คำตอบที่ 31
       งานนมัสการพระบาทพลวง ประจำปี 2552 นี้ จัดงาน ระหว่างวันที่ 26 มกราคม ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2552 กำหนดพิธีบวงสรวงปิดป่าและเปิดเทศกาลในวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2552 เวลา 08.00 น. ณ เชิงเขาคิชฌกูฎ บริเวณสันเขื่อน อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 32
       up

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 33
       คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า.. ขึ้นไปขออะไร ก็จะได้สมความปราถนา แต่มีข้อแม้ว่า.. ต้องขอเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น และเมื่อได้ตามที่ขอแล้ว ก็จะกลับขึ้นไปอีกค่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 34
       อนุโมทนาสาธุครับพี่นุ ปีก่อนผมได้ไปเป็นครั้งแรก คนเพียบเลย จนแทบไม่มีที่นอน เดิน ยืน นั่งครับ แต่ข้างบนสวยมากๆ ใครได้มีโอกาสเดินทางไปกราบสักการะ เป็นกุศลใหญ่หลวงครับ ปีนี้ยังไม่มีแผนเลย อิอิอิ เห็นพี่นุ กับผบ.พี่นุนำเสนอแล้วน่าสนใจไปอีกรอบครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 35
       อยากไปมานานแล้วครับ ปีนี้ไม่ให้พลาดแน่ๆ แต่ก็ไม่เคยขับรถไปแถวนั้นเลย ถ้าไม่รบกวนเกินไปรบกวน พี่ Pnu ทิ้งเบอร์ไว้หน่อยน่ะครับ แล้วทางที่ไปผ่านปั๊มพี่หรือเปล่า จะได้แวะไปด้วยเรยยย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 36
       ปั๊มอยู่ ถ.สุขุมวิท กม.303 ต้องผ่านที่ปั๊มก่อนถึงทางเข้าทั้งสองทางค่ะ (ทางเข้าอยู่ กม.306 และ กม.326 ค่ะ)

ถ้าเข้าทาง กม.306 ระยะทางจะใกล้กว่ากันประมาณ 10 กม. ปรกติที่บ้านก็จะใช้เส้นทางนี้ไปเขาพระบาทกันน่ะค่ะ

เบอร์โทร. Pnu 083-8475000 ค่ะ แล้วเจอกันนะคะคุณ AKE8411

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 37
       ครับผม
แหม ผบ.มาเองเรยยย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 38
       รอชมรูปอยู่นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 39
       ยังไม่ได้ไปเลยครับ วุ่นอยู่กับช่างสไตร์ท เพิ่งจบเรื่องไปครับ แต่ก็ตั้งใจอยากไปอยู่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 40
       คิชฌกูฏ ‘ขุนเขาแห่งศรัทธา หรือเส้นทางมายาของนักแสวงโชค’



'เขาคิชกูฏ’ อดีตเส้นทางแสวงบุญของพระป่า บนเทือกเขาสูงชันอันเยือกเย็น ตั้งตระหง่าน ณ เมืองแห่งพลอยแดง จังหวัดจันทบุรี สถานที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนเชื่อว่าเป็นสถานที่ประทับของพระแม่ธรณี แม้วันนี้กลายเป็นเส้นทางสายหลักของนักแสวงโชค ด้วยความเชื่อมั่นในพรอันศักดิ์สิทธิ์ของ ‘รอยพระพุทธบาท’ จักช่วยบันดาลลาภยศทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งขจัดอาถรรพ์ร้ายให้กลับบริสุทธิ์ได้อย่างมีมนต์ขลัง




กว่า 300 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ นับเป็นเวลาไม่กี่อึดใจ แต่สำหรับผู้คนจากต่างจังหวัดแล้ว เขาอาจต้องรอเวลากว่าปี จึงจะมีโอกาสเข้ามาสักการะ พระพุทธบาทเขาคิชกูฏ ซึ่งในรอบแต่ละปีจะเปิดให้นักแสวงโชคเข้ามาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ -เดือนมีนาคมเท่านั้น ก่อนจะปิดเขาเพื่อให้สัตว์ป่าออกหากินดำรงชีวิตอย่างสันติ




ผมเดินทาง ออกจากกรุงเทพฯ ในเวลาตีสามครึ่ง ใช้เส้นทางมอร์เตอร์เวย์ชลบุรีเป็นหลัก เวลาผ่านไปเพียง 3 ชั่วโมงเศษก็ถึงที่หมาย คือ วัดพลวง ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางขึ้นเขาคิชกูฏ แม้ว่าวันที่ผมไปถึงช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ แต่กระแสมหาชนก็มิได้ลดทอนลงแต่อย่างใด หลายครอบครัวจากต่างจังหวัดได้ปักหลักพำนัก ณ ลานวัด อย่างแน่นขนัด โดยมิได้มีเพียงทะเบียนรถภูธรเท่านั้น ยังรวมถึงรถยนต์ยุโรปแบรนด์หรูก็หลั่งไหลมามิขาดสาย แสดงให้เห็นว่าความพอเพียงสำหรับเขาแล้วยังเป็นเพียงมายาคติเท่านั้น




เมื่อผมก้าวลงจากรถ เสียงพระวัดพลวงแห่งเมืองพลอยแดงย้ำเตือนเสมอว่า “การทำบุญให้ศักดิ์สิทธ์สูงสุด พุทธศาสนิกชนทุกคนพึงรำลึกในใจเสมอว่า1คนสามารถขอพรได้เพียง 1 ข้อ เท่านั้น ไหว้พระที่ประทับตามทางขึ้นเขาทั้ง 9จุดอย่าได้ขาด โดยอธิฐานเหมือนเดิมทั้ง 9 ครั้ง และไม่ควรโลภขอพรหลายข้อ เพราะโลภมากแล้วลาภสูญ” ผมขอแนะนำว่าควรเชื่อมั่นในตนเองดีกว่า...




สำหรับการเตรียมพร้อมขึ้นเขาคิชกูฏ ท่านไม่สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ ต้องใช้บริการรถกระบะโฟร์วิล ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ เพราะทางขึ้นเขาสูงชันถึง 45 องศา และบางช่วงเป็นทางโค้งขึ้นชันเป็นตัวดับเบิ้ล S ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้บริการคนขับในพื้นที่จะปลอดภัยกว่า ทั้งนี้ค่ารถเพียงคนละ 50บาท ต่อจุดเท่านั้น ซึ่งทางขึ้นเราต้องต่อรถกระบะถึง 2ครั้ง ให้ท่านเตรียมเงินค่ารถขาขึ้นและขาลงรวมกันในราคาท่านละ 200 บาท ส่วนที่เหลือฝากชีวิตไว้กับโชเฟอร์ แล้วเอื้อมมือจับราวเหล็กแน่นๆ เพราะแรงของรถอาจจะเหวี่ยงท่านกระเด้งกระดอนเป็นลูกเทนนิสทีเดียว




ระบำบนรถกระบะแสนสนุกนั้น นำพาท่านมาได้เพียง 4กิโลเมตร ก็เกินพอ ส่วนที่เหลืออีก 1 กิโลเมตร ท่านต้องเดินขึ้นไปเอง โดยก่อนขึ้นเขาท่านต้องไปที่จุดบริการของวัด จะมีเครื่องไหว้และธูปเทียนจำหน่ายในราคาชุดละ 120บาท ซึ่งต้องบอกปีเกิดของท่านด้วย เช่น ผมเกิดปี 2525 = ปีจอ เจ้าหน้าที่จะหยิบธูปให้ 2 ชุด คือ ธูปแบบธรรมดาสีน้ำตาล และธูปแบบประจำปีเกิด ซึ่งผมได้สีเหลือง เป็นต้น ในแพ็คเกจนี้จะมีดอกดาวเรือง และพลอยประจำปีเกิดด้วย โดยตลอดทางเดินขึ้นเขาจะมีจุดให้เราไหว้โดยใช้ธูปธรรมดา และไม่ต้องจุดธูปเทียน (ไหว้แบบแห้ง) ทั้ง 9 แห่ง ถ้าท่านพร้อมแล้ว เริ่มไหว้พร้อมผมกันได้เลย ที่สำคัญท่านต้องอธิฐานพรแบบเดียวกันทั้ง 9 ครั้ง (ขออภัยผู้อ่านด้วยเพราะผมเองยังไหว้แบบงงๆ ขออธิบายเท่าที่จำได้นะครับ แฮะๆ)




จุดแรก ท่านต้องไหว้พระแม่ธรณี โดยใช้ดอกดาวเรือง ณ จุดเต็นท์บริการตรงทางขึ้น จุดที่สอง ท่านต้องไหว้บูชาพระสีวลี (องค์พระที่รวมอยู่ด้านล่าง บริเวณจุดเต็นท์บริการก่อนทางขึ้น) จุดที่สาม เดินขึ้นไปประมาณ 50 เมตร จะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ประทับอยู่ จุดที่สี่ บริเวณหินทอดตามแนวยาว เรียกว่า พระนอน จุดที่ห้า บริเวณซุ้มพระอานนท์ จุดที่หก ไหว้พระตรงจุดก่อนขึ้นประตูสวรรค์ (เป็นหินขนาดใหญ่ชนกัน เราต้องผ่านทุกคนไม่งั้นขึ้นไม่ถึงสวรรค์) จุดที่เจ็ด ไหว้หลวงปู่ชีวกโกมารภัทร (แพทย์ประจำตัวพระพุทธเจ้า) อยู่บริเวณทางขึ้นก่อนถึงลานพระพุทธบาท ใช้ธูปห้า หรือเก้าดอก พร้อมหมากพลูบุหรี่ และผลไม้ อธิษฐานให้ร่างกายแข็งแรง จุดที่แปด ไหว้ปู่ฤๅษีนารายณ์ หรือปู่ฤๅษีตาไฟ หรือเศียรพ่อแก่ ใช้ธูปห้าหรือเก้าดอก พร้อมเทียนสองเล่ม และชุดหมาก พลู บุหรี่ ผลไม้ ขนมนมเนย (ซึ่งหาซื้อได้ข้างบนไม่ต้องซื้อเองก็ได้) อธิฐานขอพระให้ลูกหลานมีสติปัญญาดี เรียนเก่ง และการเสี่ยงโชคลาภ จุดที่เก้า ไหว้รอยพระพุทธบาท จะมีทั้งพระบาทใหญ่กับเล็กอยู่บริเวณ ' หินรูปบาตร' ริมหน้าผาสูงชัน ท่านต้องไหว้โดยใช้ธูปสี 16ดอก เทียน 2 เล่ม และติดทองคำเปลวทั้ง 2 รอบพระพุทธบาท พร้อมกับโปรยพลอยประจำปีเกิดซึ่งจะมี 3 ถุงเล็ก วิธีใช้ โปรยลงในพระพุทธบาทขนาดใหญ่ 2 ถุง และพระพุทธบาทเล็ก 1 ถุง รวมทั้งโปรยดอกดาวเรืองด้วย ที่สำคัญท่านอธิษฐานขอพร ได้ 1อย่าง และถ้าพรสำเร็จท่านจะต้องกลับมาอีกครั้ง!!!




นอกจากนี้ หากท่านประกอบอาชีพการค้า แนะนำให้เข้าไปนมัสการ หลวงพ่อเขียนขนฺธสโร ซึ่งจะมีการรับน้ำพระพุทธมนต์ การปลุกเสกวัตถุมงคล เช่น กระเป๋าสตางค์ให้มีเงินไหลเข้าไม่ไหลออก และหากท่านถือกระจกแต่งหน้าไปด้วยก็ควรเดินอ้อมไปด้านข้างหินรูปบาตร แล้วนำกระจกส่องใต้หินท่าน จะพบเลขนำโชคสำหรับตัวท่าน และนักแสวงโชคมีอาชีพตลอดทางเดินขึ้นลงเขารอบข้าง ถูกโชลมด้วยสีเหลืองของกลีบดาวเรือง เทียน และกลิ่นธูป ประกอบด้วยเสียงระฆังซึ่งถูกแขวนเรียงรายไปตลอดทาง ดังกังวานไปทั่วผืนป่าเงียบสงัด สะท้อนกลับด้วยทิวทัศน์ริมผาอันบรรเจิด อย่างไรก็ตาม ในความคิดผม สิ่งสำคัญที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เลื่องชื่อ อาจเป็นเพราะการทำบุญท่ามกลางธรรมชาติ กลิ่นไอของที่นี่ยังเป็นพุทธพานิชอยู่มาก หากเรารู้จักแยกแยะปฏิบัติชั่วดีได้แล้วนั้น คงไม่มีพรข้อใดประเสริฐเท่ากับกำลังใจจากผู้มีพระคุณรอบข้าง หากท่านกระทำการใดแก่ผู้ด้อยโอกาสด้วยจิตกุศลแล้วไซร้ ท่านย่อมได้รับพรประเสริฐจากคนรอบข้างนั่นเอง




“ว่าแต่ ขณะที่เขียนต้นฉบับนี้แล้ว พลางคิดว่า ปีหน้าอาจต้องกลับไปอีกครั้ง ฉันใด ฉันนั้น”

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 41
       คิชฌกูฏ ‘ขุนเขาแห่งศรัทธา หรือเส้นทางมายาของนักแสวงโชค’

http://www.moopeak.com/voyager/to-travel.php?article_id=65

-----------------------------------------------------------

ประวัตื

http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta16mini1.html

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 42
       เดือนนี้กำลังหาวันลาอยู่ ต้องไปให้ได้ เดี๋ยวเอารูปมาฝากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 43
       ช่วงใกล้จะปิดเขาแล้ว ไม่แนะนำให้มา ศ ส อา นะครับ เพราะคนจะเยอะมากๆครับ เดี๋ยวมาแล้วจะไม่ประทับใจครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย