จาก pnu 118.172.243.107
เสาร์ที่ , 26/9/2552
เวลา : 21:53
อ่านแล้ว = 3783 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
พอดีไปอ่านเจอในเวบ โอนเนอร์ ครับ ผมเห็นว่ามีประโยชน์ เลยเก็บเอามาฝากกันครับ...
เปิดไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี "เท่ หรือ ประโยชน์"
แนะเปิดใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี
ไฟตัดหมอก (Fog Lamp) ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง หรือแถบที่อากาศหนาว หรือ ประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำ ทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี มีบรรยากาศที่ขมุกขมัว หรือ มีหมอกเป็นส่วนมาก หรือ มีหมอกมีฝนมากกว่าเวลาที่อากาศปลอดโปร่ง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา ไฟตัดหมอกจะใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้น ความสว่างจึงมีมากและไปได้ไกล เพราะหลอดไฟหน้ามุม จะตกลงพื้นถนน แต่ไฟตัดหมอกจะส่องขนานไปกับพื้นถนนหรือตัวรถ หลอดไฟหน้าปกติ ถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัดหรือ ฝนตกหนักเพราะมุมที่เอียงลง จึงทำให้เกิด มุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อยหรือมองเห็น แค่ในระยะไม่เกิน 10-15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร สามารถทะลุทะลวงได้มาก และ สะท้อนกลับมาก็ ในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30-80 เมตร ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียก หรือ ฝนหยุดตกใหม่ ๆ ในตอนกลางคืนไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูก พื้นน้ำสะท้อนออกไป ในอีกมุมนึงบางครั้งเหมือนกับว่า แทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำไป แต่ไฟตัดหมอกที่แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนน ยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฏบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ความจริงไฟตัดหมอกมีมานานแล้วแต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยม เพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่า เท่ และ ทันสมัยประกอบกับ ราคาที่ถูกลง จึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทย ก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอกปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และ มักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ กล่าวคือ ไฟตัดหมอก เป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็สปอตไลท์ จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมแสงจากหลอดไฟตัดหมอก จะไปแยงและ รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา ทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึง ขอเสนอแนะให้ผู้ขับรถเปิดใช้ไฟตัดหมอกอย่างปลอดภัยและถูกวิธีโดยให้เปิดใช้ไฟตัดหมอกในกรณีต่างๆ ดังนี้
:)1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน
:)2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา เช่น ภูเรือ-ดอยสุเทพ เป็นต้น โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและ ตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆนั้นหมอกจะมีมากกว่าปกติ
:)3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ของ ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติของเราถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
:)4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนะวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50เมตร
:)5. ปิดไฟตัดหมองทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟห้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจนแม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอกคงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญานจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
สุดท้ายนี้ จะเห็นได้ว่า การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธี จะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนน ทำให้สามารถมองเห็นรถคันอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธีนอกจากจะรบกวนสายตา และ สร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่น ๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้วยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย จึงขอให้ท่านเจ้าของรถที่ติดตั้ง ไฟตัดหมอก เปิดใช้อย่างถูกวิธีและใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้นตลอดจนต้องมีความเอื้ออาทร ขับรถอย่างมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางก็จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดอุบัติภัยทางท้องถนนได้....
|