จาก away 119.46.26.114
จันทร์ที่ , 27/4/2552
เวลา : 14:41
อ่านแล้ว = 2190 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
เรื่องของเรื่องไปวางเงินซื้อที่ดินแปลงจัดสรร กับโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีการทำสัญญาจะซื้อจะขาย วางเงินจอง และมัดจำเรียบร้อย แต่ต่อมาทางโครงการ ยื่นหนังสือขอเลื่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตผลว่า รอทางบริษัทเงินทุน ที่อุปถัมป์โครงการอยู่ประชุมบอร์ดให้เรียบร้อยก่อน ตลอดจนเซลของทางโครงการกับฝ่ายนิติบุคคล ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน
นับจากวันทำสัญญา จนมาถึงตอนนี้ ก็เกือบปีเข้าไปแล้ว
สถานะล่าสุด ฝ่ายนิติกรรมของโครงการ แจ้งเรื่องว่า กำลังจะดำเนินการฟ้องร้อง กับบริษัทเงินทุน ที่อุปถัมป์โครงการ เพื่อจะให้ปล่อยโฉนดมาโอนให้กับผู้ซื้อได้ จะฟ้องลักษณะเป็นคดีคุ้มครอง ผบ. ซึ่งจะใช้เวลาและขั้นตอนน้อยลง น่าจะได้ผลกลับมาภายใน 2 เดือน.
ถึงตอนนี้ผมยื่นหนังสือเตือนให้กับทางโครงการให้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้ภายใน 30 วัน จะครบกำหนดเร็วๆนี้ และกำลังพูดคุยกับทนายเพื่อตั้งเรื่องฟ้องร้องเป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค บังคับให้ผู้จะขายทำตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ได้ทำไว้
อยากจะขอความเห็นเรื่องของการฟ้องร้องหน่อยครับ คุยกับทาง สคบ. และทนาย แต่ได้มุมมองไม่เหมือนกัน ก็เลยยังไม่รู้จะเอายังไงดี
เจ้าหน้าที่สคบ. แจ้งว่า สิ่งที่ทำได้ก็คือฟ้องร้อง และหากชนะ ก็คงทำได้แค่เพียง เรียกเงินมัดจำคืนพร้อมค่าเสียหาย คือดอกเบี้ยไม่เกิน 7.5% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งถ้ามองมุมนี้ อาจจะไม่คุ้มค่า กับค่าใช้จ่าย และเวลาที่ต้องเสียไป
ส่วนทางทนายแจ้งว่า สามารถฟ้องร้องเป็นคดีคุ้มครองผุ้บริโภค โดยร้องบังคับให้โครงการโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ได้ทำไว้ได้ คือชนะแน่ๆ หากโฉนดนั้นยังเป็นชื่อของทางโครงการอยู่ และไม่มีเหตอันสุดวิสัยที่ทำให้โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ คือไม่ได้มีการขายเปลี่ยนมือไปให้ผู้อื่นแล้ว หรือที่ดินไม่มีมาตั้งแต่ต้น
ไม่ว่าโครงการจะติดภาระหนี้ใดๆ ศาลสามารถบังคับให้ทำตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำไว้ใด้
หากมองมุมนี้ ผมเอาด้วย เต็มที่
ขอรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เป็นทนาย หรือมีความรู้เรื่องกฏหมายให้คำแนะนำหน่อยครับ กำลังสับสนกับชีวิต
^31^ ^22^ ^37^
|