อลืมบอกไปว่าน้ำมันเกรดรวม(SAE20W50, SAE10W40, SAE0W40...)นี่ไม่ว่าจะเป็นธรรมดาหรือสังเคราะห์ โมเลกุลน้ำมันจะเปราะกว่าน้ำมันเกรดเดี่ยว(single grade - SAE40, SAE50..) เนื่องจากโมเลกุลน้ำมันเกรดรวมจะยาวรีๆ เกรดเดี่ยวจะค่อนข้างกลมๆ รถใช้งานหนักมากๆเค้าก็จะแนะนำให้ใช้เกรดเดี่ยว ถ้าผมเข้าใจผิดประการใด ฝากกูรูแก้ไขด้วยครับ



สวัสดีครับพี่สมคิด...น้าดีกว่าพี่หนุ่มไป อิอิอิอิอิ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:39:31 [124.121.183.220]
ถ้าเรียกน้องได้ก็จะเป็นพระคุณ เอิ๊กๆๆๆ
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 15:46:11 [61.91.73.21]
555555555..........โห้......
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:48:46 [124.121.183.220]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

toiyip จาก Toiyip 61.91.73.21 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 15:10   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581911

คำตอบที่ 2
       ข้อสำคัญต้องบี้ดูนี้แหละ....อิอิอิอิ



ช่าย บี้ไม่เป็นก็ต้องเปลี่ยนตามอายุ ลองหัดบี้ดูดิ น้าหนึ่งบี้เป็นหรือป่าววววววว เอิ๊กๆๆ
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 15:42:46 [61.91.73.21]
ต้องไปตามเพื่อนมีนมาช่วยบี้ด้วยครับ อิอิอิอิ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:49:18 [124.121.183.220]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tu_tai_kosum@hotmail.com จาก หนึ่ง....ห้าวแป็ก!!!!!!! 124.121.183.220 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 15:33   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581912

คำตอบที่ 3
      





เอ ทำไมดูเหมือนเป็นสีขาวขุ่นๆผสมเลย หรือว่าเป็นที่แสงเงาอ่ะ
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 15:44:50 [61.91.73.21]
ไม่แสงหรอกครับพี่ขุ่นชัวร์เลยครับ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:48:19 [124.121.183.220]
ผมผสมเอ็มร้อยกับคาราบาวปนกับน้ำมันเครื่องด้วยครับ....กลัวมันน๊อคเวลาออกทริป...อิอิอิ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:50:23 [124.121.183.220]
ดูเหมือนน้ำผสมเลย เอารถไปดำน้ำมาแหงเลย วิ่งมากี่โลก่อนเปลี่ยนล่ะ
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 15:55:01 [61.91.73.21]
ตอนกลับจากคลองมะเดือครับ...
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 15:59:25 [124.121.183.220]
เดี๋ยวว่าจะเปลี่ยนอีกครั้ง..
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 16:00:34 [124.121.183.220]
ที่บ้านพี่นั้นแหละครับ อิอิอิอิ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 16:00:55 [124.121.183.220]
ได้ๆ มีน้ำมันแล้วยัง ฝากซื้อได้นะ
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 16:03:45 [61.91.73.21]
ไม่กวนพี่แล้วครับ..ขอบพระคุณมากๆครับ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 16:20:34 [124.121.183.220]
แบบธรรมดา ซีเนติก..ครับ
จาก : tu_tai_kosum@hotmail.com(tu_tai_kosum@hotmail.com) 22/6/2554 16:21:22 [124.121.183.220]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tu_tai_kosum@hotmail.com จาก หนึ่ง....ห้าวแป็ก!!!!!!! 124.121.183.220 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 15:34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581913

คำตอบที่ 4
       ขอบคุณครับ น้า Toiyip

แล้วเรื่องหัวเชื้อน้ำมัน หรือสารเคลือบเครื่องยนต์ล่ะครับ มีนมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างครับ





ความเห็นส่วนตัวผม หัวเชื้อไม่มีความจำเป็น ใช้น้ำมันตามเกรดที่กำหนดก็เหลือพอแล้ว
จาก : toiyip(toiyip) 22/6/2554 16:58:35 [61.91.73.21]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

prasarn จาก บินตามตะวัน 118.173.31.116 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 16:50   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581925

