คำตอบที่ 37
เมื่อก่อนเล่น a31 วิ่ง 3 วัน ซ่อม 4 วัน ซ่อมจนรถวิ่งได้เป็นปีไม่เสีย ค่อย ๆ ศึกษาครับเดี๋ยวก็ดีเอง พูดเลย เพราะที่นี่ก็เหมือนกับเป็นอู่แห่งหนึ่ง และเป็นอู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้อมูลเยาะกว่าศูนย์บริการเดิมของ jeep อีก และมากกว่าศูนย์บริการยี่ห้ออื่น ผมเรียน ป.โท ที่มหาลัยราม อาจารย์ให้เขียนบทความส่ง 3 หน้า ผมจึงเขียนบทความ
ทำไมจึงเลือก Jeep Cherokee 2.5
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ รถกระบะตอนเดียว รถกระบะแคบ รถกระบะสี่ประตู รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถเก๋ง ซึ่งรถกะบะจะมีวัตถุประสงค์ในการขนส่งสินค้าเป็นหลัก รถกระบะสี่ประตู จะเป็นรถที่มีวัตถุประสงค์ในการนั่งโดยสารและขนสินค้าไม่มาก และสำหรับรถยนต์เอนกประสงค์ จะมีวัตถุประสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยว เพราะสามารถบรรทุกคนได้มาก รถยนต์แต่ละประเภทจะมีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 2wd กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4 wd โดยมีวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกัน รถยนต์ขับเคลื่อน 2 wd จะเป็นรถที่วิ่นบนถนน เป็นหลัก ส่วนรถยนต์ 4 wd จะเป็นรถที่วิ่งบนถนนและทางทุรกันดาร สำหรับผมประกอบอาชีพขายคอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งจะต้องเดินทางไปติดต่อลูกค้าตามโครงการก่อสร้างต่าง ๆ บางครั้งจะต้องเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ หนองคายเป็นประจำ รวมทั้งจะต้องไปยื่นซองประมูลงานก่อสร้างต่าง ๆ ดังนั้นผม รถที่ผมจะเลือกเป็นรถเอนกประสงค์ หรือ suv เพราะจะดูภูมิฐาน เหมาะสำหรับในการเดินทางไกล และจะต้องเดินทางไปโครงการก่อสร้างต่างๆ ดังนั้นจึงต้องเป็นรถประเภทขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเหมาะที่จะเดินทางบนทางทุรกันดานได้ ซึ่งรถยนต์ยี่ห้อ jeep 2.5 เป็นรถที่ผมเลือกใช้ ผมจะอธิบายให้ทราบดังนี้
เรื่องราวของ JEEP เริ่มต้นในปี 1940 เมื่อกองทัพของสหรัฐอเมริกาต้องการรถยนต์เอนกประสงค์ สำหรับการใช้งานทั่วไปในราชการทหาร จึงประกาศให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ เข้าประมูล โดยทางกองทัพต้องการรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับผู้โดยสาร 3 คน เครื่องยนต์มีกำลังไม่น้อยกว่า 40 แรงม้า ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 50 ไมล์ต่อ ชั่วโมง ฐานล้อกว้าง 75 นิ้ว สูง 36 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 1,200 ปอนด์ กระจกหน้าพับได้ พร้อมติดตั้งปืนกลขนาด .30 คาลิเปอร์ ปรากฏว่าทางอเมริกัน แบนตั้ม เป็นผู้ออกแบบ และได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ผลิต ด้วยการส่งมอบแบบรูปตัวอย่างได้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด แม้จะมีน้ำหนักและส่วนเกินกว่ากำหนดก็ตาม รถยนต์ต้นแบบจาก อเมริกัน แบนตั้ม ได้ทำการทดสอบ ในวันที่ 23 กันยายน 1940 เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ 3 จังหวะ ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 45 แรงม้า ฐานล้อกว้าง 79 นิ้ว น้ำหนักรวม 730 ปอนด์ ความสำเร็จของอเมริกัน แบนตั้ม ในครั้งนี้ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มอีก 1,500 คัน ต่อมา ฟอร์ด และ วิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มีโอกาสได้ผลิตเช่นกัน โดยได้รับแบบพิมพ์เขียวของรถ ซึ่งขณะนั้นเป็นสมบัติของรัฐ และนับเป็นความโชคร้ายของอเมริกัน แบนตั้ม เมื่อกองทัพเลือกให้วิลลี่ให้เป็นผู้ผลิตหลัก และ ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรอง เนื่องจากอเมริกันแบนตั้มไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพอที่จะผลิตได้ทันตามกำหนดในระหว่างสงคราม ทางวิลลี่ จึงถือโอกาสโฆษณาว่าเป็นผู้ออกแบบรถ JEEP หลังสงครามรถ JEEP กลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมไปโดยปริยาย วิลลี่ไม่เสียเวลาแม้แต่น้อยรีบออกแบบ และผลิตรถยนต์สำหรับพลเรือน ในรูปแบบต่าง ๆ ในสายการผลิตของ CJ ตั้งแต่ CJ-2A, CJ-3A, CJ-5, CJ-7 และ SCRAMBLER ต่อมาในปี 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ ( Kaiser Frazer) ได้ซื้อวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ แต่บริษัทก็ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ จวบจนปี 1963 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Kaiser Jeep International Corporation ปี 1970 ก็ถูกขายให้กับบริษัท American Motor Corporation (AMC) ในปี 1980 ก็มาถึงยุคของ CJ-8 / SCRAMBLER ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ทางบริษัท AMC จึงได้พัฒนา COMPACT SIZE ในชื่อ XJ/CHEROKEE ในปี 1984
Jeep Cherokee 2.5 Sport เป็นรถเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 2,464 ซีซี หัวฉีดอีเล็คโทรนิคมัลติคอยท์ แรงม้าสูงสุดที่ 125 แรงม้า ที่ 5,400 รอบต่อวินาที แรงบิดสูงสุดที่ 150 ฟุตต่อปอนด์ ที่ 3,500 รอบต่อวินาที ใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว เครื่องกรองไอเสียชนิด 3 ทาง พร้อมออกซิเจนเซ็นเซอร์ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าชนิด Quadra-Link , คอยสปริง คานแข็ง เหล็กกันโครง โช๊คอัพก๊าซ ระบบกันสะเทือนหลังชนิดคานแข็ง, แหนบ ระบบเบรก ด้านหน้าดิสเบรก ด้านหลังดั้มเบรก พร้อมหม้อลมช่วยเบรค ระบบพวงมาลัย มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง รัศมีวงเลี้ยว 5.4 เมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time น้ำหนักรถ 1,500 กิโลกรัม
ในเรื่องของเครื่องยนต์ Jeep Cherokee 2.5 เมื่อเทียบกับรถ Mitsubishi Pajero Sport เครื่อง 2,477 ซีซี มี 140 แรงม้า ที่ 4000 รอบ ต่อนาที แรงบิดที่ 321 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,945 กิโลกรัม ส่วนรถHonda Crv เครื่องยนต์ 2,354 ซีซี มี 170 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อวินาที แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน ที่ 4,200 รอบต่อวินาที มีน้ำหนักรถอยู่ที่ 1,535 กิโลกรัม ซึ่งถือว่า Jeep Cherokee 2.5 และถือว่ามีแรงม้าและแรงบิดน้อยที่สุดในบรรดา แต่ในความเป็นจริงใช่ว่าแรงม้ามาก จะดีกว่าแรงม้าน้อย ต้องคำนึงถึงน้ำหนักของรถด้วย เพราะถ้าหากแรงม้าเท่ากัน น้ำหนักของรถมาก แต่เมื่อเทียบน้ำหนักรถต่อจำนวนแรงม้าที่เครื่องยนต์ผลิตมา Jeep Cherokee 2.5 เท่ากับ 12 กิโลกรัมต่อแรงม้า รถ Mitsubishi Pajero Sport เท่ากับ 13.89 กิโลต่อแรงม้า Honda Crv เท่ากับ 9.03 กิโลกรัมต่อแรงม้า Jeep Cherokee 2.5 เป็นรองเพียง Honda Crv เท่านั้น
ลักษณะของรถ Jeep Cherokee 2.5มีความกว้าง 179 เซนติเมตร ความยาว 429.8 เซนติเมตร ความสูง 161 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.4 เมตร ส่วนรถ Mitsubishi Pajero Sportมีความกว้าง 181.5 เซนติเมตร ความยาว 469.5 เซนติเมตร ความสูง 184 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.6 เมตร และ Honda Crv มีความกว้าง 182 เซนติเมตร ความยาว 452.9 เซนติเมตร ความสูง 167.9 เซนติเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด 5.5 เมตร ซึ่งเมื่อขับในเมืองจะต้องดูความกว้างและความยาวของรถ และรัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุด จะเห็นได้ว่า Jeep Cherokee 2.5 มีขนาดเล็กที่สุด รองลงมาก็คือ Honda Crv และMitsubishi Pajero Sport มาเป็นอันดับสุดท้าย ดังนั้นหากการใช้งานในเมือง Jeep Cherokee 2.5 เหมาะที่สุด และเมื่อนำรถทั้งสามยี่ห้อไปขับนอกเมืองจะต้องดูที่ความกว้างและความสูงของตัวรถ โดยนำความสูงหารด้วยความกว้าง เมื่อหารแล้วรถคันใดได้ค่าน้อยที่สุดจะเป็นรถที่ขับนอกเมืองดี เพราะเมื่อขับรถนอกเมือง รถจะใช้ความเร็วสูง หากรถที่มีฐานล้อกว้างและความสูงน้อยก็จะทำให้รถใช้ความเร็วได้สูง เช่นรถแข่งF-1 รถจะมีความกว้างมาก ความสูงจะน้อย เมื่อนำค่าสูงมาหารด้วยความกว้าง ค่าที่ออกมาจะน้อย ดังนั้น ผลลัพธ์ของรถ Jeep Cherokee 2.5 มีค่าน้อยที่สุดมีค่าเท่ากับ 0.9 รองลงมาคือ Honda Crv มีผลเท่ากับ 0.92 และรถMitsubishi Pajero Sport ซึ่งมีผลเท่ากับ1.01 ดังนั้นเมื่อขับนอกเมืองแล้ว รถ Jeep Cherokee 2.5มีสมรถนะการเกาะถนนดีที่สุด
หากวิ่งบนทางออฟโรดแล้ว Jeep Cherokee 2.5 ดีที่สุด เพราะ Honda Crv มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แบบเม็ดเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระแบบดับเบิ้ลวิชโบเหล็กกันโครง ไม่มีเหล็กหุ้มเพลาในแต่ละล้อ ซึ่งหากวิ่งในทางออฟโรดแล้ว ดินจะทำให้ระบบเพลาขับเคลื่อนเสียหายมาก และเมื่อเป็นระบบอิสระจะทำให้การขับเคลื่อนในทางออฟโรดไม่ดีเท่าที่ควร ส่วน Mitsubishi Pajero Sport ระบบขับเคลื่อนแบบsuper select 4wd มีโหมดขับเคลื่อนแบบ 2wdและ 4wd ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนบริเวณด้านหลังเป็นระบบความแข็งพร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างด้านหน้าจะเหมือนกับ Honda Crv จะไม่ทนเท่าใดเมื่อถูกดินและโคลน แต่ส่วนด้านหลังเป็นระบบ คานแข็ง ทำให้เพลาขับถูกหุ้มด้วยเหล็กมีผลทำให้มีความคงทนมาก และ Jeep Cherokee 2.5มีโหมดขับเคลื่อนแบบ 2wdและ 4wd ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบคานแข็ง พร้อมคอยสปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคานแข็ง แหนบ เหล็กกันโคลงและโช๊กอัพก๊าส เพลาขับออกไปแต่ละล้อนั้นจะถูกหุ้มด้วยเหล็ก ทำให้เวลาวิ่งทางออฟโรด เพลาขับจะไม่ถูกดินและโคลน ทำให้มีความคงทนและสามารถใช้งานนานขึ้น นอกจากนี้ การวิ่งในทางออฟโรดจะต้องนำคุณสมบัติในเมืองและการวิ่งนอกเมืองมารวมกัน การวิ่งทางออฟโรดอาจมีทางเลี้ยวที่แคบ รถที่มีขนาดเล็กย่อมเลี้ยวได้ง่ายกว่า รถที่มีขนาดใหญ่ หรือบางครั้งจะต้องวิ่งทางเอียง รถที่มีความสูงน้อยย่อมวิ่งได้ดีกว่ารถที่มีความสูงมาก ซึ่งรถ Jeep Cherokee 2.5 ซึ่งมีลักษณะเด่นตามที่กล่าวมา ดังนั้น Jeep Cherokee 2.5 จะได้เปรียบในเรื่องของทางออฟโรดอีกเช่นกัน
ในปัจจุบัน ศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อ Mitsubishi มีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ และศูนย์บริการของ Hondaมีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เช่นกัน แต่ศูนย์บริการของ Jeep ในประเทศไทยได้ปิดตัวลงเมื่อปี 2550 จึงมีปัญหาในเรื่องของอะไหล่และการซ่อมบำรุง ซึ่งทำให้เสียเปรียบรถยี่ห้ออื่น แต่ปัจจุบันมีเครือข่ายการสื่อสาร มีความสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดชมรมของผู้ใช้รถ Jeep มีชื่อว่า Jeep unity club ชมรม Jeep unity club จะอยู่ในเวปไซด์ WWW.thailandoffroad.com ซึ่ง ชมรม Jeep Cherokee 2.5ได้ก่อ ต้นปี 2544 ชมรม Jeep Unity Club เริ่มต้นมาจากสมาชิกที่ใช้รถ Jeep ซึ่งเข้ามาใช้บริการหาข้อมูลและท่องเที่ยวกับเพื่อนๆในกลุ่ม weekendhobby.com/offroad เป็นการรวมตัวกันของเพื่อนๆที่ใช้รถ Jeep โดยเริ่มต้นมีกันประมาณ 10 คันและตั้งเป็นกลุ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านต่างๆเช่น การซ่อมบำรุงรักษารถ หาแหล่งท่องเที่ยว จัดกิจกรรมการกุศล เป็นต้น ต่อมาไม่นานได้มีสมาชิกเข้ามาพบกลุ่มเราบนอินเตอร์เน็ตผ่านทางเวปบอร์ด และขอร่วมเป็นสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงตัดสินใจที่จะใช้ชื่อ "ชมรม" นำหน้า แทนคำว่า"กลุ่ม" เพื่อความสะดวกในการจัดกิจกรรมต่างๆ และชมรมยังเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งเชิญชวนสมาชิกที่ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต มาร่วมกัน เพื่อรวบรวมกลุ่มผู้ใช้ Jeep ทุกสาขาอาชีพ ทั่วประเทศ หรือแม้แต่ท่านที่เคยใช้ Jeep หรือ ท่านที่สนใจในเรื่อง Jeep เข้ามารวมกัน และมีแนวคิดในทางเดียวกัน
จากการพูดคุยกันทางเวปบอร์ด ทำให้ทราบว่า อะไหล่Jeep สามารถเทียบเอาของรถญี่ปุ่นมาใช้แทนได้ เช่น สวิทต์ไฟถอย ใช้ของToyota mighty x , ไดสตาร์ท ใช้ของ Mitsubishi lancer} กรองน้ำมันเครื่องของToyota d4d , โคมไฟหน้า ใช้ของ Toyota mighty x ,ปั๊มครัชบน ล่าง ใช้ของ Toyota mighty x , บูชคันเกียร์ ใช้ของ Toyota mighty x , โบวเออร์แอร์ ใช้ของ Nissan cefiro ,อะไหล่เกียร์ ใช้ของToyota mighty x และร้านอะไหล่ที่จำหน่ายของ Jeep ได้แก่ ร้านไพศาลกิจ 02-223-8269,02-222-2524 , กิจพรชัยพาณิชย์ 02-2233377,022236462 , ภาณุภัทร์ 02-2253664-6,022254612-3 , รัตนยนต์ 02-2215431,02-2237237 ,ไทยถาวรมอเตอร์ 02-2214435,02-2235902,02- 6224537-8,026225951
จากข้อมูลเรื่องอะไหล่แล้วเห็นว่า Jeep Cherokee 2.5 สามารถหาอะไหล่ ได้ง่าย หาซื้อได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไป หากจะซื้ออะไหล่ของ Jeep โดยตรงก็สามารถสั่งซื้อตามร้านข้างต้นได้ และเมื่ออะไหล่ส่วนมาจะเป็นของรถกระบะที่ใช้อยู่ในประเทศไทย อู่ทั่วไปจึงสามารถซ่อมรถ Jeep Cherokee 2.5 ได้ เพียงแต่ท่านจะต้องมีข้อมูลต่างๆ ไว้ให้อู่เขาดู ซึ่งก็เหมือนกับคู่มือรถที่จะต้องมีติดรถทุกคัน แต่สำหรับ Jeep จะมีคู่มือพิเศษคือ คู่มืออะไหล่ทดแทน เพราะตามรถยี่ห้ออื่นก็ไม่มีคู่มือตรงนี้ให้เหมือนกัน ผู้ใช้รถต้องศึกษาเอาเอง นอกจากนี้ Jeep unity club ยังโครงการพึ่งพาเพื่อนยามฉุกเฉิน รถเสีย ถามเพื่อน ถามช่าง เรียกรถยกรถลาก ซึ่งจะมีสมาชิกที่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกด้วยกันทั่วประเทศ ยกตัวอย่างเช่น รถเพื่อนสมาชิกเสียอยู่ในปั้ม ปตท. แถว เถิน ก็ได้เพื่อสมาชิกช่วยเหลือจนทำให้สามารถเดินทางต่อไปได้
จากข้อมูลที่ได้ศึกษามาทำให้ผมติดว่า รถเอนกประสงค์ที่ดีที่สุด คือ Jeep ทั้งในเรื่องสมรถนะ ความแข็งแรง ทนทาน ขับสบาย และยังคงความสามารถที่จะวิ่งไปไหนต่อไหนได้ที่ไม่มี ถนนก็ไปได้อย่างไม่มีใครเทียบได้ Jeep ซึ่งมีคุณสมบัติสอดคล้องกับความต้องการของคนเรา ซึ่งสามารถปีนเขา ลง ห้วย ในป่า ไปได้ทุกสภาพถนนซึ่งรถยี่ห้ออื่น ไม่สามารถทำได้ Jeep ทำได้และสะดวกในการใช้งานแบบลุย ๆ ก็จะมีชมรมJeep เกิดขึ้น รวมทั้งชื่อเสียงที่เป็นรถประจำการของกองทัพสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้การบำรุงรักษาที่สามารถนำอะไหล่ของรถยี่ห้ออื่นมาใช้แทนกันได้ มีชมรมซึ่งให้ข้อมูลทางด้านเทคนิคต่างๆ มีเพื่อสมาชิกผู้รักในรถ Jeep คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ทั่วประเทศ จนทุกคนในชมรม Jeep unity club พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้ Jeep ได้ทั้งรถและได้ทั้งเพื่อน