คำตอบที่ 117
wow.................. noodee อะไรนั่น ลึกดีจังหลายคน hiking ต่อกันเรย.......เห็นใน fw email เค้าเป็นหลุมลึกมากๆๆ
เมื่อ
มนุษย์เราอาจจะไปดวงจันทร์ มีแผนจะไปดาวอังคาร ส่งยานอวกาศเลยออกไปนอกระบบสุริยจักรวาล แต่เรารู้จักผืนแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าของเราแค่ต่ำลงไปแค่กว่า 12 กิโลเมตรเท่านั้น
.Kola Superdeep Borehole หรือ KSDB หรือที่ภาษารัสเซียเรียกว่า โคลสกาย่า สเวียร์กกลูโบกาย่า สกวาชิน่า คือหลุมที่เกิดจากการขุดเจาะโดยมนุษย์ที่ลึกที่สุดในโลก โดยมันลึกลงไปใต้โลกกว่า 12 กิโลเมตร
มันเป็นผลของโครงการการขุดเจาะ ทางวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียต โครงการนี้พยายามเจาะลงไปใต้เปลือกโลกให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การขุดเจาะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 1970 ที่ คาบสมุทร Kola ใกล้กับพรมแดนนอร์เวย์ โดยใช้เครื่องเจาะ Uralmash-4E และภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็นเครื่องเจาะ Uralmash-15000 การเจาะได้แตกแขนงออกเป็นหลาย หลุม โดยหลุมที่มีความลึกที่สุดคือ SG-3 ที่การเจาะเสร็จสิ้นเมื่อปี 1989 โดยมีความลึก 12 กิโลเมตร กับอีก 262 เมตร และกลายเป็นหลุมที่มีความลึกมากที่สุด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์
โครงการของโซเวียตถูกเสนอครั้ง แรกในปี 1962 และดูแลรับผิดชอบโดย Interdepartmental Scientific Council for the Study of the Earth's Interior and Superdeep สถานที่ขุดเจาะถูกเลือกในปี 1965 ให้เป็นทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหภาพโซเวียต ห่างจากเมือง Zapolyarny ไปทางตะวันตกเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร
ในตอน แรกได้กำหนดความลึกเป้าหมายไว้ที่ 15,000 เมตร และเมื่อ 6 มิถุนายน 1979 โซเวียตก็ได้ทำลายสถิติโลก ความลึก 9,583 เมตร ที่เป็นของหลุม Bertha Rogers ในเขตวาชิตา รัฐโอคลาโฮมา ของสหรัฐ
พอถึงปี 1983 ก็ผ่านระดับความลึก 12,000 เมตร และการขุดเจาะก็หยุดลงประมาณ 1 ปีเพื่อเฉลิมฉลอง พอถึงวันที่ 27 กันยายน 1984 คือหลังจากที่เจาะไปได้ 12,066 เมตร ท่อขุดเจาะความยาว 5,000 เมตร ก็เกิดขาดออก และค้างใต้ดิน
โซเวียต ตัดสินใจเริ่มต้นเจาะหลุมใหม่จากความลึก 7,000 เมตร พวกเขาขุดเจาะได้ถึงความลึก 12,262 เมตรในปี 1989 และก็มีการคาดการณ์ว่า พวกเขาจะไปถึงความลึก 13,500 เมตรภายในสิ้นปี 1990 และ 15,000 เมตร ในปีค.ศ. 1993
แต่เนื่องจากความลึกที่เจาะไปถึง มีอุณหภูมิสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากมาย คือ 180 องศาเซลเซียส แทนที่จะเป็น 100 องศาเซลเซียสที่คาดไว้ จึงคิดกันว่าการเจาะลึกลงไปมากกว่านี้คงเป็นไปไม่ได้ การขุดเจาะจึงได้หยุดลงในปี 1992 จากอุณหภูมิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามความลึกที่ เพิ่มขึ้น โดยการเจาะไปถึงความลึก 15,000 เมตร หมายถึงการต้องทำงานที่อุณหภูมิที่อาจจะสูงถึง 300 องศาเซลเซียส ซึ่งที่อุณหภูมิใน ระดับนั้น หัวเจาะจะไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป
หลุม ที่ Kola ได้เจาะลึกเข้าไปในแผ่นทวีป Baltic ประมาณ 1/3 ของความหนาทั้งหมดที่ คาดว่าหนาประมาณ 35 กิโลเมตร และพบหินที่มีอายุ 2.7 พันล้านปีที่ก้นหลุม
โครงการนี้ได้กลายเป็นสถานที่ สำหรับการศึกษาเรื่องธรณีฟิสิกส์อย่างกว้างขวาง รวมถึงการศึกษาโครงสร้างของ Baltic Shield, seismic discontinuities และ thermal regime ในเปลือกโลก, ส่วนประกอบทางฟิสิกส์และเคมีของเปลือกโลกในระดับลึกและการเปลี่ยนแปลงจาก เปลือกโลกชั้นบนไปสู่เปลือกโลกชั้นล่าง, lithospheric geophysics และเพื่อสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการศึกษาด้านธรณีฟิสิกส์ในระดับลึก