คำตอบที่ 5
       ใส่หัวเชื้อหรือสารเคลือบก็ไม่มีผลเสียอะไรนะครับ ยกเว้นเสียตังค์
ข้อดีจริงๆผมไม่แน่ใจครับเรื่องการลดการสึกหลอ น้ำมันเครื่องปัจจุบันมีคุณสมบัติสูงกว่าเมื่อก่อนมากๆ ทั้งการหล่อลื่น การป้องกันการเป็นฟอง อื่นๆทำให้มาตรฐานสูงขึ้นมาก เดี๋ยวนี้ API เกรดถึง SM แล้ว
ใช่น้ำมันที่ถูกต้องตามสเปคเครื่อง เปลี่ยนตามกำหนด แค่นี้ก็อายุเครื่องถึงหลายแสนแล้วละครับ มีหลายคนใช้น้ำมันถูกๆธรรมดา เปลี่ยนตามเวลา เครื่องก็ยังแจ๋วอยู่เลย
พูดแบบนี้ไม่รู้ว่าบริษัทขายหัวเชื้อจะโกรธป่าวเนี่ย ความเห็นส่วนตัวครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

toiyip จาก Toiyip 61.91.73.21 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 17:13   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581929

คำตอบที่ 6
       ไม่โกธรครับ แต่จะเอาหัวเชื้ออีโคไลไปฝากครับ อิอิอิอิ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

tu_tai_kosum@hotmail.com จาก หนึ่ง....ห้าวแป็ก!!!!!!! 124.121.183.220 พุธ, 22/6/2554 เวลา : 17:40   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 581933

คำตอบที่ 7
       ขอบคุณมากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

prasarn จาก บินตามตะวัน 118.173.59.133 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 09:47   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582072

คำตอบที่ 8
       รถผมทั้ง Jeep และเก๋ง ผมใช้น้ำมันเครื่องรถดีเซลครับ คอมมอลเรียวเมอร์โบ ใช้มา2ปีแล้วครับ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือปล่าวแต่รถทั้ง2คันความร้อนลดลงนิดหน่อยครับ peugeot306 jeep4.0l



ผมก็เคยใช้ ถูกดีด้วย จริงๆแล้ว ถ้าเกรดได้ตามสเปคเครื่องก็โอเค ดีเซล=API "Cx" เบนซิน=API "Sx)
จาก : toiyip(toiyip) 23/6/2554 10:34:56 [61.91.73.21]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แงซาย จาก โจ้ห้าแยก 182.255.13.33 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 10:05   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582076

คำตอบที่ 9
       เอาตารางมาตรฐาน API สำหรับเครื่องใช้เบนซินมาฝากครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

toiyip จาก Toiyip 61.91.73.21 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 10:38   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582077

คำตอบที่ 10
       เครื่องดีเซล





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

toiyip จาก Toiyip 61.91.73.21 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 10:40   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582078

คำตอบที่ 11
       คุณโจ้ห้าแยก ใช้ของอะไรครับ แนะนำด้วยครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สามารถ จาก สามารถ 180.183.188.131 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 10:42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582080

คำตอบที่ 12
       COPY เค้ามา Share ครับ.........
ข้อมูลเรื่องการเลือกน้ำมันเครื่อง กับรายละเอียดของน้ำมันหล่อลื่นต่างๆครับ
ความหมายของเกรดน้ำมันเครื่องที่อยู่ข้างกระป๋องนั้นมีความสำคัญต่อการใช้งานของเครื่องยนต์เราสามารถแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องออกได้สองประเภทด้วยกันดังนี้
-แบ่งตามความหนืด
-แบ่งตามสภาพการใช้งาน
การแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องตามความหนืด แบบนี้จะเป็นที่คุ้นเคยและใช้กันมานานแล้ว และเป็นมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงของอีกหลายสถาบันที่ตั้งขึ้นมาทีหลังอีกด้วย พูดถึงมาตรฐาน "SAE" คงจะรู้จักกันมาตรฐานนี้ก่อตั้งโดย "สมาคมวิศวกรยานยนต์" ของอเมริกา (Society of Automotive Engineers : SAE) การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่องแบบนี้จะแบ่งเป็นเบอร์ เช่น 30,40,50 ซึ่งตัวเลขแต่ละชุดนั้นจะหมายถึงค่าความข้นใสหรือค่าความหนืดของน้ำมันหล่อลื่น โดยน้ำมันที่มีเบอร์ต่ำจะใสกว่าเบอร์สูง ตัวเลขที่แสดงอยู่นั้นจะมาจากการทดสอบที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หมายความว่าที่อุณหภูมิทำการทดสอบ น้ำมันเบอร์ 50 จะมีความหนืดมากกว่าน้ำมันเบอร์ 30 เป็นต้น

น้ำมันที่มีตัว "W" ต่อท้ายนั้นย่อมาจากคำว่า Winter เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับใช้ในอุณหภูมิต่ำ ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งมีความข้นใสน้อย จะวัดกันที่อุณหภูมิต่ำ -18 องศาเซลเซียส น้ำมันเบอร์ 5W จะมีความข้นใสน้อยกว่าเบอร์ 15W นั่นหมายความว่าตัวเลขสำหรับเกรดที่มี "W" ต่อท้ายเลขยิ่งน้อย ยิ่งคงความข้นใสในอุณหภูมิที่ติดลบมากๆได้ เหมาะสำหรับใช้งานในประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวเย็นมาก อย่างเกรด 0W นั้นสามารถคงความข้นใสได้ถึงประมาณ -30 องศาเซลเซียส เกรด 20 W สามารถคงความข้นใสได้ถึงอุณหภูมิประมาณ -10 องศาเซลเซียส น้ำมันเครื่องทั้งสองเกรดนี้เรียกว่า "น้ำมันเครื่องชนิดเกรดเดียว" (Single Viscosity หรือ Single Grade)

ส่วนน้ำมันเครื่องชนิดเกรดรวม (Multi Viscosity หรือ Multi Grade) นั้นทาง SAE ไม่ได้เป็นผู้กำหนดมาตรฐานของน้ำมันเกรดรวม แต่เกิดจากการที่ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงโดยใช้สารเคมีเข้ามาผสมจนสามารถทำให้ น้ำมันเครื่องนั้นๆ มีมาตรฐานเทียบเท่ากับมาตรฐานของ SAE ทั้งสองแบบได้ เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการใช้งานตามสภาพภูมิประเทศที่มี อุณหภูมิต่างกันมาก การผสมสารปรับปรุคุณภาพนั้นแตกต่างกันมากน้อยตามความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเกรด 5W-40 หรือ15W-50 แต่การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่องตามความหนืดที่เราเรียกกันเป็นเบอร์นี้สามารถบอกได้แค่ ช่วงความหนืดเท่านั้น แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงระดับในการใช้งานของเครื่องยนต์แต่ละประเภท

ต่อมาในประมาณปี 1970 SAE,API และ ASTM (American Society for Testing and Masterials) ได้ร่วมมือกันกำหนดการแยกน้ำมันเครื่องตามสภาพการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อ ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี่เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้น เราจึงเห็นได้เห็นจากข้างกระป๋องบรรจุ ตัวอย่างเช่น การบอกมาตรฐานในการใช้งานไว้ API SJ/CF และมีค่าความหนืดของ SAE 20W-50 ควบคู่กันไปด้วยแสดงว่าน้ำมันเครื่องชนิดนี้สามารถใช้กับเครื่องยนต์ เบ็นซินได้เทียบเท่าเกรด SJ ถ้าใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลจะเทียบเท่าเกรด CF ที่ค่าความหนืด SAE 20W-50

การกำหนดมาตราฐานของน้ำมันเครื่องตามสภาพการใช้งานนั้น สามารถแบ่งมาตรฐานของน้ำมันเครื่องโดยอ้างอิงสถาบันใหญ่ได้หลายสถาบันเช่น
-สถาบัน "API" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา
-สถาบัน "ACEA" (เดิมเรียก CCMC) เกิดจากการรวมตัวของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรป
-สถาบัน "JASO" เกิดจากการรวมตัวของสถาบันกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น
จะเห็นได้ว่าแต่เดิมสถาบัน API ซึ่งเคยมีบทบาทมากในอดีต และเป็นสถาบันที่กล่มผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกยอมรับ ปัจจุบันในกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่นก็ได้มีการออกมาตรฐานขึ้นมาเป็นของตนเองเช่นกัน
คำว่า "API" ย่อมาจาก "American Petroleum Institute" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาซึ่งจะแบ่งเกรดน้ำมันหล่อลื่นตามสภาพการใช้งานเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ตามชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ก็คือ
- "API" ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบ็นซินเป็นเชื้อเพลิงใช้สัญลักษณ์ "S" (Service Stations Classifications) นำหน้า เช่น SA,SB, SC, SD, SE, SF, SG, SH, และ SJ
- "API" ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ใช้สัญลักษณ์ "C" (Commercial Classifi-cations) นำหน้าเช่น CA, CB,CC, CD, CD-II, CF, CF-2, CF-4, และ CG-4

เรามาดูน้ำมันเครื่งที่ใช้น้ำมันเบ็นซินเป็นเชื้อเพลิงกันก่อนจะใช้ สัญลักษณ์ "S" และตามด้วยสัญลักษณ์แทนน้ำมันเกรดต่าง ๆ ที่แบ่งได้ตามเกรดดังต่อไปนี้
- SA สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินใช้งานเบาไม่มีสารเพิ่มคุณภาพ
- SB สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินใช้งานเบามีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย และสารป้องกันการกัดกร่อนไม่แนะนำให้ใช้ในเครื่องยนต์รุ่นใหม่
- SC สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1964-1967 โดยมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน SB เล็กน้อย เช่น มีสารควบคุมการเกิดคราบเขม่า
- SD สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1968-1971 โดยมีสารคุณภาพสูงกว่า SC และมีสารเพิ่มคุณภาพมากกว่า SC
- SE สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1971-1979 มีสารเพิ่มคุณภาพเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สูงกว่า SD และ SC และยังสามารถใช้แทน SD และ SC ได้ดีกว่าอีกด้วย
- SF สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1980-1988 มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพสามารถจะทนความร้อนสูงกว่า SE และยังมีสารชำระล้างคราบเขม่าได้ดีขึ้น
- SG เริ่มประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม คศ.1988 มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐาน SF โดยเฉพาะมีสารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันสนิม สารป้องกันการเสื่อมสภาพเนื่องจากความร้อนและสารชะล้าง-ละลาย และย่อยเขม่าที่ดีขึ้น
- SH เริ่มประกาศใช้เมื่อปี คศ.1994 เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์อย่างรวดเร็วมี ระบบใหม่ๆ ในเครื่องยนต์ที่ถูกคิดค้นนำเข้ามาใช้ เช่น ระบบ Twin Cam, Fuel Injector, Multi-Valve, Variable Valve Timing และยังมีการติดตั้งระบบแปรสภาพไอเสีย (Catalytic Convertor) เพิ่มขึ้น
- SJ เป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ.1997 มีคุณสมบัติทั่วไปคลายกับมาตรฐาน SH แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่ามีค่าการระเหยตัว (Lower Volatility)ต่ำกว่าทำให้ลดอัตราการกินน้ำมันเครื่องลงและมีค่าฟอสฟอรัส (Phosphorous) ที่ต่ำกว่าจะช่วยให้เครื่องกรองไอเสียใช้งานได้นานขึ้น

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะใช้สัญลักษณ์ "C" (Commercial Classifications) และตามด้วยสัญลักษณ์ที่แทนด้วยน้ำมันเกรดต่าง ๆ โดยจะแบ่งตามลักษณะเครื่องยนต์ที่ใช้งานแตกต่างกัน
- CA สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้งานเบา เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นระหว่าง คศ. 1910-1950 มีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย
เช่น สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันคราบเขม่าไปเกาะติดบริเวณลูกสูบผนังลูกสูบและแหวนน้ำมัน
- CB สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลธรรมดา งานเบาปานกลาง มาตรฐานนี้เริ่มประกาศใช้เมื่อคศ. 1949 มีคุณภาพสูงกว่า CA โดยสารคุณภาพดีกว่า CA
- CC สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบ มาตรฐานนี้เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1961 ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่า CB โดยเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันคราบเขม่า มีสารป้องกันสนิมและกัดกร่อน ไม่ว่าเครื่องยนต์จะร้อนหรือเย็นจัดก็ตาม
- CD สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนัก และรอบจัดเริ่มประกาศใช้ คศ.1955 มีคุณภาพสูงกว่า CC
- CD-II สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ เริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1988 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ ซึ่งใช้ในกิจการทางทหาร
-CE สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนัก และรอบจัดเริ่มประกาศใช้ คศ.1983 มีคุณภาพสูงกว่า CDป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้อย่างดีเยี่ยม
- CF เป็นมาตรฐานสูงสุดในเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน สำหรับเกรดธรรมดา (Mono Grade) เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1994 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิดไม่ว่าจะใช้ งานหนักหรือเบา สามารถใช้แทนในมาตรฐานที่รอง ๆ ลงมา เช่น CE, CD, CC ได้ดีกว่าอีกด้วย
- CF-2 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุนใหม่ 2 จังหวะเริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1994 ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ ซึ่งใช้ในกิจการทาง
ทหาร
- CF-4 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4 จังหวะที่ติดซุปเปอร์ชาร์จ หรือเทอร์โบที่ใช้งานหนักและรอบจัด เริ่มประกาศใช้เมื่อปี 1990 เป็นน้ำมันเครื่องเกรดรวม สามารถป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้ดีเยี่ยม -CG-4 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4จังหวะซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในในปัจจุบัน เริ่มประกาศใชปี 1996 เป็น้ำมันเครื่องเกรดรวม

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง ACEA ย่อมาจาก The Association des Constructeurs Europeens d'Automobile หรือเป็นทางการว่า European Automobile Manufarturer' Association สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรบซึ่งได้แก่ ALFA ROMEO, BRITISH LEYLAND, BMW, DAF, DAIMLER-BENZ, FIAT, MAN, PEUGEOT, PORSCHE,RENAULT, VOLKSWAGEN, ROLLS-ROYCE, และ VOLVO ได้มีการกำหนดมาตรฐานโดยเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ 1 มกราคม 1996 โดยยกเลิกมาตรฐาน CCMC ไปเนื่องจาก ACEA มีสถาบันเข้าร่วมโครงการมากกว่าและมีข้อกำหนดที่เด่นชัด

- มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน (Gasoline (Petron) Engines)
A 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินทั่วไป
A 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
A 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์เบ็นซินในปัจจุบัน
- มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก (Light Duty Diesel Engines)
B 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กทั่วไป
B 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
B 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กในปัจจุบัน
- มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ (Heavy Duty Diesel Engines)
E 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ทั่วไป
E 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก
E 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง JASO ย่อมาจาก Japanese Automobile Standard Organization หรือกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเเป็นกลุ่มที่มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน ต่อมาเรียกรวมเป็นมาตรฐาน ISO โดยเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
-เครื่องยนต์เบนซิน JSE (ISO-L-EJGE) เทียบพอๆ กับมาตรฐาน API SE หรือ CCMC G1 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้นJSG (ISO-L-EJDD) เทียบกับมาตรรฐานสูงกว่า API SG หรือ CCMC G4 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้นไปอีก
-เครื่องยนต์ดีเซล JASO CC (ISO -L-EJDC) โดยกำหนดว่าต้องผ่านการทดสอบโดเครื่องยนต์นิสสัน SD 22 เป็นเวลา 50 ชั่วโมง เทียบได้กับ APICC เป็นอย่างต่ำ JASO CD (ISO -L-EJDD) โดยกำหนดว่าต้องผ่านการทดสอบโดยเครื่องยนต์นิสสัน SD 22 เป็นเวลา 100 ชั่วโมง เทียบได้กับ API CD เป็นอย่างต่ำ
มาตรฐานน้ำมันเครื่องแห่งกองทัพสหรัฐ มาตรฐาน MIL-L-2104 เป็นมาตรฐานของน้ำมันหล่อลื่นที่กำหนดขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน มีรายละเอียดดังนี้
MIL-L-2104 A ถูกกำหนดขึ้นเมื่อปี 1954 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีกำมะถันต่ำและเครื่องยนต์เบ็นซินทั่ว ๆ ไปเปรียบได้กับมาตรฐาน API CA/SB ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว
MIL-L-2104 B กำหนดใช้เมื่อปี 1964 สำหรับน้ำมันหล่อลื่นทีมีสารเพิ่มคุณภาพด้านการป้องกันการเกิดอ๊อกซิเดชั่น และป้องกันสนิม เทียบได้กับมาตรฐาน API CC/SC
MIL-L-2104 C กำหนดใช้เมื่อปี 1970 สำหรับน้ำมันหล่ดลื่นที่ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีรอบสูงมาก ๆ และการใช้งานหนัก มีสารป้องกันคราบเขม่า ป้องกันการสึกหรอ และป้องกันสนิม เทียบได้กับมาตรฐาน API CD/SC
MIL-L-2104 D กำหนดใช้เมื่อปี 1983 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน 4 จังหวะ ที่มีประสิทธิภาพสูงใช้งานหนัก เทียบได้กับมาตรฐาน API CD/SC
MIL-L-2104 E กำหนดใช้เมื่อปี 1988 เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน 4 จังหวะ รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงใช้งานหนัก เทียบได้กับมาตรฐาน API CF/SG
มาตรฐาน MIL-L-46152 เริ่มกำหนดใช้เมื่อปี 1970 เป็นมาตรฐานน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซิน
MIL-L-46152 A เริ่มใช้เมื่อปี 1980 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบ็นซินทั่วไป เทียบได้กับมาตรฐาน API SE/CC
MIL-L-46152 B กำหนดใช้เมื่อปี1981เป็นการรวมมาตรฐาน MIL-L-2104 Bเทียบได้กับมาตรฐาน API SF/CC
MIL-L-46152 C กำหนดใช้เมื่อปี 1987 โดยปรับปรุงจากมาตรฐาน MIL-L-46152 B เพราะมีการเปลียนแปลงวิธีการวัดจุดไหลเทใหม่
MIL-L-46152 D เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุงมาจาก MIL-L-46152 C เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทดสอบเครื่องยนต์ และมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดอ๊อกซิเดนชั่นดีขึ้นกว่าเดิม เทียบได้กับมาตรฐาน API SE/CD

MIL-L-46152 E มาตรฐานล่าสุด เทียบได้กับมาตรฐาน API SG/CE
สำหรับมาตรฐานน้ำมันเครื่องที่รู้จัก ก็คือมาตรฐาน "API" และ "SAE" ซึ่งน้ำมันเครื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแจ้งมาคู่กันบางยี่ห้อจะบอกค่า ดัชนีความหนืดของ "SAE" อย่างเช่น 5W-30, 15W-40 เป็นต้นและจะมีค่ามาตรฐานที่บอกสมรรถนะของน้ำมันเครื่องกระป๋องนั้นเป็น มาตรฐาน "API" เช่น SE, SF, SG, CC, CD, CE เป็นต้น

*** ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันเครื่องก็ไม่ควรฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ เลือกใช้ ให้เหมาะกับรถก็พอแต่ควรจะเลือกใช้ค่าความหนืดให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและอาศัยการเปลี่ยนถ่ายที่เหมาะสมแก่เวลา

** ส่วนการเลือกใช้น้ำมันสังเคราะห์นั้นมันก็ดีที่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้อีกทางแต่มันไม่ค่อยเหมาะสมกับรถที่ใช้งานธรรมดาจะเหมาะกับพวกชอบใช้รอบเครื่องยนต์สูงๆ ขับซิ่งๆ ยิ่งในเศรษฐกิจแบบนี้ต้องไม่จ่ายแพงกว่า และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้งก็ควรที่จะเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องควรคู่กันไปด้วย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

KIT-WJ จาก ชายอิสระ 61.91.73.21 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 13:05   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582107

คำตอบที่ 13
       ของผมใช้ของ เชลเฮลิค ของเรื่องดีเซลธรรมดานี่แหละครับ ตามความเห็นของผมแค่รถยนใช้แก็ส มันก็ผิดธรรมชาติของรถที่วิศวะกรคำนวนมาแล้ว ผมก็เลยลองเอาน้ำมันเครื่องสำหรับรถดีเซลใส่ดู หลายคนบอกว่า แท็กซี่ในกรุงเทพใช้น้ำมันเครื่องรถดีเซลหมด ก็ลองเอามาใช้บ้าง รถเก๋งผมเวลาเครื่องร้อนๆมันจะมีเสียงดังแปลกๆ แต่พอมาใช้น้ำมันเครื่องดีเซล เสียงมันก็หายไปเหยียบลื่นกว่าเดิมอีก (เป็นความเห็นส่วนตัว และจะใช้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะพัง)



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แงซาย จาก โจ้ห้าแยก 182.255.13.41 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 14:42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582119

คำตอบที่ 14
       ขอบคุณคำแนะนำทจากทุกๆท่านมากๆครับ
วันนี้ไปจัดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมาเรียบร้อยแล้วครับ MOBIL เกรดธรรมดา 20W-50 พร้อมกรองน้ำมันเครื่อง และทำความสะอาดภายในเครื่อง 1485 บาท




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

prasarn จาก บินตามตะวัน 118.173.61.68 พฤหัสบดี, 23/6/2554 เวลา : 20:11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 582146

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอาทิตย์,24 พฤศจิกายน 2567 (Online 6659 คน)