คำตอบที่ 481
       อยากเห็นบ้านของท่านเลขาฯ ศิลปินประจำ ซุ้ม-สุม-หัว ซะแล้วสิ

ตั้งกะเกิดวิฤกติเศรษฐกิจ สงสัยผจะเป็นเหมือนกันทู้กบริษัทฯ อะ บักณัฐ

ผมมันพวก ESTP ครับพี่นุ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 482
       เลือกหัวเทียนอย่างไร? ถึงจะเข้ากับรถคุณ!!

เริ่มแรกขอเริ่มที่เบอร์หัวเทียนกันก่อนนะครับ หัวเทียนในแต่ละยี่ห้อนั้น มันบอกเบอร์ไม่ได้ ( เพราะมันไม่มีปาก ! ) ตัวเลขแต่ละแบรนด์ก็ไม่เหมือนกัน ถ้าจะเทียบกันจริง ๆ คงต้องใช้ตารางเทียบว่าแบรนด์นี้ เบอร์นี้ ตรงกับรุ่นอะไร ถึงจะชัวร์ และอย่างที่ใช้กันประจำ ๆ พูดกันติดปากก็ไม่พ้น " NGK " หัวเทียนทั่ว ๆ ไปที่เรียกว่า หัวเทียนร้อน จะเป็นเบอร์ต่ำเสมอ ส่วนหัวเทียนเย็นจะเป็นเบอร์สูง ว่าแต่....ร้อนกับเย็นมันต่างกันยังไง เดี๋ยวจะอภิปรายให้ฟัง...

หัวเทียนร้อน

" หัวเทียนร้อนเนี่ย....ตัวมันเองจะระบายความร้อนออกได้ช้า " เมื่อเราใช้งานจริง ในห้องเผาไหม้มันมีความร้อนจากการจุดระเบิด เมื่อหัวเทียนรับความร้อนนั้นมา จะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่หัวเทียนอยู่อย่างนั้น

หัวเทียนเย็น

" หัวเทียนเย็นก็คือ...ตัวมันสามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็วกว่าหัวเทียนร้อน " แต่ใช่ว่าจะมันจะหายร้อนเลยนะ อย่างนั้นไม่ใช่ จริง ๆ แล้ว หัวเทียนจะมีความร้อนสะสมอยู่ระดับนึงเพื่อให้แห้งตลอดเวลา เป็นทั้งหัวเทียนร้อนและหัวเทียนเย็น เพียงแต่ว่าหัวเทียนเย็นจะถ่ายเทความร้อนได้เร็วกว่าเท่านั้นเอง มันก็เหมือนกับเหล็กเผาไฟนั่นแหละ เมื่อโดนน้ำมันก็จะดัง " ฟู่ " ควันฉุยแล้วก็หายไป แต่เหล็กนั้นก็ยังร้อนอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเงื่อนไขมันเป็นอย่างนี้นะ " ไอดี " มันเป็น " ความชื้น " เมื่อความชื้นพ่นมาโดนอะไรสักอย่าง มันก็จะทำให้ของชิ้นนั้นเปียก ดังนั้นถ้าเราเปรียบของชิ้นนั้นเป็นหัวเทียน ถ้ามันเปียก ก็จะส่งผลให้ " หัวเทียนบอด " ผมลองยกตัวอย่างให้ดูนะ รถที่วิ่งใช้งานในเมืองทุกวัน วิ่งช้าตลอดเวลา คลานกระดึ๊บๆไปเรื่อย " ชิว ชิว " รถจำพวกนี้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะต่ำมากเลย ซึ่งถ้าในสถานการณ์นี้ควรเลือกใช้ " หัวเทียนร้อน " เพราะว่าเราต้องการระบายความร้อนช้าๆ เพื่อเก็บความร้อนสะสมไว้ ไม่ให้ " หัวเทียนบอด... ! " ไงจ๊ะ กลับกัน ถ้าเป็นรถที่ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ ถ้าเราใช้หัวเทียนร้อน มันจะทำให้ระบายความร้อนไม่ทัน อาจสร้างความ " ชิ...หาย " ได้ ต่าง ๆ นานา เช่น หัวเทียนละลาย กระเบื้องแตก และ เกิดอาการชิงจุด ก็เป็นได้ " คือว่าหัวเทียนมันร้อนเกินไป มันก็เหมือนโละหะเผาไฟร้อนแดง เมื่อมีไอดีเข้ามา มันเป็นเชื้อเพลิงพร้อมที่จะจุดระเบิด พอมากระทบตัวหัวเทียนปุ๊บ ซึ่งมันยังไม่ทันถึงจังหวะจุดระเบิด มันก็จุดระเบิดทันทีจากความร้อนสะสมของหัวเทียน " ซึ่งรถที่ใช้ความเร็วตลอดควรเลือกใช้ " หัวเทียนเย็น " เพื่อการระบายความร้อนจะดีกว่า แต่ว่า...มันก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานให้ถูกประเภท ( เฉพาะกิจ ) ด้วย อย่าง รถแต่งเครื่องซิ่งสุดประเทศ...! มันจะมีความร้อนสูงมากกว่าเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่ว ๆ ไป และส่วนมากมักเป็นเครื่องยนต์ที่มีระบบอัดอากาศ ( TURBO ) ซึ่งเครื่องยนต์ประเภทนี้เป็นเครื่อง " Over Lap " มาก จุดระเบิดไม่ค่อยดีในรอบต่ำ หัวเทียนที่ใช้จึงเป็นหัวเทียนเย็นเสมอ แต่ถ้าเรานำเครื่องซิ่งวิ่งผิดที่ ( ในเมือง ) อันนี้ก็ต้องจบข่าว " ผิดแผน " กันไป เพราะเครื่องประเภทนี้มันต้อง " เหนี่ยว " อย่างเดียว แต่ถ้ามาวิ่งผิดที่ รับรองวิ่งไม่ได้เลย เพราะเครื่องซิ่งเหล่านี้ ส่วนมากรอบต่ำมันวิ่ง " สับปะรดหมาไม่แด...กอยู่แล้ว " ยิ่งเจอรถติดในเมืองอีก รับรองแม่เจ้า....ไม่รอด " บอดสนิท " ทุกราย ซึ่งถ้าจะมาใช้ในเมืองจริง ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็นหัวเทียนร้อนแทน แต่ถ้าดันทุรังมีหวัง " หลับ " ทุกราย

RECYCLE สนองนโยบายรัฐ

หัวเทียนที่บอดส่วนมากก็จะลงถัง แต่จริง ๆ แล้ว หัวเทียนเหล่านั้นยังใช้งานได้อยู่ เพราะที่หัวเทียนบอดมันเกิดจาก " คราบเขม่า " วิธี " Recycle " ไล่ตั้งแต่ " ฌาปนกิจยันล้างส้วม! " แล้วแต่สะดวกตามกำลังศรัทธา คือ ใช้ไฟลน ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ใช้ไฟร้อนมากนะ เปลวเพลิงสีเขียว ๆ ฟ้า ๆ นั่นน่ะดี ( แต่ก็ระวังด้วยนะ....ร้อนมากไปเดี๋ยวจะโพละ..! เสียก่อน ) หรือไม่ก็ใช้วิธีล้างด้วยเบนซิน แล้วใช้แปรงสีฟันขัดให้สะอาด ใส่แล้วพอวิ่งได้ แล้วนำไปใส่รถสแตนดาร์ด ลองออกไป " เหนี่ยว " สัก 1-2 รอบ กลับมาแล้วอย่าปล่อยเดินเบานะ ดับเครื่องแล้วถอดมาดูรับรอง " เนื้อตัวดี " ขาวนวลชวนสยิวเลย จุ๊กกรู จุ๊กกรู... ( อ๋อ...มันร้อนนะระวังด้วย ) ตบท้ายด้วยวิธี " นังแจ๋ว " กับ " วิกซอล " คู่ชีพ เพียงจุ่มแค่ปลาย ก็โอ...แล้ว เตือนอย่างนึงนะ อย่างทะลึ่งใช้ " กระดาษทราย " หรือ " ปั่นลวดบนเครื่องเจียร์ " นะครับ " เสียของ " และก็ " ของเสีย " ด้วยครับ...ทีนี้เรามาสังเกตหัวเทียนที่บอดกันดีกว่า ปกติแล้วไฟมันจะโดดจากแกนหัวเทียนไปหาเขี้ยวหัวเทียน แต่พวกหัวเทียนที่บอด มันจะไม่เป็นอย่างนั้นนะดิ มันจะโดดออกข้าง ๆ ไม่ไปหาเขี้ยวหัวเทียน ซึ่งมันก็สั่งจุดระเบิดไม่ได้ อาการแบบนี้ทำความสะอาดก็หายแล้ว...ระบบ " ไฟฟ้า " มันก็เหมือน " น้ำ " นั่นแหละครับ มันจะไหลไปตามจุดต่าง ๆ ที่มันไหลง่าย ดังนั้นเมื่อหัวเทียนบอด สกปรกจากคราบเขม่า แทนที่ไฟจะโดดจากแกนหัวเทียนไปหาเขี้ยวหัวเทียน แต่เขี้ยวมันมีเขม่าจับอยู่ มันก็โดดออกข้าง ๆ ไปตามที่มันสะดวก ไปตามที่ชอบ ที่ชอบ

วิวัฒนาการแกนหัวเทียน

ในปีลึก ๆ ที่ผ่านมา แกนหัวเทียนจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ถ้าเป็นพวก " แพลทตินัม " ก็จะมีลักษณะสามเหลี่ยมคล้ายยอด " พีระมิด " ซึ่งแกนเนี่ยสำคัญ มันเป็นตัวปล่อยให้กระแสไฟไหลผ่าน ยิ่งปลายยอดแกนยิ่งเล็กก็ยิ่งดี ซึ่งมันมีที่มาที่ไปคือ ในห้องเผาไหม้มันมีกำลังอัดสูง ไฟฟ้ามันจะโดดยากบนเงื่อนไขที่มีแรงดันสูง แต่ที่เราเห็นตามร้านประดับยนต์ทั่วไป กับชุด " Display " ที่โชว์กระแสไฟแรงๆ นั่นน่ะ ซึ่งถ้ามันอยู่บนเงื่อนไขสถานการณ์จริง ๆ ในห้องเผาไหม้แล้ว มันแทบจะไม่ยิงให้เห็นเลย ยิ่งเครื่องบูสต์หนักๆ นั้น แทบจะไม่ออกเลย ดังนั้นหัวเทียนรุ่นใหม่ ๆ ผู้ผลิตจึงเน้นผลิตแกนให้เล็กลง เพื่อให้กระแสไฟมาไหลมาอยู่ที่ปลายแกนแบบเข้ม ๆ แล้วค่อยยิงออกไป ซึ่งถ้าเทียบกับสมัยก่อนที่เป็นแกนเบ้อเริ่ม ก็เพราะว่าโลหะสมัยก่อนมันยังพัฒนาไม่เต็มที่เหมือนปัจจุบัน ถ้าทำแกนหัวเทียนออกมาเล็ก ๆ แล้ว ส่วนมากมักทนความร้อนไม่ไหว ก็จะละลายในที่สุด ยุคปัจจุบันคำว่า " แพลทตินัม " เริ่มบางหูลง เพราะอิทธิพลของ " อิริเดียม " เข้ามายืนแป้นแทน เนื่องจากจุดหลอมเหลวหรือจุดสึกหรอจาการสปาร์คมันแทบจะไม่มี ดังนั้น " อิริเดียม " มันจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน

เขี้ยวหัวเทียน

ก็ว่ากันเรื่องแกนกันไปแล้ว แถมเรื่องของเขี้ยวหัวเทียนกันต่อเลย เขี้ยวหัวเทียนมันก็จะมีขนาดใหญ่ ๆ เป็นตัว U บ้าง ตัว V บ้าง สารพัดเลย และบางรุ่นก็ใจปล้ำคือ " ไม่มีเขี้ยว..!! " แต่สุดท้ายเนี่ยก็คือ " ยิ่งเขี้ยวใหญ่ก็ยิ่งขวางทาง " อันนี้เป็นทริคเล็กๆนะ ขณะที่เราขันหัวเทียน ควรให้ฝั่งที่เป็นขาของเขี้ยวหันไปด้านฝั่งไอเสีย ส่วนด้านฝั่งที่เปิดอยู่ก็หันไปหาไอดีเสมอ ซึ่งจุดนี้มันสร้าง " เพาเวอร์ " ให้กับรถอีกนิดหน่อยเลยล่ะ สาเหตุมาจาก มวลไอดีมันจะเข้มมากในห้องเผาไหม้ทางฝั่งไอดี พอหัวเทียนสั่งจุดระเบิด มันจะจุดฝั่งที่มีไอดีเข้มและขยายตัวไปจนเต็มห้องเผาไหม้ มันจะเป็นการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า

อายุการใช้งาน

สำหรับอายุการใช้งานมันไม่ตายตัว ส่วนมากมันไม่ค่อยสึก เว้นแต่พวก " ไฟแรงทรงเครื่อง " นั่นแหละ ใส่ออปชั่นเสริม MSD ประมาณนี้ ก็อาจจะมีสึกบ้าง ซึ่งถ้าจะให้ชัวร์จริง ๆ ก็ควรตรวจสอบทุกๆ 10,000 กิโลเมตร น่าจะดีกว่า

สายหัวเทียนควรจัดเก็บเป็นที่...ไม่งั้นเศร้า

สายหัวเทียนกับชุด CDI หรือพวกหัวฉีดเนี่ย ในรถแข่งก็จะเป็นลักษณะคอยล์แยก สายหัวเทียนมันก็จะพาดผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งลักษณะนี้มันสร้าง " ปาฏิหาริย์ " มาแล้ว คือ " วิ่งแล้วสะดุด " แล้วหาต้นสายไม่เจอสักที ทำมาแล้วทุกอย่างก็ดีหมด แต่ก็ไม่หาย ในที่สุดตรวจเช็คเรื่องของระบบจุดระเบิดอีกครั้งจึงรู้ว่า สายหัวเทียนซิ่งที่มีค่าความต้านทานต่ำ ๆ จำพวกไฟแรงมาก ๆ มันไปพาดผ่าน CDI กับ หัวฉีดนะสิ เกิดคลื่นสนามแม่เหล็กรบกวนเพียบทำให้เพี้ยนไปหมด ดังนั้น เราควรจะให้เป็นระเบียบ อย่าให้มันยุ่ง เพื่อความสวยงามแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาอาการแก้ไม่ตกอีกด้วย…

http://www.benzunity.com/forum/index.php?PHPSESSID=3ed988e8df451cfef77782a14b17a6e3&topic=6134.msg31289#msg31289

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 483
       สวัสดีชาว อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ สิ้นเดือนนี้บ้านของศิลเปอะคงเกือบเรียบร้อยขอรับท่านพี่หลุง ฤกษ์เข้าพื้นที่ 29 กันยายน ( แต่ยังอยู่ที่เดิม ) ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ยังมิทราบขอรับ ขอบคุณข้อมูลดี ดี จากท่านพี่ที่ปรึกษามีมาให้น้องๆตลอด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 484
       เหลือพื้นที่ไว้ปลูกป่าบ้างเน้อ...ทั่นเลขา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 485
       การ จอดรถในทางลาดชัน ควรดึงเบรคมือก่อนใส่เกียร์ p แล้วตอนใช้รถอีกครั้งควรใส่เกียร์ n ก่อนดึงเบรคมือ ออก เพราะจะมีผลกับเกียร์ ลองทดลองดู ครับ จอดทางลาดชันแบบไม่ตอ้งใส่เบรคมือ เมื่อจะถอยออก เลื่อนเกียร์ จะเหมือนมีอะไร ขัดกับเฟื่อยงเกียร์อยู่ ดังจนน่ากลัว ลองดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 486
       ขออภัยที่ห่างเหินและเหินห่างการสุมหัวไปนานหลังจากเสร็จกิจต่างๆจะนำสีสันบรรยากาสกลับมาเหมือนเดิม เดือนนี้เข้า 4 ขวบปีของกลุ่มเชอร์โรกี - ตะวันออก แล้วเด้อเตรียมโปรเจคความรื่นเริงบันเทิงจิตกันไว้บ้างหรือยัง บักณัฐ ขอบคุณแทนเด็กๆล่วงหน้าเด้อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 487
       การเติมลมยาง

ยางรถยนต์คือส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้นยางจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับขี่ การดูแลยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั้น จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยแล้วยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน อายุการใช้งานของยางยาวนานขึ้น และขับขี่นุ่มนวลราบรื่นอีกด้วย

การบำรุงยางนั้น การเติมลมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะยางต้องมีแรงที่ดันลมอยู่เสมอ แรงดันลมจะมีกำหนดมาให้ในคู่มือว่าล้อหน้าต้องเติมลมกี่ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และล้อหลังต้องเติมลมกี่ปอนด์ต่อตารางนิ้ว กรณีเปลี่ยนยางรถใหม่จะไม่เหมือนเดิมกับขนาดที่มีมาแต่เดิม ก็ต้องถามเจ้าของยางนั้นว่าต้องเติมลมเท่าไหร่เพราะการเติมลมไม่ถูกต้องจะทำให้ยางเกิดการสึกหรอมากกว่าปกติ และอาจเกิดระเบิดได้

การที่จะเติมลมเข้าไปในยางประมาณเท่าไรนั้น จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดของยาง ขนาดของยาง ขนาดยาง ซึ่งจะใช้ลมไม่เท่ากัน วิธีที่ดีที่สุดคือการเติมลมตามคู่มือหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ประกอบรถยนต์โดยตรง ซึ่งจะมีตารางบอกถึงประเภทของยาง ชนิดของยางต้องเติมลมเท่าไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 488
       เลขตัวท้ายคือ ความดันลม ล้อหน้า+ล้อหลัง
แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ สเปคที่ยางยี่ห้อนั้นระบุ มาด้วยว่าต้องเติมเท่าไหร่ ------เดินทางไกลเติมให้มากกว่าปกติ2-4 ปอนด์

ตารางการเติมลมยางให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละประเภท
ยางรถยนต์คือส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้นยางจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับขี่ การดูแลยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั้น จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยแล้วยังช่วยให้ประหยัดน้ำมัน อายุการใช้งานของยางยาวนานขึ้น และขับขี่นุ่มนวลราบรื่นอีกด้วย

การบำรุงยางนั้น การเติมลมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะยางต้องมีแรงที่ดันลมอยู่เสมอ แรงดันลมจะมีกำหนดมาให้ในคู่มือว่าล้อหน้าต้องเติมลมกี่ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และล้อหลังต้องเติมลมกี่ปอนด์ต่อตารางนิ้ว กรณีเปลี่ยนยางรถใหม่จะไม่เหมือนเดิมกับขนาดที่มีมาแต่เดิม ก็ต้องถามเจ้าของยางนั้นว่าต้องเติมลมเท่าไหร่เพราะการเติมลมไม่ถูกต้องจะทำให้ยางเกิดการสึกหรอมากกว่าปกติ และอาจเกิดระเบิดได้

การที่จะเติมลมเข้าไปในยางประมาณเท่าไรนั้น จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดของยาง ขนาดของยาง ขนาดยาง ซึ่งจะใช้ลมไม่เท่ากัน วิธีที่ดีที่สุดคือการเติมลมตามคู่มือเชลล์ชวนเที่ยวเล่มนี้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ประกอบรถยนต์โดยตรง ซึ่งจะมีตารางบอกถึงประเภทของยาง ชนิดของยางต้องเติมลมเท่าไร

ตารางการเติมลมยางให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละประเภท ได้แก่

๐ รถยนต์นั่ง ๐ รถอเนกประสงค์ (SUV) ๐ รถอเนกประสงค์ (MPV)

๐ รถขับเคลื่อนที่ 4 ล้อ ๐ รถปิคอัพและรถแวน (PU&VAN)

รถยนต์นั่ง

ตารางขนาดยาง กระทะล้อ และความดันลมยาง

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

ALFA-ROMEO หน้า หลัง
155 Twin Spark 195/60 R 14 V 32 29
195/55 R 15 V 32 29
164 Super 205/55 ZR 16 36 33
GTV Twin Spark 195/60 R 15 W 33 30
Spider Twin Spark 205/50 ZR 16 39 36

BMW
316i ปี 92 -.> 205/60 R 15 H 29 29
318i ปี 92 - > 185/65 R 15 H 29 33
205/60 R 15 H 26 29
318i 320i ปี 89-91 195/65 R 14 H 28 30
323i 325i ปี 94 -> 205/60 R 15 V 29 35
318i S ปี 93 -> 205/60 R 15 V 28 32
525i ปี 93 -> 205/65 R 15 H 29 34
520i A Touring 205/65 R 15 V 30 35

CHARYSLER
Neon LX, LE,SE 175/65 R 14 H 30 30

CLTROEN
AX 1.4i 165/70 R 13 T 28 29
AX 1.4 GTi 185/60 R 13 H 28 28
AX 1.1i 145/70 R 13 T 30 30
BX 19 Gti 185/60 R 14 H 32 30
BX Leader, Victoire 185/65 R 14 H 32 30
Xantia 2.0i 185/65 R 14 H 34 31
Xantia 2.0i 16 V 185/65 R 15 H 34 31
XM 2.0i 195/65 R 15 V 34 28
XM 3.0i 205/60 R 15 V 34 28
ZX 1.8i 175/65 R 14 H 32 31
ZX 2.0i 185/60 R 14 H 32 32

DAEWOO
Cielo 1.5 185/60 R 14 H 29 26
Nexia 1.5 175/70 R 13 T 26 24
Fantasy 1.5 185/60 R 14 H 32 28
175/70 R13 S 29 26
Racer 1.5 175/70 R 13 S 29 26
Espero 1.8 , 2.0 185/65 R 14 H 29 26

DAIHATTSU
Mira Coure 145/70 R 12 S 29 29
Charade 1.3 145 R 13 S 29 29
Charade 1.3 TX 165/70 R 13 S 29 29
Charade 1.5 155 R 13 S 26 26
Charade 1.6 185/60 R 14 H 26 26
Applause 1.6 Xi 175/70 R 13 S 26 26
Applause 1.6 Li 165/70 R 13 H 29 29

FIAT
Punto 55 S 155/70 R 13 S 29 28
Punto 75 SX 165/65 R 14 T 29 28
Tempra 1.6 S 175/66 R 14 T 32 32
Tempra 2.0 SX 185/60 R 14 H 32 32
Punto 60 Selecta 165/65 R 13 T 30 29
Punto GT 185/55 R 14 H 35 29
Tipo 1.6 SX 165/65 R 14 T 29 28
Tipo 1.8 GT 185/60 R 14 H 29 32
Tipo 2.0 SLX 185/60 R 14 H 32 32
Tipo 1.7 D ECOS 165/65 R 14 H 30 28
Tipo 1.9 D ECO SX 185/60 R 14 H 32 35

FORD
Aspire 1.3 XL ,GL 165/70 R 13 T 28 28
Capri 1.6i 16 V 185/60 R 14 H 29 32
Capri 1.6i turbo 185/60 R 14 H 29 32
Escort 1.8i Cadrio 185/60 R 14 H 33 28
Escort 2.0 Cosworth 225/45 ZR 16 29 32
Escort 1.8i CLX 175/70 R 13 H 32 29
Festiva 175/60 R 13 S 29 29
Granada 185/70 R 14 H 30 30
Laser 1.5 GL , GLX 175/70 R 13 T 29 29
Mondeo 2.0 I CLX 185/65 R 14 H 30 30
Mondeo V 6 24V 205/55 R 15 V 30 30
Scorpio 205/60 R 15 H 29 29
Sierra LX 185/65 R 14 H 26 26
Telster TX5 2.0i 16V 195/65 R 14 H 30 30
Telster TX5 2.5i V6 24V 205/55 R 15 V 30 30

HOLDEN
Calais 3800 205/65 R 15 H 32 32
Calais 2000 195/65 R 15 H 30 30
Camira 2.0i Wagon 185/65 R 14 H 30 30
Commodore 3.8i 185/75 R 14 H 30 30

HONDA
City 1.3 165/80 R 13 S 27 27
City 1.5 175/70 R 13 H 27 27
City 1.5 Luxury 175/65 R 14 H 27 27
City 1.5 Type Z 185/60 R 14 H 27 27
Civic 3D ปี 93 -> 185/70 R 13 H 28 28
Civic 3D ปี 97-> 185/65 R 14 H 30 29
Civic 1.5 ปี 88 -> 165SR 13 26 26
Civic 1.5 ปี 92 -> 185/70 R 13 H 28 28
Civic 1.6 1.8 185/65 R 14 H 30 29
Accord 2.3 ปี 90-> 185/70 R 14 H 32 30
Accord 3.0 ปี 90-> 195/60 R 14 H 30 30
Accord 2.3 ปี 94 -> 195/60 R 15 H 33 32
Accord 3.0 ปี 94 195/60 R 15 V 33 32
Accord 2.3 ปี 98-> 195/65 R 15 V 29 29
Accord 3.0 ปี 98 -> 205/65 R 15 V 29 29
CRX VGI 175/65 R 14 H 26 26
CRX SiR 195/55 R 15 V 29 29
Prelude Si 195/60 R 15 H 32 32
Prelude SiR 205/50 R 16 V 32 32
NSX F: 205/50 ZR 34 R:225/50 ZR 40
Integra SiR 195/55 R 15 V 35 33
Vigor 2.5 205/60 R 15 H 31 39
Legend 3.2 Saloon
Coupe 205/65 R 15 V 29 29
Legend 3.5 205/60 R 16 H 29 29

HYUNDAI
Accent 1.5 175/65 R 14 H 29 29
Excel LS ,GLS 175/70 R 13 T 28 28
Elantra GL, GLS 185/60 R 14 H 30 30
Sonata GL , GLS 195/60 R 14 H 30 30
S-Coupe 185/60 R 14 30 30

ISUZUI
Vertex 1.6 185/65 R 14 H 30 29

JAGUAR/DAIMLER
XJ 6 3.2 225/65 ZR 15 26 28
XJ6 3.2 4.0 Sport ,XJ12 225/55 ZR 16 26 28
11Sovereign 3.2 ,4.0 225/60 ZR 16 26 28
XJR 4.0 Super Charged 255/45 ZR 17 28 28
XJS 4.0 225/55ZR 16 26 28
XJR-S 6.0 F: 225/50 ZR 16 28 R: 245/55 ZR 16 28
XK8 4.0 245/50 ZR 17 26 28
Daimler 4.0 225/50 ZR 16 26 28
Daimler 5.3 225/65 R 15 V 30 26

KIA
Sephia 1.6 SLX 175/70 R 13 S 28 28

LEXUS
ES 300 205/65 R 15 V 32 32
GS 300 225/55 R 16 V 32 32
LS 400 225/60 ZR 16 32 32

MAZDA
121 165/70 R 13 T 29 29
323 ,Astina ปี 89-94 185/60 R 14 H 31 31
323, Astina ปี 94-> 185/65 R 14 H 31 31
Lantis 1.8 185/65 R 14 H 30 30
Lantis 2.0 195/60 R 15 H 30 30
626 4D ,5D 185/65 R 14 S 32 27
Cronos 4D , 5D 195/65 R 14 H 32 27
929 205/65 R 15 H 28 28
MX 3 V 6 205/55 R 15 V 29 29
MX5 185/60 R 14 H 26 26
RX 7 225/50 ZR 16 32 32

MERCEDES BENZ
W201
190 E 1.8 , 2.0 185/65 R 15 H 29 32
190 E 2.5 , 2.6 185/65 R 15 V 30 34
W202
C 180 , C 200 195/65 R 15 V 31 34
C220 , C 230 , C 280 195//65 R 15 V 31 34
W124
200/220/230 E ,CE 195/65 R 15 H 29 29
280/300 E,CE 195/65 R 15 V 32 34
230/300 TE 195/65R15H/V 29 36
W210
E 200 E 230 195/65 R 15 V 29 32
E 230 , E 280 , E 320 215/55 R 16 W 32 35
W126
300/420/520 SE ,
SEL , SEC 205/65 R 15 V 28 30
W140
S 280 , S 300 225/60 R 16 V 30 32
235/60 R 16 V 30 32
S 420 , S 500 S 600 235/60 R16W 30 32
S 420 S 500 Coupe 255/45 ZR 18 34 36
235/60 ZR 16 34 36 34 36
S 600 Coupe 255/45 ZR 18 37 37
235/60 ZR 16 37 37
R 129
SL 280 , SL 300 225/55 ZR 16 29 34
SL 320 , SL 500 245/45 ZR 14 31 34
R170
SLK 200 205/60 R 15 V 30 30
SLK 200 , 230
Kompressor
F: 205/55 R 16 V 31
R: 225/50 R 16 V 34
F: 225/45 ZR 17 31 31
R: 245/40 ZR 17 34 34

MITSUBISHI
Chanp 1.3 1.5 165 R 13 T 29 29
175/70 R 13 H 29 29
Lancer 1.5-> ปี 93 175/70 R 13 T 31 31
Lancer 1.5 ปี 94 -> 175/70 R 13 H 31 31
Lancer 1.6 1.8 185/65 R 14 H 29 27
Galant Royal 185/70 R 14 S 28 26
Galant GLSi 185/70 R 14 H 32 29
Galant GTi 195/60 R 15 H 32 29
Ultima L4 185/70 R 14 T 32 29
Ultima L6 195/60 R 15 V 32 29
3000 GTO 225/50 R 17 V 32 29
3000 , GTO Twin Turbo 225/50 R 17 V 32 29

NISSAN
Sunny 1.3 155/70 R 13 T 28 29
Sunny 1.5 1.6 175/65 R 14 H 32 29
NV Wagon NVB 175/65 R 13 T 31 29
NV Queen cab 175/65 R 13 H 31 29
NX-Coupe 185/60 R 14 H 31 28
Sentra -> ปี 92 175/70 R 13 T 28 28
Sentra ปี 92-> 175/65 R 14 H 32 30
Sentra Coupe 185/60 R 14 H 32 30
Presea 1.6 185/70 R 13 S 32 30
Presea 1.8 195/60 R 14 H 32 30
Primera GXE 185/65 R 14 H 34 30
195/60 R 15 H 32 30
Cefiro -> ปี 95 205/60 R 15 H 29 29
Cefiro ปี 96 -> 205/65 R 15 V 32 29
Bluebird 2.0i 195/65 R 14 H 30 30
Bluebird SSS 195/60 R 15 H 32 29
Cedric VIP 205/65 R 14 H 32 30
Cedric Tourismo 215/55 R 16 V 30 30
President 2115/65 R 15 S 29 29
Q 45 215/65 R 15 H 29 29
200SX 1.8 205/60 R 15 H 29 29
200SX 2.0 205/50 R 16 V 29 29
300ZX 225/50 R 16 V 33 36
Skylne GT-R 245/45 ZR 17 33 33
Skyline GTS 205/55 R 16 V 32 32

OPEL
Astra 1.6i& 1.8i 185/60 R 14 H 32 28
Calibra 2.0 205/55 R 15 V 35 32
Corse Gsi 185/60 R 14 H 30 30
Corsa Joy , Swing 165/70 R 13 T 30 28
Omega 2.0 205/65 R 15 H 29 29
Omega 3.0 106/60 R 15 V 32 29
Vectra 2.0 195/60 R 15 V 32 29

PEUGEOT
205 GTi 185/60 R 14 H 29 29
306 SR 175/65 R 14 T 33 33
306 Cabriolet 195/55 R 15 V 36 36
306 S 16 195/55 R 15 V 36 36
405 GR 1.8 SRi 2.0 185/65 R 14 H 32 32
405 Mi 16 185/65 R 14 H 32 32
406 195/65 R 15 V 32 32
605 SRi 2.0 195/65 R 15 H 33 33
605 SV 3.0 A 205/60 R 15 V 33 33

PORSCHE
968 CS-Cabrio F: 205/55 ZR 16 36
R: 225/50 ZR 16 36
911 Carrera 2&4 F: 205/50 ZR 17 36
R: 225/40 ZR 17 36
911 Turbo F: 225/40 ZR 18 36
R: 265/35 ZR 18 44
928 GTS F:225/45 ZR 17 36
R: 225/40 ZR 17 36
Boxster F: 205/55 ZR 16 29
R: 225/50 ZR 16 36

RENAULT
Clio 1.4 165/65 R 13 T 29 30
R 19 TXE 175/65 R 14 T 26 29
R 19 TXi 185/60 R 14 H 26 29
Renault 21 Txi 195/60 R 15 H 30 30
Alpine A 610 F: 205/45 ZR 16 29
R: 245/45 ZR 16 35

ROVER
220 i Turbo Coupe 195/55 ZR 15 30 30
623 195/60 R 15 V 33 32
820 Si , SLi 195/65 R 15 H 28 28
827 195/65 R 15 V 29 29
Mini Mayfair/A 145/70 R 12 S 28 28

SAAB
900 s 2.0i 185/65 R 15 H 30 30
900S 2.3i 195/60 R 15 V 32 32
900S Convertible 185/65 R 15 H 30 32
9000 CD 2.0 Turbo 195/65 R 15 V 30 30
9000 CD 2.3 Turbo 195/65 R 15 V 30 30
9000 CDI 2.0 195/65 R 15 V 30 30
9000 CDI 2.3 195/65 R 15 V 30 30
9000 CS Turbo 205/60 R 15 W 32 32
9000 CSI 2.3 195/65 R 15 V 30 30

SEAT
Corboda 185/60 R 14 H 32 28

SUBARU
Impreza 1.6 ,1.8 175/70 R 14 S 32 30
Impraza Turbo 205/50 R 16 V 34 32
Impraza 1.8 Station 175/70 R 14 S 32 30
Legary 2000 Turbo 205/60 R 15 H 30 29
Legacy 2000 175/70 R 14 T 30 29
Legacy Station 2200 185/70 R 14 H 30 29
Legacy New 195/60 R 15 H 32 32
Legacy Station New 195/60 R 15 H 32 32
SVX 225/50 R 16 V 34 30

SUZUKI
Swift 1.3 GL 165/70 R 13 28 28
Swift 1.3 GTi 175/60 R 14 26 26
Esteem 1.6 175/70 R 13 28 28





--------------------------------------------------------------------------------
TOYOTA
Soluna 1.5 XLi ปี 96 155/80 R 13 T 35 32

Soluna 1.5 GLi Auto

ปี 96 175/70 R 13 T 29 29

Soluna 1.5 GLi Manual

ปี 96 175/70 R 13 T 32 32

Soluna 1.5 XLi ปี 98 175/70 R 13 T 32 32

Soluna 1.5 SLi Auto

ปี 98 175/70 R 13 T 29 29

Soluna 1.5 SLi Manual

ปี 98 175/70 R 13 T 32 32

Soluna 1.5 GLi ปี 98 175/65 R 14 H 30 30

Corolla 1.3 XLi DXi 165 R 13 T 29 29

Corolla 1.3 GLi GXi 175/70 R 13 T 29 29

Corolla 1.5 DXi 165 R 13 T 29 29

Corolla 1.5 GXi 175/70 R 13 T 29 29

Corolla 1.6 Gli , GXi

GXiS 185/65 R 14 H 30 30

Corolla 1.6 SEG 185/65 R 14 H 30 30

Corolla 1.8 SEG ,(Altis) 185/65 R 14 H 30 30

Corona 1.6 XLi GLi

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง

ปี 90 175/70 R 13 T 27 27

Corona 1.6 GLi ปี 93 185/65 R 14 H 32 32

Corona 2.0 GXi GLi 195/60 R 14 H 33 30

Corona Exsior 1.6 GXi 185/65 R 14 H 32 32

Corona Exsior 2.0

GXi SEG 195/60 R 14 H 33 30

Celica 195/65 R 14 S 34 34

Celica GT-Four 215/50 R 15 V 34 34

Celica Wide Body 205/55 R 15 V 34 34

Celica GT-Four

Wide Body 215/50 R 16 V 34 34

Camry 2.2 , 3.0 205/65 R 15 H 32 29

Camry 2.2 ( New) 205/65 R 15 H 32 29

Crown 2.8i 195/70 R 14 H 32 32

Crown 3.0 (New) 195/65 R 15 H 32 32

Crown Majesta 215/65 R 15 H 28 30

Century 215/65 R 15 S 28 28

MR 2 F: 195/55 R 15 V 29

R: 225/50 R 15 V 34

Paseo 175/65 R 14 S 26 26

Starlet GT 185/55 R 14 V 31 31

Seira 175/65 R 14 H 28 29

Supra SZ 225/50 ZR 16 36 36

Supra RZ F: 235/45 ZR 17 36

R: 255/40 ZR 17 36




--------------------------------------------------------------------------------
VOLKSWAGEN
Corrado 1.8 , 2.0 195/50 R 15 V 35 31

Golf GL 1.8 175/70 R 13 T 30 28

Golf GL 2.0 185/60 R 14 H 33 30

Golf GTi 16V 205/50 R 15 V 29 28

Golf Variant 195/60 R 14 H 28 28

Golf 1.8 ( New) ปี 98 -> 195/65 R 15 V 28 28

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง

Passat 185/65 R 14 H 33 30

195/60 R 14 H 30 30

195/65 R 15 V 30 30

185 / 60 R14 V 32 29

Passat (New)

Vento




--------------------------------------------------------------------------------
VOLVO
440,460 185/65 R 14 H 30 27

740 GL ,GLE 185/65 R 15 T 28 28

740 GLT , Turbo 195/60 R 15 H 28 28

850 GLE 185/65 R 15 V 32 29

850 GLT 195/60 R 15 V 32 29

850 Turbo 205/50 R 16 W 32 29

850 T5 205/50 ZR 16 33 30

940 GL ,GLT 195/65 R 15 V 28 28

940 Estate 195/65 R 15 V 28 30

960 2.5i , 3.0i 195/65 R 15 V 29 29

S40 195/55 R 15 V 32 29

S70 195/60 R 15 V 32 29

S70 Turbo 205/50 R 16 W 33 30

S90 2.5i ,3.0I 195/65 R 15 V 29 29

205/55 R 16 V 29 29

V40 195/55 R 15 V 32 29

V70 195/60 R 15 V 32 29

V70 2.3i Turbo 205/50 R 16 W 33 32




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
AUDI
A3 1.8i 20V 195/65 R 15 V 28 28

205/60 R 15 V 28 28

205/55 R 16 w 28 28

A4 1.8i 195/65 R 16 V 29 29

205/60 R 15 V 29 29

205/55 R 16 W 32 32

A4 2.4i & Avant 195/65 R 15 V 32 32

205/60 R 15 V 32 32

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง

205/55 R 16 W 32 32

A6 2.4i V6 & Quattro 195/65 R 15 V 34 34

205/60 R 15 V 34 34

205/65 R 16 W 34 34

A8 4.2i & Quattro 225/60 R 16 V 32 32

225/55 R 17 W 32 32

Coope 2.0 E 195/65 R 15 V 29 29

S4 2.3E Cuattro 225/50 ZR 16 33 33

S6 2.2i & Quattro 225/50 ZR 16 35 35

80 2.0 E 195/65 R 15 V 29 29

2.0 E 195/65 R 15 V 34 34
100 2.8 E 195/65 R 15 V 34 34




--------------------------------------------------------------------------------
BENTLEY
Brooklands 235/70 R 15 H 25 30

ConTinenTial 235/70 R 15 H 25 28

Turbo R L 225/65 R 15 V 27 30

รถอเนกประสงค์ (S U V )

ตารางขนาดยาง กระทะล้อ และความดันลมยาง

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง




--------------------------------------------------------------------------------
FORD
Explorer XLT P 235/75 R 15 S 26 26




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
HONDA
CRV 205/70 R 15 S 26 26




--------------------------------------------------------------------------------
ISUZU
Trooper 245/70 R 16 S 30 35




--------------------------------------------------------------------------------
JEEP
Wranglei 2.5 P 215/75 R 15 T 28 32

Wrangler 4.0 P 215/75 R 15 S 30 30

Cherokee 2.5 P 225/75 R 15 S 33 33

Cherokee 4.0 P 225/75 R 15 S 33 33

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง

Grand Cherokee

Laredo P 225/75 R 15 S 33 33

Grand Cheokee

Limited P 225/70 R 16 H 33 33




--------------------------------------------------------------------------------
KIA
Sportage 205/70 R 15 S 29 29




--------------------------------------------------------------------------------
LAND ROVER
Discovery 205 R 16 S 28 38

Range Rover 4.6 HSE 255/65 R 16 H 28 38

Range Rover 4.0 HSE 235/70 R 16 H 28 38




--------------------------------------------------------------------------------
LEXUS
RX300 215/70 R 16 S 31 31




--------------------------------------------------------------------------------
MITSUBISHI
Pajero V6 3.5 Petrrol 265/70 R 16 S 27 29

Paajero ZR 215/70 R 16 27 27

Pajero 2.5 Diesel 225/80 R 15 S 27 29




--------------------------------------------------------------------------------
NISSAN
Terreno ll 235/75 R 15 S 27 27




--------------------------------------------------------------------------------
SUZUKI
Vitara 1.6 3/5-D 195 R 15 S 24 24

Vitara 2.0 3/5-D 215/65 R 16 S 27 27




--------------------------------------------------------------------------------
TOYOTA
Land Cruiser 100 275/70 R 16 S 32 32

Land Cruiser 90 (Prado) 265/70 R 16 S 29 32

Land Cruiser 80 ,4.2 Td 275/70 R 16 S 29 32

Land Cruiser 70 ,3.5Td 215/80 R 16 Q 29 32

RAV 4 215/70 R 16 S 28 26

4 Runner 265/70 R 15S 29 29

Hilux Surf 265/70 R 16 S 29 29

Sport Rider 255/70 R 15 L 28 28

รถอเนกประสงค์ ( M P V )

ตารางขนาดยาง กระทะล้อ และความดันลมยาง

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

หน้า หลัง




--------------------------------------------------------------------------------
CHEVROLET
Astro P 215/75 R 15 S 35 35




--------------------------------------------------------------------------------
CHRYSLER
Voyager 3.3i 205/70 R 15 T 36 36




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
HONDA
Odyssey 205/65 R 15 S 32 32

Step Wagon 195/65 R 15 S 31 35




--------------------------------------------------------------------------------
MITSUBISHI
Space Wagon 1.8 GLX 185/70 R 14 S 29 27




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
SEAT
Alhambra 195/65 R 15

Reinf T 38 35

215/60 R 15

Reinf H 33 30




--------------------------------------------------------------------------------
TOYOTA
Liteace Wagon 195/65 R 14 S 33 33

Previa/Lucida Wagon 215/65 R 15 H 33 33

Granvia 205/70 R 15 H 35 35

215/65 R 15 H 34 34




--------------------------------------------------------------------------------
VOLKSWAGEN
Sharan 195/65 R 15

Reinf S 38 35

215/60 R 15

Reinf S 33 30





รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ( 4x4 )

ตารางขนาดยาง กระทะล้อ และความดันลม

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

ใช้ปกติ บรรทุก หน้า / หลัง หน้า / หลัง




--------------------------------------------------------------------------------
FORD
Ranger 4x4 P 235/75 R 15 108S 26/26 26/63




--------------------------------------------------------------------------------
ISUZU
Rodeo 4x4 225/75 R 15C 6 PR 30/30 30/45

Rodeo LS 4x4 205/70 R 15C 6PR 28/38 28/38

Vega 4x4 225/75 R 15C 6PR 35/40 30/45

Grand

Adventure 4x4 225/75 R 15 C 30/35 30/45

Adventure

Trio 4x4 225/75 R 15 C 30/35 30/45

Adventure 4x4 225/75 R 15 C 30/35 30/45

Supreme 4x4 225/75 R 15 C 30/35 30/45




--------------------------------------------------------------------------------
MAZDA
Fighter Super Saloon 4x4

205 R 16C 110/108Q 26/28 26/63




--------------------------------------------------------------------------------
MITSUBISHI
Strada 4x4 1995 205/80 R 16 104S 26/26 29/43

Strada 4x4 1998 265/70 R 15 C 26/26 29/43




--------------------------------------------------------------------------------
NISSAN
Big M 4x4 1998 225/70 R 15 C 29/26 32/54




--------------------------------------------------------------------------------
TOYOTA
Hilux Tiger 4x4 255/70 R 15 112L 28/28 28/35

รถปิกอัพและรถแแวน (PU & VAN)

ตารางขนาดยาง กระทะล้อ แและความดันลมยาง

ยี่ห้อและรุ่น ขนาดยาง ลมยาง (ปอนด์/ตร.นิ้ว)

ใช้ปกติ บรรทุก หน้า / หลัง หน้า / หลัง




--------------------------------------------------------------------------------
FORD
Marathon Std. 195 R 14C 26/26 34/63

Marathon

Jumbocab 195 R 14C 26/26 26/63

Ranger Std. 195 R 14C 26/26 26/63

Ranger Super

Cab 205/75 R 14C 26/28 26/63




--------------------------------------------------------------------------------
GM
Campo Std. 195 R 14C 30/45 32/63

Campo Space Cab 205/75 R 14C 30/45 32/68




--------------------------------------------------------------------------------
HONDA
Tour Master 195 R 14C 30/45 32/63

Tour Master

Space Cab 205/75 R 14C 30/45 32/68




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
ISUZU
Spark 195 R 14C 30/45 32/63

Space Cab 195 R 14C 30/45 32/63

Space Cab SLX 205/75 R 14C 30/45 32/68

Adventure Trio 205/75 R 14C 30/30 32/68

Tripper Trio 205/75 R 14C 30/30 32/68

Tripper Sel 205/75 R 14C 30/30 32/68

Wanderer 205/75 R 14C 30/30 32/68

Supreme 195 R 14C 30/30 32/45

Supreme Limited 195 R 14C 30/30 32/45

Buddy 195 R 14C 40/60 40/60




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
MAZDA
Familia Std. 165 R 13 Reinf 28/33 32/38

Familia Super

Cab 165 R 13 Reinf 28/33 32/38

familia Maxicab 165 R 13 Reinf 28/33 32/38

Thunder Std. 195 R 14C 26/26 34/63

Thunder Super

Cab 195 R 14C 26/26 34/63

Fighter Superior

Cab 195 R 14C 26/26 26/63

Fighter Super

Saloon Std 205/75 R 14C 26/28 26/68

Fighter Super

Saloon Luxury 205/75 R 14C 26/28 26/68




--------------------------------------------------------------------------------
MERCEDES-BENZ
MB 100 195/75 R 16C N 36/42 36/54




--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------------
MITSUBISHI
L200 Cyclone 195 R 14C 30/31 30/63

L200 Cyclone

Aerobody 195 R 14C 30/31 30/63

L200 Strada 195 R 14C 29/29 32/63

L200 Strada

Mega Cab 205/75 R 14C 29/29 32/68

L300 185 R 14C 29/32 44/58




--------------------------------------------------------------------------------
NISSAN
BIG M 1990

BIG M Single Cab 195 R 14C 35/40 36/65

BIG M King Cab 195 R 14C 35/40 36/65

BIG M 1998

BIG M Single Cab 195 R 14C 35/40 36/65

BIG M KingCab 195 R 14C 35/40 36/65

Urvan 185 R 14C 28/28 44/64




--------------------------------------------------------------------------------
TOYOTA
HILUX MIGHTY X ปี 1990

Standard 195 R 14C 26/26 26/65

Extra Cab 195 R 14C 26/26 26/65

HILUX MIGHTY X ปี 1993

Standard 195 R 14C 26/26 26/65

Extra Cab 195 R 14C 26/26 26/65

Extra Cab (Luxury) 205/70 R 15C 26/26 26/50

HILUX MIGHTY X ปี 1996

Standard 195 R 14C 26/26 26/65

Extra Cab 195 R 14C 26/26 26/65

Extra Cab (Luxury) 205/70 R 15C 26/26 26/50

HILUX TIGER ปี 1998

Regular Cab 195 R 14C 29/29 29/65

Extra Cab 195 R 14C 29/29 29/65

Extra Cab

3000 SGL 205/70 R 15C 29/29 29/58

Pre Runner 225/70 R 15 112L 28/28 28/35

LITE-ACE

(ALL) 165 R 13C 29/32 39/46

HI-ACE 195 R 14C 29/32 44/65

HI-ACE

(หัวจรวด) 195/70 R 15 C 29/32 44/65




--------------------------------------------------------------------------------
VOLKSWAGEN
Caravelle

2.5 , 2.0 205/65 R 15 Reinf. 38/35 43/49

Caravelle VR6 205/65 15C T 38/35 43/49

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 489
       เอ....เมื่อวานเย็นเห็นวนเวียนแถวฯถิ่นเรา แถมไม่ทักเราด้วย มาปักหลักแถวนี้เหรอท่านเลขา เราจาด้ายหลบบบบบบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 490
       ทริปปิดเทอมจะเริ่มต้นตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค. แต่ไปไหนยังไม่รู้ รอทั่นทานจัด
ให้ ผบ. เตรียมลาไว้แล้ว ครายสนจายวางแผนไว้รอเลยฮิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 491
       เริ่มเที่ยว 18 ต.ค อ่ะครับ...พี่หลุง แล้วทั่นทานจะไปได้อ่ะครับ เจ้ามังกือเปิดเรียน 19 ต.ค รึป่าว ส่วนผมลงใต้ 5 - 11 ต.ค ไปบ้านแม่ยาย เที่ยวเกาะพงัน ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 492
       บอกไม่ได้ว่าไปได้อ่ะป่าว...ถึงเวลาเก็บกระเป๋าไปได้เลย ฃ่วงนี้งานเข้าทุกวัน

ทั่นพี่ 500.... ว่างเมื่อไหร่ ด้วยนะครับ โทรไปไม่ติดอ่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 493
       ทั่นแสบ@ม้านิล ไปจัดระเบียบเกาะพงันเหรอ ไม่เจอกนนาน สิบกว่าปีก่อนกว่าจะเดินทางไปได้ 7&11 ก็ไม่มี ไปอีกทีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จำไม่ได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 494
       กลับจากใต้ เที่ยวเหนือต่อเลยครับม้านิล
ถึงเวลาเก็บกระเป๋าไปสวีตกับ ผบ. ฉองคนอีกสิพี่นุ อิอิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 495
       แม่ยายอยากไปเที่ยวบ้านเกิด ส่วน ผบ. อยากไปหาเพื่อนที่เกาะพงัน ว่าแต่เกาะพงันดีไหมครับ...พี่นุ ...
พี่หลุง...สงสัยทรัพย์หมด อดเที่ยวต่อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 496
       เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวเขาไม่ฉี่ในห้องน้ำแว้ววว...ถ้าไปดึกๆเมาๆหน่อยหันหน้าออกทะเล ญ. ฝรั่งยืนฉี่เป็นแถวตูดขาวมากๆๆๆๆ เดี๋ยวหารูปก่อนไม่รู้ยังอยู่ป่าว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 497
       สวัสดีชาวซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่าน พี่นุ พี่เมย์ พี่หลุง พี่นัน สบายดีกันนะครับ พอดีมีเรื่องรบกวนพี่ๆและสมาชิกท่านอื่นที่พอจะมีเวลารับอุปการะสุนัข แม่พันธุ์เซนเบอร์นาร์ด เพศเมียอายุ 4 ปี บ้างไหมครับ พอดีเจ้าของเก่าไม่สามารถดูแลได้เนื่องจาก เดินไม่ได้ ตอนนี้สุนัขอยู่ที่บ้านผมที่สัตหีบหากท่านใดต้องการเลี้ยงไว้ ( นึกว่าเอาบุญครับ ) ติดต่อเบอร์ 086-3957697 หมู เมืองชล ขออภัยหากเป็นการรบกวน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 498
       หวัดดีครับนายหมู แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาควบน้อง Jeep อีกหละ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 499
       ม้านิลจะพาคุณนายไปแบบนี้ใช่ป่าว สงสัยต้องแอบหนี ผบ.ไปบ้างดีก่า สนใจป่าวหนุ่มๆตะวันออก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 500
       คงต้องดูไปก่อนครับพี่หลุง อาจจะปีหน้าเลยต้องรอดูโบนัสก่อนครับพี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 501
       UUPS! UUPS!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 502
       ทำไมหรือคำขึ้นต้นของนามเรียกขาน-call sign -ของประเทศไทยถึงใช้คำว่า HS

ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA ส่วนGermany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษ เขียนไว้ว่า "เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์ ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว HS ที่ทรงเลือกอักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า "His Majesty The King Of SIAM " ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่ เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ"

(บทคัดย่อจากจากหนังสือ "คู่มือคนรักวิทยุ" หน้าที่ 148)

ที่มาข้อมูล : คุณ China Girl

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 503
       หนุ่มๆ อช.ซุ้ม - สุม - หัว ทุกท่านเด้อ คิดถึงท่านพี่ 500 เลยอยากอยู่ใกล้ใกล้ ขอรับ อยากสัญจรรอนแรมไปด้วยจัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 504
       ท่านเลขาขอพิกัดชัดฯหน่อยซิครับ ตอนนี้ถูกบังคับให้ออกตระเวนหาที่ประมาณ 100-200 ตารางวาสำหรับปลูกบ้านซะแล้ว อีกปีกว่าฯน้องสาวคนเล็กจากเพรชบุรีจะมาคุมแล้ว ทีนี้ละจะปลิ้นยากขึ้น

อีกเดือนครึ่งผมจะเลื่อนชั้นจากนักโทษเด็ดขาดมาเป็นนักโทษเตรียมปลดระวางแล้ว ต้น พ.ย. คงได้ออกไปกวาดถนน ตัดหญ้า ล้างท่อข้างนอกรั้วกะเขาบ้าง ปลายปีที่แน่ฯหมดเวร แต่กรรมไม่รู้ว่าจะหมดหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 505
       เห็นมีแต่ลงโฆษณาบรรยายสรรพคุณขายกันเยอะแยะ สงสัยคงอ่านกันจนเบื่อแล้วครับ วันนี้เลยมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาฝากครับ เป็นคำถามที่ดีมากๆจากประสบการณ์ เลยเอามันปัน แชร์ความรู้กันครับ...

ขอยกเครดิตนี้ให้แก่ คุณแมวเหมียวพุงป่อง แห่ง web pantip
และคุณ nui alpine จาก bmwccth ครับ

1. หลอด xenon คือ หลอดที่ทำงานเหมือนไฟแฟลชถ่ายรูป แสงสว่างเกิดจากการอาร์คของไฟฟ้าข้ามขั้ว (ขั้วห่างกัน 5 mm) ผ่านแกสแรงดันสูง (2 bar)
เทอร์โบอัดหนักๆ อัดกันที่แรงดัน 1.2-1.5 bar

2. แกสในหลอด xenon เป็นแกสเฉื่อยชื่อ xenon (ถามเพื่อนๆที่เรียนเคมี จะรู้จักกันทุกคน) และมีแกสอื่นๆปนหลายอย่าง

3. ความสว่างของแสงที่ออก หน่วยวัดคือ L (ลูเมนส์ LUMENS) ไม่ใช่ K (Kelvin)
K เป็นหน่วยวัดเปรียบเทียบ ว่าที่สว่างๆนั้น ให้สีเสมือนของที่กำลังร้อนที่กี่องศา K เสมือนร้อนกี่ K นะ
ไม่ใช่ร้อนเท่านั้นๆ K จริง

4. ยิ่งมีองศาสีสูง (K ยิ่งสูง) ความสว่าง (L) ยิ่งน้อย
หลอด 10,000K สว่างไม่ถึง 1/2 ของหลอด 5,000K

5. หลอด xenon เก๊ (zenon, xenan ฯลฯ) เป็นหลอดมีไส้ธรรมดาๆ แต่ใช้สีเคลือบหลอด เพื่อให้แสงไฟที่ออก มีสีเสมือนกับว่า เป็นหลอด xenon แท้

สีที่เคลือบ จะทำให้ความสว่างลดลง

หลอด plasma blue ของ PIAA ราคาแพง เพราะผลิตโดยทำให้ตัวแก้วของหลอด มีสีน้ำเงินจางๆ (ผสม cobalt เข้าไปในเนื้อแก้ว)
ความสว่างจึงลดลงน้อย ไม่เกิน 20%

หลอดไต้หวัน หลอดจีนแดง หลอดโนเนม .. ใช้สีเคลือบราคาถูกๆ
การที่ความสว่างจะลดลง 40-50% จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ดูเผินๆ เหมือนหลอดสว่างขึ้น เพราะเวลากลางคืน ตาคนเราไวต่อแสงสีน้ำเงินน้อย พอเห็นแสงสีน้ำเงินจ้าๆ จึงหลอกตัวเองว่า เห็นแสงสว่างมากๆ
ถ้าไม่หลอกตัวเอง จะพบว่า ตอนกลางคืน ตาของคนเร็ว ไวต่อแสงสีแดง มากกว่าสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่า
นอกจากจะไวกว่าแล้ว ยังพร่ามัวเพราะแสงสีแดง น้อยกว่าแสงสีน้ำเงิน เป็นร้อยๆเท่าเช่นกัน

การใช้ของเก๊ ที่ให้แสงสว่างน้อยลง ให้แสงสว่างที่เห็นไม่ค่อยชัด ให้แสงสว่างที่ทำให้ตาพร่ามัวง่าย
โดยคิดว่า มันสว่างกว่า ชัดเจนกว่า อันตรายไหมหละ?

“คำถามบ่อย แต่ คำตอบไม่บ่อย”

1.ค่า K ของหลอดไฟมีผลต่อความสว่างและสีของแสงที่ออกมาไหม
ตอบ มีผล

ค่า K คือ อุณหภูมิสี (ไม่ใช่อุณหภูมิของไส้หลอด)ของแสงที่ออกมา โดยเทียบกับสีของของที่เผาจนร้อน จนอุณหภูมิที่ระบุ (กี่ K ก็ว่าไป)

หลอด 5000k คือ หลอดที่มีสีสันของแสงไฟ เหมือนของที่เผาจนร้อน 5500 องศา Kelvin

เน้น ... เน้น .... เน้น ...

สีสัน ไม่ใช่ความสว่าง
และ ...

K ยิ่งมาก ดูเหมือนสว่างมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว สว่างน้อยลง

ยิ่งหลอด xenon ยิ่งเห็นผลชัด หลอด 4100k ให้ความสว่างประมาณ 3500 lumens ในขณะที่หลอด 10,000-12,000 ให้ความสว่างไม่เกิน 2000 lumens

หลอดมีไส้ทั่วๆไป ให้ความสว่าง 1200-1800 lumens

2. ค่า K มีผลต่อความร้อนภายในโคมไฟหน้าไหม
ตอบ ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ความร้อน และความสว่าง ขึ้นกับจำนวนวัตต์ของหลอด

3.ถ้า ค่า K มากๆจะทำให้โคมไฟหน้าขุ่นหรือละลายไหม (ถ้าเป็นโคมพลาสติก)
แล้วสรุปว่าค่า K คืออารัย? ประโยชน์คืออะไร? ยิ่งมาก ยิ่งทำไมหรือ?
ตอบ ค่า K ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนของหลอด ฉะนั้น จะขุ่นหรือไม่ขุ่น ไม่ได้เกี่ยวกับค่า K
K ยิ่งสูง ก็แค่สวย

และที่เข้าใจผิดกันมากๆๆ คือ ค่า K ที่เหมาะสมนั้นคือ 4100-5500 (สีเหลือง หรือ เหลือง-ขาว)
เพราะในเวลากลางคืน ตาคนเรา ไวต่อแสงที่มีโทนสีร้อน (เหลือง) มากกว่าโทนสีเย็นหลายเท่า
ยิ่งแสงไฟ มีโทนสี K สูงเท่าไหร่ แสงที่สะท้อนกลับจากพื้นถนน หรือ วัตถุอื่นๆ จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ และเห็นไม่ชัดมากขึ้น

ถ้าของที่มีโทนสีสูง (K สูง) ดีกว่า K ต่ำ .. เราคงเห็นเส้นถนน ที่ระบุถึงอันตราย เป็นสีขาวอมม่วง แทนที่จะเป็นสีเหลืองไปนานแล้วครับ

=> หลอด xenon มาตรฐาน (OEM) ใช้พลังงานน้อยกว่า แต่สว่างกว่าหลอด halogen

=> xenon แท้ ต้องกินไฟ 35w

=> หลอด xenon แท้ ประสิทธิภาพการเปลี่ยนไฟฟ้า เป็นแสงสว่าง อยู่ที่ 100L/W แต่หลอดมีไส้ทุกอย่าง ประสิทธิภาพไม่เกิน 20L/W

ฉนั้นหลอด xenon กินไฟ 35w จะให้แสงสว่าง 3500L
หลอดมีไส้ กินไฟ 50w แต่ให้แสงสว่างประมาณ 1000L

=> ไฟที่ค่า K สูงๆ (เกิน 10,000) สวยมาก แต่มองถนนมืดๆ ไม่เห็น โดยเฉพาะถนนแคบๆ ต่างจังหวัด ที่ข้างทางเป็นหญ้า

แม้ในถนนหลวงสายเมน บางแห่ง แทบมองไม่เห็นเส้นขอบทางด้วยซ้ำไป

=> หนักที่สุดคือ ไฟที่ค่า K เกิน 10,000 ในโคมแบบเก่า จะโดนฝนไม่ได้เลย
หลายๆคน ในหลายๆกระทู้ เข้ามาบอกเพื่อนๆว่า ตอนฝนตก ต้องปิดไฟต่ำ (xenon) แล้วเปิด spot light เอาแทน

หน้าหนาว .. ฝนไม่ตกแล้ว หมอกแถวๆกรุงเทพก็ไม่มี
กว่าจะรู้อีกที ก็ต้องปีหน้า

=> หลอดซีนอน เปิดปิดบ่อยไม่ได้
แค่การเปิด-ปิด เกินสามครั้งต่อชั่วโมง จะทำให้อายุหลอดลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
วัยสะรุ่นบ้านเรา ไม่รู้ ... ต๊าดเครื่องบรึ้นไปหน้าปากซอย ดับเครื่อง แล้วบรึ้นใหม่ไปมหา'ลัย ก่อนไปรับสาว ฯลฯ ชั่วโมงนึงเปิดปิดเป็นสิบหน .. พังอะดิ

http://www.benzunity.com/forum/index.php?topic=652.0

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 506
       การดูแลรักษาเกียร์ออโต้
COPY มาจากhttp://www.geocities.com/sportcompactcars/Thaia2.html

รถเก๋งนั่งในรุ่นใหม่ๆ (ไม่เกินกว่าสิบปีมานี้) ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบส่ง กำลัง ก็จะเป็นระบบเกียร์ออโตเมติกไปเสียเป็นส่วนมากแล้ว แต่ระบบเกียร์ธรรมดาก็ยังมีใช้อยู่กันมากมายเช่นกัน
นิยามของเกียร์ที่เรียกกันว่าอัตโนมัติทุกวันนี้ ควรที่จะถูกกำหนดเป็น "เกียร์กึ่งอัตโนมัติ" เสียมากกว่า เพราะผู้ขับขี่ยังต้อง โยกคันเกียร์ไปมาอยู่ ซึ่งหากเป็นเกียร์อัตโนมัติจริงๆ ก็ควรที่จะไม่ต้องมีคันเกียร์มาให้เกะกะยุ่งยากเลย มีแค่ผลักให้เดินหน้า หรือ ถอยหลังแบบรถที่ใช้ในสนามกอล์ฟ นั่นล่ะพอแล้ว




ถ้าจะพูดกันว่า ใน ห้องเกียร์ นั้นมีอะไรกันบ้างที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ ก็คงเป็นเรื่องที่จะเป็นวิชาการกันมากเกินไป แต่ถ้าจะ อธิบาย กันพอเข้าใจได้ง่ายๆ ก็จะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้สัก 3-4 ชุด คือ

ชุดที่เป็น เพลา จะมีหน้าที่รับกำลัง และส่งกำลังชุดเฟืองเกียร์ ซึ่งจะถูกจัดให้อยู่เป็นคู่ๆ คือ คู่ใครคู่มัน เช่น ชุดเฟืองเกียร์หนึ่ง ชุดเฟืองเกียร์ 2-3-4-5 และชุดเฟืองเกียร์ถอยหลัง จากนั้นก็จะเป็นชุดเข้าเกียร์ ก็จะมีเฟืองเลื่อนเกียร์ ชุดหน่วงความเร็วของเฟืองเกียร์ หรือที่เราได้ยินได้ฟังกันว่า Synchromech ส่วนอื่นๆ ก็มี ท่อหายใจ (Breather) ซึ่งจะช่วยระบายความร้อนในห้องเกียร์ ซีลกันน้ำมัน และแน่นอน คือ น้ำมันเกียร์ที่ช่วยในการหล่อลื่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 507
       ในระบบของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ คลัตช์ หรือส่วนประกอบของชุดคลัตช์ ไม่มีอะไรที่แตกต่างกับรถขับเคลื่อนสองล้อ ไม่ว่าจะเป็น ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือล้อหลัง ทั้งชิ้นส่วนของส่วนประกอบในระบบ หรือขั้นตอนการทำงานก็ตาม ส่วนในห้องเกียร์ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ถ้าเป็นห้องเกียร์หลักก็จะเหมือนๆ กับรถขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อทำให้รถคันนั้นกลายเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็คือ ห้องเกียร์เสริม ที่ช่างจะเรียกกันว่า ชุดทรานเฟอร์ (Transfer Case)

ซึ่งในชุดเกียร์เสริมนี้ จะถูกกำหนดให้มีอัตราทดที่แตกต่างออกไปตามลักษณะการใช้งาน เช่น ขับเคลื่อนเฉพาะ 2 ล้อ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา (Full time 4 wheels drive) หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อต้องการ (Part time 4 wheels drive) และรวมถึงเกียร์ เพื่อการฉุดลาก (4 wheels drive low range) หรือที่นักขับรถประเภทนี้พูดกันว่า เกียร์สโลว์ ในรถประเภทนี้ การดูแลบำรุงรักษา ก็ดูแลกันตามปกติเช่นเดียวกับรถขับเคลื่อนสองล้อที่ใช้คลัตช์ และเกียร์


เกียร์ออโตเมติก อันที่จริงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือซับซ้อนมากมาย ถ้าย้อน หลังกลับไปกว่า 50 ปี จะพบว่าเกียร์ออโตเมติกรุ่นแรกๆ ของรถแต่ละยี่ห้อ มีเกียร์ อยู่ 2 ถึง 3 เกียร์เท่านั้น ยังไม่มีระบบ Torque Converter ที่มี กลีบเทอร์ไบน์ซับซ้อนหมุนขับน้ำมันไฮดรอลิค เหมือนในปัจจุบันมีเพียง Fluid Coupling และใบพัดห่างๆ หมุนขับน้ำมันเท่านั้น แผ่นคลัทช์ (Friction Plate) คอยรองรับแรงบิดมหาศาลในยุคนั้นหนามาก ช่องทาง เดินน้ำมันห่าง กรองน้ำมันก็ไม่มี
การใช้เกียร์ออโตเมติกแบบเก่า เพียงแค่เร่งให้แรงขึ้นแล้วถอนคันเร่ง เกียร์เปี่ยนไปในเกียร์ที่สูงขึ้น แถมบางรุ่นใช้การกดปุ่มที่วาง เรียงเป็นแถว เรียกกันว่าเกียร์ไฟฟ้า อย่างรุ่นไพโอเนียร์ในสมัยนั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 508
       ถ้าในปัจจุบันนี้ บริษัทผลิตรถยนต์ยังใช้เกียร์ออโตเมติกแบบเดิม การล้างเกียร์ออโตเมติกเห็นจะไม่จำเป็น เพราะเป็นชิ้นส่วน ขนาดใหญ่ ไม่ละเอียดเหมือนเกียร์ออโตเมติกในปัจจุบัน ที่แผ่นความฝืดมีตั้งแต่ 10 กว่าแผ่นขึ้นไปจนถึงกว่า 30 แผ่นก็มี Valve Body หรือสมองกล ที่สั่งการเปลี่ยนเกียร์ละเอียดถี่ยิบ กรองน้ำมันเกียร์ ชนิดกรองกันเป็นไมครอน แถมก้นแคร้งค์ยังต้องมีแม่เหล็ก ไว้จับเศษโลหะอย่างน้อย 2 จุด เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสร้างปัญหากับเกียร์
ในเรื่องของเกียร์ออโตเมติกไม่มีสิ่งแปลกปลอมจะมีก็แต่สิ่งสกปรก ที่หลุดออกมาจากแผ่นความฝืด แผ่นเหล็กสปริง (Modul Plate) ซึ่งว่า กันว่าเกียร์ออโตเมติกลูกที่มีชิ้นส่วนน้อยที่สุด ก็มีชิ้นส่วนเกือบ 300 ชิ้น เศษ โลหะจากชิ้นส่วนจะหมุนวนอยู่ในจุดต่างๆ รวมทั้งทอร์คคอนเวอร์เตอร์ อันจะเป็นผลให้การทำงานของเกียร์ผิดปกติ กระชากสะดุด
การขับรถยนต์อย่างผิดวิธีหรือน้ำมันเกียร์ไหม้หลังจากการโอเวอร์ฮีทของเครื่องยนต์ ทำให้ทั้งแผ่นความฝืดและ Band Brake ไหม้ หลุดล่อน เศษโลหะวนเข้าไปในระบบเกียร์

การล้างเกียร์ออโตเมติก (Flush & Filled Auto Trans) ไม่ใช่วิธีแก้หรือ ยาขนานเอก ที่จะทำให้แผ่นคลัทช์ที่ไหม้ไปแล้ว (บางส่วน) หรือชิ้นส่วนที่สึกหรอกลับฟื้นคืนสภาพขึ้นมาใหม่ได้ หากแต่ว่าการล้างเกียร์ออโตเมติก หรือที่เราเรียกย่อๆ ว่า F&F สามารถหยุดความเสียหายไว้ ณ จุดนั้นๆ ยกตัวอย่างเกียร์ที่เกิดความเสียหายหรือสึกหรอไป 25% ทำ F&F แล้วจะหยุดความเสียหาย ไว้ 25% เท่าเดิม (หากเกียร์มีชิ้นส่วนเสียหายเกิน 50% เกียร์ลูกนั้นถือว่าหมดสภาพการใช้งาน)


เพื่อป้องกันและขจัดสิ่งสกปรกออกมาภายในเกียร์ ซึ่งจะเป็นการถนอม และช่วยให้เกียร์ออโตเมติกทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควรล้างเกียร์ ออโตเมติก ทุกๆ 30,000 กม. สำหรับสภาพการใช้งานปกติ ซึ่งหลังจาก ล้างเกียร์ออโตเมติกแล้ว จะพบว่าในการขับขี่อัตราการถ่ายกำลัง จะตอบสนอง ได้เร็ว เนื่องจากการจับตัวของแผ่นความฝืด และสัมผัสได้เต็มหน้า เช่นเดียว กับรถใหม่ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 509
       ปัจจุบันความเชื่อที่ว่า รถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ธรรมดานั้น ดูแลบำรุงรักษาง่าย ค่าบำรุงรักษาถูกกว่า และประการสำคัญ คือ ขับได้สนุกกว่า อาจจะเป็นอดีตไปแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าเกียร์ธรรมดานั้น การดูแลบำรุงรักษาจะต้องเริ่มกันตั้งแต่น้ำมันคลัตช์ แม่ปั๊มคลัตช์ ปั๊มคลัตช์ ชุดผ้าคลัตช์ หวีคลัตช์ เรื่อยไปจนถึงน้ำมันเกียร์ เฟืองเกียร์ต่างๆ โดยรวมๆ แล้วการซ่อมการบำรุงรักษารถเกียร์ธรรมดา น่าจะมีภาระมากกว่าเกียร์ออโต้ด้วยซ้ำไป
ส่วนการซ่อมก็ถือว่าหนักไม่น้อยอยู่เหมือนกัน เอาแค่ชุดคลัตช์ก็ไม่ใช่เรื่องเบาๆ กระเป๋าแล้ว (ถ้าเป็นของแท้) และถ้าเป็นปัญหา ที่เกิดในห้องเกียร์จนถึงขั้นเกียร์ไหม้ เฟืองแตก เฟืองบิ่นด้วยแล้วหน้ามืดเอาง่ายๆ ทีเดียว ส่วนที่ว่า เกียร์ธรรมดา ขับสนุกกว่า เกียร์ อัตโนมัติก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะเกียร์อัตโนมัติในปัจจุบันมีการพัฒนาขึ้นมาก ทั้งความทนทาน ความสะดวกสบาย และพละกำลัง

ในเกียร์ธรรมดา ถ้าต้องการเปลี่ยนเกียร์ต้องเริ่มที่ผ่อนคันเร่ง เหยียบคลัตช์ ผลักคันเกียร์ ปล่อยคลัตช์ กดคันเร่ง แต่ในเกียร์ อัตโนมัติเหยียบแค่เร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันทั้งนั้น แต่ที่สำคัญก็คือ เมื่อใช้งาน แล้ว ต้องดูแลบำรุงรักษาให้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

การดูแลบำรุงรักษาก็ไม่มีอะไรมากมายนัก และไม่ต้องถึงกับต้อง ใช้ผู้เชี่ยวชาญชำนาญพิเศษ เริ่มกันที่การหมั่นตรวจตราดูระดับน้ำมัน ในห้องเกียร์ สำหรับรถในปัจจุบันที่เป็นรถเกียร์ธรรมดานั้น จะต้องรู้ ให้ได้ว่า น้ำมันเกียร์ที่ใช้ประจำห้องเกียร์นั้นเป็นน้ำมันเกรดใด เช่น บางรุ่นบางยี่ห้ออาจจะใช้น้ำมันเบอร์ 90 (SAE 90 W) และบางรุ่น บางยี่ห้ออาจจะถูกกำหนดให้ใช้เกรดเดียวกับน้ำมัน เครื่องยนต์ของรุ่น นั้นๆ
บางรุ่นบางยี่ห้ออาจจะถูกกำหนดให้ใช้น้ำมันเกรดเดียวกับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ต้องระวังให้ดี และจำให้แม่นๆ ถ้าไม่แน่ใจ ก็ควร จะติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ฝ่ายเทคนิคของรถยี่ห้อนั้นๆ โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อ อยากจะพูดว่า เติมน้ำมันผิดเกรดไม่ได้เลยครับ


รถเกียร์ธรรมดา ในการตรวจเช็คนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร โดยเฉพาะกับสุภาพสตรี เพราะจะต้องมุดเข้าไปตรวจดูใต้ท้องรถ ดังนั้น หากจะให้ง่ายก็ขอให้ขับรถเข้าปั๊มน้ำมัน ไปที่แผนกเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน เขาจะมี หลุม หรือมีลิฟต์ยกรถให้ช่างประจำที่นั้นตรวจเช็คให้ไม่เสียเวลาอะไร มากมาย
และเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วในขณะที่ตรวจเช็คระดับน้ำมันในห้องเกียร์ (ถ้าเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ต้องกำชับให้ตรวจเช็คในห้องเกียร์ เสริมด้วย) ก็น่าที่จะตรวจเช็คหาจุดรั่วซึมซึ่งก็มีไม่กี่จุด เช่น การรั่วซึมที่หน้าเกียร์ ถ้ามีการรั่วซึมจากจุดนี้ต้องพิจารณาให้ดีว่า เป็นน้ำมัน อะไร เพราะน้ำมันที่รั่วออกมาจากจุดนี้เป็นไปได้ 2 ชนิดด้วยกัน คือ น้ำมันเครื่องซึ่งจะรั่วออกมาจากทางซีลท้ายเครื่อง หรือ ที่ช่างเรียกกันว่า ซีลข้อเหวี่ยงหลังแต่ถ้าเป็นน้ำมันเกียร์จะรั่วออกมาจากจุดที่ช่างเรียกกันว่า ซีลหน้าเกียร์ การที่จะแยกแยะว่าเป็นน้ำมัน อะไรก็ต้องใช้ความเคยชิน เพราะน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ทั้งสี และกลิ่นจะไม่เหมือนกัน


ถ้ามีการรั่วซึมจากจุดนี้ และต้องการเปลี่ยนซีล เช่น ซีลท้ายเครื่องรั่วก็ควรจะเปลี่ยนซีลหน้าเกียร์ ด้วย แม้ว่าจะยังไม่รั่วก็ตาม เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเล็กน้อยดีกว่า มาเปลี่ยนทีหลัง ซึ่งจะต้องเริ่มนับหนึ่ง กันใหม่
จากนั้นก็ตรวจดูการรั่วซึมของชุดปั๊มคลัตช์ตัวล่าง โดยรูดเอายางกันฝุ่นออก ก็จะเห็นร่องรอย ของการรั่วซึม เมื่อตรวจตราทุกอย่างจากใต้ท้องรถ อาจจะมีซีลตัวเล็กๆ รอบๆ ห้องเกียร์อีก 2-3 ตัว ก็ตรวจหาพร้อมกันไปเลย และต้องไม่ลืมดูท่อหายใจ ตรวจหาสภาพการอุดตันด้วย

นอกนั้นก็เป็นเรื่องของการตรวจตราดูภายในห้องเครื่อง ที่แม่ปั๊มคลัตช์ตัวบน ตรวจหาร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำมันและตรวจ ดูระดับน้ำมันในกระป๋อง รวมทั้งคุณภาพของน้ำมันจากกลิ่นและสี
อย่างไรก็ตาม สำหรับรถที่ไม่มีการรั่วซึมแต่อย่างใด จำไว้ว่า ควรจะเปลี่ยนน้ำมันคลัตช์และน้ำมันเบรกปีละ 1 ครั้ง และควรจะ เปลี่ยนพร้อมๆ กันไป



อีกครั้งกับเทคนิคการขับรถยนต์ โดยใช้เกียร์ Auto ครับ เริ่มต้นที่การสตาร์ทเครื่องยนต์ ต้องผลักคันเกียร์ไปอยู่ที่ตำแหน่ง P ทุกครั้ง และควรเหยียบแป้นเบรกเอาไว้ด้วย เป็นการเสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อเครื่องยนต์ติดขึ้นมา ปล่อยให้เครื่องยนต์ เดินเบาสักหนึ่งนาที จากนั้นก็เหยียบเบรกเอาไว้ให้แน่น แล้วโยกคันเกียร์ไปที่ D เพื่อให้รถเคลื่อนเดินหน้า
จำเอาไว้ง่ายๆ ว่า หากต้องการเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่รถจอดนิ่งอยู่ ควรเหยียบเบรกทุกครั้ง เมื่อโยก คันเกียร์ เพื่อความปลอดภัย และเป็นการป้องกันการผิดพลาด ยกเว้นแต่ในคนขับรถ ที่คิดว่าตนเอง มีความ ชำนาญกับเกียร์อัตโนมัติเพียงพอ จนถึงขนาดเปลี่ยนจังหวะ อัตราทดเกียร์ด้วยการโยกคันเกียร์เอง ตาม ความพอใจขณะรถวิ่งอยู่
การขับรถเกียร์อัตโนมัติสำหรับมือใหม่หรือมือเก่าที่ขี้เกียจมากๆ อย่างผม หรือจะเรียกให้ถูกว่า ผู้ที่ต้องการใช้งาน ให้คุ้มค่า กับการจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้อความสบาย ผมแนะนำว่าเมื่อขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า ให้ใช้ที่ตำแหน่งเกียร์ D เพียงตำแหน่งเดียว ไม่ว่าจะ เป็นการเร่งแซงหรือไม่ก็ตาม ให้อยู่ในตำแหน่ง D แล้วฝึกหัดการใช้คันเร่งเป็นตัวช่วยลดอัตราทดของเกียร์ แบบที่เขาเรียกกันว่า "คิกดาวน์" แทนการโยกเกียร์
กล่าวคือ เมื่อจะเร่งแซง ก็ให้ถอนน้ำหนักการกดของเท้าที่เป็นคันเร่งออกมานิดหนึ่ง แล้วกดซ้ำลงไปอย่างรวดเร็ว รถจะมีอาการ คล้ายๆ กับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้ต่ำลงมา ที่นักขับรุ่นเก่าแต่ไม่ยอมแก่อย่างผมเรียกว่า "เชนจ์เกียร์" แต่ในรถยนต์บางยี่ห้อ ก็ใช้ วิธีกดแป้นคันเร่งลงไปเร็วๆ ให้จม ไม่ต้องถอนน้ำหนักเท้าออกมาก่อนก็มี ต้องศึกษาจากคู่มือดูครับ หรือจะลองด้วยตนเองก็ได้ ไม่เสีย หายแต่อย่างใดทั้งสิ้น แล้วฝึกให้ชิน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 510
       ส่วนในกรณีที่มีข้อถกเถียงกันจนโลกแตก ราวกับถามว่ายาบ้าระบาดนั้น เกิดจากผู้เสพของเมืองไทยมากขึ้น หรือเกิดจากผู้ผลิตในต่างแดนผลิตมากขึ้น นั่นคือคำถามที่ถามกันนักหนาว่า "ติดไฟแดงจะให้เปลี่ยนมาที่ N หรืออยู่ที่ D แล้วเหยียบเบรกดีครับ (คะ)"
ขอตอบเป็น 2 กรณีว่า 1. หากติดไฟแดงหรือจอดรถไม่นานนัก และประกอบกับปรับตั้ง รอบเดินเบา ของเครื่องยนต์ได้นิ่งดี ก็เหยียบเบรกแล้วปล่อยให้เกียร์อยู่ที่ D เถิดครับ เอาให้เหยียบเบรกแน่นๆ เท่านั้น ส่วนใครที่กลัวว่าจะเผลอเรอ ปล่อยให้รถไหล ไปชน คันหน้า ให้ดึงเบรกมือขึ้นมาช่วยอีกก็ได้
แต่หากจอดนานกว่านั้นค่อยโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N แล้วเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือเอาไว้ด้วย ไม่ต้องโยกไปจนถึงตำแหน่ง ของ P นะครับ ซื้อเกียร์อัตโนมัติมาทั้งที จะไปโยกไปโยกมาให้เมื่อยตุ้มทำไมก็ไม่รู้


--------------------จบข้อความCOPY
ผิดถูกอย่างไรชี้แนะด้วยครับ ...

แสดงความคิดเห็นย่อย