สำหรับนักวิทยาศาสตร์ หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นจากหลุมนี้คือการพบว่าการเปลี่ยนแปลงของ seismic velocities ไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณที่เปลี่ยนจากหินแกรนิต เป็นหินบะซอลต์ ตามที่เคยมีผู้ตั้งสมมุติฐานไว้ แต่เกิดขึ้นที่บริเวณล่างสุดของชั้น metamorphic rock ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 5 ถึง 10 กิโลเมตรจากพื้นผิว หินในบริเวณนั้นมีรอยแตกมากมายและชุ่มไปด้วยน้ำ ซึ่งน่าประหลาดใจ เนื่องจากน้ำที่พบนี้ ไม่เหมือนน้ำที่พื้นผิวโลก และต้องมาจากแร่ธาตุที่อยู่ลึกลงไปในเปลือกโลกและไม่สามารถขึ้นไปถึงพื้นผิว โลกได้เนื่องจากถูกกั้นโดยชั้นของหินที่ไม่ยอมให้น้ำผ่านไปได้
การค้นพบที่ไม่คาดคิดอีกอย่าง หนึ่งคือก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมาก และมีโคลนไหลออกมาจากช่องซึ่งถูกอธิบายว่า เป็นการเดือดด้วยไฮโดรเจน
ปัจจุบันสถานที่ขุดเจาะนี้ถูกควบ คุมโดย State Scientific Enterprise on Superdeep Drilling and Complex Investigations in the Earth's Interior (GNPP Nedra) เรียกว่า Deep Geolaboratory ปัจจุบันหลุมที่ยังมีกิจกรรมและลึกที่สุดคือ SG-5 มีความลึก 8,578 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 214 มิลลิเมตร
ว่ากัน ว่า จะต้องเป็นคนที่โชคดีมากที่จะได้เข้าไปใกล้ชิดกับโครงการนี้ เพราะนักวิทยาศาสตร์โซเวียต ก็มีสัดส่วนแค่ 1 ใน 1,000 เท่านั้นที่ได้เข้าไปทำงานในโครงการนี้ ในส่วนของคนงานขุดเจาะนั้น ก็ได้รับโบนัสจากทางการเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่กรุงมอสโก ส่วนเงินเดือนในแต่ละเดือน ก็เท่ากับเงินเดือน 1 ปีของคนงานขุดเจาะทั่วไป
มี ข่าวลือว่าที่โครงการนี้ มีอันจะต้องหยุดไป ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ขาดเงินทุนสนับสนุน แต่เป็นเพราะยิ่งเจาะลึกลงไป ก็ยิ่งเจอกับเรื่องประหลาดเหนือธรรมชาติมากยิ่งขึ้น บางคนก็บอกว่าการเจาะลงไป เป็นเสมือนกับการปลดปล่อยปีศาจร้ายให้ขึ้นมาจากขุมนรก บ้างก็ว่า ที่ความลึกกว่า 10 กิโลเมตร มีการได้ยินเสียงร้องโหยหวล ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ดังขึ้นมาจากหลุม นอกจากนั้น พวกเขาก็ยังพบการระเบิดอยู่ภายในหลุม แต่หลังจากการหยุดขุดเจาะไป 2 - 3 วัน พวกคนงานก็ไม่พบเรื่องแปลกประหลาดอะไรอีก
บ้างก็ว่า ในยุค 70 นักวิทยาศาสตร์โซเวียต ได้รับตัวอย่างหินจากดวงจันทร์ และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหินที่เจาะ ได้จากหลุมนรกแห่งนี้ พบว่ามันเหมือนกันอย่างมากกับหินที่ระดับความลึก 3 กิโลเมตร ( หรือว่าดวงจันทร์ จะเคยเป็นของรัสเซีย 555555 )
ว่ากันว่าโครงการนี้ ใช้เงินไม่มากมายอะไรนัก แต่ผลลัพธ์สำหรับในอนาคตนั้นถือว่าคุ้มค่า เพราะที่ความลึก 9 กิโลเมตรครึ่ง พวกเขาก็เจอกับสวรรค์ เพราะชั้นหินที่นี่เต็มไปด้วยทองคำและเพชร โดยความหนาแน่นของทองคำในชั้นหินที่นี่คือ 80 กรัมต่อตัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ถือกันว่านี่คือคลังสมบัติของแท้ เพราะตามปกติแค่มีทองอยู่ 4 กรัมต่อตันก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนขุด้จาะในเชิงพาณิชย์แล้ว ขณะที่ 10 กรัมต่อตันนั้นก็หา ได้ยากเต็มที
สวรรค์และนรก อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆครับ