คำตอบที่ 31
       อนุสาวรีย์พระเนรศวรบนดอยไตแลงทรงหันพระพักตร์ไปทางประเทศพม่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       พระพุทธรูปบนดอยไตแลง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       เข้าสู่รัฐฉานไทยใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       ลานสวนสนามทหารไทยใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 43
       ด้านบนเป็น อนุสาวรีย์เจ้าเสือข่านฟ้า
เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าทรงเป็นวีระบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทใหญ่เพราะทรงรวบรวมรัฐไทใหญ่ต่างๆที่เป็นอิสระต่อกันให้มาเป็นอาณาจักรเดียวกันภายใต้ชื่ออาณาจักรเมืองมาวหลวง ในรัชสมัยนี้อาณาจักรเมืองมาวหลวงมีอำนาจเกรียงไกรและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์ไทใหญ่ เจ้าเสือข่านฟ้าเป็นพระราชโอรสในเจ้าหลวงขุนผางคำกับพระนางอ่อนโดยมีพระเชษฐาและพระอนุชาร่วมกัน 3 พระองค์คือ

1.ขุนอ้ายงำเมือง

2.ขุนยี่ข่างคำ(เสือข่านฟ้า)

3.ขุนสามหลวงฟ้า
ขึ้นครองราชย์ และย้ายเมืองหลวง (พ.ศ. 1854 )หลังจากที่พระราชบิดาสวรรคตแล้ว เสนาอำมาตย์ได้ยกขุนยี่ข่างคำเป็นเจ้าฟ้าปกครองเมืองมาว1ต่อมา โดยเริ่มขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 1854 เมื่อพระชนมายุได้ 21 ปี เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วก็ มีพระนามว่าเสือข่านฟ้า และทรงสร้างเมืองใหม่ชื่อว่าเมืองแจ้ไฮ่ และในอีก 2 ปีต่อมาก็ทรงย้ายไปสร้างเวียงแจ้ล้านอีก เพราะเป็นพื้นที่ ชัยภูมิทางยุทธศาสตร์

[แก้] ภารกิจการรวบรวมรัฐไทยใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียวหลังจากที่ได้ทรงย้ายเมืองหลวงแล้ว พระองค์จึงดำริที่จะรวบรวมรัฐชนเผ่าไทใหญ่ ซึ่งตั้งเมืองอยู่กระ จัดกระจายกันไปในพื้นที่ต่าง ๆ โดยไม่ขึ้นตรงต่อกัน ให้มาเป็นรัฐเดียวกัน ดังนั้น พระองค์จึงทรงเริ่มออกศึก เพื่อรวบรวมรัฐไทใหญ่ ให้เป็นเอกภาพ การออกศึกเพื่อรวบรวมรัฐไทใหญ่ ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 6 ครั้งใหญ่ ๆ คือ

[แก้] ครั้งที่หนึ่ง รวบรวมอาณาจักรแสนหวี2 เวียงแสนแจ้ (ปี พ.ศ. 1857)พระองค์ได้ส่งสาสน์ไปยังเจ้าท้าวน้อยแข่ ผู้ครองอาณาจักรแสนหวี เวียงแสนแจ้ เพื่อปรึกษาหารือใน เรื่องการรวมรัฐ แต่เจ้าท้ายน้อยแข่มิทรงยอมรับ และไม่มาปรึกษาหารือเพื่อการดังกล่าวด้วย เป็นเหตุให้เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยเจ้าสามหลวงฟ้า พระอนุชา ยกทัพไปตีเวียงแสนแจ้ จนเป็นเวียงแสนแจ้ได้รับความเสียชาวเมืองจึงขอร้องให้เจ้าท้าวน้อยแข่ยอมมอบตัวให้แก่เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า อาณาจักรแสนหวีเวียงแสน แจ้ได้รวมเข้าในเมืองมาวหลวงมาตั้งแต่นั้นมา

[แก้] ครั้งที่สอง รวบรวมเวียงจุนโก เมืองมีด และเชียงดาว3 (ปี พ.ศ. 1858)เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าได้ทรงส่งสาล์นไปยังเวียงจุนโก เมืองมีด และเชียงดาว เพื่อเชื้อเชิญเจ้าฟ้าผู้ปกครองเมือง มายังเวียงแจ้ล้าน ซึ่งผู้ปกครองเมืองดังกล่าวในสมัยนั้น คือ เจ้าไตขืน เจ้าไตไก่ เจ้าไตเต่า เจ้าไตแตง และขุนสามอ่อน ไม่ยอมปฏิบัติตาม และยังได้จับราชทูต 7 คนประหารชีวิต โดยรอดชีวิตมาได้ 3 คน และได้ส่งทหารไปเผาทำลายบ้านเมืองทางใต้ของเมืองมาว เมื่อเป็นดังนั้น ก็ก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ ท้ายสุด ชาวเมืองขอร้องให้เจ้าไตขืนยอมแพ้ ชาวเมือง ก็ยอมสวามิภักดิ์ แม่ทัพนายกองจึงจับเจ้าไตขืนมอบให้เจ้าหลวงเสือข่านฟ้า และในปีต่อมาก็ได้เข้า ยึดหัวเมือง ใหญ่ทางตอนใต้เมืองมาว อันได้แก่ ยองห้วย จ๋ามกา เมืองปาย และเมื่องอื่น ๆ บริเวณนั้น

[แก้] ครั้งที่สาม รวบรวมหัวเมืองยูนนาน(ปี พ.ศ. 1860)เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าได้ยกทัพใหญ่ขึ้นเหนือไปยังยูนนาน เจ้าเมืองแสหอตู้แห่งยูนนานจึงได้ออกมาเจรจา เพื่อไม่ให้เกิดการสงคราม และได้มอบหัวเมืองทั้ง 4 ให้คือ เมืองแส4 เมืองหย่งชาง เมืองหมูอาน เมืองปูขว้าน แล้วพระองค์ก็เดินทางกลับเมืองมาว

[แก้] ครั้งที่สี่ รวบรวมหัวเมืองไทยวน (ปี พ.ศ. 1860)หลังจากที่กลับจากยูนนาน เจ้าหลวงเสือข่านฟ้าก็ทรงยกทัพไปทางทิศตะวันออก เพื่อรวบรวมรัฐชน เผ่าไตในทิศตะวันออก และทรงยึดหัวเมืองไทยวน ซึ่งประกอบด้วย เมืองเชียงรุ่ง เมืองเชียงแสน เมืองเชียงราย เมืองเชียงตุง ลำพูน และละกอน 5

[แก้] ครั้งที่ห้า ยกทัพไปทิศตะวันตกรวบรวมเมืองเวสาลี 6ปี พ.ศ. 1862)เจ้าเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยพระอนุชาคือเข้าสามหลวงฟ้า และแม่ทัพ 3 คน คือ ฟ้าหลวงเท้าฟ้าหล่อ ฟ้าหลวงเท้าเสือเย็น ฟ้าหลวงท้าวหาญก่าย ยกทัพไปทางทิศตะวันตกตีเมืองเวสาลี หรือแคว้นอัสสัม และยกให้พระอนุชาครองเมือง

[แก้] ครั้งที่หก ยกทัพไปทางทิศใต้ (พม่า) (ปี พ.ศ. 1905)เจ้าเสือข่านฟ้าพร้อมด้วยพระโอรส คือ เจ้าชายเปี่ยมฟ้า และแม่ทัพ 3 คน คือ ฟ้าหลวงเท้าฟ้าหล่อ ฟ้าหลวงเท้าเสือเย็น ฟ้าหลวงท้าวหาญก่าย ยกทัพไปทางทิศตะวันตกตีเมืองตะโก้ง7 เมืองสะแกง8 และหัวเมือง พม่าอื่น ๆ และสามารถยึดได้ทั้งหมดปี พ.ศ. 1905

[แก้] บั้นปลายพระชนม์ชีพเจ้าหลวงเสือข่านฟ้า ทรงทำให้รัฐไทยใหญ่ต่าง ๆ เข้ามารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันที่มีอาณาเขตกว้างขวาง และเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์ได้ทรงย้ายไปสร้างเมืองใหม่ที่ทุ่งปางหมากอู๋ เรียกว่าเวียงท่าสบอู๋ และทรงสิ้นพระชนม์ที่นั่นในปีพ.ศ. 1907

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 44
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 45
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 46
       จำไม่ได้ว่าเป็นใคร ขออภัยด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 47
       ถ่ายกับทหารไทยใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 48
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 49
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 50
       ไปต่อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 51
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 52
       ห้องเรียนและนักเรียน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 53
       ตอบดีๆๆ เดี๋ยวพี่ให้รางวัล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 54
       แผนที่รัฐฉานไทยใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 55
       โรงเรียน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 56
       เจ้ายอดศึกผู้กอบกู้รัฐฉานไทยใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 57
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 58
       รูปอนุสาวรีย์ปางโหลง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 59
       รูปสัญญาปางโหลง
http://www.taifreedom.com/tha/index.php?id=82&option=com_content&view=article

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 60
       รูป

แสดงความคิดเห็นย่อย