จาก ZDee 58.137.103.178
พฤหัสบดีที่ , 24/1/2556
เวลา : 10:26
อ่านแล้ว = 2855 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
http://m.dailynews.co.th/article/223/180027
ไม่คิดว่าจะได้รถคืนเร็วขนาดนี้ครับ นับตั้งแต่รู้ว่ารถหาย จนพบรถ พร้อมจับตัวคนขโมยได้ ใช้เวลาแค่ 15 ชั่วโมงเราก็พบรถ ไม่คิดว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์จะมีพลังขนาดนี้ ...นี่เป็นน้ำเสียงสุดตื่นเต้นของ ประกิต ธีรวัฒน์วิจิตร ที่บอกเล่าให้ สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ฟัง หลังเพิ่งผ่านเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ
เป็นเหตุระทึกขวัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเขาคนนี้
ไม่เพียงเขาจะดีใจที่ได้รถคืนอย่างไม่คาดคิด กับผู้ที่ติดตามข่าวโดยตลอด เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแม้แต่คนร้าย ก็ยังประหลาดใจ ก็ยังงง ๆ กับพลังเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ...
ประกิตบอกเล่าว่า...รถคันดังกล่าวที่เป็นต้นเรื่องของเหตุการณ์ทั้งหมด เป็นรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราดา สีแดง-เทา ยกสูง เป็นรูปแบบที่เรียกว่ารถออฟโรด (Off-Road) ที่เพิ่งซื้อต่อมา เพื่อจะนำมาใช้สับเปลี่ยนกับรถอีกคันซึ่งเป็นรถยนต์นั่งสี่ประตูที่เน้นใช้งานในเมือง ด้วยความสนิทสนมกันกับคนขายและจำเป็นต้องขนของ จึงนำรถมาใช้งานก่อนระหว่างที่รอทำเอกสารส่งมอบรถกัน แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องขึ้น!!
วันเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ ประกิตเล่าย้อนว่า...ช่วงเย็นเขาขับรถกระบะมาจอดที่หน้าบ้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณรัชดานิเวศน์ แยก 4 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 24 ใกล้กับแยกเหม่งจ๋าย พื้นที่ห้วยขวาง กรุงเทพฯ จอดในมุมที่เขามองว่า ไม่เปลี่ยว มีคนพลุกพล่านตลอด ที่สำคัญ ก็อยู่ในย่านกลางเมือง เมื่อนำรถมาจอดไว้แล้ว ก็ขนของที่จะต้องเตรียมขนไปต่างจังหวัดในวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็คือเช้าวันเสาร์ หลังขนของใส่รถเสร็จก็ออกไปทำธุระโดยขับรถอีกคันออกไป กลับมาอีกทีก็ตอนเที่ยงคืน ซึ่งแม้จะดูว่าบริเวณที่พักไม่เปลี่ยว มีคนสัญจรตลอด เพราะเป็นซอยทางลัด แต่ก็ไม่ประมาทกับรถที่จอดไว้ โดยปกติหากต้องจอดรถไว้หน้าบ้านก็จะตื่นทุก 2 ชั่วโมง เพื่อตรวจตรา คืนนี้ก็เช่นกัน ตอนตี 2 กว่า ๆ ตื่นมาดูก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ ครั้นตี 4 ตื่นมาอีกหน คราวนี้ก็ต้องตกใจแทบช็อก!!!
เพราะรถกระบะไม่อยู่แล้ว!!!...
อากาศตอนเช้ามืดเย็น ๆ แต่ผมเหงื่อแตกเต็มตัว เขาเล่าซึ่งใครที่เคยเผชิญเหตุการณ์แบบนี้คงเดาไม่ยากว่าความรู้สึกของประกิตจะเป็นเช่นไร??...เมื่อรถอันตรธานหายไป ในชั่วระยะเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงเต็ม
หลังมั่นใจว่ารถหายแน่ ๆ ประกิตและแฟนก็โทรศัพท์แจ้งตำรวจ จากนั้นก็โทรฯ ไปตามช่องทางต่าง ๆ เท่าที่นึกได้ว่าอาจจะพอช่วยได้ จน 20 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ก็มาสอบถาม ก่อนแจ้งว่าให้นำเอกสารไปแจ้งความเป็นลายลักษณ์อักษรที่สถานีตำรวจ ซึ่งก่อนที่จะไปแจ้งความ ประกิตเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ควบคู่ไปด้วย เพราะรู้ดีว่า ยิ่งปล่อยเนิ่นนาน...โอกาสได้รถคืนจะยิ่งเหือดหาย...
เขาตัดสินใจขี่จักรยานตระเวนในละแวกใกล้บ้าน หวังจะเจอเบาะแสหรืออาจจะมีกล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ระหว่างนั้นแฟนของเขาก็นำรูปรถคันที่หายไปโพสต์บอกต่อเพื่อนฝูงในเฟซบุ๊ก วานให้เพื่อนช่วยกันกระจายข่าว โดยข่าวสารดังกล่าวนี้ได้ถูกส่งต่อแชร์ผ่านกันเป็นทอด ๆ นับรวมแล้วกว่า 241 ครั้ง ณ เวลานั้น และหลายคนก็นำเรื่องนี้ไปโพสต์แปะไว้ในบอร์ดกลุ่มนิยมรถออฟโรดหลายแห่ง ซึ่งแม้ว่าประกิตและแฟนจะไม่ได้คาดหวังอะไรในส่วนนี้นัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยระบายความอึดอัดใจจากการรอคอยที่ไร้ทิศแบบนี้
แต่แล้ว...เรื่องเหลือเชื่อก็เกิด!! เมื่อโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้น แจ้งว่า พบรถลักษณะดังกล่าวขับสวนไปที่จังหวัดกำแพงเพชร จึงโทรฯ มาแจ้งข่าว ที่น่าทึ่งมากก็คือ คนที่โทรฯ มาแจ้งก็ไม่รู้จักกัน แต่เผอิญเห็นข่าวนี้จากโพสต์ทางเฟซบุ๊กที่ถูกคัดลอกลิงก์นำไปแปะอยู่ในเว็บไซต์รถออฟโรด
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ!! จากเบาะแสเดียว ถูกนำไปขยายต่อในเครือข่ายออนไลน์อีกหน หลายคนที่รู้ก็ทำการประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อให้ช่วยติดตามกันอีกแรง บางกลุ่มช่วยกันตระเวนตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางเป้าหมายของขบวนการโจรกรรมรถ และท้ายที่สุดก็ได้ข่าวดีจากจังหวัดตาก เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ สามารถจับคนร้ายได้พร้อมรถ ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรแม่ท้อ จังหวัดตาก โดยการประสานของกลุ่มเมืองตากออฟโรด ที่ส่งต่อรูปรถคันที่หายผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด!!
มันเหลือเชื่อมาก เพราะรถเราหลุดไปอยู่ในมือขบวนการขโมยรถแน่นอนแล้ว ข้อสังเกตคือทำกันเป็นขั้นตอน คนขโมยคนแรก ไปส่งให้อีกคน ให้อีกคนขับไปส่งอีกที่ แถมทะเบียนก็ถูกสับเปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง จากทะเบียนกรุงเทพฯ เป็นชลบุรี และตาก ก่อนจะถูกตำรวจจับในอีก 15 ชั่วโมง
ไม่คิดว่าสังคมออนไลน์จะมีพลังขนาดนี้ แต่ก็ต้องถือว่าเรายังมีโชค ที่พี่ ที่คนรู้จัก คนที่รู้เรื่องเรา สนใจตื่นตัวมาช่วย แต่ก็เรียกว่าฉิวเฉียดสุด ๆ นี่ขนาดเราระวังตัวสุด ๆ แล้ว คิดว่าอยู่ใจกลางเมือง คนก็เยอะ ไม่น่าจะโดนนะ แต่ก็ยังไม่รอด คิดแล้วก็เหนื่อยครับ...เป็นเสียงทิ้งท้ายจากประกิต
แม้ทุกข์จะคลี่คลาย แต่จากน้ำเสียงเขาก็ยังแฝง ทุกข์คนเมืองกรุง และนี่ก็เป็นอีกกรณีที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นใน สวัสดิภาพชีวิตและทรัพย์สิน คนกรุงเทพฯ ซึ่งรายนี้ก็ยังดีที่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี...
มี พลังโลกออนไลน์ ช่วยไว้ได้หวุดหวิด!!!!!.
|